นับตั้งแต่เมื่อคืนที่เจี่ยนอี๋นั่วได้ค้างคืนอยู่กับเหลิ่งหมิงอันทั้งคืน เธอก็กลัดกลุ้มใจตลอดและไม่ได้พักผ่อนทั้งคืน หลังจากที่ได้ยินความในใจของเหลิ่งเซ่าถิงที่ไม่ถือสาเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเหลิ่งหมิ่งอันแล้วนั้น เจี่ยนอี๋นั่วก็สบายขึ้นมาทันที เธอเอนตัวนอนบนเตียงแล้วก็หลับเลย
หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วตื่นขึ้นมาฟ้าก็มืดลงแล้ว เธอขยี้ตาเบาๆพร้อมเดินออกจากห้อง ก็เห็นคนรับใช้ยืนอยู่หน้าประตูห้องพอดี หลังจากที่คนรับใช้มองเห็นเจี่ยนอี๋นั่วส่งรอยยิ้มให้แล้วพูดขึ้นว่า:”คุณหญิงตื่นแล้วเหรอคะ?คุณหญิงหิวหรือยังคะ?ดิฉันจะไปเตรียมอาหารให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกได้ว่ามันทะแม่งๆ รีบถามว่า”เกิดอะไรขึ้นคะ?”
คนรับใช้ยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา:”คุณหญิงโปรดวางใจเถอะค่ะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกค่ะ เพียงเพราะคุณหญิงเหนื่อยมากแล้ว คุณหญิงจำเป็นต้องพักผ่อนค่ะ ทางที่ดีคุณหญิงควรพักผ่อนอยู่ในห้อง อย่าออกจากห้องนะคะ”
นี่เธอกำลังถูกกักบริเวณเหรอ?เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะออกมาพร้อมพยักหน้าตอบรับแล้วพูดว่า:”ได้ค่ะ ฉันก็รู้สึกเพลียมากถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวไปพักก่อนนะคะ”
เจี่ยนอี๋นั่วยังไม่รู้สาเหตุที่ชัดเจน จึงไม่อยากมีปัญหากับใคร เธอรีบหันหลังกลับแล้วปิดประตูห้อง ในขณะที่ประตูห้องถูกปิด เจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวดขึ้นมาทันที มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ที่นี่คือคฤหาสน์ตระกูลเหลิ่ง คนที่จะสามารถสั่งกักบริเวณเธอได้นั้นไม่น่าจะเป็นครอบครัวสุยเฉิงจิ้ง แต่น่าจะเป็นคุณนายเหลิ่งซะมากกว่า แล้วทำไมคุณนายเหลิ่งต้องกักบริเวณเธอด้วยล่ะ?
เวลานี้ ในห้องของคุณนายเหลิ่ง คุณนายเหลิ่งจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิงกัดฟันพูดขึ้นว่า:”ทำไมหลานต้องจัดการเหลิ่งหมิงอันเร็วขนาดนี้? ทุกอย่างที่ทำลงไปเพราะผู้หญิงอย่างเจี่ยนอี๋นั่วใช่ไหม? ย่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งหมิงอันอยู่ด้วยกันทั้งคืน หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วกลับมาถึงคฤหาสน์ หลานก็เริ่มลงมือจัดการเหลิ่งหมิงอันทันที นี่หลานพึ่งจะหายดีนะ และหลานยังคุมอำนาจของตระกูลเหลิ่งไว้ไม่ได้ทั้งหมด ก็วู่วามไปปะทะกับเหลิ่งหมิงอัน การกระทำในครั้งนี้ทำให้เหลิ่งหมิงอันต้องรู้แน่นอนว่าใครเป็นพวกของเราบ้าง ต่อไปนี้ถ้าจะใช้งานใครอีกก็คงทำยากขึ้นแล้วล่ะ!”
“ดังนั้นคุณย่าก็หาคนเฝ้าเจี่ยนอี๋นั่วเป็นพิเศษใช่ไหมครับ?” เหลิ่งเซ่าถิงมองคุณนายเหลิ่งด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยหัวเราะพูดขึ้นว่า
“ถ้าหากเธอเป็นสาเหตุที่ทำให้หลานทำอะไรวู่วาม งั้นย่าก็ไม่สามารถเก็บเธอไว้ได้อีกต่อไป “คุณนายเหลิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหัวไปมา:”ถ้าอย่างนั้นคุณย่าสามารถปล่อยเธอไปได้เลย สาเหตุที่แท้จริงนั้นเป็นเพราะเธอแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นครับแต่ไม่ใช่ทั้งหมด นับตั้งแต่ที่ผมฟื้นคืนมา เหลิ่งหมิงอันก็คิดวางแผนที่จะจัดการผมไม่หยุด มันพยายามเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว เพราะในนามนั้นเจี่ยนอี๋นั่วเป็นภรรยาของผม และมันจงใจยั่วโมโหผม ถ้าหากผมยังอดทนอีกต่อไป ใช่ครับมันสามารถทำให้เหลิ่งหมิงอันรู้กำลังอำนาจของผมที่มีอยู่จริงทั้งหมดได้ แล้วคนที่ติดตามผมคนเหล่านั้นเขาจะคิดยังไงครับ? การมีเจี่ยนอี๋นั่วอยู่ในสถานะที่เป็นภรรยาของผม ถึงแม้ไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ แต่คนในตระกูลเหลิ่งก็รู้เรื่องนี้เกือบทั้งตระกูลแล้ว เปรียบเธอเป็นเหมือนของประดับตกแต่งและจะประดับไว้ตรงไหน จะสนใจหรือไม่สนใจเธอมันเป็นสิทธิ์ของผม คนเหล่านั้นที่รู้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วอยู่ในสถานะเป็นภรรยาของผม รู้ว่าผมไม่ชอบเปิดตัวและไม่อยากเปิดเผยสถานะของเจี่ยนอี๋นั่ว ก็จะเลี่ยงและไม่สนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพวกเขาไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร ยิ่งเป็นตระกูลเหลิ่งของพวกเราแล้วนั้น ถ้าหากจะมีเครื่องประดับอย่างเจี่ยนอี๋นั่วมากมายขนาดไหนมันก็ไม่ใชเรื่องแปลก”
เหลิ่งเซ่าถิงแล้วค่อยๆหยุดพูดชั่วขณะ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:”ถึงแม้เจี่ยนอี๋นั่วจะเป็นเครื่องประดับ แต่ก็เป็นในนามภรรยาของผม ถ้าผมยอมให้เหลิ่งหมิงอันคุกคามเธอและถ้าผมไม่หยุดมัน แล้วคนเหล่านั้นคนที่ติดตามผมจะมองผมเป็นคนยังไง มองว่าผมเป็นผู้ชายขี้ขลาด พวกเขาคงคิดว่าการที่ผมต้องอดทนเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ปะทะกับเหลิ่งหมิงอัน และให้เหลิ่งหมิงอันสามารถก่อกวนและคุกคามภรรยาของผมได้ตามอำเภอใจตลอดเวลาอย่างนั้นเหรอครับ ถ้าพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันดันเกิดเป็นศัตรูของเหลิ่งหมิงอันโดยไม่ทันตั้งตัว ผมจะต้องทำไม่แยแสและไม่ช่วยเหลือพวกเขาจริงๆใช่ไหมครับ? ตอนนี้ผมแค่โชว์ให้เห็นกำลังอำนาจบางส่วนของผมเท่านั้น ผมแค่อยากสั่งสอนเหลิ่งหมิงอัน และแสดงให้คนที่ติดตามของผมเห็นว่าผมใช่ผู้ชายที่ขี้ขลาด มันจะทำให้พวกเขาจะยิ่งเชื่อใจผมมากขึ้น เชื่อว่าผมสามารถปกป้องดูแลชีวิตของพวกเขาได้ แล้วยังมีอีกเรื่องนะครับคุณย่า คุณย่าคงไม่อยากเห็นภรรยาของผมไปเป็นพวกเดียวกันกับเหลิ่งหมิงอันหรอกใช่ไหมครับ……”
คุณนายเหลิ่ง…… เม้มริมฝีปากแน่นแล้วพูดขึ้นว่า:”ฟังจากที่พูดมาแล้วก็มีสมเหตุสมผลอยู่ แต่มันเหมือนเกมหลอกเด็กซะมากกว่า……”
“ไม่ใช่เกมหลอกเด็กนะครับ” เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:”คุณย่าคิดว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผมในครั้งนั้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆเหรอครับ?”
คุณนายเหลิ่งคิ้วขมวดมองไปทางเหลิ่งเซ่าถิง:” แล้วมันไม่ใช่อุบัติเหตุเหตุสุดวิสัยหรอกเหรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหัวไปมา หัวเราะด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:”ไม่ใช่ครับ ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุในเวลานั้น ผมได้ยินกับหูของตัวเอง คนขับรถพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา ‘คุณเหลิ่งครับ ผมขอโทษครับ’ แม้ว่าผมจะหาหลักฐานอะไรไม่เจอ แต่ผมกล้าการันตีได้เลยว่ามีคนอยากให้การเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้นเพื่อฆ่าผมให้ตาย คุณย่าครับ ก่อนหน้านี้ที่ผมอดทนมาโดยตลอดและทำเหมือนผมไม่ได้หลอกลวงพวกเขา แต่มันกลับทำให้พวกเขายิ่งได้ใจฮึกเหิมไปกันใหญ่”
คุณนายเหลิ่งท่าทางคิ้วขมวด:“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ ทำไมหลานไม่พูดกับย่าตรงๆล่ะ?”
เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะพร้อมพูดว่า:“คุณย่าอายุมากแล้ว ผมก็แค่ไม่อยากให้คุณย่าเป็นห่วงผมเท่านั้นเองครับ”
คุณนายเหลิ่งได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงพูดว่าเธออายุมากแล้ว รีบเม้มริมฝีปากพูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“ถึงแม้เรื่องนี้มันจะไม่เกี่ยวข้องกับเจี่ยนอี๋นั่ว แต่ว่าวิธีการของหลานมันก็ไม่ถูกต้อง ถ้าหากพี่ชายของหลานยังอยู่ เขาจะไม่ทำอะไรที่วู่วามแบบนี้แน่นอน”
ถ้าหากพี่ชายของหลานยังมีชีวิตอยู่……
พี่ชายของเหลิ่งเซ่าถิงถึงจะเป็นส่วนหนึ่งในตระกูลเหลิ่ง ถึงแม้จะโดนบังคับไม่ให้ใครเอ่ยถึงพี่ชาย แต่เมื่อไหร่ที่เหลิ่งเซ่าถิงทำให้คุณนายเหลิ่งไม่พอใจ คุณนายเหลิ่งก็จะพูดถึงพี่ชายของเขาทุกครั้ง
เหลิ่งเซ่าถิงรู้สึกชินกับมันแล้ว เขายิ้มแล้วลุกขึ้นพร้อมพูดกับคุณนายเหลิ่งว่า:คุณย่าครับ ผมออกไปได้หรือยังครับ? แล้วยังมีอีกเรื่องครับ คนรับใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องของผมและเจี่ยนอี๋นั่วนั้น ควรเรียกกลับไปได้แล้วใช่ไหมครับ”
เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาพูดด้วยน้ำเสียงเบา:”ไม่ ให้เฝ้าอยู่หน้าห้องนั่นแหละ เพื่อทำให้เหลิ่งหมิงอันเห็นว่าย่าไม่ได้ชอบหรือเอ็นดูเจี่ยนอี๋นั่วแล้ว เผื่อหลานจะทำอะไรวู่วามอีก และทำให้เหลิ่งหมิงอันเข้าใจว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเป็นคนที่สำคัญต่อหลานมากแล้วใช้เจี่ยนอี๋นั่วเป็นเครื่องมือต่อรองอีก”
เหลิ่งเซ่าถิงกำหมัดแน่นแต่ใบหน้ายังยิ้มแย้มอยู่ ตอบกลับคุณนายเหลิ่งด้วยความรู้สึกที่ตรงข้ามกับใจ:”ผมไม่ได้แคร์เจี่ยนอี๋นั่ว เขาจะใช้เจี่ยนอี๋นั่วเป็นเครื่องมือในการข่มขู่ผม แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรครับ? เป็นเพราะเรื่องที่มันรังแกเจี่ยนอี๋นั่วผมจึงไปหักเงินหมุนเวียนของมัน เป็นเพราะต้องการตักเตือนและสั่งสอนมัน ให้มันรู้ว่าคนอย่างเหลิ่งเซ่าถิงมันไม่ได้รังแกง่ายๆ แต่ถ้าหากมันใช้เจี่ยนอี๋นั่วเป็นเครื่องมือในการข่มขู่ผม มันก็เป็นผลดีที่ทำให้พวกเรารู้จุดอ่อนของมันไม่ใช่เหรอครับ คุณย่าครับ นี่มันเป็นผลดีกับเรานะครับ”
คุณนายเหลิ่งก็หัวเราะออกมา:“ดีมาก ดูท่าแล้วหลานไม่ได้แคร์เจี่ยนอี๋นั่วจริงๆ แล้วยังมีอีกเรื่องนะ ใกล้ถึงวันเกิดของย่าแล้ว หลานได้เลือกคู่ควงแล้วหรือยังล่ะ?”
