หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 69 ถ้าหากผมไม่ใช่อะไร?

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เหลิ่งเซ่าถิงฟังคำตอบของเจี่ยนอี๋นั่วแล้ว รีบหรี่ตาขึ้นมาทันที พูดด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ:“ดีมาก ถ้าคุณไม่อิจฉาแล้ว สามารถทำให้ปัญหาของผมลดน้อยลงไปอีกด้วย”

ถึงแม้ปากเหลิ่งเซ่าถิงจะพูดแบบนี้ แต่เจี่ยนอี๋นั่วดูสีหน้าของเหลิ่งเซ่าถิงแล้ว กลับรู้สึกว่าสีหน้าของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นไม่พอใจอย่างมาก เจี่ยนอี๋นั่วทนไม่ไหวถามด้วยน้ำเสียงเบา:“คุณเป็นอะไรไปคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาขึ้น หันหน้าไปมองทางเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ผมไม่ได้เป็นอะไร มีเพียงผู้หญิงบางคนนั้นเปลี่ยนไปเร็วกว่าที่คิดไว้”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ถ้าหากคุณไม่ใช่ ……”

“ไม่ใช่อะไร?”เหลิ่งเซ่าถิงหันหน้ามองไปทางเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า:“ถ้าหากผมไม่ใช่อะไร?”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบพยักหน้า คำพูดที่เธออยากพูดนั้น“ถ้าหากคุณไม่ชอบ ฉันก็คงทำใจไม่ได้เร็วขนาดนี้หรอก”เธอต้องกลืนคำพูดนั้นกลับลงไป เธอพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ:“ความหมายของฉันคือ ที่ฉันเป็นแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการหรอกเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตามอง กัดฟันแล้วมองเจี่ยนอี๋นั่วอีกครั้ง จากนั้นค่อยๆพยักหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ถูกต้อง ในแบบที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้ ก็คือในสิ่งที่ผมต้องการ ผมยังมีธุระ ผมไปก่อนล่ะ อีกสักพักคุณไปหาคุณย่าที่ห้องของท่านแล้วปรึกษาท่านเรื่องการจัดงานเลี้ยงวันเกิด เวลาคุณพูดต้องระวังคำพูดของคุณดีๆ อย่าเพิ่มปัญหาให้ผมอีก”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบพยักหน้าตอบรับ เหลิ่งเซ่าถิงก็รีบเดินออกจากห้องไปทันที เจี่ยนอี๋นั่วมองตามหลังเหลิ่งเซ่าถิง อดไม่ไหวที่จะเอียงหัวด้วยความสงสัยพร้อมคิ้วขมวด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมนิสัยของเหลิ่งเซ่าถิงนับวันยิ่งแปลกประหลาดมากขึ้น? เดี๋ยวให้เธอทำอย่างนี้ เดี๋ยวให้เธอทำอย่างนั้น ถึงแม้จะทำยังไงก็ทำให้เขาโกรธอยู่ดี รู้สึกว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นคนที่เข้าถึงยากกว่าเมื่อก่อนซะอีก

เจี่ยนอี๋นั่วรอให้เหลิ่งเซ่าถิงออกไปไม่นาน เธอก็รีบล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนชุดลำลองสบายๆแล้วเดินออกจากห้อง เจี่ยนอี๋นั่วพึ่งเดินถึงตรงบันได ก็มองเห็นเหลิ่งหมิงอันหน้าคิ้วขมวดเดินเข้าห้องรับแขกตระกูลเหลิ่งอย่างเร่งรีบ เจี่ยนอี๋นั่วไม่เคยเห็นหน้าตาที่กระวนกระวายของเหลิ่งหมิงอันแบบนี้มาก่อน

เหลิ่งหมิงอันเดินถึงหน้าบันได ก็จ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว รีบเดินเข้าไปหาเจี่ยนอี๋นั่วอย่างเร็ว เอื้อมมือไปกุมมือของเจี่ยนอี๋นั่ว:“คุณนำเรื่องราวไปฟ้องเหลิ่งเซ่าถิงเหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วใช้แรงสะบัดมือของเหลิ่งหมิงอันออก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา :“ใช่ค่ะ ฉันเล่าให้เขาฟังหมดทุกอย่าง เพราะเขาคือสามีของฉัน ฉันไม่สามารถปิดบังเขาได้”

“สามี?สามีที่จับมือหญิงอื่นเข้าร่วมงานเลี้ยงเนี่ยนะ?”เหลิ่งหมิงอันคว้ามือเจี่ยนอี๋นั่วอีกครั้ง เขาออกแรงไม่หยุดจนทำให้มือของเจี่ยนอี๋นั่วเป็นแผล

แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วกลับไม่ได้ขัดขืน เธอคิ้วขมวดจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขาก็คือสามีของฉัน ตอนนี้คุณกำลังผิดหวังเสียใจ ดูท่าแล้วเขาน่าจะทำเรื่องอะไรให้คุณโมโหขนาดนี้?เรื่องอะไร?คุณไม่สนใจความรู้สึกของใคร ไม่สนใจสถานะ ถ้าอย่างนั้นก็มีเพียงแต่เงินเท่านั้น เขาทำให้คุณสูญเงินไปไม่น้อยล่ะสินะ”

เหลิ่งเซ่าถิงกัดฟันพูดขึ้นว่า:“เจ็ดสิบล้าน แค่ภายในคืนเดียวเขาทำให้ผมสูญเสียเงินไปถึงเจ็ดสิบล้านบาท”

เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆหยุดชะงัก ถึงแม้จะเป็นเงินเจ็ดสิบล้าน สำหรับตระกูลเหลิ่งคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ว่าบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งดูเหมือนจะมีทรัพย์สินหลายพันล้านหรือหลายหมื่นล้าน แต่เงินทุนหมุนเวียนเกินร้อยล้านนั้นมันมีไม่มาก เหลิ่งหมิงอันสูญเสียเงินเจ็ดสิบล้านภายในเวลาอันสั้น อาจทำให้เงินลงทุนหมุนเวียนเกิดปัญหา และอุตสาหกรรมภายใต้ชื่อของเขาต้องมีผลกระทบเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ถ้าหากเป็นบริษัทของเจี่ยนอี๋นั่ว ถ้าสูญเสียเงินทุนหมุนเวียนขนาดนี้ อาจทำให้บริษัทของเธอล้มละลายได้ในทันที

เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงทำได้ยังไง สามารถทำให้บริษัทหนึ่งสูญเสียเงินลงทุนหมุนเวียนจำนวนไม่น้อยภายในเวลาอันสั้นนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งหมดเป็นเงินหมุนเวียนตั้งเจ็ดสิบล้านเลยนะ?

ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วนึกถึงเงินจำนวนเจ็ดสิบล้านอยู่นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวด ทำไมเธอถึงรู้สึกว่า“เลขเจ็ด”นี้ มันช่างคุ้นเหลือเกินนะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

“คุณกำลังคิดอะไรอยู่?คุณกำลังคิดจะนำเรื่องอะไรไปฟ้องเหลิ่งเซ่าถิงอีกใช่ไหม?”เหลิ่งหมิงอันหน้าคิ้วขมวด กัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม

เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวด:“คุณทำฉันเจ็บแล้วนะ”

เหลิ่งหมิงอันพึ่งเห็นว่าตัวเองจับแขนของเจี่ยนอี๋นั่วไว้แน่น และมันทำให้เกิดเป็นรอยช้ำแล้ว เหลิ่งหมิงอันพึ่งรู้สึกตัวจึงรีบปล่อยมือ คิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว :“แล้วทำไมคุณไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ”

“ฉันพูดแล้วคุณจะปล่อยฉันไหม?คุณจะสนใจด้วยเหรอว่าฉันจะเจ็บหรือไม่เจ็บ?”

เจี่ยนอี๋นั่วก้มหัวเหลือบมองไปที่รอยช้ำที่มือของตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“คุณเหลิ่งหมิงอันคะ ฉันเป็นเพียงคนธรรมดา ฉันไม่มี EQ และ IQ เพียงพอที่จะต่อกรกับพวกคุณหรอกนะคะ การกระทำของคุณในคืนนั้น ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เป็นคนบอกเหลิ่งเซ่าถิง คุณคิดว่าเขาจะไม่รู้เรื่องเหรอ? เวลานั้นคุณจงใจยั่วยุและทำให้เหลิ่งเซ่าถิงโมโห เพียงแต่ตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงโต้ตอบกลับบ้าง ทำให้คุณรู้สึกไม่สามารถต้านทานไว้ได้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันเป็นเพราะคุณเป็นคนเริ่มก่อนมิใช่หรือ? ถึงแม้เวลาที่ฉันเจอคุณเมื่อไหร่ มันจะทำให้ฉันรู้สึกโชคร้ายตลอด แต่ฉันรู้สึกมาตลอดว่าหากคุณเป็นคนทำอะไรผิดพลาดแล้ว คุณจะไม่ปัดความรับผิดชอบแน่นอน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันคิดผิด คุณไม่ได้เป็นคนที่มีความรับผิดชอบอย่างที่คิดเอาไว้เลยสักนิด”

“เหอะๆ……” เหลิ่งหมิงอันหัวเราะขึ้นมาเบาๆ:“ ตั้งแต่คุณกลับมาอยู่ข้างกายเหลิ่งเซ่าถิง ดูคนฉลาดขึ้นเป็นกองเลยนะ คุณคิดว่าที่เหลิ่งเซ่าถิงแก้แค้นเอาคืนผมนั้นเป็นเพราะคุณเหรอ?ถ้าหากเป็นเพราะคุณ เขาก็คงไม่ให้หลิวจื่อซิงเป็นคู่ควงของเขาหรอก ใช้คุณราวกับว่าคุณเป็นคนรับใช้ให้จัดเตรียมงานเลี้ยงต่างๆ”

“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น ฉันรู้แล้วว่าระหว่างฉันและเหลิ่งเซ่าถิงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ที่เขาทำแบบนั้นเป็นเพราะคุณทำให้เขาหมดความอดทน ถ้าหากเขาไม่สามารถปกป้องภรรยาแค่ในนามอย่างฉันได้ แล้วเขาจะทำให้คนอื่นเชื่อใจเขาได้อย่างไรกัน?” เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดจ้องมองเหลิ่งหมิงอันพูดด้วยน้ำเสียงเบา

เหลิ่งหมิงอันคิ้วขมวด ทันใดนั้นเขายื่นมือออกมา เขาคิดจะคว้าข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่วอีกครั้ง แต่เจี่ยนอี๋นั่วรีบเอามือไปซ่อนไว้ข้างหลังตัวเอง เดินถอยหลังอย่างระมัดระวัง:“คุณคิดจะทำอะไร?”

เหลิ่งหมิงอันรีบคว้าข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่ว เอามือที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมา คิ้วขมวดพูดขึ้นว่า:“ดูข้อมือของคุณสิ!ฉันจะไปเอาน้ำมันยา”

เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดมองไปทางเหลิ่งหมิงอัน รู้สึกว่าเหลิ่งหมิงอันก็ทำตัวแปลกๆเปลี่ยนไปเหมือนกับเหลิ่งเซ่าถิง เขาเป็นคนทำให้เธอบาดเจ็บ แล้วก็มาทำราวกับว่าเป็นห่วงเป็นใยเธอมาก

เจี่ยนอี๋นั่วยื่นมือออกไปด้วย แล้วรีบพูดไปด้วย:“นี่คือคฤหาสน์ตระกูลเหลิ่ง ไม่ใช่ภูเขาร้างที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ คุณควรเคารพสถานที่และให้เกียรติฉันด้วย?”

เหลิ่งหมิงอันค่อยๆหัวเราะออกมา:“คุณจะให้ผมให้เกียรติคุณได้อย่างไร?เราควรจะมีกันและกันแต่แค่มีเส้นกั้นบางๆกั้นอยู่เท่านั้น ตอนนี้ทำให้ผมนึกย้อนไปในวันที่คุณอยู่ในอ้อมกอดของผมและเข้ามาจูบผม ผมควรจะถ่ายภาพในวันนั้นเก็บเอาไว้ อยากให้คุณเห็นว่าท่าทางเวลานั้นของคุณเป็นอย่างไร ……”

เหลิ่งหมิงอันพูดถึงนี่ ก็นึกถึงผิวที่นุ่มลื่นของเจี่ยนอี๋นั่ว สูดหายใจเข้าลึกๆและหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเข้าไปใกล้ๆ กระซิบข้างหูเจี่ยนอี๋นั่ว:“เวลานี้ผมอยากจะฉีกเสื้อของคุณออก ทับร่างของคุณเอาไว้ แล้วนอนกับคุณ ทำจนกว่าคุณจะร้องไห้…… ถึงแม้ได้ยินมาว่าคุณมีลูกให้เหลิ่งเซ่าถิง แต่ก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ว่าไง? ให้ผมเป็นผู้ชายคนแรกของคุณดีไหม?”

ทุเรศ!

เมื่อ เจี่ยนอี๋นั่วทนต่อไปไม่ไหวยกมือขึ้นเพื่อที่จะตบหน้าเหลิ่งหมิงอันนั้น เธอก็รีบหยุดชะงักทันที เก็บอาการโมโห เอาไว้ เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาค่อย ๆ หัวเราะออกมา เธอค่อยๆหันหน้าพูดกับเหลิ่งหมิงอันว่า:“คุณเหลิ่งหมิงอันคะ คิดทบทวนดีๆ คิดถึงเงินหมุนเวียนที่เสียไปนะคะ อย่ามายั่วโมโหฉัน ทำให้ห้องโถงคฤหาสน์ตระกูลเกิดเรื่องที่ไร้สาระขึ้นนะคะ คุณอยากลองดีใช่ไหมคะว่าถ้าหากฉันตบหน้าคุณในห้องโถงนี้ รู้ไหมเหลิ่งเซ่าถิงจะปกป้องฉันยังไง? ถ้าหากฉันลงมือตบคุณ คุณพ่อหรือคุณแม่ของคุณก็จะเดินออกมา และจะไปรายงานให้คุณนายเหลิ่งทราบ ?เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณนายเหลิ่งแน่นอนว่าฉันจะไม่เล่าคำพูดทุเรศที่คุณพูดกับฉัน หรือการกระทำที่ทุเรศเหล่านั้นแน่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลายเป็นฝ่ายที่ผิด หากเหลิ่งเซ่าถิงต้องการปกป้องฉัน คงต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย คุณอยากเห็นใช่ไหมคะว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะทำเพื่อฉันได้มากขนาดไหน? คุณฟังนะ เขาไม่ได้เพื่อฉัน แต่เพราะคุณล้ำเส้นเขามากเกินไปแล้ว”

“ฮึม……”เหลิ่งหมิงอันสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ เข้าไปกระซิบข้างหูเจี่ยนอี๋นั่ว:“ทำไมคุณต้องมาทดสอบความรู้สึกของผมแบบนี้ ?รู้ไหมคุณทำให้ผมปวดใจ”

เจี่ยนอี๋นั่วใช้แรงผลักมือเหลิ่งหมิงอันออก พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ฉันต้องไปปรึกษาหารือการจัดงานเลี้ยงกับคุณนายเหลิ่ง ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็เดินผ่านหน้าเหลิ่งหมิงอันไปทันที เหลิ่งหมิงอันเป็นบุคคลที่อันตรายมากจริงๆ เขาแสดงละครได้เก่งมากจริงๆ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้เลยว่าคำไหนที่เขาพูดจริงคำพูดไหนที่เขาพูดโกหก และคำพูดไหนที่เขาแกล้งหลอกถาม เจี่ยนอี๋นั่วเผชิญหน้ากับเหลิ่งหมิงอันต้องใช้สติในการคิดรอบคอบอย่างมาก และต้องวิเคราะห์คำพูดของเหลิ่งหมิงอันอย่างระเอียดถี่ถ้วน

หลังจากมองเจี่ยนอี๋นั่วเดินจากไป เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะจ้องมองตามหลังเจี่ยนอี๋นั่ว:“เกมนี้น่าสนุกจริงเลย ถ้าโง่กว่านี้หน่อยก็คงดี”

เจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปในห้องของคุณนายเหลิ่ง คุณนายเหลิ่งมองเห็นเจี่ยนอี๋นั่วก็รีบหัวเราะพร้อมพูดว่า:“พักผ่อนเพียงพอแล้วเหรอ?เมื่อวานฉันกลัวว่าจะมีคนไปรบกวนเธอ ก็เลยจัดคนไปเฝ้าหน้าประตูโดยเฉพาะ”

เฝ้าหน้าประตูห้อง?เป็นการกักบริเวณซะมากกว่าค่ะ

เจี่ยนอี๋นั่วคิดในใจ เธอหัวเราะพูดขึ้นว่า:“หลับสบายดีมากค่ะ เหลิ่งเซ่าถิงให้ดิฉันมาถามคุณย่าว่า จะต้องจัดเตรียมงานเลี้ยงยังไงคะ”

“เธอรู้ไหมเหลิ่งเซ่าถิงจะพาผู้หญิงอีกคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยง?” คุณนายเหลิ่งหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มพยักหน้าตอบรับ:“ดิฉันทราบค่ะ เหลิ่งเซ่าถิงเคยเล่าให้ฟังแล้วค่ะ ดิฉันคิดว่าเขาทำถูกต้องแล้วค่ะ ถึงแม้ตอนนี้ดิฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแค่ในนามเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้วนั้นหน้าที่ของดิฉันคือมีลูกให้กับเหลิ่งเซ่าถิงเท่านั้นค่ะ ดิฉันรู้ดีค่ะไม่ได้เพียบพร้อมและเหมาะสมกับการที่จะเป็นภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิงได้ค่ะ และที่สำคัญไม่เหมาะที่จะอาศัยอยู่คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งอีกต่อไปค่ะ ถ้าหากเปิดเผยว่าดิฉันเป็นภรรยามันก็ดูไม่สมควรเท่าไหร่ค่ะ เขาควรมีคู่ควรค่ะ ดิฉันเคยเห็นคุณหนูหลิวจื่อซิงแล้วค่ะ เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมและเหมาะสมกับเซ่าถิงมากค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดโกหกโดยไม่กะพริบตาระหว่างที่ปั้นเรื่อง

หลังจากที่คุณนายเหลิ่งได้ยิน พอใจกับคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่วมาก เหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วหัวเราพูดขึ้นว่า:“

ถึงแม้ช่วงนี้เธอจะก่อเรื่องไว้ไม่น้อย แต่ฉันคิดว่าฉันเลือกคนไม่ผิด เทียบกับผู้หญิงอื่นเธอก็ถือว่าใจกว้างมาก เกิดเป็นผู้ชายมีเล็กมีน้อยมันเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เกิดเป็นผู้ชายในตระกูลเหลิ่งของพวกเรา เธอไม่ได้เป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่ขี้อิจฉาตาร้อน ข้อนี้ฉันพอใจอย่างมาก”

ที่ไม่ขี้อิจฉาเป็นเพราะว่าไม่สนใจ อะไรคือการให้ผู้ชายของตัวเองไปคบหญิงอื่นหลายๆคนได้และมองว่านั้นเป็นเรื่องธรรมดา? ผู้หญิงอย่างเจี่ยนอี๋นั่วต้องการผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเท่านั้น

ถึงแม้ในใจของเจี่ยนอี๋นั่วจะไม่เห็นด้วยกันกับสิ่งที่คุณนายเหลิ่งพูด แต่เธอต้องแกล้งแสร้งยิ้มว่าเห็นด้วย พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า :“คุณย่าพูดถูกต้องแล้วค่ะ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท