“ไม่มีใครเห็นหรอก และก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะมาก่อกวนผมด้วย” เหลิ่งเซ่าถิงก้มหน้าลงไปจูบเบาๆที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพูดเสียงขรึม
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วหลบ ส่ายหน้าพูด:“นี่เป็นรางวัลของฉัน คุณจูบฉันไม่ได้ มีแค่ฉันที่สามารถจูบคุณได้”
เหลิ่งเซ่าถิงยื่นมือออกมา ยิ้มแล้วโอบกอดเจี่ยนอี๋นั่วไว้ แล้วพยักหน้า:“โอเค ตามใจคุณเลย”
เจี่ยนอี๋นั่วยื่นมือไปกอดเหลิ่งเซ่าถิงไว้ หลับตาแล้วยิ้มออกมา
“รักกันมากจริงนะ ทำให้ผมเห็นแล้วรู้สึกอิจฉานิดๆเลยนะเนี่ย” จู่ๆก็มีเสียงผู้ชายที่คุ้นเคยดังมา
เจี่ยนอี๋นั่วรีบออกจากเหลิ่งเซ่าถิง เธอหันไปมองตามเสียง แต่เธอไม่ทันได้มองให้ชัดว่าคนที่พูดคือใครกันแน่ เจี่ยนอี๋นั่วก็ถูกเหลิ่งเซ่าถิงบังไว้ด้านหลัง แต่ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นคนๆนั้น ผ่านไปสักพักเจี่ยนอี๋นั่วก็นึกออก ผู้ชายที่พูดคนนั้นคือเหลิ่งหมิงอันนี่?
เหลิ่งหมิงอันเดินมาตรงหน้าเหลิ่งเซ่าถิงกับเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วพูด:“ได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของพวกพี่พัฒนาขึ้นมากนี่ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเปลี่ยนไปดีขนาดนี้ ทำให้ผมคาดไม่ถึงจริงๆนะเนี่ย ที่แท้เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่ได้รุกแค่กับผม เธอรุกแบบนี้กับผู้ชายทุกคนที่อยู่ใกล้สินะ เป็นผู้หญิงที่เฟรนด์ลี่กับผู้ชายจริงๆ ไม่รู้ว่ากับผู้ชายคนอื่นเธอจะเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว เธอเบื่อคำพูดที่สร้างความบาดหมางของเหลิ่งหมิงอันมากจริงๆ เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ เดิมทีอยากจะแย้งเหลิ่งหมิงอันสักสองสามประโยค แต่เหลิ่งเซ่าถิงพูดออกมาก่อน:“แกควรเรียกเขาว่าพี่สะใภ้ เหลิ่งหมิงอัน แกไม่ต้องพยายามสร้างความบาดหมางหรอก ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น พวกเราต่างก็รู้ดี ทางที่ดีแกอย่าทำให้ฉันต้องคิดถึงเรื่องที่ทำให้ฉันไม่สบายใจดีกว่านะ”
เจี่ยนอี๋นั่วฟังคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิง ก็ยิ้มออกมาอย่างเงียบๆ หลบอยู่หลังเหลิ่งเซ่าถิงอย่างสบายใจ ในบรรดาผู้หญิงความสูงของเจี่ยนอี๋นั่วไม่ถือว่าเตี้ย แต่เธอที่ยืนอยู่หลังเหลิ่งเซ่าถิงนั้น ต้องเขย่งถึงจะเท่ากับไหล่ของเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ที่บังอยู่ข้างหน้าเธอ บังลมพายุตรงหน้าให้เธอ
ตั้งแต่ที่พ่อของเจี่ยนอี๋นั่วล้มป่วย เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้หลบหลังใครอย่างสบายใจแบบนี้มานานมากแล้ว ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วมองแผ่นหลังของเหลิ่งเซ่าถิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา จับเบาๆที่มือของเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงรู้สึกได้ถึงมือของเจี่ยนอี๋นั่วที่ยื่นมา เขาหรี่ตา แล้วเผยรอยยิ้มออกมา
การกระทำเล็กๆของเหลิ่งเซ่าถิงกับเจี่ยนอี๋นั่วตกอยู่ในสายตาของเหลิ่งหมิงอัน รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลิ่งหมิงอันไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด แต่มือของเขาจู่ๆก็กำแน่น สายตาจ้องไปที่มือของเหลิ่งเซ่าถิงกับเจี่ยนอี๋นั่วที่จับกัน
เหลิ่งเซ่าถิงจับมือของเจี่ยนอี๋นั่วไว้แน่น กวาดสายตามองเหลิ่งหมิงอัน แล้วจูงมือเจี่ยนอี๋นั่วหมุนร่างเดินออกไป เจี่ยนอี๋นั่วก็จับมือตอบเหลิ่งเซ่าถิงเหมือนกัน ราวกับหมาน้อยที่เชื่อฟัง เดินตามหลังเหลิ่งเซ่าถิงกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่ง เหลิ่งเซ่าถิงจับมือเจี่ยนอี๋นั่วตลอดจนถึงห้อง เจี่ยนอี๋นั่วกระตุกมุมปาก เงยหน้าขึ้นไปจูบที่มุมปากของเหลิ่งเซ่าถิง
เหลิ่งเซ่าถิงลูบเบาๆที่แก้มของเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วถาม:“อันนี้ทำอะไรน่ะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพูด:“นี่เป็นรางวัลเหมือนกัน เหลิ่งเซ่าถิง ฉันจะประกาศอย่างเป็นทางการ ฉันเจี่ยนอี๋นั่วตอนนี้ชอบคุณมากๆๆ ฉัน……ฉันรัก……”
“ผมรักคุณ”
ก่อนที่เจี่ยนอี๋นั่วจะพูดคำว่า“ฉันรักคุณ”ออกไป เหลิ่งเซ่าถิงก็พูดออกมาก่อน:“ผมรักคุณ ประโยคนี้ควรจะเป็นผู้ชายที่พูดก่อน”
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินก็ก้มหน้าลง ชั่วพริบตาตาของเธอก็แดง เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความรู้สึกอยากจะร้อง บางทีเป็นเพราะความรักที่ได้รับนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พูดคำว่ารักของตัวเองออกไปอย่างตรงไปตรงมา ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเหมือนกัน การที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกดีกับฝ่ายตรงข้ามเหมือนกันเป็นเรื่องที่ยากมาก คนที่เธอรัก ก็รักเธอเหมือนกัน บนโลกนี้ยังมีเรื่องอะไรที่มีความสุขไปมากกว่านี้อีกไหม?
