โรงงานถูกไฟไหม้จนสว่างวาบไปครึ่งหนึ่งของท้องฟ้า ตำรวจเร่งดับไฟแต่ยังไม่สามารถดับไฟได้
โชคดีที่การดับเพลิงมาถึงทันเวลา เมื่อได้ยินว่ายังมีคนอยู่ในโรงงานจึงเร่งจัดกู้ภัยทันที
ทางฝั่งของเย่าซือเฝ้าดูตำรวจดับไฟฉุกเฉิน ด้านนี้ไม่ได้วุ่นวายขนาดเมื่อกี้แล้ว เขามองไปรอบๆแลเวส่งสายตาอยทางมีนัยยะให้ลูกน้องคนสนิท
ลูกน้องคนสนิทที่อยู่กับเขามาจะสิบปีย่อมรู้และเข้าใจว่าเจ้านายเขาคิดจะทำอะไรต่อ
ทันใดนั้นเขาก็อาศัยช่วงที่ตำรวจไม่ทันระวัง ให้คนโจมตีจากทั้งสองข้างแล้วฝ่าวงล้อมออกไป
“ไอ้บ้านี่กล้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ!”
ในหัวของตำรวจที่ถูกทำร้ายเต็มไปด้วยคำสบถ แต่ก็ไม่มีเวลาพอที่จะมาด่าคน
หลังจากลูกน้องคนสนิทฝ่าวงล้อมออกมาได้ รีบช่วยปกป้องเย่าซือหลบหนีทันที
ตำรวจรีบตามไปทันที และเนื่องจากการโจมตีของอีกฝั่งก่อให้เกิดความบาดเจ็บและอันตราย ตามกฎหมายแล้วสามารถใช้ปืนในการเตือนได้ ถ้าหากว่านักโทษยังต่อต้านก็สามารถตามจับได้
ความเป็นจริงตำรวจพวกนี้ก็ทำตามนี้แล้ว
ทันใดนั้นชานเมืองก็วุ่นวายไปทั่ว
เนื่องจากพวกตำรวจเข้ามาตามจับเย่าซือ ทำให้พวกเขาเกิดเหตุจลาจลขึ้นอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าพวกตำรวจจะมีปืนแต่พวกเย่าซือก็มีปืนเช่นกัน
เคยอดทนจะไม่ใช้มันมาก่อนเป็นเพราะกฎหมายของประเทศX แต่ตอนนี้พวกเขาถูกบังคับให้ ถ้าไม่ใช้เขาจะต้องพ่ายแพ้ที่ประเทศX จริงๆ
และก็เพราะแบบนี้ จากเดิมที่พวกตำรวจเป็นต่ออยู่มากก็ต้องค่อยๆลำบากขึ้นมา
อย่างไรซะพวกเขาก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ปืนตามอำเภอใจ
และคนของเย่าซือก็ฝากชีวิตเอาไว้ที่เข็มขัดนั่นตลอด ไม่สำเร็จก็ตายจึงสู้อย่างไม่คิดชีวิต
ตำรวจดับเพลิงได้รับข่าวจึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือทันที แต่ก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว
พวกเย่าซือฝ่าวงล้อมหนีออกมาจากป่าแล้ว
“แย่แล้ว!”
พวกตำรวจเห็นว่าเย่าซือและคนอื่นๆหนีอออกมาจากป่า โยนหมวกลงอย่างหัวเสีย
“ไอ้พวกชาวต่างชาตินั่นจะต้องจับมันมาชดใช้กับชุดพวกนี้”
คนอื่นๆก็อยู่ในอารมณ์โกรธเช่นเดียวกัน
รองหัวหน้ารีบจัดคนสะกดรอยทันที
ในขณะที่พวกเขาคิดว่าเย่าซือและคนอื่นๆ หลังจากหนีไปจะรีบคิดออกไปทันทีแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเย่าซือที่หลบหนีได้ก็พบกับปัญหาอื่นอยู่
คนพวกนั้นวางแผนที่จะกลับไปที่เมือง แต่พวกเขาถูกคนอื่นๆล้อมไว้ก่อนที่พวกเขาจะออกจากป่า
“พวกนายเป็นใคร?”
คนสนิทมองไปที่สิ่งผิดปกติบวกกับการต่อสู้กับตำรวจก่อนหน้านี้มีหลายคนได้รับบาดเจ็บ ในเวลานี้พวกเขาเสียเปรียบมาก ทำได้เพียงปกป้องเย่าซือในขณะที่ซักถามอย่างระแวดระวัง
ใครจะคิด ผู้คนที่ล้อมรอบพวกเขาไม่ได้คิดจะคุยกับพวกเขาเลยและหลังจากมองหน้ากันหัวหน้าพวกเขาพวกเขาก็สั่งให้ลูกน้องคนข้างๆลงมือทันที
เป็นอีกครั้งที่ปะทะกัน
จากที่เย่าซือได้รับการปกป้อง ลูกน้องคนหนึ่งข้างๆเขาก็ล้มลงและถูกจับทีละคน จนอดไม่ได้ที่เขาต้องลงมือเอง
โชคดีที่เขาไม่ได้แสดงฝีมือใดๆ กี่ครั้งที่คนพวกนั้นคิดจะจับเขาก็ถูกเขาต่อยกลับไป
แค่แปปเดียวทั้งสองฝ่ายก็มาถึงทางตัน
แต่ว่าเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น
ตามที่เคยบอกไป ด้านคนของเย่าซือนั้นใช้แรงจนแทบหมดแล้วแต่คนกลุ่มนี้ที่เพิ่งมาใหม่นั้น ยังกระฉับกระเฉงกันอยู่แถมยังฝีมือดีมากด้วย
ยิ่งพวกตำรวจที่พวกเขาสลัดทิ้งไปก่อนหน้านี้สะกดรอยตามมาแล้ว ทำให้พวกเขาถูกล้อมหน้าล้อมหลัง
ลูกน้องคนสนิทรู้สึกว่ามันไม่ดีเท่าไหร่ รีบเดินไปข้างเย่าซือ
เวลานี้เย่าซือเพิ่งจะโจมตีคนที่คิดจะจับเขา
“เจ้านาย สถานการณ์ไม่ดีแล้ว ฉันจะพาคุณออกไปก่อน”
ลูกน้องคนสนิทพูดความคิดของตัวเองออกไปอย่างรวบรัด
เย่าไม่ใช่คนที่ต้องต่อสู้จนขาดใจอยู่แล้ว สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ดีสำหรับเขาจริงๆ ถ้าเขาไปเขาจะถูกตำรวจของประเทศ X จับตัวไปจริงๆ ในตอนนั้นมันจะไม่ใช่แค่กระทบเรื่องนี้แต่ยังกระทบถึงวงศ์ตระกูลของเขา
“ไป!”
ในขณะนี้เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ไม่ให้เข้าไปต่อสู้อีก
แต่สิ่งที่คิดเอาไว้สวยงามนั้น คนทั้งสองฝั่งนั้นก็กลับคิดที่จะเขาให้ได้
ไม่ต้องพูดถึงตำรวจเหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนก สั่งลงมาอย่างเด็ดเดี่ยวจะต้องจับคนกลุ่มนี้ให้ได้
ส่วนอีกฝั่งเป็นคนของเฟิงจิ่งเหยา
บวกกับความโกรธแค้นก่อนหน้านี้แล้ว จะปล่อยให้เขาหนีได้ยังไงกัน
ไม่ต้องสงสัยเลย จากการร่วมมือกันของทั้งสองฝั่ง เย่าซือก็ถูกจับได้อย่างเร็ว
คนพวกนี้เมื่อตกหลุมพรางก็รีบวิ่งเข้าไปในอาการ
เวลานี้อาคารถูกเผาไหม้จนไม่เหลือซากแล้ว โชคดีที่เฟิงจิ่งเหยาและคนอื่นๆที่ติดอยู่นั้นไม่เป็นอะไรยกเว้นมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย
หัวหน้าตำรวจเห็นแบบนั้น โล่งอกไม่น้อย อย่างไรก็ตามสถานะทางสังคมของเฟิงจิ่งเหยาหากมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ เศรษฐกิจของปักกิ่งจะต้องปั่นป่วนอย่างแน่นอน
ตอนที่เขากำลังจะพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์นั้น ชวี่ยี่เรียกสติจากความตกตะลึงเมื่อสักครู่ และเข้าใจถึงสถานการณ์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยรอบ
“ท่านประธานครับ เพิ่งได้รับข่าวมาว่าจับพวกมันได้แล้วครับ”
เขาเดินไปตรงหน้าเฟิงจิ่งเหยาด้วยความลำบาก แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แน่สิ แก้ปัญหาด้านพวกเย่าซือได้แล้ว สำหรับพวกเขามันเป็นเรื่องที่ดีมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับสีหน้าดีใจของเขาแล้ว เฟิงจิ่งเหยานั้นแทบไม่มีสีหน้าอารมณ์ใดๆเลย
แม้ว่าชวี่ยี่จะไม่เข้าใจว่าประธานาของเขาคิดอย่างไร แต่เรื่องที่ต้องรายงานก็ยังต้องรายงาน
“จัดการพวกมันแล้ว ด้านคุณมู่จะจัดการอย่างไรครับ?
เขาถามอย่างระวัง
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
เรื่องของมู่เฉาเกอเขาก็ยังคิดไม่ตก
ในขณะนั้นหัวหน้าตำรวจก็เข้ามาหาเขา
“ประธานเฟิงเป็นยังไงบ้าง?”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ยังโอเคอยู่”
เฟิงจิ่งเหยาตอบเรียบๆ
หัวหน้าก็ไม่ได้สนใจท่าทางของเขานัก เพราะเคยได้ยินเรื่องนิสัยของเฟิงจิ่งเหยามาบ้าง
แม้ว่ารูปแบบอะไรจะแตกต่างกัน แต่เขาก็ยังชื่นชมชายหนุ่มตรงหน้าเขามาก
เขาทั้งรับผิดชอบบริษัทยักษ์ใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อยและยังเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียง และตอนนี้เขาฏ้ทำคุณงามความดีให้ปักกิ่ง ร่วมมือกับพวกเขาเพื่อจับกุมอาชญากรระหว่างประเทศ
เมื่อคิดแบบนี้เขาก็พูดออกมาด้วยความกระฉับกระเฉง
“ในกรณีนี้หากไม่ได้ความร่วมมือของประธานเฟิง เราจะไม่สามารถจับผู้กระทำความผิดระหว่างประเทศเหล่านี้ได้ จากการที่ได้ความกรุณานี้จากท่านประธานเฟิง หลังจากนี้หานประธานเฟิงมีเรื่องอะไร เพียงแค่ทักหาเรายินดีช่วยเหลือครับ”
แต่ว่าเฟิงจิ่งเหยายังมีเรื่องสงสัยจึงมุ่งตรงไปถามชวี่ยี่
ชวี่ยี่กำลังอ้าปากหมายจะพูดแต่ทว่าเฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ให้โอกาสเขาอธิบาย
“เกรงใจกันเกินไปแล้วครับหัวหน้า นี่เป็นสิ่งที่ประชาชนคนนึงควรทำครับ”
เฟิงจิ่งเหยายิ้มอ่อนๆตอบกลับ
หัวหน้าตำรวจอาชญากรคนนี้พูดอีกไม่กี่ประโยคก็จากไป
รอจนกระทั่งเขาไป เฟิงจิ่งเหยาหมุนตัวไปมองชวี่ยี่
“ว่ายังไง?”
ชวี่ยี่ได้ยินดังนั้น พูดเรื่องก่อนหน้าทั้งหมดออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“หลังจากที่ผมรับสายของคุณฉันก็รีบไปที่บ้านตระกูลเฟิงแต่ผมได้รับโทรศัพท์จากมั่วจุยระหว่างทางโดยบอกว่าเขาได้ถอดรหัสผ่านของแฟลชไดรฟ์USBและเนื้อหาที่บันทึกไว้ในนั้นผิดกฎหมาย ผมจึงโทรตำรวจ”
ชวี่ยี่พูดจบก็มองไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างระแวดระวัง
เรื่องนี้ก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีของเขา