เวทมนตร์?
สกิลห้องสมุดของแม่มดขาวได้สกัดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ‘เวทมนตร์’ จากรูปภาพพวกนั้นบนสตาร์แกรมออกมา
และเมื่อมองดูเข้าไปใกล้ๆรูปพวกนั้นมันมีลวดลายแปลกๆที่มีรูปแบบอยู่บนเครื่องประดับพวกนั้นจริงๆด้วย
รูปแบบที่ฉันเองก็ไม่รู้จักเหมือนกัน
แต่ห้องสมุดของแม่มดขาวกลับรู้
…ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันสามารถที่จะค้นหาเวทมนตร์ได้
คิดๆดูแล้วฉันก็ไม่เคยได้เจอกับเวทมนตร์อื่นเลยตั้งแต่ที่ฉันได้ดูดกลืนสกิลนี้มา
เหล่าผู้ท้าชิงในโลกของอารัชก็มีความสามารถที่คล้ายคลึงกับพลังพิเศษบนโลกมากกว่าเวทมนตร์
แต่ถ้าฉันได้พบเจอกับเวทมนตร์ ห้องสมุดของแม่มดขาวนี้ก็น่าจะทำการค้นหาเวทมนตร์ได้เหมือนแบบนี้เช่นกัน
ไม่ใช่ว่านี้มันดียิ่งกว่าแรงค์ที่มันเป็นอีกงั้นหรอ?
ยิ่งฉันคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหรฉันก็ยิ่งเชื่อไม่ลงว่าสกิลห้องสมุดของแม่มดขาวนี้เป็นเพียงสกิลแรงค์ (F) มากเท่านั้น
“อะไรคือการแคร็กเวทมนตร์? แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าฉันลองทำมันดู”
“การแคร็กเวทมนตร์หมายถึงจากขุดค้นเข้าไปในระบบเวทมนตร์เพื่อทำการวิเคราะห์และทำความเข้าใจมัน”
“เยี่ยม…งั้นมาลองดูกัน”
หลังจากที่รอคอยมาหนึ่งนาที ข้อความก็ปรากฏขึ้น
[เกิดข้อผิดพลาดๆ]
[ตรวจพบสิ่งกีดขวางในระบบเวทมนตร์]
…ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นเพียงแค่รูปภาพนะ
ไม่ว่าจะในกรณีไหนก็ตามมันอาจจะเป็นไปได้ที่จะแคร็กมันในตอนที่ได้เจอตัวคนจริงๆ
[ทำการยืนยันแล้วว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์]
นี้ค่อนข้างจะน่าสนใจ
สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่เสริมความแข็งแกร่งและความว่องไวกลับถูกพบเจอที่โลก
ความจริงที่ว่าอาเรนซึ่งเป็นยอดมนุษย์นั้นสวมใส่สิ่งประดิษฐ์พวกนี้ถึงเป็นประเด็นแรกที่น่าสงสัย
มันสามารถบอกได้เลยว่าการมีสิ่งประดิษฐ์พวกนี้นั้นเทียบเท่ากับว่าคุณมีพลังพิเศษอีกอันเพิ่มขึ้นมา
ถ้ายอดมนุษย์แรงค์ S มีมันพวกเขาจะสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้ในการต่อสู้
แต่ถึงอย่างนั้นอาเรนก็เป็นเพียงแค่แรงค์ S ที่แข็งแกร่งเพียงแค่ระดับปานกลางเท่านั้นและเขาก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรที่พิเศษแตกต่างไปจากแรงค์ S คนอื่นๆเลย
ดังนั้นด้วยความช่วยเหล่าของสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้มันทำให้เขาสามารถที่จะปรับปรุงทักษะของเขาด้วยอย่างนั้นหรอ?
ประเด็นที่สองก็คือ
สิ่งประดิษฐ์พวกนี้มาจากที่ไหนกัน?
มันไม่ควรที่จะมีเวทมนตร์อยู่บนโลก
…แน่นอนว่านั้นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ฉันรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์บนโลก
ฉันไม่สามารถที่จะแน่ใจได้เลยว่ามันจริงหรือไม่
ตัวอย่างก็เช่นดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวเมื่อครั้งที่แล้วก็เป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์เหมือนกัน
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปโดยที่ไม่ใช้เวทมนตร์ก็ตามแต่ตั้งแต่แรกแล้วมันก็ไม่ใช่ว่าดันเจี้ยนทั้งหมดจะต้องเป็นแบบเดียวกันเสมอไป
สถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือสิ่งประดิษฐ์พวกนี้นั้นมาจากดันเจี้ยน
เพราะว่ามันก็มีข่าวลือต่างๆมากมาย
บางครั้งก็มีข่าวลือว่ามีวัตถุที่ระบุไม่ได้ถูกค้นพบภายในดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวหรือในดันเจี้ยนที่ไม่ปกติ
ประชาชนทั่วไปไม่ได้รู้ว่า วัตถุพวกนี้ถูกเรียกว่า ‘เครื่องราง’ โดยเหล่าฮันเตอร์ผ่านศึกทั้งหลายเพราะว่ามันทำให้พวกเขาสามารถใช้ความสามารถลึกลับที่คล้ายกับพลังพิเศษได้
พวกมันส่วนมากมักไร้ประโยชน์แต่กลับมีบางส่วนที่หาได้ยากเป็นอย่างมากที่บางอันก็ทำให้สามารถผู้ที่ครอบครองยิงสายฟ้าออกมาได้ บางก็ทำให้มองเป็นไปไกลอย่างน่าเหลือเชื่อ หรือบางอันก็ทำให้ร่างกายของผู้ครอบครองกลับมาสะอาดในทันที
ฉันไม่เคยเห็นพวกมันกับตาตัวเองมาก่อนเลยสักอัน ดังนั้นฉันไม่เคยเก็บเรื่องสิ่งประดิษฐ์พวกนี้มาคิดแต่การที่ได้มาเจอพวกมันในตอนนี้มันดูเหมือนกับว่าเครื่องรางทั้งหมดนั้นจะเป็นแค่สิ่งประดิษฐ์ที่มาจากดันเจี้ยนเวทมนตร์
นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยที่อาจจะกลายเป็นปัญญาใหญ่ได้
เพราะว่าในปัจจุบันไม่มีองค์กรบนโลกที่มีหน้าที่จัดการกับสิ่งประดิษฐ์พวกนี้
แต่ถ้ามันมีหละก็ฉันจะต้องซ่อนการมีตัวตนอยู่ของเวทมนตร์ที่ฉันมีเอาไว้
นั้นก็เพราะว่าเพียงแค่เรื่องที่ว่าฉันยังคงอ่อนแอเกินไปที่จะปกป้องความลับของตนเองอย่างเดียวเลย
พูดตรงๆเลยก็คือฉันจะตกอยู่ในสถานการที่เลวร้ายถ้ายอดมนุษย์แรงค์ A ซุ่มโจมตีฉันในตอนนี้
และสิ่งประดิษฐ์พวกนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นของระดับต่ำ
สิ่งประดิษฐ์ของอาเรนนั้นด้อยว่าเวทมนตร๋ในห้องสมุดของแม่มดขาวเป็นเป็นอย่างมาก
ดังนั้นอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็ได้เข้ามาในใจฉัน
ในสถาบันเวทมนตร์วิเวียนด้าและห้องสมุดของแม่มดขาวนั้นไม่มีเวทย์ ‘เสริมแกร่ง’ ให้กับร่างกาย
[เวทมนตร์ที่ใช้ในการเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายถือเป็นสิ่งต้องห้ามร้ายแรง]
[ถ้าเวทมนตร์นั้นถูกร่ายลงไปบนร่างกายของมนุษย์เพื่อบังคับให้ความสามารถของพวกเขานั้นแข็งแกร่งขึ้น มันจะมีผลข้างเคียงที่ตามมา]
“ผลข้างเคียงงั้นหรอ?”
[แก่เร็วขึ้น,เส้นประสาทหรือกล้ามเนื้อถูกทำลาย และในอีกหลายๆกรณีที่ร่างของคนพวกนั้นจะแยกออกจากกัน]
บ้าไปแล้ว
คำอธิบายของห้องสมุดของแม่มดขาวมันอธิบายไว้ว่ามันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายของใครก็ตามด้วยเวทมนตร์ต้องห้าม
แต่อย่างไรก็ตามมันกลับเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมากที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายโดยหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ตามมา
ถ้าอาเรนกำลังใช้งานสิ่งประดิษฐ์พวกนั้นอยู่จริงๆหละก็….
…มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่บางสิ่งที่เลวร้ายจะเกิดขึ้นกับเขา
ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อยก่อนที่จะปิดโซเชียลมีเดียของอาเรนลง
ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องไปแก้ใขปัญหาให้กับไอ้คนสารเลวที่ดูถูกเหยียดหยามฉันในอดีต
วางมือถือของฉันลงฉันได้เปิดใช้งานสกิลห้องสมุดของแม่มดขาว
ชั้นหนังสือจำนวนนับมากที่เต็มไปด้วยหนังสือที่เรียงรายอยู่นับไม่ถ้วนภายในปรากฏขึ้นมาตรงหน้าฉันอย่างชัดเจน
มองไปที่ชั้นพวกนั้นก็เป็นไปดังคากที่ว่าหนังสือเกี่ยวกับเรื่อง ‘การเสริมความแข็งแกร่งร่างกาย’ นั้นถูกแยกเอาไว้ในหมวดหมู่ของ ‘เวทมนตร์ต้องห้าม’
ตามจริงแล้วด้วยการที่ฉันเองก็เป็นฮันเตอร์ ฉันจึงมักจะดูแลร่ายกายของตนเองอย่างเหมาะสมและไม่ต้องการที่จะทำสิ่งได้ก็ตามที่อาจจะทำให้มันส่งผลต่อความผิดพลาดในการล่าเกิดขึ้น
ถ้าฉันจะทำอะไรสักอย่างที่แบบนี้ ฉันคงจะฉีดพวกยาบางอย่างเข้าสู่ร่างกายของตนเองเพื่อให้ได้รับพลังพิเศษและคงมานาเป็นพิษไปเรียบร้อยแล้ว
นอกจากหนังสือที่ว่าแล้วห้องสมุดของแม่มดขาวก็ยังมีหนังสืออีกมากมายที่คุ้มค่าที่จะเรียนพวกมัน
มันมีความรู้มากมายที่นี้มันมากยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้ในตอนแรกซะอีก
ถึงแม้ว่าห้องสมุดนี้จะมีขนาดเทียบเท่ากับแค่ห้องสมุดชุมชนก็ตามมันจะยังมีความสมบูรณ์ในทุกๆด้าน
ฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือทุกๆเล่มที่นี้แต่ฉันก็ได้เรียนรู้มันในช่วงเวลาว่างของฉันเองในตอนที่อยู่ในโลกของอารัช
มันยังมีบางส่วนที่ฉันยังไม่ได้ตรวจสอบดูดังนั้นฉันมองผ่านไปยังชั้นหนังสือเหล่านี้ที่ละอัน
เพียงแค่มองไปที่ชื่อของหนังสือพวกนี้ก็ทำให้ฉันตาลายแล้ว…
…นั้นอะไรนะ?
ประตูสีขาวได้ปรากฎขึ้นมา
เป็นประตูซี่งมองเห็นได้อย่างชัดเจนซึ่งลอยอยู่กลายอากาศและแม้มันจะมีลูกบิดประตูอยู่ด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ราวกับว่ามันกำลังต่อต้านฉันจากการเปิดมัน
ราวกับผีเสื้อที่ถูกล่อล่วงไปโดยดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม ฉันได้ไปถึงประตูนั้นโดยที่ไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเองเสียงที่แหลมคมก็ดังขึ้นในหัวของฉัน
[คำเตือน! คำเตือน! ผลลัพธ์ของการผ่านไปสู่ห้องสมุดของแม่มดขาว (E) คือ ‘การกลายเป็นแม่มด’]
…อะไรนะ?
ด้วยความช็อคไปชั่วขณะหนึ่ง ฉันถึงกับก้าวถอยหลังไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
ยังดีที่ตัวของห้องสมุดเองนั้นเป็นเหมือนกับภาพลวงตาที่มีเพียงแค่ฉันที่สามารถมองเห็นมันได้เท่านั้นดังนั้นตำแหน่งต่างๆของห้องสมุดนี้จะติดตามสายตาของฉันไปด้วย
“การกลายเป็นแม่มด? นั้นมันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
[การกลายเป็นแม่มดอ้างอิงถึงการที่จิตใจและร่างกายของคุณกำลังเปลี่ยนสภาพไปสู่ตัวตนดังเช่นแม่มด]
เวรเอ้ย?
ถ้านั้นเป็นความจริงหละก็อารมณ์ความรู้สึกของฉันจะต้องถูกลบออกไปเพื่อที่จะได้มีตัวตนเหมือนดังเช่นแม่มดขาวสินะ
มองในทางกลับกัน ฉันอาจจะกลายมาเป็นเผ่าพันธุ์ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างอิสระเหมือนกับเหล่าแม่มดทั้งหลายแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่นับเป็นแม้กระทั้งตัวเลือกด้วยซ้ำถ้าหากว่าฉันต้องสูญเสียอารมณ์ความรู้สึกของตนเองไป
และมันไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นของการทำเช่นนั้นจะมีผลข้างเคียงเช่นไร
ณ ตอนนี้สกิลนี้ยังเป็นเพียงแค่แรงค์ F แต่ประตูนั้นหมายความว่าสกิลนี้สามารถที่จะเติบโตได้
มันก็มีข้อมูลที่ใช้จัดการกับสิ่งต่างๆอยู่อย่างเพียบพร้อมแล้วในฟังก์ชันของแรงค์ F งั้นแล้วแรงค์ E หละ?
“มันมีทางที่จะเข้าสู่แรงค์ E โดยที่ไม่ต้องกลายเป็นแม่มดบ้างหรือป่าว?”
[ในเรื่องนั้นมันควรที่จะไม่มีปัญหาอะไรถ้าหากว่าคุณมีความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายและจิตใจที่สามารถทนทานต่อความรู้ของแม่มดแรงค์ E ได้]
โอ้ว…?
มันดูคลุมเครืออยู่บ้างแต่อย่างน้อยมันก็ยังเป็นไปได้ที่จะป้องกันมัน
……………………………………………………..
เทเลอร์ไนน์มองไปที่โซนก่อสร้างที่พังไปแล้วลงมาด้วยความรำคาญใจ
“ไอ้พวกบัดซบนี้”
ภารกิจของเธอในครั้งนี้คือต้องจัดการกับวายร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในชัมชิล
ในยุคนี้ซึ่งเป็นยุคที่ยอดมนุษย์ได้กลายมาเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในสังคมแล้วมันก็ไม่ได้หมายความว่ายอดมนุษย์ทั้งหมดจะต้องกลายเป็นฮันเตอร์
มันค่อนข้างที่ไปอีกด้านหนึ่งซะมากกว่าหากมองดูจากจำนวนสถิติที่ว่ามีจำนวนอาชญากรยอดมนุษย์มากกว่าฮันเตอร์
นั้นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงได้ต้องมีเหล่าฮันเตอร์ที่มีความชำนาญเป็นพิเศษในการจัดการกับวายร้ายพวกนี้และพวกเขาเหล่านี้จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ ‘ฮันเตอร์สายปราบปราม’ แทน ‘ฮันเตอร์สายล่ามอนสเตอร์’
เทเลอร์ค่อนข้างที่จะพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่ว่าเธอล่าได้ทั้งมอนสเตอร์และวายร้าย
จริงๆแล้วมันไม่ได้มีเหตุผลที่ลึกซึ่งอะไรสำหรับการที่เธอได้เลือกแบบนี้เลยมันก็แค่ว่าการทำแบบนี้มันนับว่าเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับการหาเงินให้กับตัวเธอเอง
และแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้สึกเต็มใจที่จะต้องฆ่าคนก็ตาม
เลือดได้หยดลงมาจากแท่งเหล็กในขณะที่มันถูกไม้เบสบอลของเทเลอร์ผลักมันออกไป
ความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายของเธอนั้นเท่ากับของหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่โดยทั่วไปแต่มันนับเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปถ้าหากว่ารวมไอ้เจ้า ‘แสง’ ที่อยู่บนไม้เบสบอลของเธอเข้าไปด้วย
แท่งเหล็กกระเด็นออกไปราวกับโดนแรงระเบิดเข้าปะทะพร้อมกับเกิดเสียงดังสะนั้น
ปัง!
ด้วยความที่เธอเป็นฮันเตอร์แรงค์ s เทเลอร์สามารถที่จะจัดการกับวายร้ายเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายโดยที่ปราศจากรอยขีดข่วนใดๆ
แต่อย่างไรก็ตามมันกับกลายมาเป็นปัญหาเมื่อวายร้ายเหล่านี้นั้นเริ่มที่จะหวาดกลัวพลังของเธอและทำลายโซนก่อสร้างนี้ด้วยพลังของพวกมัน
ค่าใช้จ่ายจากความเสียหายทั้งหมดนี้จะถูกหักออกจากค่าคอมมิชชั่นของเธอ
แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว
เธอจะไปทำอะไรได้อีกหละ?
เธอเอาโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาแล้วถ่ายภาพบางส่วนเอาไว้เป็นหลักฐานการส่งมอบภารกิจแล้วถอนหายใจออกมาอย่างแรงจากนั้นเดินเข้าไปในโซนก่อสร้าง
โซนก่อสร้างนี้ได้ถูกระงับการก่อสร้างไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแต่เหตุผลที่ว่าทำไมสิ่งที่ก่อสร้างเหล่านี้ถึงได้ถูกทิ้งไว้โดยที่ไม่มีใครมาแตะต้องเลยทั้งที่สร้างเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งและยังไม่ถูกรื้อถอนไปนั้นเป็นเพราะว่ามีกลุ่มที่เรียกกันว่า ‘พวกแก๊ง’ กำลังยึดครองที่นี้อยู่
ค้นหาทางที่นำไปสู่ชั้นใต้ดินเธอฟาดไปที่ประตูขนาดใหญ่ที่กำลังขวางทางของเธออยู่ด้วยลูกบอกพลังงานทรงกลมของเธอและปัดเศษซากที่ถูกทำลายออกไป
แล้วเมื่อฝุ่นได้จางลงเธอได้เห็นคนหลายสิบคนที่ถูกผูกไว้กับโซ่จำนวนมาก
ชัมชิลและพื้นที่โดยรอบถูกปกครองโดยพวกแก๊งเหล่านี้
พวกแก๊งเหล่านี้มีอิทธิพลมากพอที่จะติดต่อกับเหล่านักการเมือง,บริษัทต่างๆและแม้กระทั้งตำรวจจำนวนมากในเขตพื้นที่กรุงโซลแต่ในท้ายที่สุดคนพวกนี้ก็ถูกจัดการโดยวายร้ายที่เธอพึ่งจะจัดการไป
‘พวกเขาไม่ใช่พวกแก๊งอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเหมือนกับพวกนักการเมืองแทน’
เห็นได้ชัดว่าในตอนที่เหล่าวายร้ายพวกนี้นั้นพยายามที่จะครอบครองพื้นที่บริเวณนี้ พวกแก๊งทั้งหลายที่มีผลประโยชน์ของตนเองอยู่ในนี้ได้ตัดสินใจที่จะปกป้องชัมชิลและต่อสู้กับพวกยอดมนุษย์เหล่านั้น…
และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือว่าความยุ่งเหยิงจำนวนมากดังที่เห็น
เทเลอร์แก้มัดให้กับชายที่มีสภาพดูดีที่สุดในนี้แล้วตบไปที่หลับของเขาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดว่า
“เฮ้ ไอ้พวกลูกหมานี้ สลายแก๊งไปซะแล้วก็ปลดเชือกให้กับพวกเพื่อนของแกเองด้วยหละ”
“ค-ครับ! ขอบคุณครับ”
ส่วนสุดท้ายของภารกิจพวกนี้มักจะทำให้เทเลอร์รู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอดังนั้นเธอเลยเดินออกมา
ออกมากจากชั้นใต้ดินที่สกปรกและเหม็นอับ อากาศที่แสนสดชื่นของเมืองกรุงก็มาต้องรับเธอในทันที
เธอต้องการที่จะสูบบุหรี่สักมวนแต่ไม่สามารถที่จะทำมันในเขตเมืองได้ดังนั้นเธอเลยมักจะพกลูกอมติดตัวเป็นประจำจนเป็นนิสัยไปแล้ว
ส่วนอีกเหตุผลก็คือเพราะว่ายูซอดัมนั้นดูแลร่างกายของเขาอย่างดีและมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจที่จะสูบมันข้างเขา
มันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอมักจะพกลูกอมไปด้วยเพื่อที่จะได้หยุดตัวเธอเองจากการสูบบุหรี่ถึงแม้ว่าเธอจะยังคงดื่มอยู่ก็ตาม
เทเลอร์ที่ในตอนนี้กำลังนั่งลงอย่างเกียจคร้านที่ป้ายรถเมล์และหาวออกมา สังเกตเห็นว่ามีใครบางคนที่กำลังหันโทรศัพท์ของพวกเขามาทางที่เธออยู่
เป็นพวกคนบ้าๆที่พยายามที่จะถ่ายรูปเธอแบบลับๆ
“นี้มันไม่มีสิทธิความเป็นส่วนตัวในประเทศนี้กันเลยหรือไงนะ?”
เทเลอร์ไม่พลาดจังหวะที่จะยกนิ้วกลางของเธอไปทางกล้องนั้น
เธอเหนื่อยกับเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นในวันนี้มามากพอแล้ว
ภารกิจของเธอเสร็จสมบูรณ์ดังนั้นเธอจึงหยิบมือถือของตนขึ้นมารายงานและในขณะที่กำลังพิมพ์อยู่ก็เหลือบไปเห็นว่ามีข้อความเข้ามาจากยูซอดัมคนที่หายตัวไปในช่างเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา
[ยูซอดัม : ฉันกลับมาแล้ว]
มองไปที่ข้อความนั้น เทเลอร์ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
‘ไอ้เจ้าคนเหลวแหลกนี้ นายฟังมันด้วยซินะ’
[เทเลอร์ไนน์ : นายอยู่ที่ไหน?]
[ยูซอดัม : ฉันยังอยู่ที่บ้านอยู่เลย]
[ยูซอดัม : แต่ว่ากำลังจะออกไปที่ชัมชิลในเร็วๆนี้]
[เทเลอร์ไนน์ : ชัมชิล?]
เธอยกหัวของตัวเองขึ้นอย่างในทันที
สนามกีฬาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงมุมของสายตาเธอ
ก่อนหน้าที่มันจะเกิดเหตุการณ์เมื่อ 30 ปีที่แล้วขึ้นสถานที่แห่งนี้มีชื่อเรียกว่าศูนย์กีฬาชัมชิลแต่ว่าตั้งแต่เหตุการณ์นั้นมามันก็ได้ถูกออกแบบใหม่ให้กลายเป็นสถานที่ฝึกอบรมสำหรับยอดมนุษย์
และในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ‘งานอภิปรายวิชาดาบนานาชาติ’ ก็จะถูกจัดขึ้นที่นี้
[เทเลอร์ไนน์ : กลับมาคิดๆดูแล้ว นายกำลังจะเข้าร่วมในงานอภิปรายวิชาดาบในครั้งนี้ด้วยใช่ไหม?]
[ยูซอดัม : อ่าหะ ใช่แล้ว]
ชัดเจนเลยว่าด้วยความที่เขาเป็นอาจารย์ของเซเลสเต้ทำให้เขามีคุณสมบัติที่เพียงพอแล้วอย่างแน่นอน
เมื่อเทเลอร์ได้เห็นคำตอบของเขา เธอยิ้มออกมาและตอบกลับไป
[เทเลอร์ : โอเค ฉันก็ด้วย]
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีความสนใจในวิชาดาบจริงๆก็ตาม แต่ทันใดนั้นเธอกลับคิดขึ้นมาได้ว่ามันคงไม่ได้แย่นักที่จะเข้าร่วมงานในครั้งนี้ในขณะที่เธอลุกขึ้นและมุ่งตรงไปที่สนามกีฬาชัมชิล