หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 15 อย่าเข้ามาใกล้ฉัน

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองผู้ชายคนนั้น ย่อตัวลงด้วยความฉุนเฉียว “ฉันไม่อยากให้นายมายุ่ง!”

ชายคนนั้นนั่งยองๆ ตรงหน้าเธอ แล้วพูดเสียงทุ้ม “เด็กผู้หญิงอย่างเธอ เป็นอะไรไม่พอใจ? ”

“ไม่เกี่ยวกับนาย! อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!” เจี่ยนอี๋นั่วพูดกับผู้ชายคนนั้นอย่างฉุนเฉียวต่อ

“ดุมากอ่ะ! เด็กผู้หญิงดุๆ แบบเธอ ระวังหาสามีไม่ได้นะ” ผู้ชายคนนั้นหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่วด้วยความสนใจอีก

เจี่ยนอี๋นั่วนั่งยองๆ อยู่ที่เดิม มองผู้ชายคนนั้น จากนั้นก็ฝังศีรษะบนแขน ไม่มองผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนนั้นค่อยๆ เข้าไปใกล้ กดเสียงทุ้มต่ำ ถามขึ้นอย่างประหม่าเล็กน้อย “เธอเป็นอะไร? ไม่สบายเหรอ? ถ้าไม่สบาย ฉันไปส่งเธอโรงพยาบาลได้นะ”

เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น มองผู้ชายคนนั้น ทันใดนั้นก็หยิบสเปรย์กันแดดในกระเป๋าเมื่อครู่ออกมา แล้วฉีดเข้าไปในดวงตาผู้ชายคนนั้นอย่างแรง

ผู้ชายคนนั้นร้องตะโกนและปิดตา “อ๊าก……เธอฉีด นี่มันอะไร? สเปรย์พริกไทยเหรอ? ”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วยืนขึ้นมา พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “จัดการนายไม่ต้องใช้สเปรย์พริกไทยหรอก แค่สเปรย์กันแดดก็พอ คราวหน้าถ้าอยากจีบสาว ทางที่ดีก็ดูอารมณ์ของเธอก่อนนะ ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนแค่ได้ยินนายพูดไม่กี่ประโยค นายก็จะทำอะไรเธอได้”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็เตะชายคนนั้นอย่างแรง อ้อมตัวชายคนนั้น เดินไปที่รถประจำทางที่เพิ่งขับมา

“เฮ้……เธอจะไปแล้วเหรอ……” ผู้ชายคนนั้นปิดตายืนขึ้นมา กลับเห็นแค่แผ่นหลังของเจี่ยนอี๋นั่ว

ผู้ชายคนนั้นขยี้ตาพลางหัวเราะขมขื่น “สเปรย์กันแดดเหรอ? ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ !”

เจี่ยนอี๋นั่วนั่งรถประจำทาง เมื่อเห็นสภาพย่ำแย่ของผู้ชายคนนั้นผ่านหน้าต่างรถ ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างสบายใจ จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็ใส่สเปรย์กันแดดไว้ในกระเป๋าเป้อย่างระมัดระวัง แล้วพึมพำเสียงเบา “จริงๆ เลย เสียสเปรย์กันแดดไปกับเขาซะเยอะเลย นี่เป็นแบรนด์เนมด้วย ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีเงินซื้อได้อีก……”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็เม้มปาก อดไม่ได้ที่จะยิ้มขมขื่น เจี่ยนอี๋นั่วเริ่มทุกข์ใจกับสิ่งของเหล่านี้แล้วเหรอ?

เจี่ยนอี๋นั่วคิดถึงตรงนี้ ก็ยิ้มอย่างหมดหนทางแล้วส่ายหน้า เธอต้องใส่ใจกับการประหยัดเครื่องสำอาง แม้แต่ตอนขึ้นรถเมื่อครู่นี้ เพราะเธอมีแค่หนึ่งหยวน ไม่มีทางไปโรงพยาบาลได้ เลือกที่จะกลับบ้านตระกูลเหลิ่งก่อน เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอี๋นั่วสัมผัสถึง “ความจน” ครั้งหนึ่งเธอเคยสงสัยว่าทำไมคนที่ภูมิหลังครอบครัวไม่ดีส่วนมากจะรู้สึกต่ำต้อย ที่แท้ “ความจน” คำนี้มันทำลายความหยิ่งในศักดิ์ศรีและความเย่อหยิ่งของทุกคนไป คนจนต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว เพื่อเลี่ยงในการตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วน เพราะพวกเขาไม่มีการป้องกันใดๆ เลย

แบบนี้จะรักษาความหยิ่งในศักดิ์ศรีได้อย่างไร? ค่าใช้จ่ายในตอนทานอาหาร เข้าสังคม การเดินทางมันไม่มีทางรับประกันได้เลย จะรักษาความทรงเกียรติของตัวเองได้อย่างไร? ความทรงเกียรติมากมายมันถูกสร้างด้วยเงิน ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วนับถือคนที่พึงพอใจกับความยากจนการหยิ่งในศักดิ์ศรีและรักตัวเอง ในที่สุดเธอก็รู้ว่านั่นต้องใช้ความกล้าหาญและความเชื่อมั่นในตัวเองแค่ไหน แค่เจี่ยนอี๋นั่วเข้าใจเหตุผลนี้ ดังนั้นราคาที่จ่ายจึงสูงเกินไป

ป้ายรถประจำทางจอดอยู่ห่างกับพื้นที่คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งอยู่บ้าง เจี่ยนอี๋นั่วเดินสิบกว่านาทีก็ถึงหน้าประตูใหญ่ตระกูลเหลิ่ง บอดี้การ์ดหน้าประตูบ้านตระกูลเหลิ่งเห็นเจี่ยนอี๋นั่วสักพัก ก็จำสถานะของเจี่ยนอี๋นั่วได้ รีบยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณหญิง ผมจะเรียกรถไปส่งคุณ”

พูดจบ ไม่รอให้แสดงท่าที บอดี้การ์ดก็เรียกรถคันหนึ่ง เจี่ยนอี๋นั่วลังเลสักพัก ก่อนจะนั่งรถ เพราะพื้นที่คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งใหญ่เกินไป ถ้าไม่มีรถ เจี่ยนอี๋นั่งเดินเข้าไปคฤหาสน์หลัก ไม่รู้ว่าต้องเดินนานแค่ไหน เทียบกับครั้งแรกที่พบกับความไม่คุ้นเคยของพื้นที่คฤหาสน์ เจี่ยนอี๋นั่วค่อนข้างคุ้นเคยกับตระกูลเหลิ่งบ้างแล้ว ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากคนรับใช้ เธอเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ตระกูลเหลิ่งเลย

คนรับใช้ของตระกูลเหลิ่งมีมารยาทดีเป็นพิเศษ ปกติแต่ละคนจะเหมือนมนุษย์ล่องหน ความรู้สึกของการมีอยู่ต่ำมาก แต่เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ก็มีคนรับใช้เดินเข้ามาทันทีแล้วพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วว่า “เสื้อผ้าคุณหญิงเปียกแล้ว ต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้าไหมคะ? ”

เจี่ยนอี๋นั่วยังปรับตัวไม่ได้กับชื่อเรียกนี้ ได้ยินคำพูดของคนรับใช้ตระกูลเหลิ่ง ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ถามขึ้นเสียงเบา “คุณพูดกับฉันหรือเปล่าคะ? ”

คนรับใช้ตระกูลเหลิ่งพยักหน้า “ค่ะ คุณหญิง คุณเปียกฝนมาใช่ไหมคะ? ฉันจะไปเติมน้ำให้คุณ หลังจากคุณออกไปในตอนเช้า คุณนายก็ซื้อเสื้อผ้าตามขนาดตัวคุณมา สั่งฉันไว้เป็นพิเศษว่าถ้าคุณกลับมา ให้ขึ้นไปลองข้างบน หวังว่ามันจะพอดีตัวคุณ”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเบาๆ “ขอบคุณค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็หันหลังเดินขึ้นชั้นบนไปพร้อมกับคนรับใช้ หลังจากเดินขึ้นไปถึงข้างบน เจี่ยนอี๋นั่วก็ลังเลนิดหน่อย เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรไปที่ไหน? ควรไปที่ห้องของเหลิ่งเซ่าถิงไหม? ขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วลังเล ประตูห้องเหลิ่งเซ่าถิงก็เปิดออกทันที

เหลิ่งเซ่าถิงเดินออกมาจากในห้อง เขาเปลี่ยนเป็นชุดสูทสีดำ แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นสูทสั่งตัด เหมาะกับตัวเป็นพิเศษ สีหน้าเขาไม่ได้ซีดเซียวขนาดนั้นแล้ว เปล่งประกายด้วยแสงสวย ดูไม่เหมือนผักที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาเลย

เขาเห็นเจี่ยนอี๋นั่ว มุมปากเม้มเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างเย็นชา “คุณย่าให้เธออยู่กับฉัน เธอเข้าไปสิ”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว พูดขึ้นเสียงทุ้ม “แต่……ฉัน……ฉันต้องอาบน้ำ……และต้องเปลี่ยนชุด”

เหลิ่งเซ่าถิงติดกระดุมปลายแขนพลางพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยเสียงเย็นชา “เธอใช้ห้องน้ำได้”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท