หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 23 นี่ก็เป็นลูกของฉันเหมือนกัน

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วมองดูฉู่หมิงเซวียน จากนั้นจึงหรี่ตาและหัวเราะขึ้น:“ฉันเคยคบกับนายนั้น เป็นเรื่องที่ทำให้พ่อของฉันรู้สึกอับอายมากที่สุด ฉันไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องอื่นที่มันน่าอับอายมากไปกว่านี้แล้ว แล้วอย่าเที่ยวไปป่าวประกาศเรื่องของฉันกับคุณเหลิ่งอีก ฉันคิดว่าข่าวน่าอายแบบนี้ ตระกูลเหลิ่งคงรับรู้ได้ไม่ยาก”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอก็แฝงไปด้วยรอยยิ้มบางๆ เธอไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ถ้าหากเขาน่าอับอายของเธอกับเหลิ่งเฉิงอวี๋ถูกเผยแพร่ต่อไป มันจะทำให้ตระกูลเหลิ่งนั้นโกรธขึ้นมาได้ ในเมื่อตอนนี้เหลิ่งเฉิงอวี๋ก็ถือได้ว่าเป็นอารองของเธอ ที่เจี่ยนอี๋นั่วเตือนฉู่หมิงเซวียนไม่ใช่เพื่อที่จะปกป้องชีวิตของเค้า แต่เธอเองก็ไม่ชอบที่จะทำให้คนอื่นยิ่งรู้สึกรังเกียจเธอในเรื่องข่าวฉาวพวกนี้มากขึ้นไปอีก

“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ทุกคนก็เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทกันทั้งนั้น ต้องสามัคคีกันไว้สิเถียงกันไปมาให้พนักงานเห็นมันก็ไม่ดีนะ อี๋นั่วเธอก็ควรจะใจกว้างบ้างสิ่ เธอน่ะเป็นผู้หญิงนะ อวดเก่งและบ้าอำนาจแบบนี้ก็ไม่ดีต่อชื่อเสียงของเธอเท่าไหร่ เอาละพวกเธอคืนดีกันได้แล้ว เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของพวกเธอก็ออกจะดี ตอนนี้ทะเลาะกันอย่างกับอะไรดี“ ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะและบอกให้คืนดีกันดังขึ้นมาจากพวกผู้ถือหุ้น

เจี่ยนอี๋นั่วมองดูพวกผู้ถือหุ้นแวบหนึ่ง เธอรู้ว่าเขาและฉู่หมิงเซวียนนั้นสนิทสนมกันมาโดยตลอด ตอนนี้ที่เขาบอกให้คืนดีกัน ก็เพื่อที่จะไม่ให้ฉู่หมิงเซวียนนั้นรู้สึกอับอาย ถ้าหากเขานั้นอยากที่จะคืนดีกันจริงๆ ทำไมเมื่อกี้ที่เจี่ยนอี๋นั่วดูถูกฉู่หมิงเซวียน เขาไม่ออกมาพูดอะไรหน่อยล่ะ?ดันออกมาพูดตอนที่ฉู่หมิงเซวียนถูกเจี่ยนอี๋นั่วเตือนซะงั้น?

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะขึ้น และใช้น้ำเสียงที่อ่อนหวาน พูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า:“ฉันกับฉู่หมิงเซวียนไม่มีทางที่จะอยู่ร่วมโลกกันได้ตลอดไป ฉันจะไม่มีวันที่จะใจกว้างกับฉู่หมิงเซวียน จากวันนี้เป็นต้นไป มีฉันก็ต้องไม่มีเขา!”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ผู้คนที่อยู่รอบๆก็สงบลง ทุกคนรู้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเคยคบหากับฉู่หมิงเซวียนมาก่อน เธอเกลียดฉู่หมิงเซวียนขนาดนี้ ก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ เจี่ยนอี๋นั่วกวางสายตาไปที่ผู้คนรอบๆ จึงจะเดินออกจากห้องประชุม เมื่อเดินออกจากห้องประชุมได้ไม่นาน โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วก้มมองเบอร์โทรศัพท์ที่แสดงขึ้นบนหน้าจอ นี่มันเบอร์คนแปลกหน้านิ่

เจี่ยนอี๋นั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงจะรับโทรศัพท์ เมื่อรับโทรศัพท์แล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ได้ยินเสียงของคุณนายเหลิ่งผ่านสาย:“อี๋นั่ว ที่ฉันโทรหาเธอ ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่า อย่าตากฝนเหมือนเมื่อวานอีก เด็กในท้องของเธอน่ะไม่เหมือนกับเด็กอื่นๆ เขาค่อนข้างจะอ่อนแอ ต้องการการดูแลจากเธอเป็นพิเศษ”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบเดินไปตรงมุมตึก และพูดเสียงเบาๆว่า:“ท่านวางใจเถอะค่ะ ฉันจะดูแลลูกเป็นอย่างดี จะไม่เกิดเรื่องแบบเมื่อวานขึ้นอีกแน่นอน ท่านสบายใจได้ค่ะ ฉันจะทะนุถนอมเด็กคนเหมือนกัน……”

ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดอยู่นั้น เธอก็ยกมึกขึ้นมาลูบไปที่ท้องของเธอเบาๆ พรางหัวเราะและพูดขึ้นว่า:“เขาไม่เพียงแต่จะเป็นลูกของตระกูลเหลิ่ง เขายังเป็นลูกคนแรกของฉันอีกด้วย”

คุณนายเหลิ่งหัวเราะขึ้น:“อย่างนั้นก็ดี ฉันนี่ก็เป็นคนแก่แล้วจริงๆ อดไม่ได้ที่จะบ่นจู้จี้จุกจิก เมื่อก่อนฉันเห็นว่าคนแก่คนอื่นๆก็มักจะกวนพวกเด็กอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรืองแต่งงาน การงานหรือว่าเรื่องตั้งท้อง ก็ต้องเข้าไปยุ่งอยู่เสมอ เธออย่าเพิ่งเกลียดคนแก่ๆอย่างฉันเลยนะ”

คุณนายเหลิ่งนั้นก็มีความสามารถแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะเข้ามาก้าวก่ายเรื่องต่างๆในชีวิตของเธอ แต่กลับไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกรำคาญ เจี่ยนอี๋นั่วเม้มมุมปาก พรางหัวเราะขึ้น:“จะเกลียดได้ยังไงล่ะคะ?วางใจเถอะค่ะ ฉันจะพยายามดูแลลูกให้ดีที่สุด”

“ตัวของเธอเองก็ด้วย ต้องดูแลให้ดี เอาล่ะ เธอทำธุระของเธอต่อเถอะ ฉันไม่รบกวนเธอแล้วล่ะ” เมื่อคุณนายเหลิ่งพูดจบ จึงจะวางสายไป

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มบางๆพรางเก็บโทรศัพท์ เก็บโทรศัพท์ได้ไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงที่เย้นชาของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ:“ที่แท้เธอก็มีลูกกับผู้ชายของตระกูลเหลิ่ง?ตอนนี้ตระกูลเหลิ่งมีผู้ชายอยู่สามคน คนนึงก็ไม่รู้ว่าไปเสเพลอยู่ตรงมุมไหนของโลก คนนึงก็กลายเป็นเจ้าชายนิทรา ส่วนอีกคนก็เหลิ่งเฉิงอวี๋ เํธอท้องลูกคนเหลิ่งเฉิงอวี๋?”

เจี่ยนอี๋นั่วหันหลังไปมองฉู่หมิงเซวียนที่อยู่ด้านหลังของเธอ ตอนนี้ข่าวที่เหลิ่งเซ่าถิงฟื้นขึ้นมาแล้วนั้น มีเพียงแค่คนในตระกูลเหลิ่งไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ และยังไม่ได้เปิดเผยออกไป ในแวดวงคนรวยก็คงมีคนมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ อย่างฉู่หมิงเซวียนที่เดิมที่ก็เข้าไม่ถึงคนของตระกูลเหลิ่งอยู่แล้วนั้น ก็คงจะตามไม่ทันเป็นธรรมดา เขาไม่มีทางคาดเดาถึงเหลิ่งเซ่าถิงได้อยู่แล้ว และฉู่หมิงเซวียนก็รู้ดีว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเป็นคนเย่อหยิ่งมาก คงไม่มีทางที่จะมีลูกให้คนที่นอนเป็นเจ้าชายนิทราได้อย่างแน่นอน

เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามองฉู่หมิงเซวียน และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า:“ฉันรู้ว่านายเป็นคนไร้ยางอาย แต่ฉันคิดไม่ถึงว่ามรรยาทขั้นพื้นฐานของนายก็ไม่มี มาแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ ฉู่หมิงเซวียน นายนี่มันไร้ยางอายหน้าด้านที่สุด”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ จากนั้นจึงเดินผ่านฉู่หมิงเววียนไป ฉู่หมิงเซวียนเอื้อมมือไปดึงข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่วเอาไว้ในทันที ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด เขากัดฟันและพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วว่า:“ฉันถามเธอว่า เธอท้องลูกของเหลิ่งเฉิงอวี๋ใช่ไหม?”

“ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาย!ปล่อยฉันนะ!”เจี่ยนอี๋นั่วขึ้นเสียง

ดวงตาของฉู่หมิงเซวียนแดงก่ำ เขาถลึงตาใส่เจี่ยนอี๋นั่ว และพูดด้วยเสียงทุ้มว่า:“เจี่ยนอี๋นั่ว!เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?เธอเป็นผู้หญิงที่เย่อหยิ่งมากขนาดไหน แต่ตอนนี้เธอขายตัว!ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปแบบนี้?”

“เพี๊ยะ!”

เจี่ยนอี๋นั่วสะบัดมือของฉู่หมิงเซวียนออก และตบฉู่หมิงเซวียนอย่างแรง และชี้หน้าฉู่หมิงเซวียนและพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า:“ฉู่หมิงเซวียน นายไม่มีสิทธิ์มาตำหนิฉัน!ตอนที่นายเริ่มให้ร้ายตระกูลเหลิ่ง แล้วก็อยู่กับเฉิงซานซาน นายก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันอีก ฉันจะเป็นยังไง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายสักนิด !แต่เพื่อไม่ให้นายพูดอะไรแย่ๆแบบนี้อีก ฉันจะบอกให้ก็ได้ ฉันกับเหลิ่งเฉิงอวี๋ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรแบบที่นายคิด เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา!”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็เดินไปที่ลิฟต์ทันที เธอกดเปิดลิฟต์ จากนั้นก็เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที ภายในลิฟต์ไม่มีใครอยู่ เจี่ยนอี๋นั่วมองดูลิฟต์ที่ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

แต่ทว่าประตูลิฟต์ยังทันจะปิดสนิท ก็มีมือคู่หนึ่งมาขวางประตูเอาไว้ ฉู่หมิงเซวียนนั่นเองที่เอามือมาง้างประตูลิฟต์ออก และแทรกตัวเข้าไปข้างใน และพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยเสียงทุ้มว่า:“ถ้าอย่างนั้นเด็กคนนี้เป็นของใคร?ถ้าไม่ใช่ของเหลิ่งเฉิงอวี๋แล้วจะเป็นของใคร?ใครจะดีพอที่จะให้เธอมีลูกให้กับเขา?จริงๆแล้วเะอมีผู้ชายคนอื่นมาตั้งนานแล้วใช่ไหม?ไม่อย่างนั้นเวลาสั้นๆขนาดนี้ เธอก็มีลูกกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง?ตอนที่เธออยู่กับฉัน…..ฉันรอนานมาก ถึงจะได้จูบจากเธอ……แต่ผู้ชายคนนั้นเพียงแค่ใช้เวลาไม่นานก็ได้เธอไป?”

เจี่ยนอี๋นั่วถอยหลบไปตรงมุมของลิฟต์ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกโกรธมากๆ เธอไม่เข้าใจเลยทั้งๆที่ฉู่หมิงเซวียนเป็นคนหักหลังเธอแท้ๆ ทำร้ายเธอจนเธอต้องขายเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง แล้วทำไมท่าทีของฉู่หมิงเซวียนในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอเป็นคนหักหลังฉู่หมิงเซวียนล่ะ?แต่เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากที่จะทะเลาะกันตอนที่เธออยู่กับฉู่หมิงเซวียนตามลำพัง มันไม่ดีกับตัวเธอเอามากๆ แถมในท้องของเธอก็มีทารกที่อ่อนแออยู่อีกด้วย

“ตอนนี้นายก็มีเฉิงซานซานอยู่แล้ว เธอมีลูกให้นาย นายก็ควรจะเอาใจใส่เธอ” เจี่ยนอี๋นั่วพูดขึ้นด้วยเสียงที่สุขุม เธอเงยหน้ามองแผงหน้าจอของลิฟต์ที่แสดงชั้นต่างๆ เมื่อเห็นว่าลิฟต์เริ่มลงไปชั้นล่าง เจี่ยนอี๋นั่วก็โล่งใจได้ในที่สุด

ราวกับว่าฉู่หมิงเซวียนนั้นไม่ได้ยินคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่วเลยแม้แต่น้อย เขาจ้องมองท้องของเจี่ยนอี๋นั่ว ตาแดงก่ำ พรางพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มว่า:“เธอ……ตอนนี้ในท้องของเธอ

เป็นลูกของเธอกับผู้ชายคนนั้นหรอ?ผู้ชายคนที่ได้ตัวเธอไป?ในเมื่อเธอยอมที่จะมีลูกกับผู้ชายที่เธอก็ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยได้?แล้วทำไมในตอนนั้นเธอถึงไม่ยอมให้ฉันนอนกับเธอ?ทำไมเธอไม่ยอมให้ฉันกับเธอใกล้ชิดกันมากขึ้น?จริงๆแล้วเธอไม่เคยเห็นค่าฉันเลยไช่ไหมล่ะ?ก็เหมือนกับพ่อของเธอนั่นแหละ”

ทำไมถึงไม่อยากใกล้ชิดกับฉู่หมิงเซวียนมากขึ้นนน่ะหรอ?ก็เพราะเธออยากที่จะเก็บมันเอาไว้ในคืนวันแต่งงานน่ะสิ่

เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาปี๋ จากนั้นก็ลืมตามองตัวเลขของชั้นต่างๆที่เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ พรางเม้มปาก และกำกระเป๋าในมือไว้แน่น

ฉู่หมิงเซวียนจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“เธอกำลังเครียดอยู่หรอ?กลัวฉันหรอ?ตอนแรกเธอเหมือนแมวน้อยที่ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของฉัน ตอนหน้าคนอื่นเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญ อยู่ต่อหน้าฉันเธอก็เหมือนแมวน้อยที่ขี้โมโห ถึงแม้บางครั้งจะเอาแต่ใจ กวนโมโห

แต่เมือนึกถึงตอนที่เธอเอาแต่ใจและหงุดหงิด ก็เป็นของฉันทั้งหมด ที่คนอื่นเห็นก็มีแค่ความแข็งแกร่งและเย็นชาของเธอ ฉันรู้สึกว่าอารมณ์ที่เอาแต่ใจและก็ความหงุดหงิดพวกนั้นเป็นสิ่งที่เธอมอบให้!แต่ตอนนี้เธอกลับยอมมีลูกกับคนอื่น!”

ฉู่หมิงเซวียนรีบเดินเข้าไปหาเจี่ยนอี๋นั่ว:“เธอจะชดใช้ฉันได้หรอ?”

“จริงๆแล้วนายรักฉัน?ถึงแม้ว่านายจะแก้แค้นพ่อของฉัน แต่นายรักฉัน?”เจี่ยนอี๋นั่วมองดูชั้นที่ค่อยๆเลื่อนลง เพื่อมไม่ให้ฉู่หมิงเซวียนเข้าใกล้เธอ เธอจึงทำได้เพียงพูดรบกวนเขา

ฉู่หมิงเซวียนที่ได้ยินคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว ก็ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที และพูดขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชาว่า:“เธอกำลังพูดอะไรอยู่?”

เจี่ยนอี๋นั่วที่เห็นฉู่หมิงเซวียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก็ค่อยโล่งใจหน่อย พรางพูดขึ้นเบาๆว่า:“ฉันพูดว่า ถึงแม้ว่านายจะพยายามล้างแค่ฉันและพ่อ จริงๆแล้วนายก็ชอบฉัน นายอยู่กับเฉิงซานซาน เป็นเพระานายไม่เชื่อมั้นในตัวเองมากพอ นายคิดว่านายไม่คู่ควรกับฉัน!นายไม่เคยมั้นใจเลยด้วยซ้ำว่าจะมีฉันได้!”

ปากของฉู่หมิงเซวียนสั่นระริก ใบหน้านั้นซีดเผือด เขายกมุมปากขึ้น และแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว:“ฉันรักเธอ?ฉันคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ?เธอล้อเล่นอะไรอยู่น่ะ?พ่อของเธอใส่ร้ายพ่อของฉัน!พวกเราคือคู่แค้น!และฉันก็เป็นคนทิ้งเธอ?ตอนที่เธอเห็นฉันกับเฉิงซานซานอยู่บนเตียง ไม่ว่าเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้วหรอกหรอ?ท่าทางที่น่าอับอายของเธอ อยากให้ฉันพูดให้ฟังไหมล่ะ?”

จริงๆแล้วเจี่ยนอี๋นั่วไม่สนเลยด้วยซ้ำว่าฉู่หมิงเซวียนจะมีความรู้สึกยังไงต่อเธอ ที่เธอพูดออกไปแบบนี้ เพียงแค่อยากเบี่ยงเบนความสนใจของฉู่หมิงเซวียนก็เท่านั้น แต่ตอนนี้เธอที่ได้ฟังฉู่หมิงเซวียนพูดถึงเรื่องในอดีต ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปาก และหัวเราะออกมา:“ตอนนั้นฉันโง่เอง”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็มองไปที่ลิฟต์ที่ได้ถึงชั้นหนึ่งแล้ว ประตูลิฟต์ก็ค่อยๆเปิดออก เจี่ยนอี๋นั่วก็รีบผลักฉู่หมิงเซวียนออกและเดินออกไป ฉู่หมิงเซวียนก็รีบเดินตามหลังเจี่ยนอี๋นั่วไป และดึงเจี่ยนอี๋นั่วเอาไว้ พรางพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า:“เธอยังไม่ได้บอกเลยว่าเด็กในท้องของเธอคือลูกของใคร!เธอต้องบอกฉัน!”

ฉู่หมิงเซวียนจับข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่วเอาไว้แน่น ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และพูดด้วยเสียงทุ้มว่า:“นายปล่อมมือฉันเดี่ยวนี้นะ!”

“ฉันไม่ปล่อย!”ฉู่หมิงเซวียนพูดขึ้นด้วยความโมโห

“ฉันแนะนำให้นายปล่อยมือเธอจะดีกว่านะ!”จู่ๆเสียงแหบพร่าของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น:“ไม่อย่างนั้นถ้าเธอโมโหขึ้นมา คงจะใช้เสปร์ยกันแดด พ่นใส่ตาของนายแน่”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท