เฟิงจิ่งเหยารอหลังจากชวี่ยี่ออกไป พร้อมกับเสียงจ้อแจ้กจอแจด้านนอก คิดจะเข้านอน
ไม่นาน เสียงเหล่านั้นก็หายไป โรงพยาบาลได้คืนความสงบกลับมาอีกครั้ง
เวลานี้ มีกลุ่มคนแฝงตัวเข้ามาจากประตูหลังโรงพยาบาล
เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนมาก เดินไปทางห้องควบคุมของโรงพยาบาล
พวกเขาดูแล้วว่า จากประสบการณ์การต่อสู้ครั้งก่อน กำลังคนของเฟิงจิ่งเหยาน่าจะเน้นไปที่การไล่โจมตีเจียวหนูและคนอื่นๆ การป้องกันของทางด้านโรงพยาบาลนี้น่าจะอ่อนกำลังลง
บนความเป็นจริง ก็เป็นเช่นนี่
บนเส้นทาง พวกเขาไม่เจอกับคนของเฟิงจิ่งเหยาเลย ฉับพลันก็มาถึงห้องควบคุม พวกเขาเริ่มแยกย้ายกันไปปฏิบัติ
“เดี๋ยวสักครู่ไฟดับ เราก็ลงมือได้เลย”
หัวหน้าสรุปสั่งการเสร็จ
คนอื่นๆพยักหน้าตามๆกัน แล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่
“ทีมสี่เข้าประจำที่”
“ทีมเก้าเข้าประจำที่”
“ทีมสิบเข้าประจำที่”
เมื่อพวกเขามาถึงสถานที่ที่กำหนด แต่ละคนใช้เครื่องเชื่อมต่อไร้สายรายงาน
หัวหน้าได้ฟังแล้ว สั่งลูกน้องที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องควบคุมทันที : “ลงมือได้”
พร้อมกับคำสั่งของเขา ลูกน้องที่ซ่อนอยู่ในห้องควบคุมก็ดำเนินการ
ใครจะรู้ว่าในรอบๆห้องควบคุมนี้เฟิงจิ่งเหยายังจัดให้คนเฝ้าอยู่ด้วย และขณะนี้ก็พบความผิดปกติ
“ใคร?”
ลูกน้องถามด้วยเสียงเฉียบขาด ในเวลาเดียวกันก็เตรียมป้องกันอย่างแน่นหนา
คนที่ซุ่มโจมตีได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป เห็นฝ่ายตรงข้ามใกล้เข้ามา หลังจากที่พวกเขามองหน้ากัน ก็จู่โจมออกไปตามคำสั่งของหัวหน้า
ในเวลาเดียวกันคนที่ซ่อนอยู่ในห้องผู้ป่วยอื่นก็ใช้วิธีสังหารลูกน้องนอกห้องผู้ป่วยของเฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยาหลับตื้นๆ มีการเคลื่อนไหวต่อสู้อย่างรุนแรง แน่นอนว่าเฟิงจิ่งเหยาก็ตื่นขึ้นมา
พอดีกับที่เขาเตรีนมจะเรียกคนเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก
ก็เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่ห้าคนมุ่งเข้ามาในห้องผู้ป่วย
เฟิงจิ่งเหยาเห็นพวกเขา ก็หรี่ตาขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
แต่หลังจากชายรูปร่างสูงใหญ่ห้าคนมองหน้ากัน ก็เข้ามาลงมือกับเฟิงจิ่งเหยาอย่างพร้อมเพรียงกัน
จับชายคนนี้ได้เลย พวกเขาอยากได้สิ่งของอะไรยังต้องกลัวว่าจะไม่ได้อีกหรอ?
เฟิงจิ่งเหยาเห็นพวกเขาลงมือ ก็ไม่ได้หวั่นเกรง โต้ตอบกลับทันที
ถึงแม้ว่าหนึ่งต่อห้าจะค่อนข้างกินแรงเขา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสชนะ
เขาราวกับสุนัขจิ้งจอก เคลื่อนไหวแพรวพราวท่ามกลางชายร่างใหญ่ทั้งห้า มักจะยืมความแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้กลับ
ชายร่างใหญ่ทั้งห้าทั้งโกรธทั้งร้อนใจ ท้ายที่สุดแล้วพวกเขามีเวลาจำกัด ด้วยเหตุนี้การลงมือยิ่งโหดเหี้ยมขึ้น
เฟิงจิ่งเหยามองออกว่าพวกเขาร้อนใจ สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมเย็นชายิ่งขึ้น
ฉับพลันการตอบโต้ของเขาก็ลำบากมากขึ้น จนถูกบีบไปอยู่ที่ริมหน้าต่าง บางทีวินาทีต่อไปก็อาจจะถูกจับได้ ในที่สุดชวี่ยี่ก็พาคนเข้ามา
“ท่านประธาน!”
ชวี่ยี่เห็นเฟิงจิ่งเหยาถูกคนรายล้อมอยู่ ฉับพลันสีหน้าก็เปลี่ยนไป : “ยังไม่ไปช่วยท่านประธานอีก!”
เขาสั่งลูกน้องข้างๆด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
พร้อมกับคำสั่งของเขา คนที่ติดตามเขามุ่งไปลงมือกัยชายร่างใหญ่ทั้งห้าทันที
ชายร่างใหญ่ทั้งห้าสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เวลานี้ พวกเขาก็ได้รับคำสั่งจากหัวหน้า : “ถอยออกมา การช่วยเหลือของพวกมันกลับมาแล้ว!”
ชายร่างใหญ่ทั้งห้าได้ฟังแล้ว ถึงแม้จะไม่ยินยอม แต่ยังคงฟังคำสั่ง เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หลังจากตกใจกลัวลูกน้องของเฟิงจิ่งเหยาจนถอยกลับ ก็พลิกตัวจากหน้าต่างออกไปอย่างคล่องแคล่ว
“ตามไป!”
ชวี่ยี่เห็นภาพนี้ ก็สั่งการทันที
ลูกน้องเหล่านั้นไม่กล้าละเลย โดดหน้าต่างตามออกไป
ช่วงเวลาหนึ่ง เดิมทีห้องผู้ป่วยที่มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจก็เปลี่ยนเป็นสงบขึ้นมา ระเบียงทางเดินด้านนอกก็เงียบสงบอย่างมาก
“ท่านประธาน ไม่เป็นไรใช่ไหม? ต้องการให้คุณหนานกงเข้ามาดูหน่อยไหม”
ชวี่ยี่พยูงเฟิงจิ่งเหยามาพักผ่อนที่ห้อง
“ไม่เป็นไร”
เฟิงจิ่งเหยาตอบกลับอย่างขมวดคิ้วแน่น ไม่นานก็เห็นความยุ่งเหยิงภายในห้อง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ให้คนเข้ามาเก็บกวาด คุณก็ไปตรวจสอบสักหน่อยว่า คนเมื่อกี้ที่เข้ามาเป็นของกองกำลังฝ่ายไหน”
ชวี่ยี่ไม่วางใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่โต้แย้งไม่ยินยอมบนใบหน้าของเฟิงจิ่งเหยา ก็ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วออกไป แต่เขาก็ยังส่งลูกน้องสองสามคนมาเฝ้านอกห้องผู้ป่วย
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ชวี่ยี่ไปแล้วก็กลับมา
“ท่านประธานตรวจสอบชัดเจนแล้ว คนกลุ่มเมื่อกี้คือกองกำลังลึกลับที่สุดที่ฉันตรวจสอบมาก่อนหน้านี้ พวกเขาก็มาเพื่อแฟลชไดร์ฟอันนั้น”
เขาพูดถึงตรงนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมาทันที
“เป็นอะไรไป?”
เฟิ่งจิ่งเหยาเห็นจึงกล่าวถามอย่างงุนงง
ชวี่ยี่เห็นเช่นนี้ ก็นำเรื่องที่เพิ่งตรวจสอบเมื่อกี้พูดออกมา
“เมื่อกี้ฉันไปตรวจสอบ ที่ได้ความจากปากลูกน้อง คนเหล่านี้เดิมทีลงมือกับห้องควบคุมไฟฟ้า นี่จึงทำให้พวกเขาไม่บรรลุเป้าหมาย”
เฟิงจิ่งเหยาฟังถึงคำพูดนี้ ก็เข้าใจความหมายของชวี่ยี่
ชั่วพริบตา ท่าทางที่ดุร้ายก็ฉายแววในดวงตาของเขา
ชัดเจนว่าเรื่องกลัวความมืดของเขาถูกเปิดเผยความลับแล้ว
ส่วยตัวการในการเปิดเผยความลับนี้ นอกจากเจียวหนูผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขาก็คิดไม่ออกเลย
“คุณติดต่อมั่วจุย ให้เขาเพิ่มกำลังคนเข้ามาช่วยคุณไล่ตามเจียวหนู จำเป็นต้องจับผู้หญิงคนนั้นมาให้ได้!”
เขาเอ่ยปากอย่างเย็นชา: “จุดอ่อนของฉันจะต้องไม่ถูกเปิดโปงออกไป ไม่เช่นนั้นก็จะสร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอย่างมาก ดังนั้นกองกำลังลับนี้ คุณจำเป็นต้องหาออกมาให้เร็วที่สุด”
ชวี่ยี่ก็รับรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ก็พยักหน้าแล้วไปจัดการทันที
ตลอดทั้งคืนนี้ ลิขิตไว้ว่าไม่สงบเงียบ
แต่เรื่องเหล่านี้กู้ฉางฉิงล้วนไม่รู้
วันต่อมา พอเธอกลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง โดยรอบก็กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว ทำให้คนมองไม่ออกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย
คาดว่าจะมีเพียงอย่างเดียวที่ไม่ดี ก็คืออาการของเฟิงจิ่งเหยา
เขาแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน ถึงแม้จะทำเป็นมีชีวิตชีวาตอบโต้กับกู้ฉางฉิง แต่ก็ยังคงแสดงออกถึงควาเหนื่อยล้าอย่างมาก
“จิ่งเหยา เมื่อคืนนอนหลับได้ไม่ดีหรอ?”
กู้ฉางฉิงเห็น ก็กล่าวถามด้วยความเป็นห่วง
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอเป็นห่วง คิดๆถึงสภาพตอนนี้แล้ว ก็ไม่ได้ปฏิเสธ กล่าวอย่างหาข้ออ้างว่า: “เมื่อวานบริษัทย่อยต่างจังหวัดเกิดปัญหาเล็กน้อย จัดการเสร็จก็เกือบรุ่งสาง”
กู้ฉางฉิงฟังแล้ว ก็ไม่ได้สงสัย กล่าวอย่างโมโหว่า: “คุณอ่ะ ป่วยแล้วก็ไม่ยอมพักผ่อนให้เพียงพอ เรื่องด่วนสำคัญกว่าร่างกายของคุณหรอ?”
เธอพูดจบ ก็จัดผ้าห่มเฟิงจิ่งเหยาให้เป็นระเบียบ กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า: “ตอนนี้ไม่มีเรื่องไร ก็พักผ่อนสักครู่เถอะ”
เฟิงจิ่งเหยามองเธอ ในใจก็อบอุ่น ยิ่งกู้ฉางฉิงเข้ามาใกล้ด้วยแล้ว กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ทำให้เขาอดหลงใหลไม่ได้
“คุณเป็นเพื่อนฉันพักผ่อนสักครู่นะ หืม?”
เขาพูดพลาง มือก็โอบไปที่เอวกู้ฉางฉิง ทำให้เธอเข้ามาชิดอ้อมกอดของตนเอง
ก็ฉางฉิงฟุบลงไปบนร่างของเขา ฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นแรง สีหน้าแดงเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดปฏิเสธ
“โอเค ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณ นอนต่ออีกสักหน่อยนะ”
เธอเงยหน้าขึ้น อมยิ้มแล้วมองเฟิงจิ่งเหยา ในสายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเช่นนี้ ก็ย้ายไปข้างๆ แต่ไม่ได้ปล่อยกู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงก็ไม่สนใจ คนทั้งสองห่มผ้าห่มดีแล้ว จากนั้นก็หาท่าทางที่สบายเอนตัวนอนในอ้อมกอดของเขา
เฟิงจิ่งเหยาโอบกอดเธอไปพลาง ก็หลับตาลงด้วยความพึงพอใจ
ในระหว่างนั้น ชวี่ยี่กลับมาครั้งหนึ่ง เห็นคนทั้งสองนอนหลับกอดกันกลมเกลียว ก็ไม่ได้รบกวน ถอยออกไปอย่างเงียบๆ
จนกระทั่งตอนกลางวัน กู้ฉางฉิงก็ตื่นขึ้นมา
เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอข้างๆ เงยหน้าไปมอง เห็นเฟิงจิ่งเหยาหลับสนิทอย่างมาก ตาทั้งคู่ปิดสนิท มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีอะไร คล้ายกับกำลังฝันหวานอะไรอยู่