เจียวหนูเห็นการแต่งตัวของลูกน้องก็ขมวดคิ้วแน่น
ชัดเจนมา นอกจากเธอแล้ว คนอื่นเห็นก็มองออกว่าผิดปกติ
“ให้พวกคุณไปที่ห้องทำงานเป็นเวลาสิบนาที ไปหาว่ามีเสื้อผ้าที่เหมาะสมไหม”
คันโซคิดว่าตนควรจะแต่งชุดพยาบาล เวลานี้ได้ยินคำนี้ เป็นธรรมกาที่จะกำเริบเสิบสาน ทยอยเดินไปที่ห้องทำงานของหมอ
เจียวหนูมองพวกเขาที่ออกไป ก็เดินก้มหน้าไปที่ศูนย์พยาบาล
ทว่าไม่รู้ว่าทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาเวลานี้ ถูกคนจับตาดูอยู่
“ท่านประธาน พวกเขามาแล้ว”
ชวี่ยี่อยู่ที่ห้องวงจรปิดแล้วรายงานออกไป
“อืม ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
สิบนาทีต่อมา เจียวหนูเห็นลูกน้องที่แต่งชุดเหมือนกัน จึงเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ลูกน้องเดินตรงไปที่ห้องผู้ป่วยของเฟิงจิ่งเหยา
“ทำไมดึกขนาดนี้ยังมาตรวจอีก?”
เพราะในฐานะของเฟิงจิ่งเหยา ห้องผู้ป่วยของเขาอยู่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาล มีคนเฝ้าทางเข้าลิฟต์โดยเฉพาะ
“ตรวจเฉพาะกิจ ขอโทษด้วย”
คันโซที่ใส่ชุดหมอสวมหน้ากากยิ้มตอบกลับ
บอดี้การ์ดเห็นเช่นนั้น ก็กระพริบตาปริบๆ ตรวจสอบเล็กน้อย แล้วปล่อยให้พวกเขาเข้ามา
คันโซและคนอื่นเข้าไปที่ทางเดินได้แล้ว จึงโล่งใจ
“ยังคิดว่าจะผ่อนคลายการคุ้มกันแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะมีคนอยู่ทุกจุด”
ลูกน้องอีกคนพึมพำ
เจียวหนูมองเขา ลูกน้องคนนั้นก็ปิดปากเงียบทันที เดินตามหลังพวกเขาไปที่ห้องผู้ป่วย
“ประธานเฟิง มีการตรวจของโรงพยาบาล พวกเราจะเข้าไปแล้วนะ”
เจียวหนูเปลี่ยนเป็นเสียงออดอ้อนก่อน พูดอยู่ด้านนอกประตู
แต่ในห้องไม่มีเสียงตอบรับ
สองสามคนมองหน้ากัน คิดว่าเฟิงจิ่งเหยาจะนอนอยู่ที่นี่ ผลักประตูเข้าไปโดยไม่ต้องคิด
เห็นในห้องผู้ป่วยสว่างราวกับกลางวัน เพียงแต่บนเตียงมีผ้าม่านปิดกั้นสายตาของพวกเขา ทำให้พวกเขามองไม่เห็นสถานการณ์ของผู้ป่วยได้
เจียวหนูส่งสายตามให้คันโซ
คันโซเข้าใจเดินไปข้างหน้า
ในขณะที่มือของเขาจับผ้าม่านเตียง ประตูห้องด้านหลังของพวกเขาจู่ๆก็ปิดลง
ทุกๆคนหันไปมองโดยจิตใต้สำนึก เวลานี้ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เดิมทีผ้าม่านที่คันโซยังไม่ทันเปิดออกก็ถูกเปิดจากด้านใน จากนั้นก็มีลมแรง แสงเย็นๆก็กวาดไปทั่ว
ถ้าไม่ใช่เพราะมีประสบการณ์มากมาย สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็ฝังเข้าไปในกระดูก แผนการนี้เพียงพอที่จะจัดการเขาได้
โจมตีไม่สำเร็จ คนด้านบนก็กระโดดลงมา เริ่มจู่โจมทุกทิศทาง
ในขณะเดียวกันที่ยังแยกแยะไม่ได้ เป้าหมายที่พร้อมเพรียงของพวกเขา ก็คือพวกเจียวหนู
ในทันที ในห้องผู้ป่วยก็วุ่นวายขึ้นมา
ลูกน้องปกป้องเจียวหนูให้อยู่ตรงกลาง พวกเขาคิดจะถอยหลังกลับ แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ประตู ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ด้านนอกเป็นคนของเฟิงจิ่งเหยา
ชัดเจน พวกเขาติดกับดักแล้ว
“ปิดประตู!”
เจียวหนูออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
เพียงแค่ปิดประตู คนด้านนอกเข้ามาไม่ได้ วิกฤตของพวกเขาจึงลดลง
“สมควรตาย!”
เธอสาปแช่งไปพลาง จัดการลูกน้องที่ต้องการเข้าหาคนของเธอไปด้วย
ประตูด้านนอก บอดี้การ์ดเห็นคนของเจียวหนูล็อกประตู ก็ให้คนรายงานเฟิงจิ่งเหยา ในเวลาเดียวกันก็เตรียมบุกเข้าไปจับคน
เฟิงจิงเหยาได้ย้ายไปที่ห้องผู้ป่วยอื่นในเวลานี้ ได้ยินชวี่ยี่รายงานว่าคนเหล่านั้นติดกับแล้ว ในแววตาก็เย็นชา
“บอกพวกเขา คนเดียวกิย่าให้รอดไปได้!”
ชวี่ยี่รับคำสั่ง แล้วก็สั่งคำสั่งนี้แก่ลูกน้อง
ด้วยเหตุนี้ เดิมทีที่เจียวหนูคิดว่าพวกเขาจะสามารถตีฝ่าวงล้อมออกไปจากห้องผู้ป่วยได้ แต่ทว่าพวกเขากลับตกอยู่ในแผนการของเฟิงจิ่งเหยา
ต่อให้พวกเขามีประสบการณ์การต่อสู้สูงแค่ไหน แต่ก็ยังต้านกลยุทธ์คนของเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้
ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาต่อสู้กันนานแค่ไหน คนทางด้านของเฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย แต่เจียวหนูพวกเราทุกคนเต็มไปด้วยสีสัน
“เจ้านายเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แน่ พวกเขากำลังตัดกำลังของพวกเราไปเรื่อยๆ!”
คันโซสังเกตเห็นถึงแผนการของเฟิงจิ่งเหยา กล่าวเตือนสติเจียวหนูด้วยสีหน้าที่ไม่น่าดูถึงขีดสุด
แน่นอนว่าเจียวหนูก็รับรู้ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางอื่นนอกจากเส้นทางนองเลือดเส้นนี้
“ไม่ได้ก็ต้องได้ ไม่อย่างนั้นคืนนี้พวกเราทั้งหมดก็ต้องจบเห่กันอยู่ที่นี่!”
เธอเอ่ยปากอย่างโหดเหี้ยมเด็ดเดี่ยว เวลานี้ ไม่ทันได้ระวัง จึงถูกคนจู่โจม ร่างถูกเตะ คนล้มลงไปยังมุมกำแพง
“เจ้านาย!”
คันโซและลูกน้อยหลายคนเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปและตะโกนเรียกเสียงดัง
แต่เจียวหนูดูเหมือนจะไม่ได้ยิน เพียงเพราะความแข็งแรงของเท้านั้น ทำให้ตรงหน้าของเธอมืดขึ้นมาทันที
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจู่โจมขึ้นมาจากท้อง เหมือนกับมีดที่แทงเข้าไปในห้องแล้วก็คว้านอย่างโหดเหี้ยม
เธอดิ้นรนอยู่นานลุกขึ้นยืนไม่ไหว บอดี้การ์ดตรงหน้าก็เข้ามาจับเธอ
คันโซและคนอื่นๆไม่คำนึกถึงคำเตือนก่อนหน้านี้ของเจียวหนู ก็ล้วงอาวุธที่พวกเขาไม่เคยใช้มาตลอดออกมา
“แม่งอย่าขยับนะ!”
คันโซตะโกนเสียงดัง เวลาเดียวกันก็ลั่นไก
เสียงดังสนั่นในห้องผู้ป่วย ในที่สุดก็ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นลังเลที่จะเคลื่อนไหวเล็กน้อย
คันโซและคนอื่นๆหาโอกาสที่จะเข้าไปใกล้เจียวหนู
“เจ้านาย คุณยังโอเคไหม!”
เจียวหนูถูกพวกเขาประคองขึ้นมา ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็บรรเทาลงไม่น้อย มองไปยังมือที่อยู่ในมือคันโซ ในสายตาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“ให้ตายเถอะ ใครให้คุณยิ่งปืน!”
ขณะที่เธอกำลังตำหนิ เหล่าบอดี้การ์ดก็ตอบโต้เข้ามา จู่โจมไปยังคนสองสามคนอีกครั้ง
คันโซมองพวกเขา สั่งอย่างเด็ดขาดว่า: “คุนจิ่ว พวกคุณพาเจ้านายออกไปทางหน้าต่าง คนอื่นๆขัดขวางไว้ให้กู”
เจียวหนูเข้าใจความหมายของคันโซ เธอไม่สามารถเกิดเรื่องในเวลานี้ได้โดยเด็ดขาด
ด้วยเหตุนี้ก็ไม่ได้โต้แย้งคำพูดของคันโซ หันกลับแล้วกระโดดลงหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว
เหล่าบอดี้การ์ดเห็นเช่นนี้ ก็ต้องการจะไล่จับกุม แต่ถูกคันโซและคนอื่นๆใช้ปืนในการต่อสู้
สุดท้าย พวกเขาก็จับคันโซและคนอื่นๆไว้ได้ แต่ปล่อยให้คนที่สำคัญที่สุดหนีไปได้ หัวหน้ารายงานต่อชวี่ยี่อย่างหงุดหงิดมาก
“หนีไปแล้ว? ฉันจะไปรายงานกับท่านประธาน คุณคุมตัวคนเหล่านั้นให้ดีๆ”
ชวี่ยี่ขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้จะไม่พอใจ แต่คิดถึงฝ่ายตรงข้ามที่ใช้ปืนโดยไม่กังวลแม้แต่น้อย สุดท้ายก็เข้าใจ
คนของหัวหน้าเห็นว่าไม่ถูกลงโทษ จึงถอนหายใจโล่งอก ให้ลูกน้องพาตัวประกันไป ขณะเดียวกันก็เก็บกวาดเรื่องที่เกลื่อนกลาดอยู่เบื้องหลัง
ชวี่ยี่กวาดสายตามอง แล้วก็หันเดินไปยังห้องผู้ป่วยของเฟิงจิ่งเหยา
“ผู้หญิงคนนั้นหนีไปแล้ว?”
เฟิงจิ่งเหยาไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้อย่างมาก
“พวกเขาใช้ปืนโดยไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ลูกน้องกลัวจะทำให้ตำรวจแตกตื่น จึงประมาทเล็กน้อย”
ชวี่ยี่เม้มปากอธิบาย
แม้ว่าเมื่อกี้เขาจะไม่ได้ตำหนิลูกน้องแต่อย่างใด ในใจของเขาก็ไม่พอใจกับข้อสรุปนี้อย่างมาก
แต่ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุปัจจัย ความผิดไม่ได้อยู่ที่พวกเขา
เฟิงจิ่งเหยาก็นึกถึงจุดๆนี้ ถึงแม้จะไม่สบายใจ แต่ก็ยังคงยอมรับ
“จำไว้ว่าให้ไต่สวนคนเหล่านั้นดีๆ ขณะเดียวกันก็ให้คนไปไล่ตามผู้หญิงคนนั้น”
ชวี่ยี่พยักหน้า เฟิงจิ่งเหยากล่าวต่อไปว่า: “อีกอย่าง ให้จัดสรรเงินให้พี่น้องทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บหนึ่งแสนหยวน”
“ครับ!”
เฟิงจิ่งเหยาคิดๆแล้วก็ไม่มีอะไรจะให้จัดการอีก ก็โบกมือให้คนออกไป “คุณก็วุ่นมาทั้งคืนแล้ว ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้วก็กลับไปพักผ่อนเถอะ”
ชวี่ยี่พยักหน้า ไม่นานก็หันตัวออกไป
เมื่อพวกเขากำลังคิดว่าแผนการทุกอย่างจบสิ้นแล้ว แต่วิกฤตการณ์อีกอย่างหนึ่งก็ค่อยๆเข้ามาใกล้พวกเขาในความมืด