เหลิ่งเซ่าถิงหลับตาชั่วขณะ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า: “ผมเลือกหลิวจื่อซิงครับ”
คุณนายเหลิ่งตบโต๊ะเสียงดังพร้อมลุกยืนขึ้น:“ทำไมหลานต้องเลือกหลิวจื่อซิงด้วย? ผู้หญิงอย่างหลิวจื่อซิงไม่เหมาะสมที่จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเหลิ่งของเรา! ย่าได้เลือกผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมไว้ให้กับหลานแล้ว หลานต้องคบกับผู้หญิงแบบนั้นถึงจะดูเหมาะสมกว่านะ”
เหลิ่งเซ่าถิงคื้วขมวด:“คุณย่าครับ ผมตัดสินใจเลือกหลิวจื่อซิงแล้วนะครับ”
คุณนายเหลิ่งจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิง:“ย่าแค่บอกหลานว่าหลานควรปฏิบัติตัวอย่างไร แค่หลานทำตามคำสั่งแค่นั้นพอ ย่าอบรมสั่งสอนหลานให้เป็นผู้เป็นคนได้ ไม่ใช่อบรมสั่งสอนให้หลานมาเถียงย่าเพื่อผู้หญิงคนเดียวแบบนี้นะ หลานอยากให้ผู้หญิงอย่างหลิวจื่อซิงหายไปจากโลกนี้ไหม?”
เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาหัวเราพูดขึ้นว่า:“คุณย่าครับ คุณย่าอย่าลืมนะครับว่าตอนนี้ผมแต่งงานแล้ว ถึงแม้ผมไม่อยากเปิดเผยเรื่องระหว่างผมกับเจี่ยนอี๋นั่ว ถ้าอย่างนั้นให้หลิวจื่อซิงรับหน้าแทนก็ถูกต้องแล้วนะครับ คนที่รู้เรื่องระหว่างผมกับเจี่ยนอี๋นั่ว พวกเขารู้เรื่องในอดีตของผมว่าหลิวจื่อซิงเป็นคนรักเก่าของผม สำหรับคนที่ไม่รู้จักเจี่ยนอี๋นั่วว่าอยู่ในสถานะเป็นภรรยาของผม เดิมในอดีตผมกับหลิวจื่อซิงเคยเป็นคนรักกัน ในตอนนี้คุณย่ามาเลือกผู้หญิงอีกคนที่เพียบพร้อมให้ผม และอีกฝ่ายคงยังไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเจี่ยนอี๋นั่วใช่ไหมครับ? ถ้าหากพวกเขารู้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของผม และพวกเขารู้แค่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นได้แค่ในฐานะชู้ของผมที่ผมพาไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเท่านั้น คุณย่าคิดว่าจะไม่ทำให้พวกเขาโมโหอย่างนั้นเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นผมก็คงมีศัตรูเพิ่มขึ้นอีก”
คุณนายเหลิ่งลูบขมับของตัวเอง จ้องมองเหลิ่งเซ่าถิงและพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา:“ดูท่าแล้ว หลานยังไม่ลืมผู้หญิงอย่างหลิวจื่อซิงใช่หรือไม่”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“เป็นเพราะผมเคยสัญญากับพี่ชายไว้ว่าผมจะดูแลเธอแทนพี่ชายเท่านั้นเองครับ ในเมื่อผมเคยสัญญากับพี่ชายเอาไว้แล้ว ผมจึงต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ครับ
เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะพร้อมพูดกับคุณนายเหลิ่งว่า:“คุณย่าควรยกเลิกคำสั่งเฝ้าเจี่ยนอี๋นั่วได้แล้วนะครับ ผมขอตัวกลับห้องก่อนนะครับ คุณย่าครับราตรีสวัสดิ์ครับ”
คุณนายเหลิ่งคิ้วขมวดแล้วค่อยๆพยักหน้าตอบรับ หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงเดินออกจากห้องไป คุณนายเหลิ่งพูดพึมพำด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“ดูท่าแล้วผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเหลิ่งเซ่าถิงก็คือหลิวจื่อซิงนั่นเอง”
เหลิ่งเซ่าถิงเดินออกจากห้องคุณนายเหลิ่งก็คิ้วขมวดและหันหลังมองไปที่ประตูห้องของคุณนายเหลิ่งสักครู่ พอเดินถึงหน้าประตูห้องของตัวเอง เหลิ่งเซ่าถิงมองเห็นคนรับใช้ยังยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้อง เหลิ่งเซ่าถิงทำท่าปัดมือเบาๆ:คุณไปเถอะ ไปทำงานอย่างอื่นต่อเถอะครับ พวกเราไม่ต้องการความดูแลจากคุณอีกแล้วนะครับ”
“แต่ว่าคุณนายเหลิ่งท่าน……”คนรับใช้พูดด้วยท่าทางที่นอบน้อม
“นี่เป็นคำสั่งของคุณนายเหลิ่งเอง” เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“หรือคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด?”
คนรับใช่รีบส่ายหัวตอบรับแล้วพูดกับเหลิ่งเซ่าถิงว่า:“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบ คนรับใช้ก็รีบจากไปทันที เหลิ่งเซ่าถิงผลักประตูห้องเห็นเจี่ยนอี๋นั่วนั่งอยู่บนเตียงด้วยอาการที่ใจไม่อยู่เนื้อกับตัว เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“คุณเป็นอะไร?เห็นคนรับใช้ที่ยื่นเฝ้าอยู่หน้าห้องแล้วใช่ไหม?”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าตอบรับ:“เห็นแล้วค่ะ คุณยังถือโทษโกธรฉันอยู่เหรอคะ? ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ได้?
เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“ทำไมผมถึงต้องทำเรื่องแบบนั้นด้วยล่ะ? ถ้าหากผมไม่เชื่อใจคุณ ผมคงไม่อนุญาตให้คุณอาศัยอยู่คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งต่อหรอกนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วคิดทบทวนสักครู่หนึ่ง รู้สึกน่าจะเป็นแบบนี้จริงๆ ก็พูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“ขอโทษนะคะ หรือนั้นจะเป็นเพราะคุณนายเหลิ่ง?”
ไม่เห็นเหลิ่งเซ่าถิงตอบกลับ เจี่ยนอี๋นั่วก็ยืนยันได้ทันทีว่าคนที่กักบริเวณเธอนั้นคือคุณนายเหลิ่ง ทำไมคุณนายเหลิ่งต้องทำแบบนี้ด้วยคะ? หรือเป็นเพราะว่าก่อเรื่องอะไรทำให้คุณนายเหลิ่งโกธรขนาดนี้ และทำให้คุณนายเหลิ่งรู้สึกว่าเธอเป็นบุคคลที่อันตรายเลยจำเป็นต้องกักบริเวณ?
“ฉันทำเรื่องอะไรที่ทำให้คุณนายเหลิ่งไม่พอเหรอคะ?” เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดชั่วขณะ พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“หรือเป็นเพราะว่าคุณนายเหลิ่งรู้เรื่องคืนนั้นที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเหลิ่งหมิงอันแล้ว? ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณเดือดร้อนหรือเปล่า?”
เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่ว เอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากเจี่ยนอี๋นั่วพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา:“ผมเคยบอกคุณแล้วนะว่าผมจะเป็นคนที่คอยปกป้องและดูแลคุณเอง และผมจะทำตามสัญญาที่ผมเคยให้ไว้กับคุณแน่นอน”