หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 28 รักแรกกลับมา

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าวันเวลาต่อจากนี้ที่อยู่ห้องเดียวกับเหลิ่งเซ่าถิงจะยากลำบาก แต่เหลิ่งเซ่าถิงไม่สนใจจะพูดกับเธอเลยแม้แต่ประโยคเดียว ถึงจะน่าเบื่อมาก ก็ไม่มีอะไรยากลำบาก ไม่กี่เดือนต่อมา เด็กในท้องเจี่ยนอี๋นั่วก็มั่งคงขึ้น บางครั้งเจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของเด็กในท้อง

การตรวจครรภ์ครั้งล่าสุด คุณหมอก็โล่งใจในที่สุด บอกว่าเด็กในท้องเจี่ยนอี๋นั่วมั่งคงแล้ว เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินการเต้นหัวใจของเด็กในท้อง ร่างกายเธอก็สั่นเล็กน้อย ในร่างกายเธอมีหัวใจสองดวงเต้นอยู่ น่ามหัศจรรย์จริงๆ

เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าไม่เคยได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่ไหนระรื่นหูไปมากกว่านี้แล้ว เธอหรี่ตา คอยฟังอัตราการเต้นหัวใจของเด็กในท้องที่แสดงอยู่บนเครื่องมือ หยิบเครื่องมือขึ้นมาฟังไม่หยุด

คุณนายเหลิ่งยิ้มแล้วพูดขึ้น “เอาเครื่องมือกลับห้องให้เซ่าถิงฟังด้วยสิ”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว “ให้เขาฟังเหรอคะ? ทำไม?”

คุณนายเหลิ่งพูดเสียงเบา “เธอต้องให้เขารู้ว่าเขาเป็นพ่อคนแล้ว อี๋นั่ว ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงให้เธออยู่ต่อ แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเด็กแล้ว เขาต้องเข้าใจได้บ้าง”

อย่าว่าแต่เหลิ่งเซ่าถิงไม่เข้าใจว่าทำไมคุณนายเหลิ่งถึงอยากให้เธออยู่ต่อ แม้แต่เจี่ยนอี๋นั่วเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณนายเหลิ่งยืนกรานให้เธออยู่ต่อ

เจี่ยนอี๋นั่วคิดไปคิดมา ก็มีแค่เหตุผลเดียว เธอจึงพูดเสียงทุ้ม “คุณย่า คุณให้ฉันอยู่ต่อเพราะฉันท้องเหรอคะ?”

คุณนายเหลิ่งยิ้มขึ้นมา “แค่เป็นหนึ่งในเหตุผล และนิสัยของเธอ เธอเต็มใจเสียสละเพื่อครอบครัว ฉันเชื่อว่าหลังจากเธอได้อยู่กับเซ่าถิงแล้ว เธอต้องยินยอมปกป้องเซ่าถิงเมื่อเซ่าถิงตกอยู่ในอันตรายที่สุดอย่างแน่นอน คุณนายอย่างฉันคนนี้เหลือหลานชายคนเดียว คนที่เหลือไม่เกี่ยวข้องกับฉันเลย ฉันคิดถึงแค่หลานชายคนนี้ ฉันอยากให้คนที่ดีที่สุดกับเขา และเธอก็เป็นคนที่ดีที่สุดที่ฉันเลือก ฉันเคยเห็นเด็กผู้หญิงมามากมาย เธอเป็นคนที่ดีที่สุดคนนั้น ฉันไม่เก็บเธอไว้เป็นภรรยาเซ่าถิง แล้วจะเก็บใครไว้ล่ะ?”

คุณนายเหลิ่งพูดจบ ก็ยิ้มหรี่ตา เธอมองเจี่ยนอี๋นั่ว ราวกับมองหาของขวัญที่เธอชอบ

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย คนที่ดีที่สุดเหรอ?

เธอจะเป็นคนที่ดีที่สุดได้อย่างไร นิสัยไม่ได้อ่อนโยน รูปลักษณ์ก็ไม่ได้ดีเลิศ เทียบกับคุณหนูร่ำรวยหลายๆ คน ตอนนี้ตระกูลเจี่ยนยังต้องการการสนับสนุนจากตระกูลเหลิ่ง ไม่ว่าจะมองอย่างไร เธอในตอนนี้ก็ไม่ได้ “ดีที่สุด” นะ?

คุณนายเหลิ่งมองเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มขณะที่พูดขึ้น “เอาล่ะ เธอไปพักผ่อนเถอะ ถึงแม้เด็กในท้องจะมั่นคงแล้ว แต่ก็ต้องระวังให้มากๆ ช่วงนี้ต้องลำบากเธอจริงๆ มันทรมานลำบากมากใช่ไหม? ต่อไปก็เดินได้นิดหน่อยแล้วนะ ตอนนี้ดอกไม้ในสวนก็บานหมดแล้ว เธอมีเวลาก็ออกมาเดินชมได้นะ อุดอู้อยู่แต่ในห้องมันก็ไม่ดีเหมือนกัน”

เจี่ยนอี๋นั่วอึดอัดจริงๆ ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ในตระกูลเหลิ่งจะมีกินมีใช้ แต่อยู่บนเตียงเวลานานไม่ขยับไปไหน ไม่ว่าใครก็ทนไม่ไหวจริงๆ แต่ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน สำหรับเจี่ยนอี๋นั่วมันคุ้มค่า เพราะในที่สุดเธอก็มีลูกเป็นของตัวเอง เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นประคองท้องเล็กน้อย ค่อยๆ ยิ้มขึ้นมา “คุณย่า งั้นฉันกลับห้องก่อนนะคะ”

กลับไปถึงห้อง เจี่ยนอี๋นั่วก็หายใจเข้าลึกๆ ก่อนเดินไปหาเหลิ่งเซ่าถิง พูดกับเหลิ่งเซ่าถิงด้วยเสียงทุ้ม “คุณย่าบอกว่าให้ฉันเอาเสียงหัวใจเด็กเต้นมาให้คุณฟัง”

ตอนแรกเจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะปฏิเสธ แต่ไม่คิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะมองเธอ ก่อนจะรับหูฟังในมือเธอมา ขมวดคิ้วแล้วฟังมัน

ได้ยินเสียงหัวใจเต้นในหูฟัง เหลิ่งเซ่าถิงก็พูดขึ้นเสียงทุ้ม “นี่คือการเต้นหัวใจของเด็กเหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า “คุณหมอบอกว่าเด็กในท้องมีพัฒนาการที่ดีมาก”

เหลิ่งเซ่าถิงมองท้องเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพูดเสียงทุ้ม “เป็นแบบนี้แล้ว ดูเหมือนเธอจะสามารถคลอดเด็กคนนี้ได้อย่างปลอดภัยนะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า “ไม่ใช่ดูเหมือน ฉันต้องปกป้องเด็กคนนี้ได้แน่ๆ คลอดเขาออกมาอย่างปลอดภัย”

เจี่ยนอี๋นั่วมีความมุ่งมั่นและเชื่อมั่นที่หาได้ยากต่อหน้าเหลิ่งเซ่าถิง และไม่ใช่เอาแต่สัญญากับเหลิ่งเซ่าถิงเหมือนก่อนหน้านี้ เจี่ยนอี๋นั่วในตอนนี้ แต่เป็นเจี่ยนอี๋นั่วที่มีความสามารถและดุดันนิดหน่อย

เหลิ่งเซ่าถิงวางหูฟังลง กวาดตามองเจี่ยนอี๋นั่ว “เอาล่ะ เธออย่ารบกวนฉัน ฉันยังต้องทำงานต่อ ต่อไปหัวใจเต้นของเด็กหรืออะไรอื่นๆ ก็ไม่ต้องเอามาให้ฉันฟัง อย่าลืมล่ะ เรามีสัญญาแค่หนึ่งปี เด็กคนนี้หลังจากคลอดแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธออีกต่อไป เธอยังจำได้ไหม? เธอเคยพูดว่า เธอทิ้งได้ทุกอย่างเพื่อเงิน”

เจี่ยนอี๋นั่วกุมท้องทันที “แต่ฉันจะไม่ให้เด็กคนนี้กับคุณ”

เหลิ่งเซ่าถิงหันไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว “ยังไง ตอนนี้อยากกลับคำเหรอ? เธออย่าลืมนะ เธอเป็นแค่เครื่องมืออุ้มเด็กเท่านั้น ถึงเด็กคนนี้ฉันจะไม่ต้องการ แต่ในเมื่อเป็นเลือดเนื้อของฉัน ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เธอพรากไป”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากอย่างแรง ตอนนี้ถึงแม้เธอไม่ได้สนิทกับเหลิ่งเซ่าถิงมากขึ้น แต่ก็ไม่มีความขัดแย้งอะไร ช่วงนี้เจี่ยนอี๋นั่วคิดถึงแต่ลูก ลืมว่าตอนนี้เธออยู่ในสภาพกระอักกระอ่วนมากแค่ไหน

เมื่อก่อนเจี่ยนอี๋นั่วจะกลัวเหลิ่งเซ่าถิง ไม่กล้าพูดความคิดเธอออกไปตรงๆ แต่ประเด็นของลูก ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วไม่ยอมแพ้ เธอยากลำบากในการผ่าตัดครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะมีชีวิตน้อยๆ นี้ได้ เธอนอนบนเตียงทรมานมานานขนาดนี้ กว่าจะปกป้องเด็กคนนี้ไว้ได้ ตอนนี้อยากให้เธอคลอดเด็กคนนี้แล้วสั่งให้เธอไม่เกี่ยวข้องกับเด็กคนนี้อีกต่อไป เธอทำไม่ลง

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉันจะไม่ทิ้งเด็กคนนี้ ฉันเป็นแม่ของเขา ฉันจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไปจนเติบโต ที่ฉันเคยพูดว่าฉันทิ้งเขาได้ เพราะตอนนั้นฉันยังไม่รู้วิธีการเป็นแม่คน ฉันสัญญาไปไม่ดูตาม้าตาเรือ ตอนนี้ฉันไม่ทิ้งเขาเด็ดขาด แม้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงอย่างคุณจะมีอำนาจแค่ไหน ก็ไม่สามารถบังคับให้ฉันทิ้งลูกแท้ๆ ของตัวเองได้!”

เพื่อช่วยเหลือตระกูลเจี่ยน เจี่ยนอี๋นั่วสามารถกลายเป็นคนขี้ขลาดต่อหน้าเหลิ่งเซ่าถิงได้ เพื่อปกป้องลูกของตัวเอง เจี่ยนอี๋นั่วก็สามารถแข็งแกร่งกับเหลิ่งเซ่าถิงได้เช่นกัน เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็หันตัวรีบเดินไปไม่กี่ก้าวออกจากห้องไป

เหลิ่งเซ่าถิงมองแผ่นหลังเจี่ยนอี๋นั่ว ขมวดคิ้วขึ้นมาช้าๆ หรี่ตามองเสียงหัวใจเต้นของทารกบนโต๊ะ เขายกมือขึ้นสัมผัสมันเบาๆ เหมือนยังได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่ทรงพลังนั้นของเด็กในท้องเจี่ยนอี๋นั่วอยู่

เขามีลูกแล้วจริงๆ เหรอ?

หลังจากได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเด็กในท้องเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งเซ่าถิงก็ยอมรับในที่สุดว่าเขามีลูกคนหนึ่งแล้ว มือเหลิ่งเซ่าถิงรวบเข้าหากันเล็กน้อยแล้วกระซิบกับตัวเอง “แต่ทำไมดันเป็นผู้หญิงแบบนั้นที่ให้กำเนิดลูกของฉัน?”

เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้ปฏิเสธการติดต่อเจี่ยนอี๋นั่วในช่วงนี้ บางครั้งเขาก็จะดูแลเจี่ยนอี๋นั่ว แต่เหลิ่งเซ่าถิงรู้สึกว่าทั้งหมดเป็นแค่การดูแลของผู้ชายต่อผู้หญิงเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไร เจี่ยนอี๋นั่วผู้หญิงคนนี้คลอดลูกให้ชายแปลกหน้าได้เพราะเงิน มันก็มากพอที่จะทำให้เหลิ่งเซ่าถิงดูถูกเธอไปตลอดชีวิตแล้ว แต่ผู้หญิงแบบนี้ดันมีลูกของเขา และเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของเขา

หลังจากเจี่ยนอี๋นั่วเดินลงไปข้างล่าง เดินไปยังพื้นที่คฤหาสน์ ตั้งแต่เจี่ยนอี๋นั่วมาที่ตระกูลเหลิ่ง ก็ไม่เคยไปเยี่ยมชมพื้นที่คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งเลย ช่วงนี้เธอดูแลลูกในท้องตลอดเวลา แม้กระทั่งห้องก็ไม่ได้เดินออกมาด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่เดินเล่นในพื้นที่คฤหาสน์เลย แต่ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับเหลิ่งเซ่าถิงต่อ เธออดไม่ได้ที่จะโกรธเหลิ่งเซ่าถิง ตอนนี้ลูกในท้องเธอมั่นคงแล้ว ไม่สามารถทำให้อารมณ์แปรปรวนมากเกินไปได้

และความสัมพันธ์กับเหลิ่งเซ่าถิงมันแข็งทื่อเกินไป มันไม่มีตัวช่วยสำหรับเจี่ยนอี๋นั่วเลยสักนิด เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากเดินไปยังจุดที่แตกหักกับเหลิ่งเซ่าถิง

เดินมาถึงกลางพื้นที่คฤหาสน์ ดมกลิ่นหอมของดอกหญ้าและดอกไม้เป็นเวลานาน ในที่สุดเจี่ยนอี๋นั่วก็ถอนหายใจออกมา

“เอ๋……พี่สะใภ้ใหญ่เหรอ? ในที่สุดก็เดินออกมาจากห้องแล้วเหรอ?” เป็นเสียงทุ้มต่ำและติดแหบเล็กน้อยของผู้ชาย

เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้าไป เดิมทีคิดว่าเธอจะเห็นเหลิ่งหมิงอันที่สวมเสื้อผ้ามอมแมมท่าทางเสเพล แต่เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วหันหน้าไปมอง กลับเห็นผู้ชายสวมชุดสูทเรียบร้อยคนหนึ่ง

เจี่ยนอี๋นั่วกะพริบตา ใช้เวลาสักพักก่อนจะจำได้ว่าผู้ชายตรงหน้าคือเหลิ่งหมิงอัน เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ถามขึ้นอย่างสงสัย “น-นายเป็นอะไร?”

เหลิ่งหมิงอันเอียงศีรษะยิ้ม หรี่ดวงตาเจ้าชู้เย้ายวนอย่างมีความสุข เขายิ้มแล้วพูดขึ้น “ฉัน? ช่วงนี้ฉันทำงานที่บริษัทเหลิ่งซื่อตลอด แน่นอนว่าต้องสวมชุดสูทเรียบร้อย แต่ชุดสูทนี้มันอึดอัดจริงๆ ไม่รู้จริงๆ ว่าพี่ใหญ่กับพ่อทนไปได้ยังไง จริงๆ ฉันอยากถามว่าพี่สะใภ้ใหญ่เป็นยังไงบ้าง? ตอนแรกเป็นคนสวยน่ารัก ซ่อนตัวอยู่ในห้องหลายเดือน กลายเป็นหญิงท้องโตแล้ว ดูหน้ากลมของเธอสิ ฉันไม่กล้านึกย้อนเลยจริงๆ ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยจูบเธอ ผู้หญิงเป็นแม่คน ไม่น่ารักเลยสักนิดจริงๆ”

ขณะที่เหลิ่งหมิงอันพูดก็เดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เจี่ยนอี๋นั่วคลุมท้องเบาๆ รีบถอยหลังหนึ่งก้าว พูดขึ้นเสียงทุ้ม “ถ้านายยังพูดพล่อยๆ ฉันจะกลับห้องแล้ว”

เหลิ่งหมิงอันรีบยื่นมือไปขวางเจี่ยนอี๋นั่วทันที ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ทำไม? กลับห้องไปเตรียมชุดราตรีเหรอ? เพื่อเตรียมจัดงานเลี้ยงช่วงนี้?”

“งานเลี้ยง?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว

เหลิ่งหมิงอันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใช่ งานเลี้ยงน่ะ หรือว่าเธอไม่รู้เหรอ? เพื่อฉลองการฟื้นตัวของพี่ใหญ่ ครอบครัวเหลิ่งของเราเตรียมจัดงานเลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงนี้ เกือบทุกคนที่มีบารมีจะเข้าร่วม พี่ใหญ่บอกว่ายุ่งกับเรื่องนี้ตลอดเวลา เธออยู่ห้องเดียวกับเขาตลอด เธอไม่รู้เหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะเบาๆ ขึ้นมา “ในเมื่อรู้ว่าฉันกับพี่ใหญ่นายอยู่ด้วยกันตลอด ก็อย่ามารังควานฉันต่อ”

เหลิ่งหมิงอันเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว หัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้น “ฉันหวังดีกับเธอนะ รักแรกของพี่ใหญ่ชื่อหลิวจื่อซิงก็กลับมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย เธอคงไม่รู้สินะ? เหตุผลที่พี่ใหญ่กลายเป็นผักก็เพราะหลิวจื่อซิงเลิกกับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ขับรถไปพาเธอกลับมาเลยเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว เธอจะอยู่กับพี่ใหญ่ได้อีกนานแค่ไหน?”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท