สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 406 ถูกเขาเอือมระอา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ั่วหลีตกใจ พูดอย่างตื่นตัวว่า : “ใครอยู่ตรงนั้น?”

มั่วจุยได้ยิน ก็เดินออกมาจากมุมมืด

“ฉันเอง”

เขามองมั่วหลีด้วยสายตามืดครึ้ม ในแววตาเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน

มั่วหลีเห็นว่าเป็นมั่วจุย ชั่วขณะก็ผ่อนคลายลง

“ดึกๆดื่นๆ คุณลงมาชั้นล่างทำอะไร?”

เธอถามอย่างอารมณ์เสีย

มั่วจุยเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ พิจารณาการแต่งกาย ทำเป็นแกล้งถามว่า : “ฉะนจะทำอะไรไม่สำคัญ คุณล่ะคิดจะไปไหน?”

มั่วหลีพูดไม่ออก กำลังคิดหาข้ออ้างมาตบตา ทางด้านมั่วจุยนั้นก็ถามอีกว่า

“ดึกๆดื่นๆ ยังไม่พักผ่อน ไฟก็ไม่เปิด ยังไม่ออกทางประตู ปีหน้าต่างออกมา คุณคิดจะทำอะไร?”

มั่วหลีถูกเขาซักถามคิดต่อกันก็หวาดหวั่นเล็กน้อย

“ฉัน……”

เธอคิดอย่างเร่งด่วน พยายามหาข้ออ้างที่เหมาะสมให้ตัวเอง

แต่ยังไม่ทันได้พูด ก็ถูกมั่วจุยพูดหัวข้อต่อไป

“คุณคิดจะไปหามู่เฉาเกอ”

ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคยืนยัน ทำให้มั่วหลีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

“คุณรู้ได้ยังไง?”

เธอถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ท้ายที่สุดก็ดูเหมือนจะคิดอะไรได้ กัดฟันพูดว่า : “คุณตรวจสอบฉันหรอ?”

มั่วจุยก็ไม่ได้ปฏิเสธ

“ใช่ ถ้าฉันไม่ตรวจสอบคุณ คุณรู้ไหมว่าคุณเกือบจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่!”

เขาถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด : “คุณไปหามู่เฉาเกอ คิดจะไปบอกแผนการของลูกพี่กับผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม?”

มั่วหลีไม่ได้พูดอะไร แต่ความหวาดหวั่นบนใบหน้าได้บอกคำตอบไปแล้ว

มั่วจุยเห็นเช่นนี้ ก็โกรธอย่างมาก แล้วก็ผิดหวังอย่างยิ่ง

“คุณรู้ไหมว่าการกระทำของคุณเช่นนี้คือการทรยศลูกพี่?”

มั่วหลีได้ยิน ก็ตัวสั่น

“ฉันไม่ได้จะทรยศคุณผู้ชายนะ”

เธอโต้แย้งโดยจิตใต้สำนึก มั่วจุยได้ฟังก็หัวเราะเยาะไม่หยุด

“ไม่ได้ทรยศ งั้นคุณไปหามู่เฉาเกอทำไม?”

มั่วหลีเงียบไป

มั่วจุยจ้องมอง โกรธอย่างมาก หัวเราะเยาะพูดว่า : “โอเค ถึงแม้ฉันจะเชื่อว่าคุณไม่ได้ทำ แต่คุณผู้ชายจะเชื่อไหม?”

มั่วหลีเม้มปาก

เป็นธรรมดาที่เธอรู้ว่าคุณผู้ชายจะต้องไม่เชื่อ

แต่เธอก็ไม่ยินยอม

มั่วจุยมองดูสีหน้าของเธอ จะไม่รู้ได้ยังไงว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่ ในแววตาเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

เขาไม่ได้เปิดโปง พูดตักเตือนว่า : “ตอนนี้ทุกๆอย่างยังสามารถเยียวยาได้ มั่วหลี อย่าทำเรื่องโง่ๆ มิเช่นนั้นหากลูกพี่มาพบเข้า ทุกอย่างจะสายไปแล้ว”

มั่วหลีก้มหน้า กำมือแน่น ดูเหมือนว่ายังไม่คิดจะยอมแพ้

มั่วจุยเห็นเช่นนั้น ได้แต่ใช้วิธีพูดให้สำนึก

“คุณน่าจะรู้ วิธีการของลูกพี่ต่อคนทรยศ แบบเบาก็ถูกเนรเทศ แบบหนักๆก็ถูกฆ่า คุณอยากถูกลูกพี่เอือมระอาหรอ?”

“ไม่!”

มั่วหลีแทบจะปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ

ในเวลาเดียวกันเธอก็สงบลงมา ตกใจกลัวจนตัวสั่น

เธอเหมือนถูกปีศาจเข้าสิงได้อย่างไรนะ?

ตามนิสัยของคุณผู้ชาย หากรู้ว่าเธอร่วมมือกับคนนอกทรยศเขา แม้ว่าจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่เมื่อถึงเวลาเธอต้องถูกขับไล่อย่างแน่นอน แล้วก็รังเกียจเธอ

แค่คิดว่าคุณผู้ชายต้องการจะอยู่ห่างจากเธอ จนถึงขั้นรังเกียจเธอ ในใจของเธอก็ราวกับถูกมีดหั่น เจ็บจนหายใจลำบาก

มั่วจุยมองเธอที่ค่อยๆได้สติ ในเวลาเดียวกันก็โล่งอก แล้วก็ไม่สบายใจอย่างมาก

แต่เขาก็เก็บอารมณ์ของตนเองได้อย่างรวดเร็ว มองสีหน้าที่เศร้าโศกของมั่วหลี ก็รู้ว่าเธอไม่สบายใจ จึงดึงมือเธอ

“คุณกลับตัวกลับใจได้ก็ดีแล้ว พอดีเลย เราไม่เจอกันนานมากแล้ว เพื่อไม่ให้คุณเสียเวลาออกไปข้างนอก เราไปดื่มเหล้ากันเถอะ”

เขาพูดจบ ก็ไม่ให้โอกาสมั่วหลีได้ตอบโต้ พาเธอออกไปยังด้านนอกประตู

แต่ไม่รู้ว่า การกระทำของพวกเขาถูกเฟิงจิ่งเหยามองอยู่ในสายตา

เขามองภาพด้านหลังคนทั้งสองหายไป กระทั่งมองไม่เห็นคนแล้ว จึงหันเดินกลับไปยังห้อง

อนึ่งมั่วหลีที่ถูกมั่วจุยพาไปบาร์เหล้า พอนั่งลง มั่วหลีก็ดื่มเหล้าไม่หยุด

เธออึดอัดใจอย่างมาก หาข้ออ้างต่อไปเพื่อระบายอารมณ์

มั่วจุยที่กำลังมองเธออยู่ข้างๆ ถึงแม้จะเจ็บปวดใจ แต่ก็ไม่เอ่ยปากปลอบใจ

ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน มั่วหลีดื่มจนเมาเล็กน้อย เธอก็คว้าแขนเสื้อของมั่วจุย ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ

“มั่วจุย คุณบอกมาสิว่าทำไมฉันอยู่ข้างกายคุณผู้ชายมาตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว คุณผู้ชายยังไม่ชอบฉันอีกล่ะ?”

มั่วจุยเม้มปาก “คุณเมาแล้ว”

เขาพยายามปลอบโยนมั่วหลี แต่มั่วหลีสะบัดมือของเขาออก

“ไม่ ฉันไม่เมา คุณผู้ชายเขาลำเอียง”

เธอร้องไห้กับความเสียใจที่ได้รับในช่วงเวลานี้

มั่วจุยฟังแล้วก็ปวดใจอย่างมาก “พี่ชายมีคนที่ชอบอยู่แล้ว มั่วหลี คุณต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางนะ”

เขาอยากปลอบใจให้มั่วหลีล้มเลิก

มั่วหลีนิ่งอึ้งไป ส่ายหน้าที่แฝงไปด้วยน้ำตา: “ฉันทำไมได้ ฉันชอบคุณผู้ชายมากจริงๆ จนปัญญาที่จะควบคุมได้โดยสิ้นเชิง”

เธอพูดพลาง ก็มองไปยังมั่วจุยด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า คล้ายกับกำลังขอความช่วยเหลือ กล่าวถามว่า: “คุณบอกมาสิ ว่าฉันควรทำยังไง?”

มั่วจุยเห็นสายตาของเธอที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ในสายตาก็เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มใจ

เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าควรจะทำอย่างไร?

และเขาชอบเธอ เธอเคยรู้ไหม?

เขาคิดพลาง มองมั่วหลีอ้าปากอยากจะพูด แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา

สุดท้าย เขาก็ระงับคำพูดเหล่าที่ยากเกินกว่าจะอธิบายเอาไว้ในใจ พูดแนะนำว่า: “ดื่มเหล้าเถอะ พอเมาแล้วก็ไม่ตัองไปคิดอะไร”

มั่วหลีพยักหน้าคล้ายกับเข้าใจ

แบบนี้ คนทั้งสองจึงเมาหัวราน้ำกันอยู่ในบาร์เหล้า สุดท้ายก็พยุงกันออกไป

แต่ฉากเล็กๆนี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของตนอื่นๆ

ครึ่งเดือนต่อมา ดารดำเนินชีวติยังคงเหมือนเดิม

แต่ที่ไม่เปลี่ยนก็คือ สงครามการล่าของตระกูลเฟิงและตระกูลมู่ ยิ่งนานยิ่งรุนแรงขึ้น

ทุกคนในเมืองหลวงที่จากเริ่มแรกเฝ้าดูอย่างตื่นเต้น ตอนนี้ก็เดิมพันกันอย่างใจเย็น

พวกเขาเดิมพันว่าสงครามธุรกิจนี้จะจบลงเมื่อใด ใครจะเป็นฝ่ายชนะ

แน่นอน ในสงครามการค้านี้ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือคนรับผิดชอบของเซนต์เดโบ

เพราะการแย่งชิงของทั้งสองตระกูล ราคาหุ้นของเซนต์เดโบเพิ่มขึ้นจากยี่สิบหยวนเป็นสามสิบหยวนต่อหุ้น กล่าวได้ว่าเป็นการฉีกราคาตลาดหุ้นที่สูงที่สุดในขณะนี้

ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นนี้ก็ไม่ใช่ราคาหุ้นที่จุดสูงสุด ยังจะมีแน้วโน้มที่เพิ่มขึ้นอีก

นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ติดตามก็สามารถทำกำไรได้มากเช่นกัน

มู่ซื่อกรุ๊ป

พ่อมู่รู้แล้วว่าราคาหุ้นเซนต์เดโบกลายเป็นราคาที่สูงเสียดฟ้า เมื่อมู่เฉาเกอกำลังดำเนินการต่อ ก็ให้ลูกน้องไประงับทันที

มู่เฉาเกอรู้ข่าวนี้ ก็ไปหาพ่อมู่ทันที

“พ่อ ทำไมคุณถึงให้คนของฉันหยุดลงมือ?”

เธอกล่าวถามอย่างไม่พอใจ เธอพิจารณาดูแล้ว เพียงต้องการเพิ่มไฟอีก เธอก็สามารถปิดกั้นเงินทุนของเฟิงซื่อกรุ๊ปได้ ทันใดนั้นเฟิงซื่อกรุ๊ปก็จะต้องตกอยู่ในพายุใหญ่อย่างแน่นอน

พ่อมู่มองลูกสาวที่ลำพองใจอยู่ตรงหน้าอย่างเงียบๆ ในสายตาก็ผิดหวัง

“เฉาเกอ ฉันรู้ว่าคุณคิดจะทำอะไร แต่สภาวะตลาดหุ้นในตอนนี้ ไม่เหมาะสมที่มู่ซื้อจะลงมือแล้ว ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ก็มูลค่าไม่ถึงสามพันล้าน อีกอย่าง ถึงแม้ว่าจะให้เฟิงจิ่งเหยาเอาไป คุณอยากจะเพิ่มความลำบากให้เขาก็ถือว่าสำเร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องชนจนตาย”

เขาพูดโน้มน้าวอย่างจริงใจ พูดถึงความกังวลภายในใจออกมา

แต่มู่เฉาเกอไม่ได้นำมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

“แต่ไหนแต่ไรอย่างมากก็แค่อดตายเพราะความกล้าหาญ สำหรับฉันแล้ว เฟิงจิ่งเหยาจะต้องได้รับบางสิ่งกับบริษัทนี้ ซึ่งบริษัทนี้นั้นมีมูลค่าสามพันล้าน!”

เธอพูดจบ ก็คล้ายกับนึกถึงอะไร กล่าวอย่างปล่อยวางว่า: “ฉันรู้ว่าคุณกำลังกังวลอะไร สถานการณ์ตอนนี้ของทั้งสองบริษัท เฟิงจิ่งเหยาไม่สามารถเล่นเกมส์กับพวกเราได้ ดังนั้น ขอแค่คุณรอดู! อีกอย่าง ความอัปยศอดสูที่ฉันประสบก่อนหน้านี้ไม่ได้ไร้ผล ฉันต้องการให้เขาเสียใจ!”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท