ทั้งสองคนมาถึงโรงพยาบาล ไปที่ห้องผู้ป่วยภายใต้การแนะนำของพยาบาล
“คุณผู้ชาย”
มั่วหลีกำลังได้รับการตรวจจากหมออยู่พอดี สายตาชำเลืองไปเห็นบุคคลที่คุ้นเคยตรงหน้าประตู ก็เรียกออกมาด้วยความดีใจทันที
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้าอย่างเย็นชา เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย : “อาการเป็นยังไงบ้าง?”
มั่วหลีได้ฟังความเป็นห่วงของเขา รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้น
แต่ก่อนที่เธอจะตอบกลับ รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งทื่อทันที
เพราะเธอเห็นกู้ฉางฉิงเดินออกมาจากข้างหลังเฟิงจิ่งเหยา
“คุณมาทำอะไร?”
แทบจะขับไล่โดยจิตใต้สำนึก ทำให้เธอมองเฟิงจิ่งเหยิย่างไม่พอใจมาก
“ได้ยินว่าคุณได้รับบาดเจ็บ ก็เลยมาดูคุณหน่อย”
กู้ฉางฉิงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับความไม่พอใจในน้ำเสียงของเธอ
แต่เฟิงจิ่งเหยาข้างๆเธ กลับขมวดคิ้วขึ้นมา
มั่วหลีเห็นเช่นนั้น ใจก็รู้ได้ถึงปฏิกิริยาตอบกลับเมื่อกี้นี้ จึงรีบปกปิด
“ใช่สิ คุณผู้ชาย ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ”
เธอพูดจบ ก็มองกู้ฉางฉิง เหมือนไม่กล้าพูดต่อหน้ากู้ฉางฉิง
เฟิงจิ่งเหยาชำเลืองมองเธอ พูดน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ไม่เป็นไร คนกันเอง”
มั่วหลีเห็นเช่นนี้ ในใจอึดอัดเล็กน้อย แต่ยังคงพูดออกมา
“เมื่อคืนที่เราไปจับคน เพราะการโจมตีอย่างรวดร็ว ทำให้คนเหล่านั้นรับมือไม่ทัน คนส่วนใหญ่ถูกจับแล้ว เพียงแต่มีคนหนึ่งที่หลบหนีไปได้”
เฟิงจิ่งเหยาหรี่ตา : “มีคนตามไปไหม?”
มั่วหลีพยักหน้า : “มี เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ไดรับข่าวเลย ฉันกังวลว่าเขาจะซ่อนตัว แล้วจะหวนกลับมาอีก”
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้าแล้วครุ่นคิด : “ฉันจะให้คนระวังไว้ คุณดูแลแผลก่อนเถอะ”
……
และมนเวลานี้ ทางด้านเจียวหนูนี้ก็ได้รับข่าวจากลูกน้อง
“คาดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ แป๊ปเดียวก็กำจัดไปหนึ่งองกรณ์แล้ว”
เธอนั่งมือเท้าหัวอยู่บนเก้าอี้ยาว พูดในความคิดออกมา
แต่ลูกน้องสองสามคนข้างๆเธอได้ฟังคำนี้ ในแววตาเต็มไปด้วยความกังวล
“เจ้านาย ความคิดของเฟิงจิ่งเหยานี้แปลกประหลาด มีกลอุบายที่โหดเหี้ยม คุณอยู่ข้างๆเขาเกรงว่าจะอันตรายอย่างมาก”
“ใช่ เจ้านาย เราเข้าหาวิธีอื่นไม่ดีกว่าหรอ”
ลูกน้องสองสามคนพูดโน้มน้าว เจียวหนูจ้องมองพวกเขาโดยไม่พูดอะไร
ลูกน้องอีกคนหนึ่งพูดการคาดเดาของตนเองออกมา
“แต่เฟิงจิ่งเหยาผู้นี้ปฏิเสธการเข้าหาของผู้หญิงมาโดยตลอด กลับกันก็ไม่ได้ทำห่างเหินกับเจ้านาย ฉันกลัวว่าเขาจะพบอะไรบางอย่าง”
เจียวหนูได้ฟังคำนี้ ก็หัวเราะออกมาอย่างเย่อหยิ่ง
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “การลอบสังหารในหลายปีมานี้ ฉันเคยล้มเหลวด้วยหรอ? ครั้งนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น สัตว์ที่คิดแต่เรื่องส่วนล่าง”
ลูกน้องสองสามคนมองหน้ากัน ชั่วขณะก็พูดโต้แย้งไม่ออก
เจียวหนูพูดอีกว่า : “อีกอย่าง ฉันยังพบว่าชายคนนี้มีปัญหาเรื่องกลัวความมืด……ขอแค่ได้จับจุดอ่อนนี้ไว้ ยังต้องกลัวว่าแผนการของพวกเราจะไม่สำเร็จอีกหรอ? ลูกน้องได้ฟังคำพูดนี้ ความกังวลในดวงตาจึงค่อยๆจางหายไป เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
“ชายคนนี้เป็นโรคแปลกๆ”
เจียวหนูยิ้มมุมปากเล็กน้อย : “อย่างไรเมื่อถึงเวลาแล้วพวกคุณร่วมมือจัดการกับฉันก็พอ”
แต่สิ่งเหล่านี้ เฟิงจิ่งเหยากับกู้ฉางฉิงไม่รู้
หลังจากที่พวกเขาไปเยี่ยมมั่วหลีแล้วก็จะออกไป
“คุณผู้ชาย……”
มั่วหลีเห็นเช่นนั้นก็รีบเรียกไว้
เธอไม่อยากให้ไป
“ทำไมหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ ยังคิดว่าเธอมีเรื่องอื่นอีก
กู้ฉางฉิงก็มองเข้าไป
มั่วหลีเห็นก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง จ้องมองกู้ฉางฉิงด้วยความขมขื่นที่ซ่อนอยู่ในใจ
เธอคิดว่าต้องเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้แน่ๆที่ทำให้คุณผู้ชายตนเองไม่ยอมที่จะอยู่ต่อ
กู้ฉางฉิงเห็นสายตาที่เคียดแค้นของเธอ ก็อยากจะมองค้อนกลับไปอย่างเงียบๆ
ถ้าจะบอกว่าตอนเริ่มแรกเธอก็ยังไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดผู้หญิงคนนี้ถึงมีเจตนาร้ายกับเธอขนาดนี้ ตอนนี้เธอก็ไม่รู้อะไรที่ชัดเจนไปกว่า
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เธอก็จะไม่เอ่ยปากให้เฟิงจิ่งเหยาอยู่โดยเด็ดขาด
ถึงอย่างไรเธอก็ตัดสินใจดีแล้วว่าจะมีวันชื่นคืนสุขกับเฟิงจิ่งเหยาไปจนวันสุดท้าย จะไม่ยินยอมอะไรโดยเด็ดขาด
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกตเห็นถึงการต่อสู้ลับๆของผู้หญิงทั้งสองคน เห็นมั่วหลีเอ่ยปากแล้วไม่พูด ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ถ้าไม่มีอะไร พวกเราไปก่อน คุณมีปัญหาก็ให้ลูกน้องไปจัดการ พักฟื้นมห้เต็มที่”
มั่วหลีได้ยิน จนปัญญาที่จะขัดขวางโดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงมองพวกเขาจากไปตาปริบๆ
“น่ารังกียจ!”
มั่วหลีรอคนหายไปจากห้องผู้ป่วยแล้ว ตีผ้าห่มอย่างโกรธแค้น ขณะเดียวกันบาดแผลก็ฉีกออก เจ็บจนน้ำตาแทบไหลออกมา
หลังจากเฟิงจิ่งเหยาและกู้ฉางฉิงออกไป คนทั้งสองก็นั่งรถกลับไป
ขณะเดินทาง กู้ฉางฉิงนึกถึงคำพูดเมื่อกี้ของมั่วหลี ใบหน้าก็ขึงตึงขึ้นมา
“จิ่งเหยา ตอนนี้อันตรายมากเลยใช่ไหม?”
เฟิงจิ่งเหยารู้ว่าที่เธอพูดคืออะไร ยื่นมือไปตบเบาๆที่เธอ กล่าวปลอบโยนว่า: “วางใจได้ ไม่เกิดเรื่องหรอก ฉันจัดการคนไว้ดีแล้ว”
กู้ฉางฉิงเม้มปาก คล้ายกับไม่ค่อยเชื่อ
เฟิงจิ่งเหยาอดยิ้มไม่ได้ “โอเค คุณไม่วางใจฉันจะให้มั่วจุยส่งคนเข้ามาที่นี่อีก”
กู้ฉางฉิงยังมีภาพความประทับใจต่อมั่วจุย นึกถึงชายที่กระดูกแข็งเหมือนเหล็กคนนั้น ความกังวลภายในใจจึงปล่อยวางลงได้เล็กน้อย
เธอไม่พูดอะไรอีก เฟิงกำชับเฟิงจิ่งเหยาว่าออกจากบ้านให้ระมัดระวัง
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้าตอบรับ
หลังจากนั้นคนทั้งสองก็มาถึงตระกูลเฟิง
เฟิงจิ่งเหยาพาคนส่งกลับถึงบ้านใหม่แล้ว ทางด้านตนเองก็ไปห้องหนังสือจัดการเรื่องราวเบื้องหลัง
นึกถึงที่มั่วหลีบอก คนหนึ่งที่หนีไปได้ มีโอกาสสูงที่จะกลับมาอีกครั้ง เขาจำเป็นต้องจัดการให้เรียบร้อย กระทั่งไม่ให้ส่งผลกระทบถึงคนในครอบครัว
“มั่วจุย เรื่องทางด้านมั่วหลีคุณรับรู้แล้วใช่ไหม?”
เขาติดต่อมั่วจุย แล้วกล่าวถาม
มั่วจุยเล่าสถานการณ์คร่าวๆที่เขารับรู้ทั้งหมด
“พี่ ต้องการให้ฉันกลับไปคุณกันคุณสักช่วงเวลาหนึ่งก่อนไหม?”
สุดท้าย เขาก็แสดงความคิดเห็นของตนเอง
เฟิงจิ่งเหยาปฏิเสธโดยไม่คิด
“ไม่ต้อง ทำเรื่องก่อนหน้านี้ของคุณต่อไป ทางด้านนี้ส่งคนอื่นเข้ามาให้ฉัน”
มั่วจุยอยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็ถูกเฟิงจิ่งเหยาพูดตัดบทอย่างรวดเร็ว: “คุณส่งคนเข้ามา ไม่ต้องรายงานทางด้านของฉัน ให้พวกเขาไปที่ตระกูลเฟิงโดยตรง แล้วก็คุณนายรองนั้น คุ้มกันอย่างไม่เปิดเผยตัวตน”
มั่วจุยทำได้เพียงรับปาก
หลังจากนั้นคนทั้งสองก็พูดแผนการอื่นๆอีกเล็กน้อย จึงจบสิ้นการสนทนา
สองวันต่อมา เงียบสงบอย่างมาก
คล้ายกับความเงียบสงบก่อนพายุฝน
เพราะความสงบติดต่อกันสองวันกู้ฉางฉิงเห็นแล้วจึงปล่อยวางความกังวลใจ
ยิ่งความคิดในการทำงานที่เพิ่มมากขึ้นด้วยแล้ว เธอก็ค่อยๆลืมเรื่องเหล่านี้
เพียงแต่ทางด้านพวกเขาที่สงบ แต่ทางด้านมั่วหลีไม่สงบเลยสักนิด
เดิมทีเธอคิดว่าตนเองได้รับบาดเจ็บแล้ว คุณผู้ชายก็คงจะมาเยี่ยมตนเองทุกวัน
นอกจากวันแรกแล้ว คุณผู้ชายของเธอก็ไม่ปรากฎตัวอีกเลย
แน่นอนว่าเธอรู้ว่าคุณผู้ชายงานยุ่งมาก แต่ในใจก็ยังไม่สมดุล
ถึงอย่างไรเธอก็เคยเห็นด้วยตาตนเองแล้วว่าคุณผู้ชายอยู่เป็นเพื่อนผู้หญิงคนนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนจัดการให้เสร็จสรรพ
ทำไมพอถึงตาเธอ คุณผู้ชายถึงไม่ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมล่ะ?
ในใจเธอกำลังคิดอิจฉาริษยา ก็โทษทุกสิ่งทุกอย่างไปที่กู้ฉางฉิงทั้งหมด
ต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นแน่ๆที่พัวพันคุณผู้ชาย จึงทำให้คุณผู้ชายไม่ว่างที่จะมาสนใจตนเอง
เธอยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งเพิ่มความคิดถึงคุณผู้ชายของตนเอง