สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 405 ไม่คู่ควรกับเขาเลยสักนิด

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ในเย็นวันนั้น เฟิงจิ่งเหยาพามั่วจุยกลับมาที่บ้านใหม่

กู้ฉางฉิงเคยเห็นมั่วจุยมาก่อนแล้ว หลังจากทักทายกัน ก็ให้ช่องว่างทั้งสองคน ตนเองไปหาพ่อบ้าน ให้จัดหาห้องให้มั่วจุย

เฟิงจิ่งเหยาพามั่วจุยไปที่ห้องหนังสือ ไม่นานมั่วหลีที่ได้ยินข่าวก็วิ่งเข้ามา

“มั่วจุย คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นคุณผู้ชายจะพูดถึงเลย”

เธอนั่งลงตรงข้ามมั่วจุย ปัดความเศร้าก่อนหน้านี้ทิ้งไป อมยิ้มเอ่ยถาม

“เพิ่งถึงเมื่อตอนบ่าย ได้ยินมาว่าคุณได้รับบาดเจ็บ การฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”

มั่วหลียกๆมือ ยิ้มพูดว่า : “การฟื้นตัวเกือบจะหายดีแล้ว เพียงแต่คุณผู้ชายกังวลว่ายังมีอาการหลงเหลืออยู่ เลยให้ฉันพักอีกสองสามวัน”

เธอพูดจบ มองไปที่เฟิงจิ่งเหยาด้วยสายตาที่อ่อนโยนอย่างขออภัย

เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สนใจ เพราะเมื่อมั่วหลีได้ปะทะเข้ากับสายตาของเฟิงจิ่งเหยา ก็ถูกมองข้ามความห่วงใยไป

แต่มั่วจุยรู้สึกได้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเจื่อนๆ

เขาเปลี่ยนเรื่องและถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองหลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิพากษ์วิจารณ์ที่คึกคักบนอินเทอร์เน็ต

“พี่ การวิพากษ์วิจารณ์นี้ทำไมไม่ให้ประชาสัมพันธ์ของบริษัทจัดการ? นี่ไม่ดีต่อชิ่เสียงของคุณอย่างมาก”

เฟิงจิ่งเหยาส่ายหัว : “สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าจัดการตอนนี้เรื่องราวจะไม่จบสิ้น รอจนถึงที่สุดแล้วคิ่ยจัดการจะดีกว่า”

มั่วหลีได้ยิน ก็เข้าใจความหมายของเขา

ชัดเจนว่าพี่ชายเขามีแผนการ

พอดีกับที่เขาจะถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม ห้องหนังสือก็ถูกเคาะดังขึ้น

“จิ่งเหยา ทำความสะอาดห้องเรียบร้อยแล้ว อาหารเย็นก็เสร็จแล้ว พวกคุณคุยกันเสร็จแล้วหรือยัง?”

กู้ฉางฉิงผลักประตูเข้ามา อมยิ้มแล้วถาม

“จะเสร็จแล้ว ที่เหลือ รอทานข้าวเสร็จค่อยคุยกัน”

เฟิงจิ่งเหยาพูดจบ ก็ลุกขึ้นเดินไปทางกู้ฉางฉิง จูงมือเธออย่างเป็นปกติมาก

มั่วจุยเห็นเช่นนี้ แววตาก็ประหลาดใจ ไม่นานก็มองข้ามไป อมยิ้มพูดมาก : “รบกวนพี่สะใภ้เลย”

กู้ฉางฉิงส่ายหน้า : “ไม่ต้องเกรงใจ”

พูดจบ เฟิงจิ่งเหยาก็พาเธอลงไปชั้นล่าง

มั่วจุยมองทั้งสองคนที่จากไป ก็เรียกมั่วหลีข้างๆให้ตามไป

แต่เขาเดินไปถึงประตู คนด้านหลังไม่มีการเคลื่อนไหว เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง ก็เห็นมั่วหลีนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟามองเฟิงจิ่งเหยาที่จากไป

“มั่วหลี”

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเรียก

มั่วหลียังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ

ไม่มีทางเลือก เขาได้แค่เดินกลับไป ตรงหน้ามั่วหลี

“มองอะไรอยู่?”

เขายื่นมือไปโบกๆตรงหน้ามั่วหลี มั่วหลีจึงค่อยๆสติกลับมา

“มั่วจุย คุณรู้สึกไหมว่าคุณผู้ชายแปลกไป ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น คุณรู้ไหม? เธอไม่คู่ควรกีบคุณผู้ชายเลยสักนิด”

มั่วหลีราวกับถูกปีศาจร้ายเข้าสิง จับแขนมั่วจุย ระบายความไม่พอใจที่สะสมอยู่ในใจ

มั่วจุยฟังคำพูดของเธอจบ ก็ขมวดคิ้วแน่น

เห็นว่าคำพูดของมั่วหลีไร้การยับยั้งชั่งใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิ : “มั่วหลี พอได้แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของพี่ชาย คุณกับฉันไม่ทีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ”

“ทำไมจะไม่เกี่ยวข้อง คุณผู้ชายเปลี่ยนไปไม่เป็นตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณผู้ชาย สามารถทำร้ายคุณผู้ชายได้!”

เธอพูดจบ แววตาประกายความดุดัน : “คุณมาพอดีเลย ฉันจะได้จัดการผู้หญิงคนนี้ ทำให้เธอรู้จักเจียมตัวออกไปจากคุณผู้ชาย!”

พูดจบ เธอก็เดินไปเลย

มั่วจุยมองเธอที่จากไป ก็ตกใจกลัว

ในเวลาเดียวกันแววตาก็ประกายความทุกข์อย่างยากที่จะบรรยาย

แต่ไม่นานก็ถูกเขาเก็บอาการไว้

ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะต้องเสียใจ เขาไม่สามารถปล่อยให้มั่วหลีทำเรื่องโง่ๆได้

อีกทั้งมั่วหลีเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ ก็ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นเป็นแน่

เขาคิดๆแล้ว ก็หยิบมือถือออกมาติดต่อลูกน้องให้ตรวจสอบในประเทศว่าช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

พอเขาจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้วจึงลงมาชั้นล่าง เห็นมั่วหลีนั่งอยู่ที่ห้องอาหารแล้ว รอเปิดโต๊ะอาหารอย่างสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่มีความบ้าบิ่นเหมือนเมื่อกี้ตอนที่อยู่ชั้นบนเลยแม้แต่น้อย

เขาเห็น ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไป

เฟิงจิ่งเหยาเห็นเขา ก็ไม่ได้ถามว่าเพราะอะไรถึงลงมาช้าขนาดนี้ เชิญเขาให้เข้ามานั่ง แล้วก็ให้พ่อบ้านเสิร์ฟอาหาร

มื้อหาร นอกจากที่มั่วหลีเหม็นขี้หน้ากู้ฉางฉิงแล้ว บรรยากาศก็ถือว่าเข้ากันได้ดี

รับประทานอาหารเสร็จ กู้ฉางฉิงรู้ว่ามั่วจุยกลับมา แน่นอนว่าต้องมีเรื่องปรึกษการือกับเฟิงจิ่งเหยา ก็เลยไม่ได้ให้เฟิงจิ่งเหยาไปเป็นเพื่อนตนเองเดินเล่น

เธอไปเดินเล่นที่สวรดอกไม้คนเดียว กำลังวางแผนที่จะกลับห้องไปทำต้นฉบับต่อ

สุดท้ายก็คาดไม่ถึงว่าจะไปปะทะกับสายตาที่มืดมนของมั่วหลี

เธอขมวดคิ้วด้วยจิตสำนึก นึกถึงคำพูดแปลกประหลาดก่อนหน้านี้ที่ผู้หญิงคนนี้พูด ก็วางแผนที่จะจากไปอย่างไม่สนใจ

พอดี ครั้งนี้มั่วหลีไม่ได้หาเรื่องทะเลาะ เพียงแค่มองเธอจากไป

กู้ฉางฉิงถูกเธอจับตามองจนกลับไปถึงห้อง เธออดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

เธออยากจะเล่าท่าทีของมั่วหลัให้เฟิงจิ่งเหยาฟัง แต่นึกถึงว่าถ้าหากเธอพูดไป เฟิงจิ่งเหยาจะต้องกลับไปหามั่วหลีอย่างแน่นอน

ด้วยนิสัยของผู้หญิงคนนั้นแล้ว เกรงว่าเฟิงจิ่งเหยาไปพูดไว่ก่อนแล้ว ภายหลังก็จะมาหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับเธอ

เธอคิดถึงตรงนี้ ในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดไป วางแผนที่จะลองดูไป ถ้าผู้หญิงคนนี้ยังไม่เก็บอาการอีก เธอค่อยบอก

มั่วหลีไม่รู้ว่าท่าทีของเธอดึงดูดความไม่พอใจในสายตาของกู้ฉางฉิง

เธอเห็นกู้ฉางฉิงเดินผ่านหน้าเธอไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในใจก็เคียดแค้นขึ้นมา

ก็แค่ได้รับความรักจากคุณผู้ชาย ถึงกับไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยหรอ?

เธอคิดพลาง ความคิดชั่วร้ายภายในใจก็รุนแรงขึ้น

ถ้าคุณผู้ชายงานยุ่งจนปลีตัวไม่ได้ ก็คงจะห่างจากผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม?

ความคิดนี้ออกมา ก็ยิ่งไม่สามารถควบคุมได้

เพราะเธอคิดว่า ถ้าคุณผู้ชายมีเรื่องยุ่ง ก็จำเป็นต้องใช้เธอแน่นอน

เวลานั้น เธอก็สามารถอยู่ด้วยกันกับคุณผู้ชายได้ทั้งเช้าเย็น เธอสามารถหาข้ออ้างทุกอย่างที่จะให้คุณผู้ชายห่างจากหญิงชั่วคนนี้

เธอยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น กระทั่งคิดที่จะไปหามู่เฉาเกอตอนนี้ บอกแผนการภาพรวมของคุณผู้ชายของเธอ

แต่สุดท้าย เธอก็อดกลั้นเอาไว้

เรื่องนี้เธอจำเป็นต้องวางแผนอย่างละเอียดรอบครอบ ไม่สามารถทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันได้แม้แต่น้อย

เวลาเดียวกันนี้ หลังจากที่มั่วจุยและเฟิงจิ่งเหยาพูดคุยเรื่องงานกันเสร็จ ก็กลับไปยังห้อง แล้วก็ได้รับข่าวรายงานจากลูกน้อง

เขาอ่านข่าวด้านบนอย่างรวดเร็ว ยิ่งดูก็ยิ่งใจสั่น

เขาคาดไม่ถึงว่าช่วงที่มั่วหลีอยู่ที่นี่จะทำเรื่องโง่ๆได้ขนาดนี้

โชคดีที่พี่ชายของเขาเห็นว่าคนทั้งสองติดตามมาหลายปีแล้ว เลนไม่ได้จัดการมั่วหลี

เธอนึกถึงอาการของมั่วหลีเมื่อตอนเย็น ทันใดใจก็สั่นขึ้นมา

ชัดเจนว่า พี่ชายปล่อยมั่วหลีไป แต่มั่วหลีไม่ได้รู้ชัดถึงจุดยืนของตัวเอง

เขาหยิบมือถือขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด โทรไปหาลูกน้อง ทำการสั่งการสองสามอย่าง

สองสามวันต่อมา ถึงแม้ว่าเขาจะติดตามอยู่ข้างๆเฟิงจิ่งเหยา แต่ขณะนี้ก็เอาใจใส่กับความเคลื่อนไหวของมั่วหลี

วันนี้ เขาได้รับข่าว คาดไม่ถึงว่ามั่วหลีจะแอบตรวจสอบที่พักของมู่เฉาเกอ

เขาออกคำสั่งกลับไปที่ลูกน้อง หรี่ตาด้วยสีหน้าไม่คาดคิด

ทำงานร่วมกันมาหลายปี บวกกับการการะทำในช่วงนี้ของมั่วหลี เขาก็เดาได้ไม่ยากว่ามั่วหลีคิดจะทำอะไร

ก็เพราะว่ารู้ ในใจของเขาจึงหวาดผวาไม่หยุด

นี่มั่วหลีต้องการจะทรยศพี่ชาย!

……

ขณะเดียวกัน มั่วหลีไม่รู้ว่าแผนการของตนเองถูกคนคาดเดาได้แล้ว

หลังจากที่เธอได้รับที่อยู่ของมู่เฉาเกอ ก็อยู่ที่บ้านใหม่อย่างแสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น วางแผนรอให้ฟ้ามืดแล้วค่อยไปหาคน

ในคืนวันเดียวกัน หลังจากมั่วหลีรอให้คนทั้งหมดเข้านอนแล้ว ก็เริ่มเคลื่อนไหว

เธอสวมชุดท่ามกลางความมืด พอเธอกระโดดลงไปจากหน้าต่าง หางตาก็กวาดไปเห็นเงาบุคคลคนหนึ่งที่มุมกำแพง

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท