มู่เฉาเกอเห็นเย่าซือพูดตรงขนาดนี้ ก็โกรธจนตัวสั่น กัดฟันแน่น ทว่าพูดไม่ออก
เย่าซือเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้สนใจ หัวเราะเบาๆ : “คุณมู่ต้องไตร่ตรองให้ดี”
มู่เฉาเกอจ้องมองเขา ในที่สุดก็ยังคงประนีประนอม
เธอไม่สามารถให้เฟิงจิ่งเหยารู้เรื่องเหล่านี้ได้
“คุณพูดแล้วรักษาคำพูดจะดีกว่า มิเช่นนั้นฉันจะไม่ปลิ่ยคุณไปแน่นอน!”
เย่าซือหรี่ตา ฟังออกถึงความดุร้ายในน้ำเสียงของเธอ ยิ้มพูดว่า : “นี่เป็นธรรมดา”
กู้ฉางฉิงได้ยิน ทำเสียงไม่พอใจ : “รอข่าวจากฉัน”
พูดจบ เธอก็ไม่สนใจว่าเย่าซือต้องการจะพูดอะไรอีก หยิบกระเป๋าถือแล้วเดินออกไปเลย
เย่าซือมองเธอจากไป จิบเหล้าหนึ่งอึก ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
“อาลัยอาวรณ์เฟิงจิ่งเหยาขนาดนี้ ถึงเวลาจะทำให้พวกคุณเป็นคู่ที่สิ้นหวัง โดยเร็วดีไหม?”
เขาพูดพึมพำเบาๆ ไม่นาน ก็วางแก้วเหล้าแล้วออกไป
……
วันต่อมา ที่ตระกูลเฟิง
เฟิงจิ่งเหยาและกู้ฉางฉิงตื่นขึ้นมาก็ลงไปที่ชั้นล่างทานอาหาร
ทั้งสองคนเพิ่งทานเสร็จ ก็ได้ยินพ่อบ้านบอกว่ามู่เฉาเกอมา
“นี่จะมาพาคุณไปช็อปปิ้งอีกแล้วหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาหัวเราะมองไปทางกู้ฉางฉิง
ในแววตากู้ฉางฉิงเต็มไปด้วยการทำอะไรไม่ถูก
เธอไม่อยากออกจากบ้าน โดยเฉพาะออกไปกับมู่เฉาเกอ
แม้ว่าจะไม่ชอบ เมื่อมู่เฉาเกอมาที่ห้องรับแขก กู้ฉางฉิงก็ยังจำใจต้องยิ้มต้อนรับ
“คุณมู่ วันนี้ฉันยังมีแบบร่างที่ต้องจัดการ เกรงว่าจะออกไปกับคุณไม่ได้”
กู้ฉางฉิงไม่รอให้มู่เฉาเกอชี้แจงจุดประสงค์ ก็ปฏิเสธไปอย่างนิ่มนวล
มู่เฉาเกอได้ฟัง ใบหน้าก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ
เธอจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่ากู้ฉางฉิงกีดกันเธอ ชั่วขณะในใจก็โกรธไม่หยุด
นังผู้หญิงชั่วคนนี้คิดว่าตนเองเด่นดังหรือไง คุณหนูตระกูลมู่ที่สง่างามยังต่องเอาใจเธอ?
เธอสาปแช่งอยู่ในใจ ทว่าไม่ออกสีหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณกู้เข้าใจผิดแล้ว ครั้งนี้ฉันไม่ได้มาหาคุณ”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดนี้ ก็เลิกคิ้ว : “ไม่ได้มสหาฉางซิน งั้นก็มาหาฉัน”
มู่เฉาเกอพยักหน้า : “ใช่ ก่อนหน้านี้พ่อฉันกับคุณอาเฟิงไม่ใช่ว่าเคยร่วมมือทำข้อตกลงกันหรอ? ฉันเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ วันนี้ที่มาหาคุณเพราะต้องการไปที่บริษัทเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องโครงการ”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังเธอพูดเรื่องงาน ก็เก็บความคิดสนุกสนานไปทันที พยักหน้าพูดว่า : “งั้นก็ได้ เราไปบริษัทแล้วค่อยว่ากัน”
กู้ฉางฉิงไม่รู้ทำไม ได้ยินว่ามู่เฉาเกอกับเฟิงจิ่งเหยามีการติดต่อเรื่องงานอีกครั้ง จู่ๆในใจก็ไม่เป็นสุขเล็กน้อย
เพียงแต่ความคิดหึงหวงนี้ไม่ได้อยู่นาน ไม่นานก็ถูกเฟิงจิ่งเหยาชดเชยให้
“ฉันกับเฉาเกอไปบริษัทแล้ว คุณพักผ่อนอยู่บ้าน อย่าให้เหนื่อยล้าเกินไปนะ”
เฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ถือว่ามู่เฉาเกอยังอยู่ เดินเข้าไปกอดกู้ฉางฉิง แล้วก็จูบที่หน้าผากกู้ฉางฉิง
เวลานี้กู้ฉางฉิงหึงซะที่ไหน แต่กลับเขินอายอย่างมาก
“อย่าก่อกวน ให้คุณมู่เห็นจะขำเอา”
เธอหน้าแดงผลักเฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยารู้ว่าเธอเขิน แต่ไม่สามารถควบคุมแรงกระตุ้นในใจได้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความรักความผูกพันธ์ในตอนเริ่มต้น แม้แต่การแต่งงานก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
แต่ความใกล้ชิดนี้ ทั้งสองยังคงค่อยๆบ่มเพาะกันขึ้นมาเอง ทำให้เขารู้สึกว่าก็ไม่ได้แย่ที่จะเป็นเช่นนี้ต่อไป
อีกทั้งวิถีที่อยู่ร่วมกันของพวกเขา นานวันยิ่งเหมือนสามีภรรยาที่แต่งงานกันมานานแล้ว
เพียงแต่เขาพึงพอใจ ก็ต้องมีบางคนไม่พอใจ
มู่เฉาเกอและมั่วหลีก็คือหนึ่งในนั้น
พวกเธอเห็นคนทั้งสองกลมเกลียวกัน ความอิจฉาริษยาในสายตาก็แสดงออกมาอย่างรวดเร็ว
แววตาที่จ้องมองกู้ฉางฉิง เหมือนปรารถนาที่จะเจาะทะลุร่างกายให้เป็นหลายๆรู
แน่นอนว่ากู้ฉางฉิงก็สังเกตเห็นถึงสายตานี้เธอไม่ต้องคิดก็รู้ว่าสิ่งที่ปรากฎเหล่านี้เป็นของใคร ช่วงเวลาหนึ่งก็มองเฟิงจิ่งเหยาด้วยสายตาที่สับสนอย่างมาก
บางครั้งผู้ชายดีเกินไปก็เป็นการรับภาระอย่างหนึ่ง
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ถึงความรู้สึกของกู้ฉางฉิงเวลานี้ หลังจากเขากำชับสองสามประโยคแล้ว ก็แจ้งมู่เฉาเกอแล้วออกไป
มู่เฉาเกอทำเพื่อไม่ให้ความคิดของตนเองถูกเผยออกมาต่อหน้าเฟิงจิ่งเหยา ตลอดทั้งเช้าบ่ายก็ให้ตนเองจดจ่ออยู่กับงาน นี่จึงไม่มีการเปิดเผยอารมณ์ออกมา
คนทั้งสองก็ปรึกษาหารือแผนงานความร่วมมือโครงการอย่างเป็นรูปธรรม มู่เฉาเกอก็พูดถึงเรื่องที่พบลูกค้าอีก
“ใช่แล้ว จิ่งเหยา โครงการนี้ ลูกค้าต้องการพบคนที่รับผิดชอบทั้งสองฝ่ายของพวกเรา เย็นนี้คุณว่างไหม?”
เธอฉีกยิ้มแล้วมองเฟิงจิ่งเหยา ถ้าพิจารณาอย่างลพเอียดถี่ถ้วนล่ะก็ ก็สามารถเห็นถึงความกระวนกระวายและความกังวลในสายตาของเธอ
แต่ทว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกตเห็น
ถึงอย่างไรเขาและมู่เฉาเกอก็เคยไปพบลูกค้าด้วยกันไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว ด้วยเหตุผลนี้ก็ตกลงโดยไม่ต้องเงยหน้า
มู่เฉาเกอได้รับการตกลงของเขาแล้ว ก็ค่อยๆถอนหายใจโล่งอก ขณะเดียวกันในสายตาก็ทุกข์ใจขึ้นมา
แต่ก็ถูกเธอระงับได้อย่างรวดเร็ว
เธอมองผู้ชายที่งดงามตรงหน้า ในสายตาก็เด็ดเดี่ยวมั่นคง
ต้องเข้าใจว่า เธอทำแบบนี้ก็เพื่อให้ดีต่อเฟิงจิ่งเหยา กู้ฉางซินผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะสมกับจิ่งเหยาโดยสิ้นเชิง มีเพียงเธอ ที่เหมาะสมที่สุด และเหมาะสมกับจิ่งเหยามากที่สุด
เรื่องเหล่านี้เฟิงจิ่งเหยาและกู้ฉางฉิงล้วนไม่รู้
กู้ฉางฉิงทราบว่าคืนนี้เฟิงจิ่งเหยาไม่กลับมารับประทานอาหาร ต้องไปพบลูกค้ากับมู่เฉาเกอ ถึงจะมีความสงบตอนกลางวันแล้ว ในใจก็ยังมีช่องว่าง
มั่วหลีนั่งตรงข้ามเธอ คำพูดที่กู้ฉางฉิงสั่งพ่อบ้านเมื่อกี้ เธอก็ได้ยินอยู่ในหู มองไปยังกู้ฉางฉิงอย่างคล้ายกับคนโง่
จริงๆ ผู้หญิงโง่ก็คือผู้หญิงโง่
ถ้าเป็นเธอ เธอจะไม่ปล่อยให้คุณผู้ชายไปทานข้าวกับผู้หญิงอื่นเด็ดขาด บอกว่าพบลูกค้า แต่พบลูกค้าเสร็จล่ะ?
คำพูดเหล่านี้ เธอก็คิดๆอยู่ภายในใจ ไม่ได้ต้องการพูดความคิดเห็นให้กู้ฉางฉิงฟัง
ถึงอย่างไรเธอก็ปรารถนาให้กู้ฉางฉิงและเฟิงจิ่งเหยารักร้าวจริงๆ
เพียงแต่แบบนี้ เธอก็มีโอกาสไม่ใช่หรอ?
เวลาเดียวกันนี้ ภัตตาคารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมืองหลวง
มู่เฉาเกอพาเฟิงจิ่งเหยามารับประทานอาหารกับลูกค้า
ลูกค้าเห็นคนทั้งสอง ก็ชื่นชมคนทั้งสองไม่หยุด
“คุณมู่และคุณเฟิงเป็นกิ่งทองใบหยกจริงๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไรสองท่านจะแต่งงานกันซะที?”
มู่เฉาเกอฟังถึงคำพูดนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่น้อย
พึงพอใจกับลูกค้าคนนี้มาก
แต่ก็กลับสู่ความเป็นจริงอย่างรวดเร็วมาก
เพราะชายที่อยู่ข้างๆขมวดคิ้วขึ้นมา ในสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ทำให้เลือดที่ร้อนของเธอแทรกซึกไปด้วยความเยือกเย็นถึงที่สุด
ทันใดนั้น เธอก็ได้สติขึ้นมา ก่อนที่เฟิงจิ่งเหยาจะเอ่ยปากอธิบาย ก็ชิงอธิบายก่อน
“คุณหลี่คำนี้ไม่ควรพูดส่งเดช ประธานเฟิงของพวกเรามีคนในครอบครัว นี่ถ้ามีเรื่องเผยแพร่ออกไปจะทำให้เข้าใจผิด ทำให้ประธานเฟิงกลับไปแล้วถูกลงโทษได้ ต่อไปประธานเฟิงก็จะออกมาพบลูกค้ากับฉันไม่ได้แล้ว”
เธอพูดพลาง สังเกตสีหน้าของเฟิงจิ่งเหยาไปพลาง
เห็นสีหน้าของเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้แย่เหมือนเมื่อกี้แล้ว
เธอก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ไม่ยินยอมอย่างมาก
แต่คนที่ถูกเธอเรียกว่าคุณหลี่กระพริบตาปริบๆ ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “ที่แท้ประธานเฟิงก็มีครอบครัวแล้ว ไม่เคยได้ยินเลย ฉันพูดผิดไปแล้ว ฉันจะลงโทษตัวเอง”
คุณหลี่ดื่มเหล้าขาวสามแก้วติดต่อกัน หัวข้อสนทนานี้ก็จบเพียงเท่านี้
หลังจากที่คนสองสามคนกินๆดื่มๆพูดคุยกันเรื่องความร่วมมือไม่น้อย จนถึงดึกดื่น งานเลี้ยงนี้จึงจบสิ้น
พอส่งแขกไปแล้ว ในห้องวีไอพีก็เหลือเพียงเฟิงจิ่งเหยาและมู่เฉาเกอสองคน