กู้ฉางฉิงเห็น ก็อดไม่ได้ที่จะหลงใหล
เธออดที่จะยกมือขึ้นมาวาดเค้าโครงของเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ เหมือนกับต้องการให้ภาพภาพนี้สะท้อนเข้าไปในกระดูก
แต่ไม่ได้พบว่า การกระทำให้ตอนแรกของเธอ ขนตาของเฟิงจิ่งเหยาก็สั่นๆเล็กน้อย
เขาลืมตาโดยไม่มีสัญญาณเตือน อมยิ้มจ้องมองกู้ฉางฉิง
“น่ามองไหม?”
กู้ฉางฉิงตกตะลึง สติกลับมา ที่ตนเองแอบมองอยู่ก็ถูกจับได้
ชั่วขณะ หน้าเธอก็แดงขึ้นมา
“ใคร ใครมองคุณ ฉันก็เพิ่งตื่น”
เธอโต้แย้งโดยจิตใต้สำนึก พูดจบ ก็ต้องการจะลุกขึ้น ทว่าถูกเฟิงจิ่งเหยากอดเอวไว้
“โอเค โอเค คุณไม่ได้แอบมอง แต่มองตรงๆเลย”
เขารู้ว่านี่คือกู้ฉางฉิงเขิน อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ
กู้ฉางฉิงได้ยืนคำพูดของเขา อุณหภูมิสองแก้มก็สูงขึ้น พูดอย่างโกรธๆ : “ปล่อย”
เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้ว กอดเอวแน่นขึ้น : “ไม่ปล่อย”
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนั้น ก็ออกแรงดิ้นรน พยายามหนีออกไปจากที่แห่งนี้ที่ทำให้เธอหวั่นไหว
โดยเฉพาะลมหายใจที่ร้อนผ่าว ยิ่งทำให้เธอใจสั่นมากขึ้น
ทว่าไม่รู้ การบิดไปมานี้ของเธอต่อเฟิงจึงเหยา มันช่างน่าดึงดูดใจ
“อย่าขยับสิ!”
เขากอดเอวกู้ฉางฉิงไว้แน่น พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมหายใจถี่เล็กน้อย
กู้ฉางฉิงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของเขาในคำพูดเหล่านี้ ชั่วขณะความแดงบนใบหน้าก็เพิ่มมากขึ้น ราวกับแอปเปิ้ลสุก
เธอไม่ได้ขยับ ทำให้เฟิงจิ่งเหยาผิดหวังมาก
เวลานี้ ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเคาะดังขึ้น
“ท่านประธาน ตื่นแล้วหรือยัง?”
เสียงชวี่ยี่ดังมาจากด้านนอก
กู้ฉางฉิงได้ยิน ก็รีบดิ้นจะลงจากเตียง
“ปล่อยเร็ว ถ้าให้ชวี่ยี่มาเห็น จะเป็นยังไง”
เธอจ้องมองไปที่เฟิงจิงเหยาด้วยความโกรธ
ถึงแม่ว่าเฟิงจิ่งเหยาจะไม่พอใจ แต่ยังคงปล่อยไป ให้กู้ฉางฉิงลงจากเตียง
เขามองกู้ฉางฉิงที่ยืนอยู่ข้างเตียวจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย หลังจากไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เธอกระแอมๆแล้วพูดว่า : “ผู้ช่วยพิเศษชวี่เข้ามาเถอะ”
ชวี่ยี่ขานรับแล้วผลักประตูเข้ามา
ใครจะคิด เพิ่งจะเข้าประตูมาก็ปะทะกับสายตาอันเยือกเย็นของท่านประธานของตน
เขาเห็นความแดงบนใบหน้ากู้ฉางฉิงที่ยังไม่หายไปหมด จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตนเองไปรบกวนเรื่องดีๆของท่านประธาน
คิดถึงตรงนี้ เขาลูบๆจมูกด้วยใบหน้าเหยเก คิดจะไปก็ไม่ได้ ได้แต่ยืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ข้างๆ
กู้ฉางฉิงมองออกถึงความผิดปกติในห้องผู้ป่วย ก็หันไปจ้องมองเฟิงจิ่งเหยา ให้เขาเก็บอาการเล็กน้อย
แต่ไม่รู้ว่า ท่าทางของเธอนี้ ทำให้เฟิงจิ่งเหยาปรารถนาที่จะขย้ำยิ่งนัก
“พวกคุณคุยกันไปก่อน ฉันจะไปต้มโจ๊กที่ห้องครัวชั้นล่างซะหน่อย”
กู้ฉางฉิงพูดจบ ก็หันกลับออกไปจากห้องผู้ป่วย เว้นช่องว่างให้ทั้งสองคน
เธอรู้ว่าชวี่ยี่มาจะต้องมีเรื่องใหญ่แน่ๆ
“ท่านประธาน?”
กู้ฉางฉิงออกไป ชวี่ยี่ก็มองท่านประธานของตนอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะถูกลงโทษ
เฟิงจิ่งเหยาชำเลืองมองเขา ไม่ได้สนใจเรื่องที่ถูกขัดจังหวะต่อไป ถาวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “สืบได้เรื่องอย่างไรบ้าง?”
พูดถึงตรงนี้ ชวี่ยี่ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
“ท่านประธาน คนเหล่านั้นยังตรวจสอบไม่เจอ ข่าวคราวของผู้หญิงคนนั้นก็หายไปเช่นกัน”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นสีหน้าของเขาก็เดาได้เล็กน้อย เวลานี้ฟังเขาพูดออกมา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมาโดยตรง
ชวี่ยี่เห็น ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบสงัด เพื่อหลีกเลี่ยงที่ตนเองจะถูกพาลโมโหใส่
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน สีหน้าของเฟิงจิ่งเหยาจึงผ่อนคลายลง กล่าวจัดการว่า: “คุณจัดกำลังคนให้ตรวจสอบต่อไป ทางด้านตระกูลเฟิงจัดเพิ่มคนมาคุ้นกัน”
ชวี่ยี่พยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจ
“ในเมื่อเรื่องราวจัดการเสร็จแล้ว ก็ไม่ตำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลต่อไป ตอนบ่ายคุณไปทำขั้นตอนการออกโรงพยาบาลได้เลย”
พอพูดจบ ก็เห็นกู้ฉางฉิงยกถ้วยลายครามเดินเข้ามา กล่าวอย่างแปลกใจว่า: “ตอนบ่ายจะออกจากโรงพยาบาลแล้วหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยามองเธอ โบกมือให้ชวี่ยี่ออกไป จึงตอบกลับอย่างสงบนิ่งว่า “อืม ไม่เป็นอะไรแล้ว ออกจากโรงพยาบาลเร็วหน่อย คนในบ้านจะได้ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติอะไร”
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ ก็คิดว่ามีเหตุผล
สองสามวันนี้อยู่โรงพยาบาล เมื่อวานเธอกลับไปก็ยังถูกคุณนายเฟิงซักถาม
ถ้าให้เธอรู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาโรคกำเริบนอนโรงพยาบาลอีก ก็ไม่รู้ว่าจะกุเรื่องมาจัดการเธอยังไงอีก
“โอเค รอคุณทานข้าวเสร็จ ฉันก็จะช่วยเก็บของให้คุณ”
ถึงเวลาบ่ายสองโมง ทำขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วก็ออกจากโรงพยาบาลโดยตรง
ขณะที่พวกเขาเดินทางกลับมาถึงตระกูลเฟิง พอลงจากรถ พ่อบ้านก็เดินเข้ามาทันที
“คุณชาย คุณนายรอง พวกคุณกลับมาแล้ว คุณมู่รออยู่ที่ห้องรับแขกนานแล้ว และยังให้ฉันโทรศัพท์อีกด้วย”
เฟิงจิ่งเหยาฟังถึงคำพูดนี้ บนใบหน้าก็งุนงงเล็กน้อย
“เฉาเกอ? เธอมาทำอะไร?”
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ในสายตาก็ยุ่งเหยิง
“ฉันคิดว่าอาจจะมาหาฉัน”
กำลังพูดพลาง มู่เฉาเกอก็เดินออกมาจากห้องรับแขก
“ฉางซิน เอ๊ะ จิ่งเหยา คุณก็กลับมาแล้วหรอ”
เธอมองคนทั้งสองอย่างเบิกบานใจ
กู้ฉางฉิงฉีกมุมปากกำลังคิดจะตอบกลับ สุดท้ายเฟิงจิ่งเหยาก็กล่าวถามว่า: “คุณเข้ามาทำไม”
มู่เฉาเกอมองเขา สายตาก็มองไปยังคนทั้งสองที่ประคองแขนกันอยู่ ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “ทำไม? ไม่ต้อนรับหรอ?”
เธอพูดจบ ก็ไม่รอให้เฟิงจิ่งเหยาได้ตอบโต้ พูดออกมาเองว่า: “ต้องทำให้คุณผิดหวังแล้ว ที่ฉันเข้ามาไม่ได้มาหาคุณ ฉันมาหากู้ฉางซิน”
พูดจบ เธอก็มองไปยังกู้ฉางฉิง กล่าวเชื้อเชิญว่า: “ฉางซิน อีกสักครู่ตามฉันไปชอปปิ้งหน่อยสิ ที่นี่มีร้านค้าแบรนด์ต่างๆที่นี่มีสินค้าใหม่ เลยถือโอกาสที่พวกเราจะได้ไปดู”
ในสายตากู้ฉางฉิงจนปัญญา เธอก็รู้ว่าต้องเป็นแบบนี้
ตรงกันข้ามกับความจนใจของเธอ เฟิงจิ่งเหยาก็ต้องแปลกใจ
เขามองไปยังกู้ฉางฉิงอย่างงุนงง คล้ายกับกล่าวถามเธออย่างเงียบๆว่าไปสนิทสนมกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร
กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง บวกกับที่มู่เฉาเกอยังคงรอเธอให้คำตอบอยู่ข้างๆ
สุดท้าย เธอก็ส่งสายตากลับไปมองเฟิงจิ่งเหยาว่ากลับไปแล้วค่อยคุย แล้วก็กล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพว่า: “คุณมู่ สองวันมานี้จิ่งเหยาไม่สบายเล็กน้อย พวกเราค่อยนัดกันวันหลัง เป็นยังไง?”
มู่เฉาเกอเห็นกู้ฉางฉิงปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในใจก็ไม่สบายใจ
เพียงแต่เวลานี้เธอไม่ได้สนใจว่าจะโมโหหรือไม่ มองไปยังเฟิงจิ่งเหยาอย่างเป็นห่วง
“จิ่งเหยา คุณไม่สบายหรอ? ไปหาหมอมาหรือยัง?”
กล่าวถามไม่ขาดอย่างเป็นห่วงมาก ทำให้กู้ฉางฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย อึดอัดใจเล็กน้อย
ถึงอย่างไรเธอก็รู้ความคิดในใจของมู่เฉาเกอ แต่นี่เธอแสดงความห่วงใยต่อหน้าเธอที่เป็นภรรยาโดยไม่กังวลแม้แต่น้อย มันกระตือรือร้นเกินไปหรือเปล่า?
ส่วนเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกตเห็นถึงความรักความห่วงใยของมู่เฉาเกอแม้แต่น้อย ยังคิดว่าเป็นเพียงความห่วงใยระหว่างเพื่อนเท่านั้น จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า: “คุณอย่าไปฟังคำตื่นตระหนกของฉางซินเลย อันที่จริงดีขึ้นแล้ว แค่เธอเป็นห่วงมากเกินไปน่ะ”
มู่เฉาเกอได้ยินเฟิงจิ่งเหยาพูดนี่ก็ฉางซิน นั่นก็ฉางซิน ความอิจฉาริษยาในใจก็พัดโหมกระหน่ำขึ้นมา
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ เธอก็ต้องอดทนอดกลั้น
“อย่างนี้ งั้นฉันก็ไม่รบกวนแล้ว ให้ฉางซินอยู่ดูแลคุณให้ดีๆเถอะ!”
เธอพูดจบ ก็พยักหน้าตอบรับกับเฟิงจิ่งเหยาเล็กน้อย แล้วก็หันเดินจากไป
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะอยู่ ความเป็นจริงคือเธอกลัวว่าหากตนเองอยู่ต่อไป เห็นภาพคนทั้งสองรักกันมากเข้าจะอดไม่ได้ที่จะเปิดเปยอารมณ์ที่แท้จริงออกมา ถึงเวลาจะทำลายภาพลักษณ์ต่อหน้าเฟิงจิ่งเหยา