เจี่ยนอี๋นั่วกัดฟันอย่างแรงรีบยื่นมือออกไป ตบหน้าฉู่หมิงเซวียนหนึ่งทีแล้วตะโกนด่าว่า:“ไร้ยางอายสิ้นดี!”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายเขา?”เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเห็นเจี่ยนอี๋นั่วตบหน้าฉู่หมิงเซวียนก็รีบผลักบอร์ดี้การ์ดออก รีบเดินพุ่งไปประชันหน้ากับเจี่ยนอี๋นั่ว ยกมือขึ้นใช้แรงตบไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วไม่ทันได้ระวังตัว ถูกเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยตบเข้าหน้าอย่างแรง หน้าของเธอถูกตบจนปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าไปมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย ก็เห็นฮุ่ยฮุ่ยกำลังเอามือไปลูบที่หน้าของฉู่หมิงเซวียนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“หมิงเซวียนคะคุณเจ็บมากไหมคะ? ให้ตายเถอะ เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายเขา?”
ฉู่หมิงเซวียนหน้าคิ้วขมวดจ้องมองไปแก้มบวมเบ่งของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วค่อยเหลือบมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย มองด้วยแววตาที่เย็นชา เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยก็ออกมายืนขวางบังตัวฉู่หมิงเซวียนไว้ ตะโกนพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วว่า:“เจี่ยนอี๋นั่ว เธออย่าคิดว่าใครๆต้องเกรงกลัวเธอนะ คนอื่นอาจจะเกรงกลัวเธอ แต่ฉันไม่กลัว ฉันจะบอกไว้ตรงนี้เลยนะ ตอนนี้ฉู่หมิงเซวียนเป็นผู้ชายของฉัน พวกเรานอนด้วยกันแล้ว แล้วฉันยังจะมีลูกให้เขาอีกด้วย และในอนาคตทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของตระกูลเจี่ยนมันก็ต้องเป็นของฉันและลูกของเขา……”
“โง่เง่า……”เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าจ้องมองไปทางเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย บังคับตัวเองให้ฝืนยิ้มส่ายหัวไปมา:“ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้นะ?เดิมทีเธอควรจะมีอนาคตที่สดใสกว่านี้ มาตอนนี้เธอจะเอาชีวิตของเธอมาฝากไว้ให้กับผู้ชายคนนี้นะเหรอ?”ต้องการให้ฉันพาเธอไปดูเฉิงซานซานไหม? คนรักเก่าของเขา เขายังหักหลังและทรยศมาแล้ว เธอคิดว่าเธอจะแตกต่างจากผู้หญิงคนนั้นอย่างนั้นเหรอ?”
“ฮึม เธอเป็นคนที่ไม่สมหวังในเรื่องของความรัก และเธอคงหวังให้คนทั้งโลกไม่สมหวังเช่นเดียวกันกับเธออย่างนั้นเหรอ! เธอจะทำตัวเหลวแหลกขนาดไหน ทั้งตั้งครรภ์ทั้งเลี้ยงผู้ชาย ไร้ยางอายสิ้นดี อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยสนใจใยดีฉัน? มาตอนนี้จะมาแกล้งทำเป็นพี่สาวที่แสนดีอย่างนั้นเหรอ?” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยตระโกนใส่เจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย หันหน้าไปสั่งบอดี้การ์ด:“พวกคุณเอาตัวเธอลงไป
“บอดี้การ์ดสองคนรีบเดินเข้ามา จับแขนของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยแล้วพาลงไป เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยรีบตะโกนร้องเสียงดัง:“นี่ เจี่ยนอี๋นั่วเธอคิดจะทำอะไรกัน? นี่เธอคิดจะลักพาตัวเหรอ? หรือเป็นเพราะเธออิจฉาฉัน เพราะฉันสามารถครอบครองฉู่หมิงเซวียนเธอจึงอิจฉาฉันใช่ไหม”
“เจี่ยนอี๋นั่วฟังคำพูดของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยแล้ว บังคับตัวเองให้ฝืนยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา จากนั้นหันหน้าไปมองฉู่หมิงเซวียน:“คนอย่างคุณนี่ทำได้เพียงใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือเท่านั้น น่าสมเพชจริงๆเลย”
“แต่ก็ใช้ได้ไม่เลวเลยนะ ไม่จริงเหรอ? เป็นอย่างไรบ้างล่ะ? เธอมีนิสัยที่ป่าเถื่อน อยู่เตียงก็กัดคนอื่นไปเรื่อย ชอบเกาคนอื่น และใช้ความรุนแรง พอลงมือตีคนอื่นขึ้นเขา ควรจะเจ็บมากใช่ไหม?”ฉู่หมิงเซวียนจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว เอื้อมมือไปแตะที่ใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว
แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆหันหน้าหนี ในที่สุดก็รอดพ้นมือของฉู่หมิงเซวียน ฉู่หมิงเซวียนหัวเราะก้าวถอยหลัง พร้อมเหลือบมองไปผ้าก๊อซที่พันไว้ในมือของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาหน้าคิ้วขมวดขึ้นมาทันที พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“นี่คุณเป็นแผลได้อย่างไร?ผู้ชายคนนั้นทำร้ายคุณเหรอ? ใช่เหลิ่งหมิงอันคนนั้นหรือเปล่า? คนพวกนั้นก็เป็นคนของเหลิ่งหมิงอันใช่ไหม? ผมไปสืบมาแล้วเขาคือคุณชายรองของตระกูลเหลิ่ง และเป็นลูกชายของเหลิ่งเฉิงอวี่ แต่ว่าเธอตั้งครรภ์ก่อนที่เขาจะกลับประเทศนี่ ลูกของเธอเป็นลูกของใครกันแน่? นี่คุณคงไม่ได้คิดจะเอาทั้งสองคนพ่อลูกใช่ไหม? และในคืนนั้น คุณไม่ได้กลับโรงแรม พอวันถัดไปก็ลือกันทั้งบริษัท ลือว่าคุณเลี้ยงเด็กผู้ชายวัยละอ่อน คุณมีผู้ชายกี่คนกันแน่? เจี่ยนอี๋นั่ว?”
เจี่ยนอี๋นั่วหันหลังตบไปที่หน้าของฉู่หมิงเซวียนอย่างแรง:“คุณตบมาอีกได้เลย ผมไม่รู้สึกเจ็บเลย คุณไม่อยากถามหน่อยเหรอว่าต้องทำยังไงผมถึงจะปล่อยเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย?”
“คุณจะปล่อยเธอไปเหรอ?”เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาจ้องมองฉู่หมิงเซวียน
“ฉันจะปล่อยไป……” ฉู่หมิงเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงแหบ:“เพียงแต่ตอนนี้คุณขึ้นไปนอนเตียงเดียวกับผม ผมก็จะไม่ไปยุ่งกับเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยอีก ถึงแม้ว่าเธอจะหน้าเหมือนกับคุณมาก แต่ยังไงเธอก็ไม่ใช่คุณ ก็เหมือนอย่างที่คุณบอกนั้นแหละเธอโง่เกินไป เธอหลอกใช้ได้ง่ายดายมาก เธอง่ายเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่หาซื้อทั่วๆไป จะไปเหมือนอาหารชั้นสูงที่ทำให้ใครๆก็อยากกินได้ยังไงกัน?”
เจี่ยนอี๋นั่วก็ตบหน้าฉู่หมิงเซวียนอีกรอบ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ฉันจะไม่ให้คุณพบหน้าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยตลอดไป
“เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็รีบหันหลังเดินจากไปทันที ฉู่หมิงเซวียนรีบเดินตามหลังไปคว้าข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่ว ตะโกนเสียงดังพูดว่า:“ทำไมคุณต้องเดินจากไปล่ะ? คุณเป็นพี่สาวที่แสนดีไม่ใช่เหรอ?แค่เสียสละแค่นี้ก็ทำไม่ได้เลยเหรอ? แค่นอนกับผม ผมก็จะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับน้องสาวคุณอีก”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาจ้องมองฉู่หมิงเซวียน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“คุณคิดว่าฉันก็โง่เหมือนกันอย่างนั้นเหรอ? ตอนนี้ถ้าฉันนอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับคุณ และพรุ่งนี้ก็ต้องมีรูปถ่ายของคุณและฉันนอนด้วยกันอยู่บนเตียง และคุณจะเอารูปพวกนี้มาแบล็คเมลฉันใช่ไหม คุณไม่มีวันปล่อยใครไปทั้งนั้น คุณเป็นพวกสัตว์เดรัจฉาน ทำธุรกิจกับพวกสัตว์เดรัจฉาน ก็คือไอ้พวกโง่!”
ฉู่หมิงเซวียนจับข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่ว หัวเราะขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดุร้าย:“เจี่ยนอี๋นั่ว คุณหนูผู้หยิ่งยโส แล้วคุณจะเสียใจที่ปฏิเสธผมในตอนนี้ คุณรู้ทั้งรู้ว่าสามารถแก้ปัญหาได้โดยวิธีง่ายๆแบบนี้ แต่ทำไมคุณถึงไม่ทำตามที่ผมบอก? คุณดูถูกผมใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ “ เจี่ยนอี๋นั่วใช้แรงสะบัดมือฉู่หมิงเซวียนทิ้ง:“ฉันดูถูกคุณ คุณทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง”
ฉู่หมิงเซวียนเหลือบมองไปที่ราวบันไดแล้วไม่มีใคร เขาลูบมือของเจี่ยนอี๋นั่ว หัวเราะเยาะพูดว่า:“ตอนนี้รอบๆบริเวณนี้ไม่มีใคร คุณคิดว่าผมจะยอมปล่อยให้คุณไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้ามองฉู่หมิงเซวียน:“อีกไม่นานบอดี้การ์ดจะกลับมาที่นี่ อีกอย่างถ้าคุณกล้าถูกเนื้อต้องตัวฉันจริงๆแล้วล่ะก็ ฉันก็จะฟ้องศาลและเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุด และอย่าคิดว่าฉันจะเป็นคนที่ถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวตลอดนะ ถ้าหากคุณกล้าทำฉันก็ไม่สนความคิดเห็นของใครทั้งนั้น ฉันจะทำให้คุณเป็นอาชญากรจริงๆแน่นอน”
“ฮ่า ฮ่า……นิสัยของคุณยังไม่เคยเปลี่ยน”ฉู่หมิงเซวียนรีบปล่อยมือ แล้วหัวเราะต่อหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว:“โอเค คุณไปเถอะ แต่เรื่องนี้มันไม่จบง่ายๆแบบนี้แน่ ผมและเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเป็นความสมัครใจของเราทั้งคู่ คุณไม่สามารถขัดขวางความรักที่แท้จริงแบบนี้หรอก”
เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวดมองฉู่หมิงเซวียน น้ำเสียงโมโห ฮึม แล้วรีบเดินจากไป พอเดินลงไปก็นั่งพัก เจี่ยนอี๋นั่วเห็นเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยถูกบอดี้การ์ดจับไว้อยู่ เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยมองเห็นเจี่ยนอี๋นั่วก็รีบตะโกนพูดว่า:“เจี่ยนอี๋นั่วเธอนี่มันป่าเถื่อนจริงๆเลยนะ จะมาวุ่นวายกับชีวิตฉันทำไม? เธอเป็นนางปีศาจ เธอไม่มีผู้ชายรัก เธอก็คงหวังให้คนที่มีความรักไม่มีความสุขเช่นกันใช่ไหม เธอนี่มันโรคจิตจริงๆ!”
เจี่ยนอี๋นั่วยกมือแล้วโบกมือ พูดที่อยู่ของคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยน เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยตะโกนร้องขัดขืนสักพัก เมื่อถึงห้องโถงคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยน เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยก็ถูกปล่อยตัวออก
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยรีบพุ่งเข้าหาเจี่ยนอี๋นั่ว ยกมือขึ้นเตรียมจะตบหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว แต่เจี่ยนอี๋นั่วเอามือบังไว้ได้ทัน เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“หลังจากนี้ต่อไป ฉันจะไม่ตบเธออีก แต่ว่าฉันก็ไม่ยอมให้เธอลงมือกับฉันเช่นกัน”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยโมโหตะโกนแล้วพูดว่า:“ทำไมต้องมายุ่งเรื่องของฉันด้วย? เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน? เธอคิดว่าเธอใหญ่มาจากไหน?”
เจี่ยนอี๋นั่วใช้แรงหลับตาสักครู่ พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ฉันเป็นพี่สาวของเธอที่ไม่รู้จะสอนเธอยังไง!”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ รีบสั่งบอดี้การ์ด:“เอาเธอไปส่งบนห้องแล้วดูแลเธอดีๆ”
บอดี้การ์ดรีบพาเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไปส่งถึงห้อง เจี่ยนอี๋นั่วใช้แรงเม้มริมฝีปาก เอามือถือออกมา กดโทรหาเฮ่อเยี่ยนหง:“เฮ่อเยี่ยนหงคุณกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ฉันได้พาเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยกลับมาแล้ว คุณในฐานะแม่คุณควรจะกลับมาได้หรือยังคะ?”
“อ้าว? ฮุ่ยฮุ่ยกลับมาแล้วเหรอคะ? เธออยู่ข้างนอกกับฉู่หมิงเซวียนไม่ใช่เหรอ? ทำไมกลับมาแล้วล่ะ?” เฮ่อเยี่ยนหงทนไม่ไหวพูดออกมาด้วยความเสียงดัง
เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เธอถูกฉันลากกลับมาแล้ว ฉันต้องการฟังคำอธิบายจากคุณ ทำไมคุณถึงสอนฮุ่ยฮุ่ยให้เป็นคนแบบนี้!”
“ฉัน……ทางนี้……มันดึกขนาดนี้แล้ว……” เฮ่อเยี่ยนหงได้ฟังน้ำเสียงการพูดของเจี่ยนอี๋นั่วแล้วก็หาข้ออ้างล้านแปดเพื่อที่ไม่ต้องการกลับมา
เจี่ยนอี๋นั่วรีบพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ถ้าหากคุณกลับมา ฉันจะดำเนินการให้คุณหย่ากับคุณพ่อ และฉันจะแบ่งส่วนแบ่งของตระกูลเจี่ยนให้กับคุณบางส่วน”
เฮ่อเยี่ยนหงรีบพยักหน้าตอบรับ หัวเราะพูดขึ้นว่า:“ถ้าอย่างนั้นดีเลย ดีมาก ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
เจี่ยนอี๋นั่วรีบวางสายโทรศัพท์ เรียกทนาย จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วใช้แรงหลับตา พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ขอโทษด้วยนะคะ คุณพ่อ……”
สภาพของเฮ่อเยี่ยนหงในตอนนี้ ถ้ายังคงปรากฏตัวในฐานะเป็นภรรยาของเจี่ยนฉางรุ่น ก็จะถูกคนอื่นหลอกใช้ จะทำให้ตระกูลเจี่ยนอยู่ไม่สงบสุข ก่อนหน้านี้เธออยากให้คุณพ่อฟื้นขึ้นมาเร็วๆ อยากให้คุณพ่อเห็นทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่สภาพคุณพ่อในเวลานี้ ถึงแม้เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากยอมรับความจริงว่าเจี่ยนฉางรุ่นไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว แล้วทำไมต้องบังคับให้เฮ่อเยี่ยนหงอยู่อีกล่ะ?
ไม่นานเฮ่อเยี่ยนหงก็กลับมา หลังจากที่เธอมาถึงห้องโถงใหญ่ ก็รีบหัวเราะพูดขึ้นว่า:“เป็นอย่างไรบ้าง อี๋นั่ว? ฮุ่ยฮุ่ยล่ะ? เธอจะแบ่งทรัพย์สินกันยังไง อันที่จริงทรัพย์สินแบ่งกันง่ายมากเลย ฉันวางแผนไว้แล้ว น่าจะแบ่งออกเป็นสามส่วน ฉันและฮุ่ยฮุ่ยหนึ่งส่วน ของเธอหนึ่งส่วน ฉันและฮุ่ยฮุ่ยขอแบ่งแค่สองในสามส่วนก็พอแล้ว และอีกทั้งฮุ่ยฮุ่ยยังเด็กอยู่ ฉันรู้สึกเธอควรจะเสียสละให้ฮุ่ยฮุ่ยนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ได้สิ สามารถแบ่งสัดส่วนแบบนี้ได้เลย”
เจี่ยนอี๋นั่วหันหลังไปคุยกับบอดี้การ์ดว่า:“คุณไปพาฮุ่ยฮุ่ยลงมา พวกเราจะทำการแบ่งทรัพย์สินภายในวงตระกูล”
“จริงๆใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นมันดีมากเลย” เฮ่อเยี่ยนหงรีบปรบมือพูดขึ้นว่า:“ถ้าเธอพูดเร็วกว่านี้หน่อยทุกอย่างก็จบไปตั้งนานแล้ว? ทำไมถึงทำให้ตระกูลวุ่นวายขนาดนี้ด้วยล่ะ?”
เวลานี้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยก็ถูกพาตัวลงมา เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยมองเห็นเจี่ยนอี๋นั่วก็เบิ่งตามอง:“เธอจะทำอะไรกันแน่?ยังเรียกให้คุณแม่ฉันมาอีก เธอนี่มันหน้าด้านจริงๆเลย?”
เฮ่อเยี่ยนหงก็ทำท่าโบกมือให้ฮุ่ยฮุ่ยหยุด พูดด้วยน้ำเสียงหัวเราะ:“ฮุ่ยฮุ่ย อย่าทะเลาะกับพี่สาวนะ พี่สาวของเธอกำลังจะแบ่งสมบัติของวงตระกูลแล้ว”
“อะไรนะคะ?เธอจะแบ่งทรัพย์สินของวงตระกูล?เธอจะหุบทรัพย์สินไว้คนเดียวซะมากกว่า? เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา”
ไม่ใช่ คราวนี้นะ พวกเราจะแบ่งทรัพย์สินแบ่งเป็นสองในส่วนสามของทรัพย์สินทั้งหมด เฮ่อเยี่ยนหงหัวเราะอย่างมีความสุขจนปากหุบไม่ลงแล้ว”
จริงเหรอคะ? “เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยได้ยินคำพูดของเฮ่อเยี่ยนหง ค่อยๆนั่งลงตรงโซฟา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เธอจะใจดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า:“ฉันก็หวังดีแบบนี้แหละ ทนายหลี่ว์และนักบัญชีเฝิงได้ตรวจสอบทรัพย์สินของบริษัท ข้อมูลภายในบริษัทจะมีพวกเขาชี้แจงให้ฟังค่ะ ถ้าหากพวกคุณไม่มีข้อสงสัยใดๆอีก ก็เซ็นชื่อเถอะค่ะ”