หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 70 แอบจูบ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

ถึงแม้เจี่ยนอี๋นั่วจะรู้ว่ามีอีกหลายครอบครัวที่ร่ำรวยที่มีกฎระเบียบที่ไม่ได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นสังคมยุคสมัยใหม่แล้ว แต่ว่าในฐานะที่เป็นภรรยาที่สูงส่งและมีเกียรติแต่สามีกลับไปมีภรรยาน้อย พวกเธอต้องทำเหมือนใจกว้างเหมือนดั่งน้ำทะเล ถึงแม้จะบังเอิญเจอกันในที่สาธารณะ ก็ต้องแกล้งทักทายกันเหมือนพี่น้อง นี่ก็คือลักษณะการแสดงออกของพวกผู้ดีมีชาติตระกูล

แต่ลักษณะการแสดงออกของพวกผู้ดีมีชาติตระกูลเหล่านี้ มันทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกรังเกียจที่สุด ก่อนหน้านี้เธอก็มีสิทธิ์เลือกคุณชายฐานะสูงส่งเพียบพร้อมหลายคน แต่เธอกลับไปเลือกคนที่ฐานะยากจนอย่างฉู่หมิงเซวียนแทน ก็เพราะว่าฉู่หมิงเซวียนเกิดในฐานะทางบ้านที่ยากจน ไม่ได้มีกฎระเบียบเหมือนครอบครัวที่ร่ำรวย แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายฉู่หมิงเซวียนก็หักหลังเธอเหมือนกัน

ดูผิวเผินเหมือนเจี่ยนอี๋นั่วจะตามใจเหลิ่งหมิงอัน ในระหว่างที่เธอพักอาศัยอยู่ตระกูลเหลิ่งเธอไม่อยากปะทะกับคุณนายเหลิ่งอีก และอีกอย่างไม่ว่ากฎระเบียบของตระกูลเหลิ่งจะเป็นอย่างไร มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ เธอก็จะไปจากตระกูลเหลิ่งทันที

คุณนายเหลิ่งพอใจมากที่เจี่ยนอี๋นั่วเชื่อฟังทุกอย่าง และมอบหมายการจัดงานเลี้ยงและกฎระเบียบอย่างละเอียดให้กับเจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็สั่งให้คนไปจัดเตรียมงานตามคำสั่งของคุณนายเหลิ่ง วันนี้วุ่นวายทั้งวัน เจี่ยนอี๋นั่วหาเวลาแวะไปเยี่ยมคุณพ่อ แต่กลับไม่มีเวลาแวะบริษัทของตัวเองเลย

พอตกกลางคืนในขณะที่เอนตัวลงนอนบนเตียง เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเหนื่อยล้ามาก เธอเอนตัวลงนอนบนเตียงไม่ขยับเขยื้อนเลย จนเหลิ่งเซ่าถิงกลับเข้าห้อง เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย จากนั้นก็กลิ้งไปนอนอีกด้านหนึ่งอย่างอัตโนมัติ เหลือที่ไว้สำหรับเหลิ่งเซ่าถิง เธอจึงค่อยๆหลับตาลง

เธอหลับๆตื่นๆ เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าเหลิ่งเซ่าถิงขึ้นเตียงแล้วเอนตัวลงนอนข้างกายเธอ เธอทำตามนิสัยการนอนของเหลิ่งเซ่าถิง เธอกลิ้งไปนอนข้างๆกายเหลิ่งเซ่าถิงและเป็นหมอนข้างให้เขาเหมือนเดิม

แต่เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วสัมผัสถูกตัวเหลิ่งเซ่าถิงนั้น เหลิ่งเซ่าถิงก็รีบเอามือดันตัวเธอออกทันที และเพราะเหลิ่งเซ่าถิงใช้แรงในการดันตัวเธอมากเกินไป เจี่ยนอี๋นั่วจึงกลิ้งไปหลายตลบ จนกลิ้งตกลงบนพื้น ถึงแม้บนพื้นจะมีพรม แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกเจ็บมากจนทำให้เธอตื่นทันที

เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามองแล้วลุกขึ้นนั่ง คิ้วขมวดนั่งอยู่ข้างเตียง สายตาเย็นชาของเหลิ่งเซ่าถิงที่กำลังจ้องมองเธออยู่ เธอไม่สบอารมณ์พูดขึ้นว่า:“นี่คุณเป็นอะไรอีกเนี่ย?”

“คุณมากอดผมทำไมกัน?”เหลิ่งเซ่าถิงคิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจเฮือก เอามือบิดเอวเธอแล้วนั่งข้างเตียง ระบายด้วยน้ำเสียงเบา:“เมื่อวานคุณเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าคุณชอบนอนกอดฉัน?วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ ฉันไม่มีแรงจะสู้กับคุณแล้ว ก็เลยกลิ้งไปนอนข้างกายคุณเป็นหมอนข้างให้คุณ คุณกลับทำแบบนี้กับฉัน พวกคุณสองพี่น้อง ทำให้ฉันบาดเจ็บไปทั้งตัว เหลิ่งหมิงอันบีบข้อมือฉันแน่นจนช้ำ ตอนนี้รอยช้ำยังไม่หายดี แล้วคุณก็มาผลักฉันแบบนี้ ทำให้เอวของฉันได้รับบาดเจ็บอีก”

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วมองไปที่ข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่ว มองข้อมืออันขาวเนียนนั้นมีรอยเขียวช้ำจริงๆ เหลิ่งเซ่าถิงคิ้วขมวดทันที พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“นี่รอยช้ำที่เขาทำไว้กับคุณเหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า จากนั้นก็รีบสะบัดมือออก พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว คุณอย่าทำเรื่องอะไรที่ทำให้เขาสูญเสียเงินเจ็ดสิบล้านอีกนะ ถึงแม้ความรู้สึกที่ได้แก้แค้นมันจะสะใจ แต่เขาจะเอาความผิดทุกอย่างมาลงที่ตัวฉัน คุณประธานใหญ่เหลิ่งคะ ถึงแม้ดูผิวเผินคุณจะเป็นคนที่เย็นชา แต่ในความเป็นจริงคุณเป็นคนที่สามารถเจรจาหารือได้ จะทำเรื่องอะไรก็จะนึกถึงฉัน แต่เหลิ่งหมิงอันเป็นคนที่ไร้เหตุผลมาก และไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง ฉันรู้สึกค่อนข้างจะกลัวเขามากจริงๆ”

“คุณคิดแบบนี้กับผมและกับเขา?ผมก็ไม่ได้ดีต่อคุณมากเท่าไหร่ใช่ไหม”เหลิ่งเซ่าถิงกระพริบตาลงพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ดีไม่ดีก็เปรียบเทียบออกมาแล้ว คุณมีความเมตตามากกว่าเหลิ่งหมิงอัน”

เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ไหวที่จะเม้มริมฝีปาก เอื้อมมือไปจับข้อมือเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ เขาลืมสนิทเลยว่าก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้องนั้น ยังคิดอยู่เลยว่าควรจะเว้นระยะห่างระหว่างเขาและเจี่ยนอี๋นั่วยังไง

“กล่องยาอยู่ชั้นล่างสุดของโต๊ะวางหนังสือ คุณไปหยิบเองเถอะ”เหลิ่งเซ่าถิงจ้องมองรอยช้ำที่ข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยหน้าตาที่คิ้วขมวด

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า รีบวิ่งไปหยิบกล่องยาทันที หยิบยาน้ำมันแล้วก็รีบวิ่งกลับมา เอายายื่นให้กับเหลิ่งเซ่าถิง หัวเราะพูดขึ้นว่า:“ขอบคุณคุณมากนะคะ”

เหลิ่งเซ่าถิงก้มลงมองไปขวดยานั้น คิ้วขมวดพูดขึ้นว่า:“ผมเคยพูดเหรอว่าจะทายาให้คุณ?คุณเอาไปทาเองเลย”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ ก็โยนขวดยาคืนเจี่ยนอี๋นั่ว เดิมทีเจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงให้เธอไปหยิบยามา เพื่อที่อยากจะทายาให้กับเธอ สุดท้ายคาดไม่ถึงว่าเธอจะหน้าแตก เจี่ยนอี๋นั่วก้มหัวลงเม้มริมฝีปาก เธอหยิบยาขึ้นมาทาให้กับตัวเองอย่างรู้สึกอึดอัดใจ เจี่ยนอี๋นั่วนวดข้อมือตัวเองต้องใช้แรงมากอยู่แล้ว และเมื่อเจี่ยนอี๋นั่วจะเอายานวดที่เอวก็ยิ่งลำบากยิ่งต้องใช้แรงมากขึ้น

เธอหันหลังเอื้อมมือไปทาสักพักใหญ่ๆ และไม่ได้รู้สึกว่าเอวที่ได้รับบาดเจ็บมันจะบรรเทาลง แต่กลับบิดโดนเอวซ้ำยิ่งทำให้ปวดมากขึ้น แค่หันข้างนิดหนึ่งยังรู้สึกเจ็บเลย จนสุดท้ายเจี่ยนอี๋นั่วคิดจะยอมแพ้แล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องได้รับเจ็บเพิ่มขึ้นอีกแน่ ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วกำลังจะลุกขึ้นนั้น เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ทำไมเธอถึงไม่ทายาต่ออีกแล้วล่ะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดชี้ไปตรงเอวของตัวเอง:“ก็มันทาไม่ถึงอ่ะ พรุ่งนี้ฉันไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลดีกว่า”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“พรุ่งนี้มีการจัดงานเลี้ยง”

“ถ้าอย่างนั้น ก็มะรืนนี้ละกัน”เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยท่าทางคิ้วขมวด

เหลิ่งเซ่าถิงสูดหายใจเข้าลึกๆ กวักมือเรียกเจี่ยนอี๋นั่ว :“คุณมานี่ นอนลง เดี๋ยวผมทายาให้คุณเอง”

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าในเมื่อเหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้ชอบผู้หญิง ใกล้ชิดกันคงไม่เป็นอะไรหรอก เจี่ยนอี๋นั่วก็นอนคว่ำบนเตียงทันที ถลกเสื้อของตัวเองขึ้น ทำให้เห็นเอวของเธอ เธอชี้ไปจุดที่เอวบิด:“นี่อยู่ตรงนี้ เจ็บมากๆ”

เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาจ้องมองเอวบางทั้งเนียนทั้งขาวของเจี่ยนอี๋นั่ว คิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงแหบ:“ถ้าอย่างนั้นคุณอย่าขยับไปขยับมาสิ”

เหลิ่งเซ่าถิงเอามือแตะที่ยา แล้วค่อยๆถูไปที่เอวของเจี่ยนอี๋นั่ว ผิวของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นขาวเนียนมาก ขาวเหมือนดั่งหยกสีขาว เอวบางเล็ก แค่มือข้างเดียวของเหลิ่งเซ่าถิงก็สามารถโอบเอวของเธอไว้ได้

บรรยากาศในห้องเงียบลงทันที เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาจ้องมองผิวอันขาวเนียนของเจี่ยนอี๋นั่ว ฝ่ามือที่เย็นของเขาค่อยๆอุ่นขึ้นมาทันที

เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกถึงบรรยากาศในห้องที่เปลี่ยนไป หัวเราะรีบพูดขึ้นว่า:“ฉันไม่รู้จริงๆนะว่าในคฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งก็มียาสมุนไพรแบบนี้ด้วย ฉันคิดว่าคนในตระกูลเหลิ่งเนี่ย เวลาได้รับบาดเจ็บต้องร้องเรียกหาแต่คนในบ้านเท่านั้น”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบ:“ตระกูลเหลิ่งก็กลัวความลำบากเช่นกัน……”

เจี่ยนอี๋นั่วตอบกลับอย่างมึนๆ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าความรู้สึกของเธอมันสับสนวุ่นวายมาก หลังจากที่คาดเดาว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นพวกรักร่วมเพศแล้วนั้น เธอก็ได้สนใจเหลิ่งเซ่าถิงอีก และไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเหลิ่งเซ่าถิงอีก แต่ว่าในขณะที่เหลิ่งเซ่าถิงสัมผัสและถูกเอวของเธอนั้น ความรู้สึกที่คันยุกยิกนั้น ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วชาไปทั้งตั ว และหัวใจเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกผิดอย่างมหันต์ ทำไมต้องเรียกเหลิ่งเซ่าถิงช่วยทายาให้เธอด้วยล่ะ?ไม่ว่าตอนนี้เขาจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ก็เป็นคนที่เธอเคยรัก เธอต้องเผชิญกับการที่เหลิ่งเซ่าถิงสัมผัสตัวเธอ ทำไมเธอถึงจะไม่มีความรู้สึกล่ะ เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ไหวเกร็งไปทั้งตัว กระซิบว่า:“ไม่เอาแล้ว ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะตื่นเช้าหน่อยแล้วไปหาคุณหมอ ได้ไหมคะ”

“ยายังทาไม่ทั่วเลย ……”เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและแหบ

เจี่ยนอี๋นั่วขยับไปมาอย่างไม่น่าไว้วางใจ เหลิ่งเซ่าถิงรีบจับเจี่ยนอี๋นั่วให้หยุดนิ่งทันที ฝ่ามือที่ร้อนของเขา ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกถึงความร้อนบางอย่าง ทันใดนั้นเจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกถึงว่าอันตรายที่ใกล้เข้ามา เธอไม่กล้าขยับ และไม่กล้าหันกลับไปเหลือบมองเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงทายาให้กับเจี่ยนอี๋นั่วอย่างช้าๆ จนเจี่ยนอี๋นั่วทนไม่ไหวพูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า :“ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว”

ทันใดนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็ปล่อยมือทันที ในขณะที่เจี่ยนอี๋หันกลับไปมอง เหลิ่งเซ่าถิงรีบลุกลงจากเตียง เดินตรงไปห้องน้ำ จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงน้ำไหลออกมาจากห้องน้ำ เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งใจ เธออยากให้เหลิ่งเซ่าถิงเข้าในห้องน้ำ ถ้าไม่อย่างนั้นเธอจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับเหลิ่งเซ่าถิงได้ว่าทำไมเธอถึงหน้าแดงขนาดนี้

เจี่ยนอี๋นั่วตบหน้าตัวเองเบาๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์ของเธอจึงกลับมาเป็นปกติ เมื่อกี้สถาณการณ์อันตรายมาก ถ้าหากเหลิ่งเซ่าถิงไม่ใช่ผู้ชายที่เพียบพร้อม อีกทั้งไม่ชอบผู้หญิง เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าเวลานั้นอาจจะตรงเข้าไปสวมกอดเหลิ่งเซ่าถิงได้

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกโชคดีที่เธอไม่ใช่ผู้ชาย ถึงแม้จะเกิดอาการคิดเองเออเองก็เถอะ อาการก็แสดงออกมาไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นเจี่ยนอี๋นั่วต้องโดนเหลิ่งเซ่าถิงด่ายกใหญ่แน่ๆ

แต่ว่าเมื่อเธอถูกเหลิ่งเซ่าถิงสัมผัสโดนตัว ทำไมเธอถึงไวต่อความรู้สึกจากการสัมผัส เมื่อกี้นี้เธอเริ่มคิดจินตนาการไปต่างๆนาๆ และโมเม้นที่เธอกอดรัดฟัดเหวี่งกับเหลิ่งเซ่าถิงอยู่บนเตียง เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกตัวเองคิดเลยเถิดไปไกลเกินแล้ว เธอยังเป็นสาวเป็นแส้จะคิดเรื่องอย่างนั้นไม่ได้?เวลานั้นในสมองของเจี่ยนอี๋นั่วมันมีแต่เรื่องอย่างว่า สามารถถ่ายทำเป็นซีรี่ 18+ 100 ตอนได้

แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วเปลี่ยนความคิดของตัวเองทันที เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ในโลกนี้ไม่ใช่มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่มีความต้องการในเรื่องอย่างว่า อีกทั้งเหลิ่งเซ่าถิงก็หล่อเหลาขนาดนั้น เป็นธรรมดาที่ผู้หญิงจะตกหลุมรักเขา สิ่งนี่ก็เปรียบเหมือนชายคนหนึ่งที่ตกหลุมรักผู้หญิงที่สวยไม่มีที่ติเช่นกัน แน่นอนว่ามันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

เจี่ยนอี๋นั่วพยายามปลอบใจตัวเองอยู่นาน แต่เมื่อเหลิ่งเซ่าเปิดประตูห้องน้ำ เจี่ยนอี๋นั่วก็เลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากับเหลิ่งเซ่าถิง และเธอแกล้งหลับตานอนหลับ

เหลิ่งเซ่าถิงเดินออกจากห้องน้ำด้วยกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย เขาเดินถึงข้างเตียงเขากลับไม่ได้เข้านอนพักผ่อนทันที แต่กลับยืนมองอยู่ข้างๆเตียง เจี่ยนอี๋นั่วก็ยังหลับตาอยู่ แต่รู้สึกได้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงกำลังก้มมองหน้าเธออยู่ เจี่ยนอี๋นั่วได้แต่พยายามรักษาอารมณ์ปกติ แล้วเธอก็ยังคงแกล้งนอนหลับเหมือนเดิม

หลังจากนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็ขึ้นเตียงนอน เขาขยับเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกถูกเรือนร่างของเหลิ่งเซ่าถิงโอบกอดไว้ และพลันรู้สึกถึงคลื่นแห่งความร้อนที่โถมซัดเข้าใส่เธอ จากนั้นก็ประกบริมฝีปากอบอุ่นของเขาลงบนริมฝีปากของเธอ

ความจริงตรงหน้าก็ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องตกละลึง นี่เหลิ่งเซ่าถิงกำลังแอบจูบเธอ?

การจูบเหลิ่งเซ่าถิงมีพลังค่อยๆจูบแรงขึ้นและเข้มข้นขึ้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำอะไรคือการจูบที่แท้จริง เพียงแค่เอาริมฝีปากของเขาจูบลงบนริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วเท่านั้น แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ลมหายใจของเหลิ่งเซ่าถิงก็ค่อยๆหายใจแรงขึ้นอย่างช้าๆ

แม้แต่เจี่ยนอี๋นั่วเองยังสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างของเหลิ่งเซ่าถิง

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท