เฟิงจิ่งเหยาได้ยินกู้ฉางฉิงไอเบาๆ ก็ชำเลืองมองเจียวหนูอย่างไม่ชอบ
“ห่างๆฉันหน่อย ไม่เห็นหรอว่าคุณนายสำลักแล้ว?”
เจียวหนูได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นอึดอัดใจในชั่วพริบตา
แต่ผสมกับความมืด ไม่นานเธอก็ปรับสีหน้าได้ ยิ่มพูดว่า : “ฉันผิดเอง ฉันจะดื่มลงโทษตัวเองสามแก้ม เพื่อขอโทษคุณนาย”
เธอพูดจบ ก็ดื่มเหล้าสามแก้วติดกัน แล้วกลับมาที่เดิมทันที
กรรมการหวังเห็นว่าบรรยากาศหงุดชะงักเล็กน้อย ก็พูดเรื่องความร่วมมือกับเฟิงจิ่งเหยาอีกครั้ง
ไม่นาน เฟิงจิ่งเหยาก็ไปห้องน้ำ
แต่เขาออกไปไม่นาน เจียวหนูก็ยิ้มแล้วออกจากงานเลี้ยงไป
กู้ฉางฉิงมองเธอที่ออกไป ก็คิดตลอดว่าไม่ง่ายเลยที่ผู้หญิงคนนี้จะออกไป
ถึงอย่างไรเฟิงจิ่งเหยาเพิ่งจะออกไปไม่นาน ทำให้เธอไม่คิดมากไม่ได้
ท้ายที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะตามไปดู
เธอแจ้งกับกรรมการหวัง แล้วก็ออกจากห้องวีไอพีไป
แต่เธอเพิ่งจะเดินไปที่ทางเดิน จู่ๆทุกทิศก็ตกอยู่ในความมืด
กู้ฉางฉิงตกใจ เมื่อสติกลับมา สีหน้าก็เปลี่ยนไป วิ่งไปข้างหน้าอย่างตกใจหน้าถอดสี
ในเวลาเดียวกัน ในห้องน้ำ จู่ๆก็มืดสนิท ทำให้เฟิงจิ่งเหยาหมดแรงจับอ่างล้างมือข้างๆอยู่
ความรู้สึกหายใจมิ่อกอย่างรุนแรงถาโถมมาที่ตัวเขา
เขาจับคอเสื้อแน่น หายใจด้วยปาก พยายามบรรเทาการนี้ แต่ได้ผลไม่มาก
เวลานี้ เดิมทีในห้องน้ำที่เงียบก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงเหยียบพื้นดังขึ้น
‘กึกกึก……’
จากไกลๆเข้ามาใกล้ จากนั้นก็มีเสียงเปิดประตู
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินเสียงนี้ รู้สึกถึงอันตรายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
แต่เวลาทั้งตัวของเขาทำอะไรไม่ได้ เซถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว ซ่อนตัวเข้าไปในห้องที่ใกล้ที่สุด
เขาเพิ่งจะซ่อนตัว เจียวหนูก็เข้ามาในห้องน้ำ
เธอชินกับความมืดแล้ว มองไปรอบๆห้องน้ำ
“หึหึ……”
ไม่พบเป้าหมายที่คาดไว้ เธอก็หัวเราะเบาๆ
เสียงนี้ดังแทรกซึมเป็นพิเศษอยู่ในห้องน้ำมืดสนิท
เฟิงจิ่งเหยาซ่อนตัวอยู่ในห้องถัดไป กัดริมฝีปากแน่น หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา รูม่านตาก็หด อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ครั้งนี้จะต้องล้มลงอยู่ที่นี่ใช่ไหม?
เขาคิดด้วยสติเลือนลาง เสียงข้างนอกยังคงดังต่อไป
“ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ คืนนี้คุณหนีไม่พ้นหรอก……”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดนี้ ในใจก็กระวนกระวายไม่หยุด
นอกจากนี้อาการกลัวความมืดก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตกอยู่ในอันตรายจนแทบจะขาดอากาศหายใจ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากข้างนอกอีกครั้ง
“จิ่งเหยา คุณอยู่ด้านในใช่ไหม?”
