เจียนอี๋นั่วอยู่ในห้องที่ว่างเปล่าได้สักพัก พึ่งนึกขึ้นจึงได้โทรหาพยาบาลของเจี่ยนฉางรุ่น เธอไม่วางใจและไม่เชื่อว่าเฮ่อเยี่ยนหงจะดูแลคุณพ่อของตัวเองได้ ดังนั้นเจี่ยนอี๋นั่วจะโทรหาพยาบาลคนใหม่ที่ดูแลคุณพ่อโดยตรง โดยปกติเธอจะโทรหาพยาบาลคนนี้แทบทุกวัน ฟังอาการของคุณพ่อเสร็จ เธอถึงจะโทรเข้าบริษัท
บริษัทของเจี่ยนอี๋นั่วถึงแม้ว่าจะมีคนที่คุณนายเหลิ่งได้จัดส่งไปดูแลแล้วนั้น แต่เป็นเพราะว่าคนใหม่ที่จัดส่งไปนั้นยังไม่สามารถเข้าใจบริบทของบริษัท ก็ยังคงพยายามดำเนินการแบบถูๆไถๆ เจี่ยนอี๋นั่วได้รับรายงานจากคนคนนั้นหน้าเธอก็คิ้วขมวดทันที เหมือนที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด หลังจากที่เธอออกจากบริษัทไป ฉู่หมิงเซวียนนานวันยิ่งเหิมเกริมหว่านล้อมหุ้นส่วนในบริษัทให้เป็นพวกเดียวกันกับตัวเอง ก่อนหน้านี้เป็นเพราะด้านการเงินของตระกูลเหลิ่งเลยสร้างสถานการณ์ด้านดีๆต่อเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด
เจี่ยนอี๋นั่ววางสายโทรศัพท์ ทนไม่ไหวที่จะทำหน้าคิ้วขมวด ถ้าหากไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเธอต้องดูแลลูกในครรภ์และห่างหายจากบริษัทนานเกินไป เธอไม่มีวันให้ฉู่หมิงเซวียนตั้งตัวได้ใหม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
เจี่ยนอี๋นั่วเพิ่งคิดได้จึงเอื้อมมือไปจับท้องของตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงเบา: “ลูกแม่อย่ารู้สึกเสียใจไปเลย แม่อาจจะรู้สึกเสียดาย แต่ไม่เสียใจภายหลังแน่นอน การมาของลูกในตอนนี้ สำคัญกว่าการแก่งแย่งชิงดีเหล่านั้นมากมายนัก”
ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วมีความรู้สึกเป็นแม่คนแล้ว ถึงแม้ลูกยังไม่ได้ออกมาลืมตาดูโลกก็เถอะ แต่ในใจของเธอคิดเสมอว่าลูกที่อยู่ในท้องของเธอสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกถึงความสุข ความโกธร และความโศกเศร้าแล้ว แม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วยังมีเรื่องที่ทำให้เครียดกลัดกลุ้มใจอีกมากมาย แต่ว่าเมื่อเจี่ยนอี๋นั่วลูบไปที่ท้องของเธอเบาๆ เธอก็หยุดไม่ได้ที่จะคิดเพ้อฝันไปต่างๆนาๆควรจะเลี้ยงลูกคนนี้ยังไง ความกลัดกลุ้มใจเหล่านั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ไกลตัวไปแล้ว
เจี่ยนอี๋นั่วหวังไว้จะสามารถให้กำเนิดเป็นลูกสาว เธอจะให้ลูกสาวของเธอใส่กระโปรงสีชมพู ดูแลลูกให้น่ารักน่าเอ็นดู เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากให้ลูกสาวนิสัยเอาแต่ใจเหมือนกับเธอ อยากให้ลูกสาวของเธอเป็นคนที่น่ารักและอ่อนโยนสักมากกว่า
ก่อนเข้านอน เธอก็จะโอบลูกสาวไว้ในอ้อมกอด ผิวของลูกสาวนั้นต้องมีผิวสีขาวเนียน มีกลิ่นหอมของน้ำนม ลูกน้อยก็พิงบนอกของเธอ เสียงที่ไร้เดียงสาเรียกเธอว่า: “คุณแม่……”
เจี่ยนอี๋นั่วเฝ้ารอวันที่จะได้พบเจอหน้าลูกน้อย เจี่ยนอี้นั่วอยู่ในห้องจนกระทั้งเวลาผ่านไปแล้วครึ่งวัน หลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงเสร็จ คุณนายเหลิ่งก็เรียกให้เธอออกจากห้อง คุณนายเหลิงกำลังเริ่มออกแบบห้องนอนของทารกน้อย หยิบตัวอย่างออกแบบโครงการให้เจี่ยนอี๋นั่วดู2-3แผ่น
“ห้องทารกน้อย มันเร็วเกินไปไหมคะ?” ตอนนี้กำหนดการคลอดของเจี่ยนอี๋นั่วยังอีกหลายเดือน เธอยังไม่ทันคิดก็ดำเนินการออกแบบห้องทารกน้อยแล้ว
คุณนายเหลิ่งยิ้มพร้อมพยักหน้า: “ เร็วยังไง? รอห้องต่อเติมเสร็จยังต้องใช้เวลาพักใหญ่ ห้องที่ต่อเติมเสร็จใหม่ๆเด็กทารกจะสามารถเข้าไปอยู่ทันทีได้อย่างไรกัน? โครงการออกแบบเหล่านี้เธอเอาไปศึกษาดู เลือกเสร็จแล้วค่อยบอกฉัน ฉันจะให้ช่างเริ่มต่อเติมห้องทารกน้อยเลย และอีกอย่างนะชุดของทารกน้อยก็ออกแบบเรียบร้อยแล้ว เธอเอาแบบไปดูว่าต้องการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงตรงไหนบ้าง
คุณนายเหลิ่งหยิบชุดทารกน้อยออกมา 2ชุด ชุดนึงคือสีชมพูฟ้าและอีกชุดคือสีชมพูแดง ชุดเล็กๆน่ารักมากทันทีที่เจี่ยนอี๋นั่วเห็นชุดเด็กทารกนี้รู้สึกเหมือนมีเด็กน้อยอยู่ในอ้อมกอดของเธอ เจี่ยนอี้นั่วรีบรับชุดทารกน้อยทั้งสองมาทันที ชุดของเด็กทารกมันช่างอ่อนนุ่มละมุนจับแล้วรู้สึกดีมากเลย
คุณนายเหลิ่งหัวเราะพร้อมพูดว่า: “รู้สึกชุดไหนออกแบบได้ดีกว่า? ฉันจะให้พวกเราไปตัดทันที”
เจี่ยนอี้นั่วสัมผัสชุดอย่างละเอียด: “ฉันชอบทั้งหมดเลยค่ะ ฉันโลภมากไปไหมคะ?”
คุณนายเหลิ่งหัวเราะพร้อมพูดว่า:” ไม่โลภมากหรอก ถ้าหากเธอชอบ ฉันจะสั่งให้พวกเขาตัดเย็บทั้งหมดเลยเสื้อผ้าของลูกหลานตระกูลเรา ก่อนอายุ7 ขวบจำเป็นต้องสั่งตัดเย็บด้วยคนงานตระกูลของเราเอง แม้กระทั่งด้ายผ้าไหม ขนสัตว์ต้องนำออกมาจากฟาร์มของตัวเอง เธอดูอาจจะเหมือนแบบทั่วๆไป แต่ว่าบนโลกนี้มีเพียงหนึ่งเดียว ถึงแม้จะต้องเสียเวลานาน เวลาใช้คุณภาพวางใจได้”
“รบกวนคุณย่าอีกแล้ว” เจี่ยนอี๋นั่วถือชุดทารกน้อยไว้ในมือด้วยรอยยิ้มพร้อมพูดว่า เมื่อเวลาที่เธอนำชุดทารกน้อยแนบท้อง ทันใดนั้นในท้องมีการเคลื่อนไหว ราวกับว่าทารกในท้องของเธอก็ตอบสนองว่าชอบชุดนี้อย่างมาก
คุณนายเหลิ่งหัวเราะพร้อมพูดว่า: “ พูดอะไรอย่างนั้น? ลูกของเธอเป็นเหลนของฉันนะ ฉันจะไม่ใส่ใจได้อย่างไร? ถ้าหากเธอชอบมันทั้งสองชุด ก็เก็บไว้ก่อนเถอะ เธอลองเช็คให้ละเอียดนะ ยังมีจุดไหนที่ต้องการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงบ้าง เ ธอต้องบอกฉันนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วอยู่ห้องคุณนายเหลิ่งได้ไม่นานนัก ก็ถูกคุณนายเหลิ่งกำชับให้รีบกลับไปพักผ่อนต่อ เจี่ยนอี๋นั่วถือชุดทารกน้อยไว้ เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วก้มมองไปด้วย เดินออกจากห้องคุณนายเหลิ่งไปด้วย
กระทั่งเจี่ยนอี๋นั่วเดินถึงบันได กำลังจะกลับห้อง ก็เห็นเหลิ่งหมิงอันกำลังเดินเข้ามา เหลิ่งหมิงอันเหมือนไปมีเรื่องชกต่อยกับใครมา มุมปากโดนชกเหมือนเป็นแผล ใต้ตาเหมือนมีรอยช้ำ
สุยเฉิงจิ้งเห็นสภาพของเหลิ่งหมิงอันร้องไห้รีบวิ่งไปหา “ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ บาดเจ็บรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ? นี่โดนใครทำร้ายมากันแน่? ใครกันช่างกล้าขนาดนี้ ถึงกล้าลงมือทำร้ายคุณ?”
เหลิ่งหมิงอันปัดมือสุยเฉิงจิ้งทิ้ง เงยหน้ามองไปทางบันไดตรงที่เจี่ยนอี๋นั่วยืนอยู่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เป็นเพราะว่าช่วงนี้ผมกำลังตามจีบหญิงที่มีครอบครัวแล้วครับ แล้วก็โดนสามีของผู้หญิงคนนั้นต่อยไปไม่กี่หมัดเท่านั้นเองครับ
“แล้วมันคือใคร? มันน่านัก ไม่ยอมดูแลผู้หญิงของตัวเองดีๆ ยังกล้าดีมาทำร้ายลูกอีกนะ? ไม่เข้าท่าเลยสักนิด ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เลยเหรอว่าลูกแค่เล่นๆ? ทำไมถึงไม่อธิบายให้สามีตัวเองเข้าใจชัดเจนนะ? แต่ลูกสามารถเล่นๆได้ ในอนาคตห้ามไปยุ่งกับผู้หญิงไม่ได้เรื่องแบบนั้น แต่ต้องหาผู้หญิงที่บริสุทธิ์เป็นผู้ดีมีตระกูล” สุยเฉิงจิ่งไม่สนใจว่าลูกชายตัวเองจะทำอะไรที่ผิดศีลธรรม ปกป้องเพียงเหลิ่งหมิงเท่านั้น
สุยเฉิงจิ่งพูดจบ รู้สึกได้ว่าเหลิ่งหมิงอันกำลังจองมองไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว สุยเฉิงจิ่งก็มองไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:” โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีลูกให้ผู้ชายอย่างง่ายดาย ยิ่งเอาไม่ได้”
เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกสุยเฉิงจิ่งโยนพยายามประกาศสงครามกับเธอ เธอทำเพียงยิ้มพยักหน้าเล็กน้อยให้กับสุยเฉิงจิ่ง ก็เดินกลับเข้าห้องไป สุยเฉิงจิ่งก็รู้สึกได้ว่า ไม่ว่าสุยเฉิงจิ่งจะพูดอะไร เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่เคยสนใจ ไม่ว่าคำพูดนั้นจะพูดแทงใจดำขนาดไหน เจี่ยนอี๋นั่วก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน
สุยเฉิงจิ่งพึ่งรู้ว่า เจี่ยนอี๋นั่วพูดประชดตอบกลับมาสักสองสามคำก็คงดีกว่าที่เจี่ยนอี๋นั่วไม่สนใจใยดีแบบนี้ ยังรู้สึกสบายใจกว่า ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วไม่สนใจใยดีสุยเฉิงจิ่ง ทำให้ข้างในสุยเฉิงจิ่งมันอัดอั้นเหมือนลุกเป็นไฟและเธอทรมานใจมาก
“ผู้หญิงที่เหมือนอย่างเจี่ยนอี๋นั่วร้ายกาจมาก เอาไม่ได้จริงๆ “ สุยเฉิงจิ่งเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่ว หันหลังแล้วพูดกับเหลิ่งหมิงอัน
เหลิ่งหมิงอันมองตามหลังเจี่ยนอี๋นั่ว ค่อยๆหรี่ตาพูดขึ้นว่า: “ ถ้าอยากเด็ดดอกกุหลาบ ก็ต้องทนกับหนามของเธอก่อน เพียงแค่เด็ดเธอออก ซ่อนไว้ในห้อง เธอก็ไม่สามารถตำใครได้อีก
“โดนทำร้ายจนประสาทแล้วเหรอ?พูดอะไรอยู่เนี่ย? สุยเฉิงจิ่งฟังจบก็ไม่เข้าใจเหลิ่งหมิงอันกำลังพูดอะไรอยู่ คิ้วขมวดสงสัยมองไปทางเหลิ่งหมิงอัน
เจี่ยนอี๋นั่วกลับถึงห้อง ทนไม่ไหวหัวเราะออกมา เธอไม่ค่อยชอบเหลิ่งหมิงอันที่ชอบก่อกวนวุ่นวายเธอตลอดตั้งแต่แรกแล้ว เหลิ่งหมิงอันชอบทำให้ชีวิตที่อยู่อย่างสงบของหล่อนยุ่งเหยิ่งวุ่นวาย ชอบทำให้เธอเจอแต่สถานการณ์ที่อึดอัด ยังชอบทำตัวไม่สุภาพต่อเธอ ตอนนี้มีคนที่จะสั่งสอนเหลิ่งหมิงอันแทนเธอ เสมือนเอาคืนแทนเธอ
รอยยิ้มบนหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วยิ้มจนเหลิ่งเซ่าถิงกลับมา ยังไม่หยุดยิ้ม เหลิ่งเซ่าถิงกลับถึงห้อง เห็นใบหน้าอันมีความสุขของเจี่ยนอี๋นั่ว คิ้วขมวดถาม:” เป็นอะไร? อยู่ในห้องคนเดียว มีความสุขมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เปล่า เป็นเพราะว่า……” เจี่ยนอี๋นั่วหยุดชะงัก เธอไม่ว่าจะอธิบายกับเหลิ่งเซ่าถิงยังไง เหตุผลที่เธอมีความสุขเป็นเพราะว่าเหลิ่งหมิงอันถูกทำร้าย ไม่รู้ว่าสมควรหรือไม่สมควร
แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ เก็บอาการแล้วเก็บอาการอีก ก็เก็บไม่อยู่พูดกับเหลิ่งเซ่าถิงว่า: “ เป็นเพราะว่าเหลิ่งหมิงอันโดนทำร้าย ไม่รู้โดนใครทำร้ายมา จัดการศัตรูให้จริงๆเลยนะเนี่ย คุณไม่รู้สภาพเขาน่าเวทนาขนาดไหน ยังพูดว่าไปยุ่งกับผู้หญิงที่มีครอบครัวจึงถูกทำร้าย ผู้ชายอย่างเขาหลงระเริงเหมือนนกยูงตัวผู้พึ่งจะโดนทำร้ายตอนนี้ ถือว่าคนอื่นใจกว้างต่อเขามากๆแล้ว
เหลิ่งเซ่าถิงหันหลังพูดต่อเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มมุมปากเบาๆ แสดงรอยยิ้มจางๆ แต่น้ำเสียงยังคงเย็นชาเหมือนเดิม: “นกยูงตัวผู้?”
“อืม! “ เจี่ยนอี๋นั่วกินของว่างที่วางอยู่ข้างๆตัวเองพยักหน้าแรงๆ: “คุณไม่คิดว่าเขาเหมือนคนที่ทำตัวเว่อร์เกินไปเปิดรับผู้หญิงทั้งหมดเหมือนนกยูงตัวผู้ล่ะ? เหมือนเขาทำดีกับผู้หญิงหน่อยเดียว ผู้หญิงก็ต้องชอบเขาอย่างนั้น เจ้าเล่ห์และหลงตัวเอง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำตัวน่ารำคาญแค่ไหน หึหึ ยังคิดว่าตัวเองมีคนหลงมากมาย!”
“ ฮ่าๆ……” เหลิ่งเซ่าถิงเก็บอาการไม่อยู่หัวเราะออกมา
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงหัวเราะของเหลิ่งเซ่าถิง ไม่เชื่อหูตัวเอง เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะต่อหน้าหล่อน? เจี่ยนอี๋นั่วหยุดชะงักใช้สายตาแอบเหลือบมองเหลิ่งเซ่าถิง ใช้แรงกลืนของว่างลงคอ ค่อยๆระวังถาม:” คือว่า ฉันพูดได้น่าหัวเราะขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
เหลิ่งเซ่าถิงหันหลัง รอยยิ้มบนมุมปากไม่สามารถปกปิดได้ มองเจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะเบาๆพูดว่า: “ มีผู้หญิงมากมายที่ชอบผู้ชายอย่างเหลิ่งหมิงอัน น่าสนใจ ปลอบผู้หญิงเก่ง แต่คุณแปลกมาก ที่ไม่รู้สึกอะไรเลยกับเล่ห์เหลี่ยมของเขา
“เขาไม่ใช่ผู้ชายในสเปคของฉัน ฉันชอบ…..” เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงประโยคนี้ รีบปิดปากหยุดพูดต่อทันที
เหลิ่งเซ่าถิงมองไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว เลิกยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า: “ คุณชอบอะไร?”
เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปาก จากนั้นยิ้มออกมา: “ ฉันชอบผู้ชายประเภทที่อ่อนโยนและใจดี ที่ไม่หยิ่งผยองหลงตัวเองหรือหลงใหล ไม่เฉยเมยเย็นชา ไม่บังอาจ ทั้งไม่เย็นชาและกัดไม่ปล่อย ไม่ใช่ผู้ชายภูเขา และไม่ใช่ผู้ชายนกยูง ก็คือผู้ชายคบแล้วสบายใจและอ่อนโยน ทุกอย่างเป็นไปอย่างพอดี ไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป