ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ – ตอนที่ 35

ตอนที่ 35

ในโลกใบนี้ มีเพียงแค่อันดับแรก ผู้ชนะ และตัวเอกเท่านั้นที่ได้รับการจดจำ

ซึ่งก็คืออารัช

และสำหรับผู้ผ่ายแพ้ทั้งสี่คนที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่มีปัญหานิดหน่อยในตอนนี้จะไม่ได้รับการจดจำ

ซาจุน (นักบวช/ชาย/อายุ 27 ปี)

แจซูล (นักรบ/ชาย/อายุ 24 ปี)

กรูลาร์ (นักธนู/หญิง/อายุ 25 ปี)

เมย์วา (นักเวทย์/หญิง/อายุ 24 ปี)

นี้เป็นข้อมูลส่วนตัวของพวกเขา

ในช่วงสั้นๆหลังจากการต่อสู้จบลง ซอดัมที่กำลังมองการสนับสนุนจำนวนนับไม่ถ้วนไหลบ่าเข้ามาในช่องของอารัชทันใดนั้นเองก็ได้มีความคิดหนึ่งเข้ามา

กลุ่มดาวพวกนั้นชอบอารัชจริงๆงั้นหรอ?

ฉันเห็นว่ามีทั้งกลุ่มดาวที่รักและเกลียดกำลังเข้าหาอารัชทั้งคู่เลยดังนั้นกลุ่มดาวทั้งหลายเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะมีอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในหลายๆทิศทาง

ถัดจากนั้นฉันเข้าไปค้นหาช่องทั้งสี่ของเหล่าผู้ท้าชิงพวกนี้ที่กำลังอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานจากการจะตกลงไปในลาวาด้านล่างในอีกไม่นานและค้นพบกับความจริงบางอย่างที่น่าประหลาดใจ

ทั้งสี่คนนี้ได้ใช้ช่องร่วมกัน

มันดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เสียเปรียบกว่าผู้ท้าชิงคนอื่นเพราะว่าเหรียญดวงดาวที่ได้รับมาจากการสนับสนุนจะต้องถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนสำหรับทั้งสี่คนแต่อย่างน้อยที่สุดมันก็ดูเหมือนว่าจะเป็นทางที่เชื่อถือได้สำหรับการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันในหมู่เพื่อนรวมทีมของตน

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะผ่ายแพ้ให้กับอารัช ช่องของพวกเขาที่นำโดยนักรบแจซูลยังคงค่อนข้างที่จะมีกลุ่มดาวเหลืออยู่บ้าง

แต่ถึงอย่างนั้นส่วนมากได้เริ่มถยอยออกจากช่องไปแล้ว

เหล่ากลุ่มดาวพวกนี้เดิมทีหวังว่าทั้งสี่คนนี้จะสามารถล้มอารัชลงได้แต่มันไม่ได้คุ้มค่าที่จะดูต่อไปแล้วเนื่องจากพวกเขาล้มเหลว

ส่วนจุดประสงค์ของเหล่ากลุ่มดาวที่ยังคงเหลืออยู่นั้นก็คงจะเป็น…

คงจะเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นแหละ

“ซาจุน! แกไอ้บ้าเอ้ย! ปล่อยมือนายเดียวเลยนี้นะ! นายจะต้องรอดนะ!”

เป็นบทละครที่สุดแสนจะธรรมดา

อารัชได้กำจัดสะพานออกไปและในขณะที่ทั้งสี่คนกำลังจะตกลงไปพวกเขาก็ได้จับมืออีกฝ่ายไว้โดยสัญชาตญาณ

โชคดีที่ซาจุนซึ่งเป็นคนที่อยู่ด้านบนสุดสามารถที่จะจับแจซูลไว้ได้และแจซูลก็สามารถที่จะจับกรูลาร์ไว้ได้ทันในขณะเดียวกันกรูลาร์ก็สามารถจับเมย์วาไว้ได้ทันเช่นกัน

มันเป็นภาพแปลกๆของทั้งสี่คนที่ห้อยต่องแต่งออกมาจากก้อนหินคล้ายกับพวงของไส้กรอก

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเกาะกันไว้ได้ทันแต่ซาจุนที่มีคลาสเป็นนักบวชนั้นมีความสามารถทางกายภาพที่อ่อนแอ

ด้วยเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆแบบนี้หละก็จะไม่มีใครที่สามารถรอดไปได้เลย

“ได้โปรดเถอะ! ปล่อยมือและออกไปจากที่นี้ซะ ไอ้เจ้าบ้าเอ้ย”

“ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงกันหละ”

ถึงแม้ว่าซาจุนจะเป็นนักบวชเขาก็ยังสามารถที่จะยึดจับคนอื่นได้นานแบบนี้เพราะว่าเขาได้รับความแข็งแกร่งที่สืบทอดผ่านมาทางโครงสร้างร่างกายที่มีขนาดใหญ่ของเขา

“ร-เราจะต้องรอดไปด้วยกัน…!”

ก้อนหินชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลุดล่วงตกลงไปจากหน้าผ่านี้

ซาจุนต้องการที่จะพูดบางอย่างให้มากกว่านี้แต่เขาต้องบังคับตัวเองให้เงียบปากไว้

เก็บแรงเอาไว้เกร็งกล้ามเนื้อของเขาเพื่อดึงคนทั้งหมดเอาไว้ไม่ให้ตกลงไป

เขารู้สึกว่าความตายกำลังใกล้เข้ามาเยือน

เพราะถึงแม้ว่าหลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานานแล้วแต่อีกสามคนที่เหลือก็ยังไม่สามารถที่จะดึงตัวพวกเขาเองขึ้นมาได้

เหมือนกับว่าเป็นการเยาะเย้ยพวกเขา ข้อความจากเหล่ากลุ่มดาวได้ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าของพวกเขา

[หอยทากที่หายไป : ถ้าพวกแกปล่อยแขนหละก็ ฉันจะสนับสนุนเหรียญดวงดาวให้ 10,000 เหรียญเลย]

[ตำแหน่งที่สมบูรณ์ : ฉันจะเพิ่มให้อีก 3,000 เลยเอ้า ฮ่าฮ่าๆ]

[ชายผู้เดินบนขอบเหว : แค่สะบัดมือที่จับพวกเขาเอาไว้แล้วฉันจะรับนายมาเป็นอวาตาร์ของฉันเอง!]

เหล่าผู้ท้าชิงทั้งสี่คนนี้ได้ใช้ช่องร่วมกันดังนั้นพวกเขาทุกคนเลยได้เห็นข้อความเหล่านั้นทั้งหมด

ไม่มีกลุ่มดาวแม้แต่กลุ่มดาวเดียวในช่องที่หวังว่าพวกเขาจะรอดไปได้

เหล่ากลุ่มดาวจะต้องการให้ทั้งสี่คนทรยศอีกคนและมองดูว่าพวกเขาจะพบเจอกับความตายเช่นไร

เพราะแบบนี้เองมันเลยทำให้ทั้งสี่คนนี้เกลียดกลุ่มดาวทั้งหมดแต่มันกลับไม่มีอะไรที่พวกเขาจะสามารถทำได้เลย

มีเพียงแค่ทางเดียวที่จะทำให้พวกเขารอดได้ในตอนนี้คือการฟังสิ่งที่กลุ่มดาวพวกนี้พูด

“…ได้โปรดเถอะ ฉันขอร้องปล่อยมือนายเถอะนะ หากนายปล่อยมือ นายก็จะรอดไปได้นอกจากนี้แล้วนายก็จะได้เหรียญดวงดาวและสามารถที่จะไปที่ด่านต่อไปได้ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วค่อยเอาที่หนึ่งมาพวกเราถึงจะได้สมหวัง”

กรูลาร์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอน

อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดรู้ดี

ซาจุนจะไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่และบางทีพวกเขาทั้งหมดคงจะต้องตายด้วยกันที่นี้

พวกเขาทุกคนรู้สึกท้อแท้และรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้ความหวัง

[กรดเอลาเฟสีแดง : รีบหน่อยสิ ปล่อยมือเลย!]

[คางคกเศร้าสร้อย….]

ทั้งสี่คนไม่ได้มีความคาดหวังใดๆตั้งแต่ในตอนแรกแล้ว

ความเป็นจริงที่ตอกย้ำว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่ตัวตลกให้กับกล่มดาวพวกนี้นั้นมันช่างเจ็บปวดที่สุดแล้ว

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

นี้เป็นจุดจบของพวกเขา

หลังจากที่เฝ้าดูทุกอย่างอยู่เงียบๆยูซอดัมก็ได้เรียบเรียงความคิดของเขาเสร็จเรียบร้อยพอดี

‘บางทีคนพวกนี้…ฉันก็ไม่แน่ใจนักแต่บางทีนะ ฉันอาจจะนำพวกเขามาใช้งานได้’

ในขณะที่กำลังตรวจสอบไปที่ข้อมูลส่วนตัวของซาจุน ซอดัมก็ได้ส่งข้อความไปหาพวกเขา

แต่ว่าข้อความเตือนกลับปรากฏขึ้นมาแทน

{มนุษย์ไม่สามารถใช้ชื่อที่แท้จริงเป็นชื่อของกลุ่มดาวได้ โปรดเลือกใช้ชื่อที่เหมาะสม}

ชื่อที่เหมาะสม ในอีกความหมายก็คือชื่อที่เหมือนกับสารพัดชื่อเล่นที่ถูกใช้งานโดยกลุ่มดาวเหล่านั้นเพื่อที่จะซ่อนชื่อจริงของพวกเขาเอง

เยี่ยม ฉันแค่ต้องการหนึ่งชื่อที่คล้ายกับกลุ่มดาวอื่นๆใช่ไหม?

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่มองมาที่คุณด้วยความสนใจ]

ดี

ฉันได้ชื่อเล่นแล้ว

ฉันคิดว่ามันคล้ายกับกลุ่มดาวอื่นแล้วนะดังนั้นพวกเขาคงจะไม่สงสัยมันใช่ไหม?

หลังจากที่ได้ให้การสนับสนุนเหรียญดวงดาวของฉันกับช่องนี้ ฉันได้ส่งข้อความไปหาพวกเขา

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่มอบ 1,000 เหรียญดวงดาวเป็นการสนับสนุน]

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : ถ้าหากพวกคุณทั้งสี่คนกลายมาเป็นอวาตาร์ของฉันฉันจะช่วยพวกคุณเอง]

มองไปที่ข้อความพวกนั้น

หน้าของทั้งสี่คนรวมไปถึงตัวซาจุนเองเต็มไปด้วยสีหน้าแห่งความงงงวย

กลุ่มดาวไม่เคยเข้าหาเหล่าผู้ท้าชิงโดยไม่มีจุดประสงค์

ดังนั้นพวกเขาคิดว่ามันชัดเจนเลยว่าจะต้องมีความตั้งใจแย่ๆบางอย่างที่ซ้อนอยู่เบื้องหลัง

‘จุดประสงค์บ้าอะไรอีกหละหวังไว้จากการช่วยพวกเรา?’

เหล่ากลุ่มดาวเป็นตัวตนที่เรียบง่ายที่แสวงหาความสุข

ทำให้อวาตาร์ของตนเองยกระดับขึ้นและได้รับเหรียญดวงดาวมา

แล้วก็ค่อยให้เหรียญที่ได้มานั้นกลับไปที่อวาตาร์ของตนและเฝ้ามองพวกเขาแข่งขันกันเองเหมือนกับหมาที่กัดกัน

พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าทำไมกลุ่มดาวนี้ถึงได้เลือกพวกเขาที่กำลังจะตายเป็นอวาตาร์

“บ้าเอ้ย พวกเรายอมรับ! มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว!”

นั้นถูกแล้ว

มันไม่มีทางเลือกอื่น

นี้เป็นเพียงทางเดียวที่พวกเขาเห็นหนทางที่จะรอดชีวิตไปได้ในตอนนี้ดังนั้นพวกเขาเลยยอมรับข้อเสนอที่แสนจะลึกลับนี้จากกลุ่มดาวนี้

ข้อความอีกอันได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของซอดัม

{ขอแสดงความยินดีด้วย! คุณได้เลือกอวาตาร์ในกับตนเองเป็นครั้งแรก}

{ว้าว นี้มันเป็นอวาตาร์มากถึงสี่คนในครั้งเดียว!}

{ตั้งแต่ที่เป้าหมายทั้งสี่คนนี้ไม่ได้รับ ‘พร’ คุณจะได้รับ 4,000 เหรียญดวงดาวเป็นโบนัส}

ใช่แล้วนี้เป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่ซอดัมได้ตั้งเอาไว้

ต้องเป็นตัวละครที่สมบูรณ์แบบที่ไม่เคยเป็นอวาตาร์ของกลุ่มดาวมาก่อน ต้องมีความสามารถมากพอที่จะต่อกรแบบซึ่งๆหน้ากับตัวเอกได้ และต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน

ซอดัมได้สนับสนุนพวกเขาด้วยเหรียญดวงดาวที่เขาพึ่งจะได้รับมา

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่มอบ 4,000 เหรียญดวงดาวเป็นการสนับสนุน]

แล้วซอดัมก็ได้พูดประโยคที่ทำให้ทั้งสี่คนนี้นิ่งค้างไปคล้ายกับโดยฟ้าผ่าขึ้นมาในทันที

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : นักบวชใช้เหรียญดวงดาวพวกนั้นรีเซ็ตค่าสถานะของตัวเองเดียวนี้]

……………………………………………………..

ฉันมีลางสังหรณ์ว่า

เหตุผลที่เหล่ากลุ่มดาวทั้งหมดชอบอารัชคงเป็นเหตุผลง่ายๆอย่างการที่ว่าเขาเป็นคนที่ชนะไง

แต่แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหละถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยากลำบาก

หรือไม่ก็อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาไม่สามารถที่จะตอบสนองความพอใจของกลุ่มดาวเหล่านั้นได้หละ?

กลุ่มดาวเหล่านั้นจะยังคงดูช่องเขาต่อไปไหมนะ?

ฉันเริ่มแน่ใจขึ้นมาหลังจากที่ได้เข้าร่วมช่องของผู้แพ้เหล่านี้

กลุ่มดาวที่มีนิสัยปกติทั่วไปจะออกจากช่องนี้ไปและมีเพียงแค่เหล่ากลุ่มดาวที่เพลิดเพลินไปกับการเฝ้ามองดูทั้งสี่คนนี้ดิ้นรนบนความทุกข์ทรมานหรือเป็นกลุ่มดาวที่เพิ่งจะเข้ามาในช่องนี้

สำหรับเหล่ากลุ่มดาวแล้ว สิ่งมีชีวิตเช่นมนุษย์ก็เป็นเหมือนกับ

สัตว์ป่าที่ติดอยู่ด้านในสวนสัตว์ที่เป็นเพียงสิ่งบันเทิงใจสำหรับพวกเขา…ไม่สิ บางทีมันอาจจะไร้ค่ายิ่งกว่านั้นก็ได้

เหมือนกับเป็นแค่แมลง

ถ้าพวกเขาไม่สามารถที่จะสร้างความพอใจให้กับเหล่ากลุ่มดาวพวกนี้ได้ พวกเขาก็ไม่มีค่าพอที่จะมีตัวตนอยู่ต่อไป

{เมื่อไหรก็ตามที่อวาตาร์ของพวกเขาตาย กลุ่มดาวนั้นจะได้รับการลงโทษอย่างหนัก}

ฉันว่าแล้ว

แต่ด้วยแผนการของฉันแล้วทั้งสี่คนนี้จะไม่ตาย

[โอ้ว? เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ค่ะเนี่ย! ผู้ท้าชิงซาจุน! อยู่ๆเขาก็สามารถแสดงความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อออกมาได้ค้า!]

ซาจุนที่กระเสือกกระสนดิ้นรนดึงคนอื่นๆไม่ให้ตกลงไปในตอนแรกอยู่ดีๆก็ได้แสดงความสามารถที่น่าเหลือเชื่อออกมาและดีงอีกสามคนที่เหลือขึ้นมาได้สำเร็จ

มันเป็นไปได้แพราะว่าเขาได้ใช้เหรียญทั้ง 4,000 ทั้งหมดที่เขาพึ่งได้รับมารีเซ็ตค่าสถานของตนเองและลงค่าสถานทั้งหมดไปที่ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว

[ในช่วงนาทีสุดท้าย ดูเหมือนว่าที่พวกเขาจะสามารถเอาชีวิตมาได้ด้วยการใช้เหรียญดวงดาวที่ยังเหลืออยู่และรีเซ็ตค่าสถานของตนเองทั้งหมดหละค้า! มันน่าเหลือเชื่อจริงเลยนะค้า! อ้า แต่อย่างไรก็ตามพวกคุณจะล้มเหลวในด่านนี้ดังนั้นแล้วพวกคุณจะต้องกลับไปที่ทางเข้าของด่านที่ 7 นะคะ]

เมื่อถูกผลักออกไปจากประตูในส่วนสุดท้ายของด่านนี้ ร่างกายของทั้งสี่คนได้เลือนหายไปอย่างช้าๆ

การแสดงออกของพวกเขาหม่นหมองลงเมื่อได้ยินว่าพวกเขานั้นล้มเหลว

มีเพียงแค่การเคลียร์ได้ที่หนึ่งในด่านสุดท้ายเท่านั้นที่จะทำให้ความปรารถนาของพวกเขาเป็นจริงได้แต่ในตอนนี้พวกเขาถูกทิ้งห่างออกไปเพราะว่าพวกเขาล้มเหลวในด่านนี้

และแม้แต่ค่าสถานของนักบวชในทีมพวกเขาก็ยังมากลายเป็นแบบนี้อีก

พวกเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดในสถานการณ์แบบนั้นแต่เพราะแบบนั้นเองทำเลยทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ที่หนึ่งอีกแล้ว

นักบวชที่สูญเสียพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนแล้วกลายเป็นสายกล้ามยังจะนับว่าเป็นนักบวชอีกอย่างนั้นหรอ?

คลาสที่ถูกรีเซ็ตไปไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้วเพราะงั้นในตอนนี้นักบวชของพวกเขาจะต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปหรือไม่ก็รีเซ็ตมันอีกครั้งด้วยการใช้เหรียญดวงดาวอีก 4,000 เหรียญ

เพราะงั้น

[ผู้เฝ้านรกแห่งเปลวเพลิงออกจากช่องด้วยความผิดหวังเป็นอย่างมาก]

[กรดเอลาเฟ่สีแดงออกจากช่องพร้อมบอกว่ามันไม่สนุกเลยสักนิด]

[แกะดุร้ายที่คร่ำครวญยามดึกออกจากช่องพร้อมบอกว่ามันโคตรน่าเบื่อเลย]

กลุ่มดาวค่อยๆออกไปทีละกลุ่มดาวเพราะว่าเหล่ากลุ่มดาวนั้นต้องการที่จะเห็นทั้งสี่คนนี้ดิ้นรนทุกข์ทรมานหรือต้องการที่ให้พวกเขาเอาชนะอารัชได้เริ่มถยอยกันออกไป

มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องดูพวกเขาต่อในตอนนี้

บางทีเหล่ากลุ่มดาวคงกำลังย้ายไปดูของเล่นชิ้นอื่นหรือไม่ก็คงกลับไปที่ช่องของอารัช

แต่อย่างไรก็ตามยังมีกลุ่มดาวหนึ่งที่ยังเหลืออยู่

ซอดัม

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่มองไปที่พวกคุณด้วยความสนใจ]

ค่อยๆลอยต่ำลงไป ฉันไปถึงพวกเขา

ถึงแม้ว่าทั้งสี่คนนี้จะไม่สามารถมองเห็นฉันในรูปแบบกลุ่มดาวได้ ความตั้งใจของฉันก็เป็นเพียงแค่การเข้าไปมองดูพวกเขาในระยะใกล้อยู่แล้ว

“…กลุ่มดาวนั้นกำลังคิดบ้าอะไรกันแน่?”

บางทีพวกเขาคงจะคิดว่าฉันคงกำลังเฝ้ามองดูพวกเขาอยู่เพราะงั้นเขาเลยเงยหน้าขึ้นและพูด

“แกช่วยเราไว้ทำไม? แกต้องการให้พวกเรามีชีวิตรอดเพื่อที่แก่จะได้เฝ้าดูเราดิ้นรนแล้วก็ทรมานจนตายอีกครั้งสินะ?”

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : ถ้าฉันต้องการแบบนั้นหละก็ฉันคงไม่จำเป็นต้องเลือกพวกนายมาเป็นอวาตาร์ของฉันหรอกมั้ง]

การเลือกอวาตาร์นั้นถือว่าเป็นการยอมรับความเสี่ยงของกลุ่มดาวดังนั้นมันไม่มีใครที่จะทำเรื่องแบบนั้นโดยไม่ยังคิดแน่นอน

นี้เป็นเพราะว่าถ้าหากอวาตาร์ตนนั้นตายลง ‘ชื่อ’ ของกลุ่มดาวจะได้รับความเสียหาย

ตั้งแต่ที่กลุ่มดาวมีตัวตนอยู่ภายชื่อของพวกเขา พวกเขาจะเลือกผู้ท้าชิงที่ดูเหมือนว่าจะมีโอกาสรอดชีวิตเสมอ

ด้วยเหตุผลนั้นเองทำให้อารัชเป็นตัวแทนของเหล่ากลุ่มดาวมากกว่า 50 กลุ่มดาวไปแล้ว

เหล่ากลุ่มดาวจะสนับสนุนอวาตาร์ของพวกเขาด้วยสกิลหรือเหรียญดวงดาวด้วยความหวังที่จะวาตาร์ของพวกเขาเหล่านั้นจะทำให้ชื่อของพวกเขาเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตอนที่อวาตาร์ของพวกเขาทำเป้าหมายที่แน่นอนสำเร็จลุล่วง

แต่อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้เป็นกลุ่มดาวที่แท้จริงอยู่แล้ว

ฉันไม่มีสกิลหรือเหรียญดวงดาวเพื่อที่จะสนับสนุนและไม่มีเป้าหมายที่จะต้องทำเป็นชื่อของฉันเป็นที่รู้จัก

ฉันมีเพียงแค่สองเป้าหมายเท่านั้นคือ

ยกระดับของทั้งสี่คนนี้ให้สูงพอที่จะสร้างวิกฤตให้กับตัวเอกได้

และการได้รับเหรียญดวงดาวผ่านทางพวกเขา

[ฉันตั้งใจที่จะทำให้พวกนายได้รับที่หนึ่ง]

“…ทำไม? พวกเราไม่เชื่อใจแกหรอกนะ”

[ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเชื่อฉัน ฉันแค่ต้องการให้อารัชคนที่ในตอนนี้อยู่ที่หนึ่ง ล่วงหล่นลงมา พวกนายก็แต่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของฉัน]

มันสะดวกกว่าที่จะลากเส้นแบ่งไว้อย่างชัดเจน

และมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปหลอกลวงพวกเขา

[พวกนายเข้าใจใช่ไหม? ฉันกำลังสนับสนุนพวกนายเพราะว่าความต้องการของฉันนั้นอยู่ในเส้นทางเดียงกันกับของพวกนาย ไม่ต้องคิดมากถึงเหตุผลอื่นและแค่ตั้งใจลองพยายามมันอีกครั้ง]

“นี่มัน…”

กรูลาร์มองไปที่ซาจุนที่มีหน้าตาที่น่าสงสารในตอนนี้

เขารู้สึกขุ่นเคืองต่อกลุ่มดาวนี้ที่ทำให้เขาสูญเสียทักษะของนักบวชไป

แต่ว่า…

ตั้งแต่แรกแล้วฉันก็ไม่ได้คิดที่จะทำอะไรกับเรื่องนั้นอยู่แล้ว

เพราะสิ่งที่ฉันต้องการจะทำคือ

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : นับจากตอนนี้ไปทุกๆคนจำเป็นจะต้องรีเซ็ตค่าสถานของตนเองทั้งหมด]

จากตัวละครที่อัพคลาสและค่าสถานมั่วๆฉันกำลังจะซ่อมแซมพวกมันให้กับพวกเขาเอง

……………………………………………………..

ในพื้นที่ด้านในสุดของด่านที่ 7

มันเป็นดันเจี้ยนขนาดเล็กที่ไกลจากเส้นทางหลักแต่ในตอนนี้มีผู้ท้าชิงสี่คนได้มาเยื่อนที่นี้

โดยปราศจากอุปสรรคใดๆเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ ฉันได้ให้พวกเขาหาเหรียญดวงดาวมาโดยการตระเวนไปรอบๆ

ฉันจะได้รับเหรียญดวงดาวมาในทุกๆครั้งที่ทั้งสี่คนทำเป้าหมายสำเร็จ

และฉันก็ได้ลงทุนกลับไปที่พวกเขา

นี่จะเป็นการลงทุกครั้งสุดท้ายของฉัน

ทั้งสี่คนนี้ได้ใช้เหรียญมากกว่า 4,000 เหรียญดวงดาวในแต่ละคนเพื่อที่จะรีเซ็ตค่าสถานะและกระจายมันใหม่

#1 เปลี่ยนเป็นนักฆ่า

#2 เปลี่ยนเป็นนักรบ

#3 เปลี่ยนเป็นนักธนู

#4 เปลี่ยนเป็นตัวแทงค์

เหมือนที่คาดไว้เลยชื่อเล่นแบบนี้จำง่ายกว่าเยอะ

“ทำไมหละคะ…พวกเราใช้คลาสนี้มาตั้งสามปีแล้วตั้งแต่ที่ได้เข้ามาที่โลกใบนี้…”

[แค่ทำตามที่ฉันบอก]

เพียงแค่มองไปมันก็เห็นได้ชัดแล้วว่าคลาสของเจ้าพวกนี้ก่อนหน้านี้มันไม่ได้เข้ากันเลย

#4 เป็นหญิงสาวที่มีร่างกายขนาดเล็กและขี้อาย ในขณะที่ #3 มีโครงร่างที่ใหญ่

เพียงแค่นั้นซอดัมก็สัมผัสได้

เพราะว่าตั้งแต่ที่ฉันได้เริ่มที่จะล่าพวกตัวเอกมา สัมผัสของฉันได้เริ่มกลายมาเป็นเครื่องตรวจจับ ‘พรสวรรค์’ และเมื่อมองไปที่พวกเขาทั้งสี่คนนี้ ฉันรู้สึกว่าพวกเขายังไม่ได้ใช้งานพรสวรรค์ของตนเองเลย

[แค่เชื่อใจฉันและทำตามที่ฉันพูด เธอไม่ต้องการที่จะไล่ตามให้ทันแล้วงั้นหรอ?]

“เออ”

#4 เป็นคนที่ยืนอยู่แนวหลังเสมอในตอนนี้จำเป็นต้องปกป้องพวกพ้องของเธออยู่ด้านหน้าด้วยโล่ของเธอเอง

ความกดดันนี้เกือบจะทำให้เธอหายใจไม่ออก….

แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของเธอก็ยังคมกริบ

เธอสอดส่องไปในทุกซอกทุกมุมของดันเจี้ยนแห่งนี้โดยสัญชาตญาณ

ตามที่คิดไว้เลยว่าความสงบนิ่งและการตัดสินใจที่ฉับไวของเธอนั้นค่อนข้างดีเลย

[โอเค #4 ตรึงตำแหน่งนั้นไว้ด้วยโล่ของเธอและเตรียมตัวรับการปะทะ]

เดิมที #4 เป็นนักเวทย์

เพียงแค่การที่เธอได้เพิ่มค่าพละกำลังและพลังป้องกันไม่ได้หมายความว่าเธอมีสกิลของแทงค์

แต่ถึงอย่างนั้นค่าสถานะยังคงให้ประโยชน์กับเธอในทางอื่นอยู่

[#1 เก็บกรีซของเธอและโหลดหน้าไม้ที่เอวของเธอขึ้นมา ความแม่นยำของเธอในการใช้หน้าไม้นั้นแย่มากแต่เธอเคลื่อนที่ได้คล่องแคล่ว]

#1 เธอเคยเป็นคนที่มีความเชื่อในความสามารถของตนและเลือกคลาสนักธนูแต่ความแม่นยำของเธอนั้นกลับแย่ที่สุดเลยท่ามกลางเหล่าผู้ท้าชิงระดับสูงทั้งหมด

ด้วยความที่เป็นนักธนูทำให้จุดอ่อนของคลาสเธอคือการต่อสู้ระยะประชิดดังนั้นเธอเลยคุ้นเคยกับการล้มศัตรูของเธอด้วยการใช้กรีซ

นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันตัดสินใจให้เธอสลับมาเป็นคลาสนักฆ่า

[#2 ตั้งการ์ดของนายขึ้นมาก นายไม่เคยได้ยินเรื่องพระวัดเส้าหลินหรือไง? ที่เป็นกลุ่มคนที่เคร่งศาสนาแต่ก็ยังเดินทางๆไปตบตีกับผู้คนไปรอบไปทั่วนะ นายจะต้องมาเป็นพระแบบนั้นนับจากนี้ไป]

ตั้งแต่แรกแล้ว #2 นั้นกินเค้กข้าวมากเกินไปทำให้ไม่เหมาะที่จะเป็นนักบวชอยู่แล้ว

ไม่ตั้งแต่แรกเลยคลาสนักบวชในโลกของอารัชนั้นเป็นคลาสที่ไม่ได้มีความสำคัญด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว

แม้ว่าคลาสนี้จะสามารถแจกบัพได้แต่โพชั่นก็สามารถที่จะแทนที่บัพพวกนั้นได้ดังนั้นมันจะดีกว่าที่จะกลายมาเป็นอีกหนึ่งตัวทำดาเมจแทน

[#3 ยกธนูของนายขึ้นมา พูดตรงๆเลยนะ…ความยึดหยุ่นของนายนี่นั้นแย่มากแต่นายมีพื้นฐานในเรื่องความแข็งแกร่ง]

โดยปกติร่ายกายแล้วคนที่เป็นคลาสนักธนูจะมีความยืดหยุ่นสูง

ความยืดหยุ่นที่ทำให้พวกเขาใช้งานพละกำลังของพวกเขาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยที่ใช้ความแข็งแกร่งน้อยลง