กู้ฉางฉิงมุ่งเข้ามาในห้องน้ำ ตะโกนเรียก
แต่เป้าหมายทว่ารูปร่างเพรียวบางรวมที่งน้ำหอมที่กลิ่นแรง
แทบไม่ต้องคิด เธอก็รู้ว่าคนตรงหน้านี้คือใคร
เธอเห็นเจียวหนูยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ หยิบถังดับเพลิงตรงทางเดินมาป้องกันตัวแล้วก็พ่นออกไปทันที
ทุกๆอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เจียวหนูมีการตอบสนอง เธอก็ถูกพ่นใส่เต็มหน้าจนเจ็บปวดแล้ว
และการโจมตีของถังดับเพลิงยังคงต่อเนื่อง เธอคิดจะโต้ตอบกลับ แต่กู้ฉางฉิงเหมือนจะไม่ปล่อยไป ไม่ว่าเธอจะไปซ่อนตรงไหน จะวิ่งไปที่ไหน มักจะหาเธอเจอได้อย่างแม่นยำไม่ผิดพลาด
ทว่าไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะน้ำหอมกลิ่นแรงบนตัวเธอหรือเปล่า
พวกเธอยังไม่ทันยุติ ทางด้านชวี่ยี่นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา
เจียวหนูได้ยินฝีเท้าที่วุ่นวายนั้น ใจก็รู้ว่าแผนการคืนนี้ล้มเหลวแล้ว
เธอไม่กล้าอยู่อีกต่อไป เอาตัวหลบเลี่ยงวิ่งออกไปนอกประตู
ทว่าไม่คิดว่าจะวิ่งชนชวี่ยี่พอดี
“ใคร?”
เสียงควาดเฉียบขาดดังขึ้นนอกประตู จากนั้นก็มีเสียงการต่อสู้
“ไปเอาตัวมาให้ฉัน!”
เสียงชวี่ยี่เข้ามาจากนอกประตู กู้ฉางฉิงถอนหายใจอย่างแรงด้วยความโล่งอก
เธอรู้ว่ามีชวี่ยี่อยู่ ผู้หญิงคนนั้นหนีไม่รอดหรอก ดังนั้นจึงทิ้งถังดับเพลิงและเริ่มมองหาเฟิงจิงเหยา
“จิ่งเหยา คุณอยู่ไหน?”
“เฟิงจิ่งเหยา!”
เธอหาไปพลาง พลิกหาที่กั้นไปพลาง
เฟิงจิ่งเหยานอนอยู่บนพื้น สะลึมสะลือได้ยินเสียงที่คุณเคย ก็ส่งเสียงออกมาด้วยจิตสำนึก
ถึงแม้จะเสียงไม่ดัง แต่กู้ฉางฉิงก็ยังได้ยิน
เธอก็รีบวิ่งไปยังทิศทางของเสียง
ในความมืด เฟิงจิ่งเหยางอตัวอยู่บนพื้น ท่าทางที่อ่อนแอจนตรอกนี้ทำให้หัวใจของเธอก็เป็นห่วงขึ้นมา
เธอรีบวิ่งเข้าไป นั่งยองๆข้างๆเฟิงจิ่งเหยา พยูงคนจากพื้นขึ้นมาในอ้อมกอดตนเอง
“จิ่งเหยา คุณยังโอเคไหม?”
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ตอบรับ มีเพียงเสียงของฟันที่สั่นระริก
กู้ฉางฉิงสังเกตเห็นถึงอาการที่รุนแรง รีบหยิบมือถือจากตัวเองออกมาแล้วเปิดไฟฉาย ในชั่วพริบตา ห้องน้ำที่เดิมทีมืดตึ๊ดตื๋อก็มีแสงสว่างขึ้นมา และเธอก็สามารถสังเกตอาการเฟิงจิ่งเหยาได้ดีขึ้น
สถานการณ์ของเฟิงจิ่งเหยาไม่ดี สีหน้าขาวซีดไม่มีเลือดแม้แต่น้อย ริมฝีปากล่างถูกเขากัดจนเป็นจ้ำเลือด
หลับตาทั้งสองแน่น อ้าริมฝีปากกว้าง คล้ายกับจะช็อกได้ทุกเวลา
กู้ฉางฉิงมองแล้วก็เจ็ยปวดใจอย่างมาก
เธอโอบกอดเฟิงจิ่งเหยาแน่น กล่าวปลอบโยนด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันอยู่ข้างๆคุณ”
“จิ่งเหยา มีไฟแล้วนะ คุณดูสิ”
ในสติที่เลอะเลือนของเฟิงจิ่งเหยาได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของกู้ฉางฉิง จึงค่อยๆสงบลงมา
พอชวี่ยี่รีบเข้ามาก็ได้เห็นฉากนี้
“คุณนายรอง ท่านประธานไม่เป็นไร?”
เขากล่าวถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
กู้ฉางฉิงเคลื่อนไหวอย่างเบาๆ ไม่ได้สนใจเขา กล่าวปลอบโยนเฟิงจิ่งเหยาต่อไป
ชวี่ยี่เห็น ก็แปลกใจอย่างมาก แต่ก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
ถึงอย่างไรเขาก็ได้เห็นว่าคุณนายรองมีผลต่อท่านประธานของตนเองไม่น้อย
เขาหันกลับมาและจัดกำลังคนเพื่อให้ทำไฟฟ้าของคลับเฮาส์กลับมาสู่สภาพเดิมทันทีและตรวจสอบสาเหตุของไฟดับ
ไม่นาน เขาก็ได้รับข่าว ที่ไฟฟ้าดับนี้มีบางคนจงใจทำ คนที่ตกเป็นที่ต้องสงสัยมากที่สุดก็คือเจียวหนูที่มาพัวพันกับท่านประธานก่อนหน้านี้
เพราะหลังจากที่เกิดเรื่อง ผู้หญิงคนนั้นก็หายสาบสูญไป
ชวี่ยี่ฟังถึงคำพูดนี้ ก็กำลังคิดไปถึงเมื่อกี้ที่พวกเขาอยู่ด้านนอกพบผู้หญิงคนหนึ่ง แทบจะแน่ใจได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นก็คือเจียวหนูที่หายสาบสูญไป
คิดพลาง เขาก็จัดกำลังคนไปไล่โจมตีโดยตรง
ช่วงเวลาที่เขาจัดกำลังคนเสร็จ ไฟฟ้าของคลับเฮ้าสในที่สุดก็เชื่อมต่อได้
เฟิงจิ่งเหยาที่เดิมทีสงบสติอารมณ์เวลานี้ก็ผ่อนคลายลงมาโดยสิ้นเชิง
แต่คนก็ยังคงอ่อนแรงอย่างมาก
เขามองผู้หญิงที่กำลังกอดตนเองแน่น ในสายตาเต็มไปด้วยอารมณ์บนใบหน้า
ถึงแม้เมื่อกี้เขาจะจมดิ่งอยู่ในอาการหมดสติ แต่จิตสำนึกก็ยังอยู่
เขารู้ว่ากู้ฉางฉิงรับมือกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อเขา จำได้ว่ากู้ฉางฉิงปลอบโยนเขาอย่างไรตอนที่เขาเกือบจะช็อก
“ขอบคุณ!”
เขากุมมือกู้ฉางฉิงอย่างอ่อนแรงแล้วกล่างขอบคุณ
กู้ฉางฉิงมองเขาแต่รอบดวงตาแดงกร่ำ
“……คุณดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
เขามีคำที่อยากจะถามมากมาย แต่สุดท้าย พูดประโยคนี้ออกมาประโยคเดียว
“อื้ม ฉันไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องร้องไห้”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอน้ำตาคลอเบ้า ยื่นมือไปเช็ดอย่างเจ็บปวดใจ
กู้ฉางฉิงเห็นเขาสามารถปลอบโยนตนเองได้ ใจที่เป็นห่วงในที่สุดก็ปล่อยวางลง แต่ก็หยุดน้ำตาไว้ไม่อยู่ กล่าวอย่างสะอึกสะอื้นว่า: “คุณรู้ไหม ฉันถูกคุณทำตกใจแทบตายเลย!”
เธอพูดพลาง ก็ตีเฟิงจิ่งเหยาไปพลาง
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้สึกเจ็บ แต่กลับมีความสุขอย่างมาก