หลิวจื่อซิงมองเหลิ่งเซ่าถิง หัวเราะเสียงเบาออกมา:“หลังจากที่ฉันกลับประเทศ ก็อยู่แต่ในคอนโด เซ่าถิง คุณอยากดื่มกาแฟที่ฉันชงให้สักแก้วไหม? คุณไม่ได้ชิมกาแฟที่ฉันเป็นคนชงให้คุณนานแล้วนี่?”
หลิวจื่อซิงพูด แล้วเอามือของตัวเองไปวางบนหลังมือของเหลิ่งเซ่าถิงอย่างสนิทสนม เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นมา แล้วปัดมือของหลิวจื่อซิงเบาๆ พูดเสียงเย็นชา:“ขอโทษนะ คืนนี้ผมยังมีธุระต่อ ส่วนกาแฟคุณหาผู้ชายคนอื่นมาดื่มละกัน”
“เซ่าถิง คุณยังโกรธฉันอยู่อีกเหรอ?” หลิวจื่อซิงรีบลุกขึ้นยืน นัยน์ตามีน้ำตาคลออยู่ พูดกับเหลิ่งเซ่าถิงด้วยเสียงอ่อนโยน
เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว มองไปทางหลิวจื่อซิงด้วยความประหลาดใจ:“ทำไมคุณพูดแบบนี้?”
หลิวจื่อซิงก้มตาลง พูดเสียงเบา:“เพราะว่าคุณผลักฉันไปให้ผู้ชายคนอื่น ถ้าคุณยินดีคืนดีกับฉันจริงๆ ทำไมถึงต้องผลักฉันไปให้ผู้ชายคนอื่นล่ะ?”
“ผมแค่หวังว่าชีวิตของคุณจะไม่ถูกบังคับ ผมงานยุ่ง คงอยู่กับคุณไม่ได้ คุณหาเพื่อนสักสองสามคนมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ ไม่ดีกว่าเหรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตามองหลิวจื่อซิง ยิ้มเยาะแล้วพูด:“อีกอย่างผมให้สถานะคู่ควงกับคุณไปแล้ว ถ้าต่อไปคุณเชื่อฟัง ผมยังสามารถให้สถานะคนรักกับคุณได้อีกด้วย สมมุติถ้าคุณได้ความเมตตาจากคุณย่าอีกครั้ง บางทีคุณอาจจะกลายเป็นภรรยาผม คุณยังต้องการอะไรอีก? ถ้าคุณรู้สึกว่าผมทำให้คุณสมหวังไม่ได้ คุณสามารถปฏิเสธที่จะเป็นคู่ควงผมได้นะ……”
“ไม่……” หลิวจื่อซิงส่ายหน้า แล้วคิดสักพัก ถึงจะพูดออกมาเสียงเบา:“ฉันยินดีจะเป็นคู่ควงของคุณ แต่ว่า ตอนนี้ภรรยาของคุณไม่ใช่เจี่ยนอี๋นั่วเหรอ? หรือว่าคุณอยากจะเลิกกับเขา?”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มเยาะออกมา:“เขาเป็นแค่ภรรยาในนาม ตอนแรกมีเหตุบังเอิญให้เขามีลูกกับผม ไม่สะดวกที่จะให้เขาแยกไป ก็เลยให้มาอยู่ที่ตระกูลเหลิ่ง แต่ตอนนี้ไม่มีลูกแล้ว และผมก็เบื่อผู้หญิงแบบนั้นเต็มที พอผ่านสัญญาหนึ่งปีไป ผมก็จะปล่อยเขาไปเอง เปรียบเทียบกับเขาแล้ว ผมกลับรู้สึกว่าคุณเหมาะที่จะเป็นภรรยาผมมากกว่าเขา”
หลิวจื่อซิงมองเหลิ่งเซ่าถิงด้วยตาสุกสว่าง เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก แต่ใบหน้าเธอต้องทำหน้าลำบากใจ:“ถ้าเป็นอย่างนั้น มันไม่ค่อยยุติธรรมกับเจี่ยนอี๋นั่วหรือเปล่า? เขาเกือบจะคลอดลูกให้คุณเลยนะ”
“เขาก็แค่คลอดลูกเพราะเงิน อีกอย่างครั้งนี้ก็นับว่าเขาไม่ได้เข้าตระกูลเหลิ่งมาฟรีๆ ไม่ว่าตอนเริ่มจะลำบากแค่ไหน แต่ก็นับว่าเขาเคยเป็นผู้หญิงของเหลิ่งเซ่าถิงล่ะนะ ผมจะปกป้องเขาเท่าที่ผมจะทำได้ แต่นี่ก็ไม่กระทบกับผลประโยชน์ของเงื่อนไขแรกหรอกนะ” เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงเบา
หลิวจื่อซิงซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ แล้วถอนหายใจ:“คุณเจี่ยนคนนั้นดูแล้วเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆนะ แค่ครั้งที่แล้วที่ฉันเจอเขา เหมือนว่าเขาจะรู้สึกกับคุณไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป คุณต้องเตือนเขาหน่อยนะ เขาจะได้ไม่เข้าใจผิด ว่าตัวเองกลายเป็นคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งจริงๆ พอถึงเวลาก็ทำให้เขาเสียใจ ฉันคงใจไม่แข็งพอที่จะมองเห็นคนอื่นเสียใจหรอกนะ……ความจริงแล้วว่าตามรูปลักษณ์ของเขา สิ่งที่เขาได้รับมันเยอะมากแล้วนะ ถ้าโลภอีกก็คงเกินไป”
“เรื่องของเขาผมจะจัดการเอง ต่อไปคุณก็พยายามอย่าไปขัดแย้งอะไรกับเขาล่ะ ขัดแย้งกับคนแบบเขามันไม่คุ้ม ผมยังมีธุระที่บริษัทต่อ คุณกินเองเถอะ” เหลิ่งเซ่าถิงพูดน้ำเสียงเย็นชา
เห็นว่าหลิวจื่อซิงพยักหน้า เหลิ่งเซ่าถิงก็หมุนร่างเดินออกไปจากห้องอาหาร เดินออกจากร้านอาหารท่ามกลางสายตาของใครหลายคนที่จับจ้องเขา
หลิวจื่อซิงมองแผ่นหลังของเหลิ่งเซ่าถิง อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา:“เหลิ่งเซ่าถิง ฉันรู้อยู่แล้วว่ายังไงคุณก็เป็นของฉัน”
เหลิ่งเซ่าถิงขับรถ จนถึงเคาท์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ชี้ไปที่น้ำหอมของผู้หญิงขวดหนึ่งที่มีราคาสูงที่สุดและลิปสติกหนึ่งแท่ง
พนักงานเคาท์เตอร์ไม่คิดว่าพอใกล้จะถึงเวลาเลิกงาน จะมีลูกค้ากระเป๋าหนักมา ก็รีบยิ้มแล้วห่อของให้เหลิ่งเซ่าถิง:“คุณผู้ชาย น้ำหอมแบรนด์นี้เหมาะกับผู้หญิงมาก ลิปสติกก็เลือกได้ดีมากค่ะ เป็นลิปสติกที่ดีที่สุดในร้านของพวกเรา แฟนของคุณต้องชอบอย่างแน่นอนค่ะ”
เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่ยื่นมือไปบังมือพนักงานตรงเคาท์เตอร์ที่กำลังห่อของ:“ไม่ต้องห่อ เอามาให้ผมเลย”
“ไม่ห่อ? แต่ของขวัญที่ล้ำค่าขนาดนี้……” พนักงานเคาท์เตอร์ยังไม่เคยเจอลูกค้าแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกค้าที่มีฐานะ หรือผู้ชายมาซื้อของพวกนี้ ก็ต้องเป็นของขวัญที่เตรียมไว้ให้แฟนแน่นอน ในเมื่อเป็นของขวัญ ทำไมถึงไม่ห่อล่ะ?
“รูดบัตรเถอะ” เหลิ่งเซ่าถิงล้วงบัตรธนาคารของเขาส่งให้พนักงานเคาท์เตอร์
ตอนที่ซื้อของทั้งสองมาแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงหยิบน้ำหอมขึ้นมา ฉีดไปที่แขนเสื้อและคอเสื้อของตัวเอง หลังจากนั้นก็ใช้ลิปสติกถูเบาๆที่ปกเสื้อ แล้วทิ้งของทั้งสองลงถังขยะ เดินออกมาจากห้างคนเดียว พนักงานเคาท์เตอร์ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาซื้อของมาก่อน อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง แล้วกระซิบเสียงเบา:“หน้าตาก็หล่อขนาดนั้น แต่ทำไมถึงเป็นคนแปลกได้ขนาดนี้?”
เหลิ่งเซ่าถิงขับรถอ้อมอยู่ไม่กี่รอบ ถึงจะกลับมาที่บ้านตระกูลเหลิ่ง ขณะที่เหลิ่งเซ่าถิงกลับไปที่ห้องของเขานั้น พอเปิดประตู ก็เห็นเจี่ยนอี๋นั่วที่นอนอยู่บนเตียงรีบเด้งตัวขึ้นมา เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาลงเล็กน้อย เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ เจี่ยนอี๋นั่วกำลังรอเขาอยู่
เหลิ่งเซ่าถิงชำเลืองมองเจี่ยนอี๋นั่ว เดินไปที่เตียง แล้วพูดน้ำเสียงเย็นชา:“ต่อไปคุณนอน……”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงตรงนี้ก็เว้นวรรค เดิมทีเขาก็อยากพูดว่าให้เจี่ยนอี๋นั่วนอนบนพื้น แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าบนพื้นมันค่อนข้างเย็น เจี่ยนอี๋นั่วพึ่งจะการแท้งลูกมา ถ้าใครเป็นหวัดแล้วนอนที่พื้น คงต้องป่วยหนักขึ้นอย่างแน่นอน
เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว แล้วรีบเปลี่ยนคำพูด:“ต่อไปคุณนอนบนเตียง ผมจะนอนที่พื้น ก่อนที่คุณจะออกไปจากตระกูลเหลิ่ง พวกเราค่อยแบ่งเตียงกันนอน เอาผ้าห่มมาให้ผม……”
ตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงอยู่ใกล้กับเจี่ยนอี๋นั่วมาก เจี่ยนอี๋นั่วสามาถได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงจากบนตัวของเหลิ่งเซ่าถิง แถมยังเห็นรอยลิปสติกบนปกเสื้อของเขาลางๆอีกด้วย กลิ่นของน้ำหอมดมแล้วรู้สึกเรียบง่าย ไม่ฉุน เจี่ยนอี๋นั่วรู้จักน้ำหอมแบรนด์นี้ เป็นน้ำหอมที่ผู้หญิงรวยๆชอบใช้กันมากที่สุด สีของลิปสติกดูแล้วเป็นผู้ดี
แค่มองพริบตาเดียว เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงได้ไปใกล้ชิดผู้หญิงมา ผู้หญิงคนนั้นคือหลิวจื่อซิงงั้นเหรอ?
ถ้าถามอีกก็คงเซ้าซี้เกินไป เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วแล้วก้มหน้าลง กอดผ้าห่มที่อยู่ข้างๆแล้วห่มให้ดี หลังจากนั้นก็กลับไปบนเตียงโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอเอาตัวเองเข้าไปในผ่าห่ม ห่อตัวเองเป็นก้อนกลม ตอนนี้เหมือนกับว่าเจี่ยนอี๋นั่วถูกทำให้ตกใจ ขดตัวเป็นวงกลม โผล่ด้านหลังออกมาคล้ายส่วนแหลมคมบนหลังเม่น เหลิ่งเซ่าถิงมองการกระทำของเจี่ยนอี๋นั่ว เขายิ่งขมวดคิ้วเข้าไปอีก ตอนนี้เป้าหมายของเขาสำเร็จแล้ว
เหลิ่งเซ่าถิงหายใจเข้าลึกๆ ถึงจะหมุนร่างเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำหลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดนอน นอนลงบนพื้นแล้วห่มผ้า เหลิ่งเซ่าถิงหลับตาลง แต่ได้ยินเสียงพลิกบนเตียงของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา สายตามองไปที่ร่างของเจี่ยนอี๋นั่วที่อยู่บนเตียง
เจี่ยนอี๋นั่วยังคงแอบอยู่ในผ้าห่ม ขดตัวเป็นวงกลม เวลานี้ ก็มีเสียงร้องไห้เบาๆดังออกมาจากในผ้าห่มของเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งเซ่าถิงรีบลุกขึ้นมา แล้วดึงผ้าห่มที่เจี่ยนอี๋นั่วห่อตัวอยู่ออก เจี่ยนอี๋นั่วเห็นว่าผ้าห่มถูกดึงออก ก็รีบหมุนร่าง ฟุบหน้าลงบนเตียง แล้วรีบเอาหน้าซ่อนไว้
“คุณ……คุณร้องไห้ทำไม?” เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงสบายๆอย่างไม่รู้ตัว
เจี่ยนอี๋นั่วปิดหน้าไว้ รู้สึกว่าตัวเองน่าขายหน้าที่สุด จะตอบกลับเหลิ่งเซ่าถิงยังไงดี? เจี่ยนอี๋นั่วเอาหน้าฝังไว้ในหมอน พูดพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น:“ฉันไม่ได้ร้องไห้!คุณมองผิดแล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วร้องไห้จริงๆ ก่อนที่เหลิ่งเซ่าถิงจะกลับมา ยังร้องไห้คนเดียวอยู่หลายครั้ง ในใจเจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าน้อยใจแปลกๆ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าไม่ควรให้ความรู้สึกใดๆเกิดขึ้นกับเหลิ่งเซ่าถิง ระหว่างพวกเราคงไม่มีอนาคตร่วมกัน แต่พอได้เห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงออกไปจากข้างกายเธอแล้ว ไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอก็รู้สึกเสียใจ
เสียใจ จนกระทั่งเหลิ่งเซ่าถิงกลับมา ถึงกับขนาดคิดว่าบางทีเธออาจจะได้คบกับเหลิ่งเซ่าถิง ในฐานะภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิง สำหรับผู้หญิงหลายๆคนนี่คงเป็นเหมือนน้ำผึ้งที่หอมหวาน แต่เจี่ยนอี๋นั่วมองออก ตำแหน่งนี้สามารถทำให้คนฆ่ากันตายได้
แค่เหลิ่งเซ่าถิงตอบรับเธอสักนิด เธอยินดีที่จะเสี่ยงอันตรายเพื่ออยู่ข้างๆเหลิ่งเซ่าถิง อยู่กับเขาในที่ๆอันตราย ตอนที่เจี่ยนอี๋นั่วตัดสินใจแบบนี้ เธอผ่านความทรมานในใจครั้งใหญ่ ตอนนี้เธอเป็นเสาหลักของครอบครัว ไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ต้องไปเสี่ยงอันตรายเพื่อความรักอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ถ้าเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เจี่ยนอี๋นั่วไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าพ่อของเธอจะเป็นยังไงจะเสียใจขนาดไหน
เจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดของตัวเอง คือก่อนที่จะครบสัญญา ต้องจัดการความสัมพันธ์กับคนตระกูลเหลิ่งให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ออกจากตระกูลเหลิ่งทันที แบบนี้ตระกูลเหลิ่งจะได้รับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเหลิ่งเซ่าถิง และเธอจะไม่มาสร้างความลำบากให้เหลิ่งเซ่าถิงอีก ถ้าเป็นอย่างที่เหลิ่งเซ่าถิงกับคุณนายเหลิ่งพูดไว้ ที่ว่าปกป้องเธอ งั้นนี่ก็เป็นประโยชน์กับการเลือกของเธอมากที่สุดในสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงตอนนี้
แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็ยังเลือกการตัดสินใจที่ไม่ควรเลือก สุดท้ายสิ่งที่ได้รับกลับเป็นเหลิ่งเซ่าถิงที่มีกลิ่นน้ำหอม และพึ่งผ่านผู้หญิงมา ความจริงแล้วเจี่ยนอี๋นั่วไม่ใช่แค่น้อยใจเพราะเสียความรู้สึก แต่เป็นการตัดสินใจที่เห็นแก่ตัวของเธอเมื่อครู่เลยพ่วงมาด้วยความรู้สึกผิด
เหลิ่งเซ่าถิงก้มหน้าลงมองเจี่ยนอี๋นั่ว เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน ตอนนี้ท่านประธานใหญ่เหลิ่งที่อยู่ชั้นสูง ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
เขารู้เป้าหมายที่เขาทำมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะชอบเขาต่อไป เหลิ่งเซ่าถิงเริ่มกังวลว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจขึ้นมา ช่วงนี้เขาไม่ค่อยเกรงใจ คิดว่าตัวเองไม่มีทางเปลี่ยนใจ ก็เลยใกล้ชิดกับเจี่ยนอี๋นั่วต่อไป คิดว่าตัวเองไม่มีทางใจสั่น ก็เลยนอนเตียงเดียวกับเจี่ยนอี๋นั่ว
แต่ความเคยชินก็เปลี่ยนเป็นความอาลัยอาวรณ์ ความอาลัยอาวรณ์ก็เปลี่ยนเป็นความรัก
เหลิ่งเซ่าถิงสังเกตว่าตัวเองเริ่มไม่ห้ามไม่ขัดขวางเจี่ยนอี๋นั่ว ก็เลยทำให้เจี่ยนอี๋นั่วกลายเป็นดอกไม้ในกระถางที่ไม่สามารถถูกตัดแต่งได้ ตอนที่เธออยู่ข้างๆกายเขาตามอำเภอใจ นั่นเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด สถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงของตระกูลเหลิ่งนี้ ไม่ว่าใครก็เหมือนผู้ควบคุมที่อยู่เบื้องหลัง แต่ความจริงแล้วไม่ว่าใครก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทุกคนต่างไม่มีจุดอ่อน ไม่มีใครจะยอมทิ้งผลประโยชน์ของตัวเองเพื่อใครสักคนหรอก
แต่เหลิ่งเซ่าถิงเริ่มสังเกตเห็น บางทีเจี่ยนอี๋นั่วอาจจะเป็นจุดอ่อนของเขาที่ทำให้เขาถึงแก่ชีวิต