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ชัดเจนเลยว่ากำลังของพวกเขามีจำกัด

#3 ที่ได้ยกระดับความยืดหยุ่นขึ้นมาโดยการอัดค่าสถานะทั้งหมดไปที่พละกำลังและความว่องไวทำให้เขามีสามารถที่จะยิงธนูได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วในตอนนี้

ถึงแม้ว่ามันจะหยาบไปสักหน่อยแต่การทำแบบนี้มันจะทำให้ได้รับพลังทำลายที่มากขึ้นมาแทน

นี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงได้ลดจำนวนของคลาสระยะไกลลงเพราะฉันเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของพวกเขา

ดังนั้นฉันกำลังใช้คลาสที่ติดตัวพวกเขามาตั้งแต่แรกให้เต็มประสิทธิภาพและทำให้พรสวรรค์ของพวกเขาเบ่งบานในเวลาเดียวกัน

[เยี่ยม ตอนนี้เข้าไปด้านในกันได้แล้ว]

……………………………………………………..

มีเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้นที่ฉันสามารถทำเพื่อทุกคนได้ในตอนนี้

การสั่งการ

โดยปกติแล้ววิธีการสนับสนุนอวาตาร์ของตนเองในกลุ่มดาวอื่นๆจะทำด้วยการใช้สกิลและเหรียญดวงดาวแต่ฉันไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้

ไม่สินะความจริงแล้ว กลุ่มดาวจะไม่ทำเรื่องเล็กน้อยของเช่นการโต้ตอบกับอวาตาร์ของพวกเขาต่างหาก

มอนสเตอร์ของโลกใบนี้มันมีรูปแบบ

[เฮ้! ตรงหลังหัวของพวกมันไง! ฉันต้องบอกนายอีกกี่ครั้งว่าหลังหัวของมันเป็นจุดอ่อนนะ!]

[โอเคไหมนะ? ถ้าถูกโจมตีด้วยไอนั้นเพียงแค่ครั้งเดียวหละก็เธอได้ตายแน่เพราะงั้นในตอนที่การโจมตีของมันสิ้นสุดลงมันจะมีช่องว่างห้าวิให้เล็งไปร่างกายของมันในตอนนั้น]

[ข้อต่อของมันดูเหมือนว่าจะเป็นจุดอ่อนใช่ไหมหละ? แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่างถูกหลอกไปซะหละ]

ฉันมักเป็นผู้สังเกตที่ดีอยู่แล้ว

ในความเป็นจริงในตอนที่ฉันกดลงไปที่[อื่นๆ…]ที่อยู่ด้านใต้พรสวรรค์ของฉันในหน้าต่างสถานะฉันได้เห็นว่าฉันมีพรสวรรค์การสังเกต (C)

พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ฉันเป็นอัจฉริยะในการสังเกตสิ่งต่างๆ

หรือถ้าจะพูดให้ตรงกว่านั้นฉันสามารถที่จะเข้าใจใน ‘รูปแบบ’ หรือ ‘จุดอ่อน’ ของมอนสเตอร์ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วรวมไปถึงเรื่องของตำแหน่งต่างๆบนแผนที่

โลกใบนี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากเกมส์ไม่ใช่หรือไง?

มอนสเตอร์ทุกตัวที่นี้ไม่มีเหตุผลหรือมีสติในการรับรู้ตนเอง

มันแค่เคลื่อนที่และทำสิ่งต่างๆตามรูปแบบที่ได้รับการตั้งค่าเอาไว้

สำหรับฉันที่เคยจัดการกับเหล่ามอนสเตอร์ที่เต็มไปด้วยตัวแปรจำนวนมากมาแล้วมันสามารถพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า ‘มอนสเตอร์’ พวกนี้มันอ่อนแอจริงๆ

ด้วยการสนับสนุนของฉันนี้เองทำให้ทั้งสี่คนนี้สามารถที่จะยกระดับขึ้นได้อย่างมั่นคงด้วยประสิทธิภาพที่มากกว่าโดยการใช้เวลาเพียงแค่สามเดือนเมื่อเทียบกับสามปีที่ผ่านมาของพวกเขา

“อ้า…”

“ยอดเลย มันน่าตื่นเต้นมากเลยค่ะกับการที่จะต้องมาปะทะกับบางสิ่งด้วยโล่แบบนี้”

“อืม…ธนูนี้ไม่เหมาะกับมือฉันเลยแหะแต่รู้สึกว่ามันจะคาดเดาได้แปลกๆว่าต้องยิ่งไปที่ไหน”

ทั้งสี่คนยังคงกำลังเคลียร์ดันเจี้ยนที่เหลืออยู่ในด่านที่ 7 และรู้สึกประหลาดใจในตอนที่พวกเขาเคลียร์ดันเจี้ยนเหล่านี้สำเร็จทั้งๆที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะทำได้

เอาจริงแล้วมันได้รับความช่วยเหลือจากฉันไปมากกว่าการเปลี่ยนคลาสของพวกเขาเยอะเลยแต่มันน่าจะดีกว่าที่จะปล่อยให้พวกเขาคิดกันไปแบบนั้น

ในตอนนี้ฉันเป็นเพียงแค่กลุ่มดาวเดียวเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ในช่องของพวกเขาและมันถึงเวลาแล้วที่จะใช้กองเหรียญดวงดาวที่ฉันได้สะสมมา

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : ฉันจะหายไปสักพักหนึ่งเพื่อเตรียมการสำหรับด่านที่ 8 นะดังนั้นพักผ่อนกันด้วยหละ]

“อย่างนั้นหรอ? งั้นมันก็จะเหลือแค่พวกเราสี่คนแล้วนะสิในตอนนี้?”

หลังจากที่ได้ผ่านมาเป็นเดือนทั้งสี่คนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นคนที่เชื่อใจฉันโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ

ก็นะฉันได้สอนพวกเขาไปมากมาย

แต่ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ให้เหรียญดวงดาวสนับสนุนพวกเขาไปเลยแม้แต่เหรียญเดียวช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้บ่นออกไรออกมาสักคำ

เหรียญดวงดาวทั้งหมดที่พวกเขาได้รับมาในเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาจากการทำเป้าหมายให้สำเร็จนั้นมากกว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับมาในอดีตซะอีก

[ใช่แล้ว ฉันต้องไปที่ไหนสักแห่งแล้วฉันค่อยกลับมา]

“โอเค! พวกเราจะค่อยนะ!”

ปล่อยให้ทั้งสี่คนอยู่ตามลำพัง ฉันได้มุ่งตรงไปที่อีกช่องหนึ่งแทน

ใช่แล้วมันไม่ใช่ช่องไหนเลยนอกจากช่องของอารัช

เมื่อเข้าไปในช่องนี้แล้ว ฉันได้เห็นอารัชกำลังตะโกนด้วยเสียงอันดังไปในอากาศและกำลังเล็งดาบของเขาไปที่กบยักษ์สีแดงที่อยู่ด้านหน้าของเขา

“กลุ่มดาวทุกท่านครับ ผมจะพยายามตัดคอของกบบาร็อคตัวนี้ให้ได้ภายใน 10 นาทีนะครับ”

ยังคงมีเหล่ากลุ่มดาวมากกว่าพันกลุ่มดาวในช่องของอารัช

มันไม่ได้สูงเท่านี้ในส่วนสุดท้ายของด่านที่ 7 แต่มันก็ยังคงพิจารณาได้ว่าสูงมากอยู่ดี

อารัชเป็นเพียงผู้ท้าชิงคนเดียวที่ได้มาถึงด่านที่ 9 แล้วดังนั้นกระแสตอบรับจากทางฝั่งกลุ่มดาวเลยค่อนข้างที่จะร้อนแรง

ร้อนแรงมาก

ยอดเยี่ยม ไม่ใช่ว่ามันจะสนุกมากขึ้นหรือถ้าคุณราดน้ำมันลงไปเพิ่มมากกว่านี้อีก?

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่มอบ 500 เหรียญดวงดาวเป็นการสนับสนุน]

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : ถ้านายทำมันได้ภายในห้านาทีฉันจะเพิ่มให้อีก 5,000 เหรียญดวงดาวตกลงไหมหละ?]

ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ

ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ

ไม่ว่าจะเป็นคนที่กลับชาติมาเกิด,คนที่ย้อนเวลากลับมา,คนที่วนลูปได้,พวกที่ไปยึดร่างคนอื่นมา,นักเดินทางต่างมิติ,คนรู้อนาคตมากจากทางไหนสักทาง

ฉันจะล่าเจ้าพวกตัวเอกเหล่านี้เอง ไอ้พวกคนที่มีตัวตนอยู่ในโลกใบต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนแล้วฉันก็จะดูดกลืนพรสวรรค์ของพวกเขาซะ

เหล่าพวกตัวเอกทั้งหลายที่ไม่ว่าจะเป็น

ความหวังของทวีป

ฮีโร่ที่จะช่วยโลกไว้ได้อนาคต

ฮีโร่ที่ในตอนนี้มีหลุมอยู่ตรงกลางอก!

ปาร์คแทรยอง คนที่จะปลดปล่อยเหล่าคนแคระให้เป็นอิสระและได้รับความเชื่อถือจากคนพวกนั้น

ชำระล้างสิ่งปนเปื้อนที่เป็นพิษในป่าแห่งจิตวิญญาณและได้กลายมีเป็นผู้มีพระคุณของเหล่าแฟรี่

ทวงคืนรูปปั้นหินโบราณที่เคยถูกปิดผนึกอยู่ในซากปรักหักพังในยุคอดีตกาล

กำจัดงูทะเลยักษ์ที่โผล่ออกมาจากทะเล

ปราบจักพรรดิปีศาจของโลกใต้พิภพตนที่ 47 ลงได้

“นอกเหนือไปจากการข่มขืนและฆาตกรรมแล้วยังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการฆ่าอันป่าเถือน,การลอบวางเพลิง และ……”

“ช-ช่วยฉันด้วย..”

แกร๊ก!

นี้ก็เป็นตัวเอกเช่นกัน

แต่ในตอนนี้เขาได้ตายคามือฉันซะแล้วหละ

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท