“จริงๆเลย นี่มันการบรรยายอะไรกันเนี่ย?” เจี่ยนอี๋นั่วบ่นออกมา แล้วก้มหน้าลง ด้วยใบหน้าที่เคียดแค้น แล้วกินโจ๊กถ้วยเล็ก
กินโจ๊กเสร็จ เจี่ยนอี๋นั่วก็นึกถึงฉู่หมิงเซวียนขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว:“ฉู่หมิงเซวียนเขาเป็นอะไรไปแล้ว? หรือว่าฉันต้องฟ้องร้องเขา……”
เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้า:“ยังมีวิธีอื่น ผมให้เอเริ่มตามสืบฉู่หมิงเซวียนแล้ว ตอนนี้รู้แล้วว่าฉู่หมิงเซวียนมีพฤติกรรมชอบติดสินบนในธุรกิจ ถ้ารวบรวมหลักฐานมากกว่านี้อีกหน่อย ก็จะสามารถส่งเขาเข้าคุกได้ ไม่จำเป็นต้องให้คุณออกหน้า เขาทำกับคุณแบบนั้น ผมจะทำให้ฉู่หมิงเซวียนไม่มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไป”
“งั้นเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย……” เจี่ยนอี๋นั่วรีบถาม แต่พึ่งจะได้ออกจากปาก จู่ๆเจี่ยนอี๋นั่วก็หยุดเอาซะดื้อๆ ไม่รู้ว่าควรจะถามเหลิ่งเซ่าถิงยังไงเกี่ยวกับเรื่องคลิปของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย
ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะไม่ได้พูดออกมา เหลิ่งเซ่าถิงกลับรู้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะถามอะไรกันแน่ เขารีบตอบ:“วางใจเถอะ คลิปพวกนั้นหายไปหมดแล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจออกมา ก่อนหน้านี้เธอจมอยู่กับความแปลกใจและดีใจของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงที่เปลี่ยนไป เกือบลืมไปเลยว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ตอนนี้ที่ได้ยินได้จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วเลยผ่อนคลายขึ้นมา
“เรื่องที่ต้องกังวลยังไม่จบ พวกเรายังต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเหลิ่งด้วยกันอีกนะ” เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพูดเสียงขรึม
เจี่ยนอี๋นั่วพึ่งจะผ่อนคลายลง ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง เธอขมวดคิ้วแล้วมองไปยังเหลิ่งเซ่าถิง:“พวกเราสามารถปิดบังความสัมพันธ์ของพวกเราไว้ชั่วคราว รอให้สถานการณ์ของตระกูลเหลิ่งชัดเจนกว่านี้หน่อย……”
“ปิดไม่มิดหรอก” เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้า:“พวกเราปิดพวกเขาไม่มิดหรอก ผมกับคุณหายไปพร้อมกันหนึ่งวันหนึ่งคืน พวกเขาต้องเดาได้แน่ๆว่าพวกเราอยู่ด้วยกัน อีกอย่าง……”
เหลิ่งเซ่าถิงยื่นมือออกมา จับมือของเจี่ยนอี๋นั่วไว้:“สายตาที่ผมมองคุณ สายตาที่คุณมองผม ปิดบังใครไม่ได้หรอก เจี่ยนอี๋นั่ว ต่อไปคุณจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เพราะตอนนี้คุณคือภรรยาที่แท้จริงของผมแล้ว”
“งั้นฉันจะไปจัดการเรื่องพ่อของฉันก่อน หลังจากนั้นจะรีบจัดการให้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไปต่างประเทศ” เจี่ยนอี๋นั่วรีบยืนขึ้น
เจี่ยนอี๋นั่วไม่กลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายพร้อมกับเหลิ่งเซ่าถิง แต่เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากดึงพ่อของเธอกับเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย เหลิ่งเซ่าถิงตบเบาๆที่มือของเจี่ยนอี๋นั่ว:“ผมให้คนไปทำแล้ว แต่เรื่องอื่นๆไม่ได้มีวิธีที่ดีอะไรขนาดนั้น ขนาดผมยังเคยกลายเป็นคนที่ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกอะไรได้ ได้แต่นอนบนเตียง ก่อนหน้านี้ที่ผมปฏิเสธคุณมาตลอด เพราะอยากให้คุณออกห่างจากผม หลีกเลี่ยงที่จะเข้ามาในความวุ่นวายของตระกูลเหลิ่ง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น เป็นผมเองที่ดึงคุณเข้ามาในสนามรบนี้”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปาก แล้วพูดเสียงเบา:“มันไม่ใช่เรื่องที่ไม่คาดคิด มันคือโชคชะตาได้ลิขิตไว้แล้ว ลิขิตให้ฉันกับคุณเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง ตั้งแต่วันที่ฉันเข้ามาในตระกูลเหลิ่งเพื่อช่วยตระกูลเจี่ยนให้รอดพ้น ฉันก็ตัดสินแล้วว่าจะต้องคบกับคุณให้ได้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีความคิดแบบนี้ แต่หลังจากที่ฉันเลิกกับคุณ แค่ฉันออกห่างจากตระกูลเหลิ่งฉันก็สามารถเป็นเจี่ยนอี๋นั่วได้ ได้ใช้ชีวิตไปอย่างเงียบๆ แต่ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ฉันก็เคยเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ ฉันเกือบจะคลอดลูกให้คุณ ศัตรูของคุณอาจจะปล่อยฉัน ภรรยาในอนาคตของคุณอาจจะมองข้ามการมีตัวตนของฉันหรือเปล่า? เป็นฉันที่ยินยอมเข้ามาในตระกูลเหลิ่ง เป็นฉันที่ทำให้คุณในตอนนี้มีจุดอ่อนในชีวิต ฉันควรจะต้องแบกรับทุกอย่าง ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะเชื่อคุณ และขอให้คุณเชื่อฉัน ฉันจะอยู่ข้างๆคุณตลอดไป”
เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆยิ้มออกมา ยื่นมือไปจับมือของเจี่ยนอี๋นั่วแน่น ยิ้มแล้วพยักหน้า
เจี่ยนอี๋นั่วมองเหลิ่งเซ่าถิง:“งั้นอีกสักพัก คุณต้องไปเจอพ่อกับฉัน ฉันอยากให้เขาเห็นคุณ”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วพยักหน้า เจี่ยนอี๋นั่วก้มหน้ากินโจ๊ก รู้สึกว่าเดิมทีโจ๊กที่อุ่นนี้ได้เพิ่มความเย็นขึ้นมาพอสมควร เดิมทีความหวานปานน้ำผึ้งที่เป็นของทั้งสองคนได้จางหายไปในชีวิตของเจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้สงครามเย็นของตระกูลเหลิ่งทั้งตระกูล
เจี่ยนอี๋นั่วพาเหลิ่งเซ่าถิงไปเจอเจี่ยนฉางรุ่น เธอเห็นว่ามีคนเยอะมากกำลังคุ้มครองปกป้องเจี่ยนฉางรุ่นอยู่ อย่างที่เธอคิด เหลิ่งเซ่าถิงหันหน้ามาพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“วางใจเถอะ นอกจากคุณกับผม คนพวกนี้ไม่มีทางให้ใครหน้าไหนเข้าใกล้พ่อคุณอย่างแน่นอน”
เจี่ยนอี๋นั่วจูงมือของเหลิ่งเซ่าถิงเดินไปตรงหน้าเจี่ยนฉางรุ่น เจี่ยนฉางรุ่นเห็นเจี่ยนอี๋นั่ว ก็ร้องเรียกออกมา:“อี๋นั่ว……”
เจี่ยนอี๋นั่วนั่งลงตรงหน้าเจี่ยนฉางรุ่น เงยหน้าพูดกับเจี่ยนฉางรุ่น:“พ่อคะ หนูพาคนๆหนึ่งมาหา เขาชื่อเหลิ่งเซ่าถิง เป็นสามีหนูในตอนนี้ สามีที่แท้จริง”
เหลิ่งเซ่าถิงเห็นเจี่ยนฉางรุ่น ก็รีบยิ้มเล็กน้อย:“คุณลุง สวัสดีครับ”
ถึงแม้ว่าเจี่ยนฉางรุ่นดูแล้วจะไม่ค่อยมีปฏิกิริยากับสิ่งที่อยู่ภายนอก แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็ยังคงรักษามารยาท เจี่ยนฉางรุ่นไม่แม้แต่ชายตามองเหลิ่งเซ่าถิงสักนิด เขามองแค่เจี่ยนอี๋นั่ว พูดชื่อเจี่ยนอี๋นั่วอย่างงึกๆงักๆ:“อี๋นั่ว……”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มเบาๆ แล้วเล่าเรื่องระหว่างเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงให้เจี่ยนฉางรุ่นฟังอย่างย่อๆ เจี่ยนอี๋นั่วไม่แน่ใจว่าพ่อของตัวเองฟังออกได้มากแค่ไหน แต่เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าตัวเองต้องพูดกับอะไรกับพ่อสักหน่อย เธออยากจะบอกพ่อของตัวเองว่าเธอมีคนรักแล้ว
ตั้งแต่ออกมาจากสถานพักฟื้น เจี่ยนอี๋นั่วกับเหลิ่งเซ่าถิงก็นั่งรถกลับตระกูลเหลิ่งด้วยกัน ตอนที่รถหยุดอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเหลิ่ง เหลิ่งเซ่าถิงปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วถามเจี่ยนอี๋นั่วเสียงเบา:“คุณกลัวไหม?”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ:“ฉันกลัว!”
เธอจะไม่กลัวได้ยังไง? ไม่ต้องพูดถึงเหลิ่งเฉิงอวี่ที่หน้าเนื้อใจเสือกับคุณนายเหลิ่งในตระกูลเหลิ่งหรอก แค่เหลิ่งหมิงอันก็พอที่จะทำให้เธอกลัวจนร้อนรนได้แล้ว เจี่ยนอี๋นั่วกลัวจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ เธอไม่อยากจะเหยียบเข้าไปในตระกูลเหลิ่งจริงๆ แต่ตอนนี้ข้างกายเธอยังมีเหลิ่งเซ่าถิง เธอไม่สามารถถอยกลับได้ ถ้าเธอถอยกลับ ก็เหมือนปล่อยให้เหลิ่งเซ่าถิงอยู่ที่ตระกูลเหลิ่งต่ออย่างโดดเดี่ยวคนเดียว
“ฉันกลัวมาก……” เจี่ยนอี๋นั่วยื่นมือของตัวเองออกมาจับมือของเหลิ่งเซ่าถิงไว้:“แต่ฉันจะไม่ออกห่างจากคุณ”
ก่อนหน้านี้เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากจะมีความเกี่ยวข้องใดๆกับตระกูลเหลิ่งเลยสักนิดจริงๆ เธอกลัวตายมาก กลัวสถานการณ์ที่ตระกูลเหลิ่งกดขี่บีบคั้นจนหายใจไม่ออกแบบนี้มาก ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่แล้ว เธอไม่รู้ว่าพ่อของตัวเองจะทำยังไง แต่ตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงก็เป็นคนรักของเธอแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วทำได้แค่สู้ต่อไป เดินหน้าต่อด้วยกันกับเหลิ่งเซ่าถิง
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วจับมือตอบเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วพูด:“วางใจเถอะ ตอนนี้พวกเขาคงจะไม่ทำเรื่องอะไร หลังจากที่คุณเข้าไปแล้ว คุณจะได้เห็นฉากสนุก เห็นว่าทั้งๆที่ทุกคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน แต่กลับแกล้งทำว่าไม่รู้”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วแล้วถาม:“พวกเขาจะแสร้งทำว่าไม่รู้อะไรเลย?”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า:“มีบางคนคิดว่าพวกเราตั้งใจปิดบัง เลยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของผมกับคุณไม่สามารถปิดบังต่อได้แล้ว ให้คุณอยู่ในสถานที่ที่สว่าง มันจะปลอดภัยกว่าการหลบในที่มืด อีกอย่างผมไม่อยากเล่นสนุก ปิดบังการมีตัวตนของคุณกับคนอื่นต่ออีกแล้ว แบบนั้นมีแต่จะทำให้คุณน้อยใจ และคุณก็คงไม่ชอบเห็นผมอยู่กับผู้หญิงคนอื่นใช่ไหมล่ะ? คุณหญิงเหลิ่ง คุณเตรียมพร้อมหรือยัง?”
เจี่ยนอี๋นั่วที่เดิมทีตื่นเต้นมาก พอได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงพูดว่า“คุณหญิงเหลิ่ง” จู่ๆเธอก็ถอนหายใจยาวออกมา อดไม่ได้ที่จะยิ้ม:“โอเค คุณชายเหลิ่ง ฉันก็ไม่อยากเห็นคุณใช้คำว่าปกป้องฉัน ไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน”
ตอนที่เหลิ่งเซ่าถิงจับมือของเจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปในตระกูลเหลิ่ง เจี่ยนอี๋นั่วเห็นว่าบรรยากาศในตระกูลเหลิ่งเหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด เหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คุณนายเหลิ่งกับสุยเฉิงจิ้งนั่งคุยกันอยู่บนโซฟาห้องรับแขก ตอนที่เห็นเจี่ยนอี๋นั่วกับเหลิ่งเซ่าถิง คุณนายเหลิ่งแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วรีบพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“กลับมาแล้วเหรอ? ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
มีแค่หลิวจื่อซิงที่นั่งอยู่ข้างๆขมวดคิ้วมองเจี่ยนอี๋นั่วกับเหลิ่งเซ่าถิง ตอนที่มองเห็นมือของเจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงที่จับกันอยู่นั้น สายตาของหลิวจื่อซิงเผยให้เห็นความเกลียดชังเข้ากระดูก เธอจ้องเจี่ยนอี๋นั่วยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างไม่พอใจแล้วพูด:“คุณเจี่ยนฝีมือดีนี่!”
“คุณหญิง” เหลิ่งเซ่าถิงหันหน้าไปมองหลิวจื่อซิง แล้วพูดเสียงเย็นชา:“คุณควรจะเรียกเขาว่าคุณหญิง เขาเป็นภรรยาของผม เป็นคุณหญิงของตระกูลเหลิ่ง”
“อะไรนะ?” หลิวจื่อซิงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เบิกตากว้างมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง เธอสะอึกพูดอย่างไม่เต็มใจ:“เซ่าถิง คุณจะตัดความสัมพันธ์กับฉันแบบนี้เหรอ? คุณลืมแล้วเหรอว่าพวกเราเคย……”
“นั่นมันเมื่อก่อน มันจบไปแล้ว คุณหลิว” เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ ก็เอื้อมมือไปโอบเอวของเจี่ยนอี๋นั่ว พูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“ไปกันเถอะ พวกเรากลับห้องกัน”
เจี่ยนอี๋นั่วกลับห้องไปกับเหลิ่งเซ่าถิง เส้นทางนี้มันลำบากมาก เธอสัมผัสได้ถึงสายตาที่บ่งบอกว่าไม่เข้าใจกำลังพุ่งสังเกตมาจากด้านหลังเธอ เจี่ยนอี๋นั่วถึงกับมองเห็นเหลิ่งเฉิงอวี่ที่“บังเอิญ”ผ่านมาทางห้องเธอกับเหลิ่งเซ่าถิง แต่ก็ยังไม่เห็นเหลิ่งหมิงอัน
การหายตัวไปของเหลิ่งหมิงอันที่มักจะก่อกวนอยู่ข้างๆเธอ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกไม่ชินเล็กน้อย รู้สึกถึงความไม่สบายใจที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาในจิตใจเธอ หลังจากที่กลับมาที่ห้อง เจี่ยนอี๋นั่วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หันหน้าไปมองเหลิ่งเซ่าถิงแล้วพูด:“รู้สึกว่าไม่ได้ลำบากขนาดนั้น”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วลูบศีรษะของเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วพูด:“นั่นเป็นเพราะความสามารถในการปรับตัวของคุณดีมาก คุณทำได้ดีมาก”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มอย่างไม่มั่นใจ มองเหลิ่งเซ่าถิงแล้วพูด:“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คุณบังหน้าให้ฉันไว้ตลอดต่างหาก แต่คิดไม่ถึงว่าคุณสามารถเจอหน้ากับหลิวจื่อซิงได้……”
“ตอนนี้คุณยังอิจฉาเขาอยู่ไหม?” เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วหรี่ตายิ้ม
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า:“ไม่อิจฉาแล้ว……”
“จริงเหรอ?” เหลิ่งเซ่าถิงเข้าไปใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว แล้วค่อยๆจูบเบาๆที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว ถามเสียงเบา
เจี่ยนอี๋นั่วเหมือนจะส่ายหน้า แต่สุดท้ายก็ค่อยๆพยักหน้า:“อิจฉา……ฉันยังคงอิจฉาเขา……”
“อิจฉาอะไรเขา?” เหลิ่งเซ่าถิงถามด้วยความอยากรู้
“อิจฉาที่เขาได้รู้จักคุณตั้งแต่ยังเด็ก ได้มีช่วงเวลาที่เดินอยู่ข้างๆคุณตั้งหลายปี……” เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ ก็กัดริมฝีปากแล้วพูดเสียงเบา:“ฉันอิจฉาเขามาก”
เหลิ่งเซ่าถิงยื่นมือมาลูบศีรษะของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ ยิ้มแล้วพูด:“คุณไม่ต้องอิจฉาเขาหรอก เพราะเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันมันจะยาวนานกว่านั้น”