เฟิงจิ่งเหยาอาบน้ำเสร็จออกมา เห็นหญิงตัวเล็กบนเตียงยังคงสีหน้าบึ้งตึง ก็อมยิ้มเดินเข้าไป
“ตอนนี้ไม่มีกลิ่นแล้วใช่ไหม?”
เขาพูดจบ ก็เข้าไปใกล้ๆกู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดของเขา ก็เหมือนสุนัขตัวน้อย ดมกลิ่นบนตัวเขา
เห็นว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่มีกลิ่นที่รุนแรงนั้นแล้ว กลับเป็นกลิ่นหอมสดชื่นหลังอาบน้ำ
“พอใช้ได้”
เธอทำเสียงพึมพำ แล้วกำลังจากห่างออก
จู่ๆเอวก็ถูกรัดแน่น ติดหนึบ ทั้งตัวเธอก็โผเข้าไปในอ้อมกอดของเฟิงจิ่งเหยา
สัมผัสที่อบอุ่นนั้น และการเต้นของหัวใจที่ทรงพลังข้างๆหู ทำให้เธอใจสั่นขึ้นมา อุณหภูมิบนใบหน้ายิ่งสูงขึ้น ตาเปล่าก็มองเห็นเป็นสีชมพูขึ้นมา เหมือนกุ้งต้มสุก
“ยังบอกว่าไม่หึง กลิ่นความหึงนี่ตลบอบอวนไปทั้งห้องแล้ว”
เขาพูดเบาๆข้างๆหูเธอ
กู้ฉางฉิงสะท้าน สติคิ่ยๆกลับมาก็คิดจะดิ้นรนโต้แย้ง แต่ยังไม่ทันได้พูด ก็ถูกผู้ชายตรงหน้ากุมสองริมฝีปากไว้
การจูบอย่างอาลัยรักทำให้สติของกู้ฉางฉิงฟุ้งซ่าน
เธอจับเสื้อผ้าของเฟิงจิ่งเหยาโดยสัญชาตญาณ
ก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ทั้งสองจึงแยกจากกันอย่างหายใจเหนื่อยหอบ
เฟิงจิ่งเหยาต้องการจะก้าวไปขั้นต่อไป แต่กู้ฉางฉิงได้สัมผัสถึงอากาศเย็นๆ ก็ได้สติขึ้นมาก
เธอขัดขวางเฟิงจิ่งเหยาที่ต้องการจะทำอะไรไม่ดี พูดอย่างหอบเหนื่อยนิดๆว่า “เดี๋ยว”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินก็มองคนตรงหน้า
เวลานี้เขาได้สติเล็กน้อยแล้ว
สายตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนของเขามองคนข้างๆอย่างหยาดเยิ้ม
ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาจะหื่นกระหายได้ขนาดนี้
ต้องรู้ว่าเริ่มแรก เขายอมรับผู้หญิงคนนี้ด้วยจุดประสงค์ที่จะให้กำเนิดลูก แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ ทำให้เขาไม่สามารถหยุดได้ คล้ายกับตราตรึงอยู่ในใจ
“ทำไมหรอ?”
เขาเก็บอารมณ์ แล้วถามกู้ฉางฉิงเบาๆ
กู้ฉางฉิงให้เขาจูบเสร็จ จึงเอ่ยถามเรื่องที่ตนเองสงสัย
“งั้นเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น? มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า?”
แม้ว่าในตอนแรกเธอเห็นผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจมากก็ตาม โดยเฉพาะเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ปฏิเสธการเข้าใกล้ของผู้หญิงคนนั้น ทำให้เธออดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้
แต่แล้วการกระทำของเฟิงจิงเหยาทำให้เธอละทิ้งความคิดนี้
อีกอย่างเธอก็เข้าใจเฟิงจิ่งเหยาดี เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพอใจผู้หญิงเช่นนั้น
และความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ เพียงแต่ว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่อยากจะยอมรับมันเร็วขนาดนี้
ถึงแม้ว่ากู้ฉางฉิงจะพยายามแย้งว่าไม่ได้หึงหวงตน แต่เขายังรู้ว่าเธอปากไม่ตรงกับใจ
“คุณคงไม่ได้รู้สึกว่าจู่ๆฉันจะสนใจเธอขึ้นมาใช่ไหม?”
เขาอดถามอย่างหยอกล้อไม่ได้ เปลี่ยนให้กู้ฉางฉิงแสดงออกอย่างเย่อหยิ่ง
“เป็นไปไม่ได้”
เธอปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด : “ถ้าไม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับฉัน ก็เกรงว่าคุณจะไม่สนใจใครเลย”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยิน ก็สะอึกทันที
หลังจากนั้นไม่นาน เขาจึงตอบกลับว่า : “งั้นผู้หญิงคนนั้นน่าจะไม่ธรรมดา”
กู้ฉางฉิงมองเขาอย่างสงสัย
“ฉันสงสัยว่าเธอถูกคนส่งมาจากบางองกรณ์”
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป ถามอย่างไม่เข้าใจทันทีว่า : “คุณมองออกได้อย่างไร?”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ฉันไม่เคยสัมผัสกับเสน่ห์ของผู้หญิงมาก่อน นี่เป็นเรื่องที่รู้กันดี แต่ผู้หญิงคนนี้ฉันไล่ไปครั้งหนึ่งก็ยังกระตือรือร้นที่จะเข้าใกล้ ไม่มีแผนการก็เป็นไปไม่ได้”
กู้ฉางฉิงฟังจบก็รู้สึกว่ามีเหตุผล พอดีกับที่เธอกำลังคิดอยู่ เฟิงจิ่งเหยาก็พูดต่อว่า
“อีกอย่าง ผู้หญิงธรรมดาๆ ได้ประโยชน์ล่อตาล่อใจก็จะซาบซึ้งในบุญคุณ แต่ผู้หญิงคนนี้ตามมาถึงที่บ้าน ไม่เพียงแต่ใจกล้า ยังมีแผนการมากมายอย่างแน่นอน”
กู้ฉางฉิงฟังจบ ก็ขมวดคิ้วแน่น ในแววตามีความกังวล
“ถ้าเป็นเช่นนี้ มันไม่อันตรายต่อคนในบ้านมากหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาหรี่ตา ดูเหมือนว่าคิดอะไรอยู่
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้จึงกล่าวว่า: “อีกอย่างคนที่ไม่จงรักภักดีแบบนี้อยู่ข้างกาย มันไม่แย่มากเลยหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาฟังออกถึงความเป็นกังวลในน้ำเสียงของเธอ ก็ยิ้มๆอย่างไม่ใส่ใจ
“วางใจ ฉันมีน้ำหนักความสำคัญในการปฏิบัติ”
กู้ฉางฉิงเห็นเขามีแผนการ ท่าทางไม่อยากพูดมาก ก็ไม่ถามให้มากอีก
“โอเค งั้นคุณก็ระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย ต้องการความร่วมมือจากฉันก็แจ้งล่วงหน้ามาได้”
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า ก้มหน้ามองผู้หญิงตัวเล็กๆที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง ก็หัวเราะเบาๆ
ขณะที่กู้ฉางฉิงยังไม่ได้ตอบสนอง ทันใดก็ล้มตัวลง เธอถูกกดลงบนที่นอนทาทามิ
“ตอนนี้สามารถต่อได้หรือยัง?”
เฟิงจิ่งเหยายิ้มมุมปากเล็กน้อย
กู้ฉางฉิงมองเขาอย่างชะงักงัน ภายใต้ใบหน้าที่หล่อเหลายั่วยวนของเขา ก็จับพลัดจับผลูพยักหน้าไป
เหลวไหลตลอดทั้งคืน
……
วันต่อมา กู้ฉางฉิงตื่นขึ้นมาด้วยความปวดเมื่อยไปทั้งตัว คนข้างๆหายไปแล้ว
เธอก็ไม่ได้สนใจ ลงจากเตียงไปอาบน้ำแล้วจะไปรับประทานอาหาร
ชั้นล่าง มั่วหลีเห็นกู้ฉางฉิงที่เดินกรีดกรายลงมา ในสายตาก็อิจฉา
เห็นผิวหนังของกู้ฉางฉิงที่เผยออกมาเต็มไปด้วยร่องรอย ไม่ยากที่จะจินตนาการว่าเมื่อคืนนี้ผู้หญิงคนนี้พัวพันคุณผู้ชายของเธออย่างไร
แน่นอนว่ากู้ฉางฉิงเห็นสายตาที่เยือกเย็นของเธอ แต่เธอก็ชินซะแล้ว เลยไม่ได้ใส่ใจ
เธอเดินมุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหาร รับประทานอาหารไปพลางดูข่าวเรียลไทม์บนมือถือไปพลาง
เห็นหัวข้อข่าววันนี้คือคลับเฮาส์แห่งหนังทีมีส่วนพัวพันกับสื่อลากมกอนาจารถูกรายงานต่อทางการ ถูกปิดตรวจสอบเมื่อคืนที่ผ่านมา
ในสถานที่เกิดเหตุจับคนได้จำนวนไม่น้อย แน่นอนว่าหนีไปได้ก็ไม่น้อย ในจำนวนนั้นบางคนยังต่อสู้กับตำรวจ ขณะนี้ทางฝ่ายตำรวจกำลังประกาศจับคนเหล่านั้น
กู้ฉางฉิงเพียงแค่ดู แล้วก็ไม่ได้สนใจ
เธอรับประทานอาหารเสร็จ ก็ขึ้นชั้นบนไป วางแผนที่จะชดเชยกับงานที่ทำทิ้งไว้ก่อนหน้านี้
มั่วหลีเห็นภาพด้านหลังเธอจากไป ก็ร้องเชอะอย่างเย็นชาแล้วก็ลุกขึ้นจากไป
แต่เธอกลับถึงห้องก็ติดต่อเฟิงจิ่งเหยา
“คุณผู้ชาย เมื่อกี้คนของพวกเราส่งข่าวมา คนเหล่านั้นที่ทำร้ายตำรวจเมื่อคืนมั่นใจว่าเป็นคนของประเทศที่เป็นเกาะ พวกเราล็อคสถานที่ที่พวกเขาหยุดพักล่าสุดแล้ว”
เฟิงจิ่งเหยาฟังถึงคำพูดนี้ ก็เคาะนิ้วมือไปบนโต๊ะ
นานมากเขาจึงส่งเสียงอันเยือกเย็นออกมา “เบี่ยงเบนสายตาของตำรวจ คุณพาคนไปจับคนเหล่านั้น จำเป็นต้องจับเป็น”
มั่วหลีพยักหน้าแล้ววางสาย
เฟิงจิ่งเหยาเล่นมือถือที่วางสายไปแล้ว ในสายตาเต็มไปด้วยแผนการ
……
คืนวันเดียวกัน เกิดเหตุการณ์ยิงกันเองในคาสิโนใต้ดินในเมืองเก่า
พอตำรวจจราจรรีบเข้าไป มั่วหลีก็ให้คนที่จัดการศพดีแล้วจึงออกไปให้พ้นเขตอันตราย
แต่เธอยังได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนจากเหตุยิงกันครั้งนี้
……
วันต่อมา เฟิงจิ่งเหยาก็ได้รับข่าว
เขาลุกขึ้นจากเตียง กู้ฉางฉิงก็ถูกทำให้ตกใจตื่น
“เกิดอะไรขึ้น?”
เธอกล่าวถามอย่างสะลึมสะลือ
“มั่วหลีได้รับบาดเจ็บ ฉันจะเข้าไปดูหน่อย”
เฟิงจิ่งเหยาสวมเสื้อผ้าไปพลางตอบกลับไปพลาง
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ ความง่วงในสายตาก็หายไปทันที
“บาดเจ็บได้ยังไง? คนไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ถึงแม้ว่ามั่วหลีจะรู้สึกแย่กับเธอ แต่สุดท้ายก็ยังเป็นลูกน้องของเฟิงจิ่งเหยา เธอก็ยังต้องเป็นห่วง
“คนไม่เป็นไร แต่ต้องนอนโรงพยาบาลสังเกตการณ์สองสามวัน”
เฟิงจิ่งเหยาตอบกลับ กู้ฉางฉิงคิดๆแล้วก็กล่างเสนอความคิดเห็น: “ฉันไปเยี่ยมกับคุณด้วยนะ”
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้คัดค้าน
รอกู้ฉางฉิงแต่งตัวเสร็จ คนทั้งสองก็นั่งรถไปโรงพยาบาลเอกชนภายใต้การบริหารของเฟิงซื่อกรุ๊ป