เหลิ่งเซ่าถิงยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่หางตาของเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วพูด:“ร้องทำไม?”
เจี่ยนอี๋นั่วสะอื้น อยากจะอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่เธอก็อดไว้ไม่ได้ ในทางกลับกันยิ่งร้องหนักขึ้นอีก เจี่ยนอี๋นั่วพูดอย่างสะอึกสะอื้น:“ฉันกลัวมาก……”
“กลัวอะไร?” เหลิ่งเซ่าถิงยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เจี่ยนอี๋นั่ว แล้วถามเสียงขรึม
เจี่ยนอี๋นั่วตาแดง ร้องไห้แล้วพูด:“รู้สึกว่าช่วงนี้ฉันใช้ชีวิตดีเกินไป มีความสุขเกินไป ก็เลยกลัว ถึงแม้ฉันจะดูเหมือนว่าใช้ชีวิตไม่ได้ลำบากอะไร ดูแล้วเป็นประธานบริษัทที่มีทรัพย์สินเงินทอง แต่ฉันไม่นับว่าเป็นคนที่โชคดีจริงๆนะ ทุกครั้งตอนที่ฉันรู้สึกว่าจะมีความสุข ฉันกลับกลายเป็นโชคร้าย ตอนที่ฉันยังเด็ก ครอบครัวฉันเราสามคนในแต่ละวันใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมาก แต่หลังจากที่แม่ฉันเสีย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เดิมทีฉันมีแฟนมีเพื่อนสนิท เรื่องงานก็ราบรื่น พ่อก็เอ็นดูฉันมาก ตอนที่ฉันพึ่งจะรู้สึกได้ถึงชีวิตที่กำลังจะมีความสุข พ่อฉันก็มาล้มป่วยอีก บริษัทก็เผชิญหน้ากับความลำบาก ฉันถูกฉู่หมิงเซวียนหักหลัง พอมาที่นี่ ตอนแรกคุณก็ไม่ดีกับฉัน คุณดูถูกฉัน……”
“เป็นความผิดของผมเอง” เหลิ่งเซ่าถิงลูบเบาๆที่ศีรษะของเจี่ยนอี๋นั่ว โอบเจี่ยนอี๋นั่วเข้ามาในอ้อมกอด:“ก่อนหน้านี้ผมไม่ควรร้ายกับคุณเลย”
เจี่ยนอี๋นั่วขยี้ตา ร้องไห้แล้วพูด:“คุณพึ่งจะรู้เหรอ คุณรู้ไหมว่าตอนนั้นฉันเสียใจแค่ไหน?”
เหลิ่งเซ่าถิงลูบศีรษะเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ พูดเสียงขรึม:“งั้นต่อไปคุณจะไม่ดีกับผมก็ได้ ดูถูกผมก็ได้ ไม่แยแสผมก็ได้”
“ไม่ได้……” เจี่ยนอี๋นั่วพิงไปที่อกของเหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงอู้อี้:“ฉันทำไม่ดีกับคุณไม่ลง”
เหลิ่งเซ่าถิงยื่นมือมากอดเจี่ยนอี๋นั่วแล้วยิ้มออกมา เขายิ้มจนตาหยี แล้วพูด:“คุณนี่นะ……”
เจี่ยนอี๋นั่วร้องพอแล้วก็เงยหน้าขึ้น ตอนที่กำลังเงยหน้าขึ้นนั้น หน้าก็แดงขึ้นมาจนทำตัวไม่ถูก เธอขยี้ตาแล้วพูด:“ใกล้ถึงเวลาไปทำงานที่บริษัทแล้ว ฉันไม่ตัวติดกับคุณแล้ว ไม่งั้นจะทำให้คุณเสียเวลากินข้าว”
เหลิ่งเซ่าถิงจับมือของเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วพูด:“ได้ งั้นเราไปกินข้าวพร้อมกัน”
เหลิ่งเซ่าถิงกับเจี่ยนอี๋นั่วกินข้าวด้วยกัน ทั้งสองคนเดินออกจากคฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งพร้อมกัน เจี่ยนอี๋นั่วถึงจะแยกจากเหลิ่งเซ่าถิง ขึ้นไปนั่งบนรถบริษัท ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะแยกกับเหลิ่งเซ่าถิงแล้ว แต่พอนั่งบนรถ เจี่ยนอี๋นั่วก็คิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เธออยู่ด้วยกันกับเหลิ่งเซ่าถิง เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วปิดไม่มิดเลยสักนิด ทำให้คนขับรถที่ขับรถให้เจี่ยนอี๋นั่วนั้นอดไม่ได้ที่จะมองเจี่ยนอี๋นั่วผ่านกระจกมองหลัง ยิ้มแล้วถาม:“คุณหญิง วันนี้อารมณ์ดีนะครับ”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า ยิ้มแล้วพูด:“อืม……ฉันมีความสุขมาก……”
พอเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ รถที่เธอนั่งจู่ๆก็หยุดลง เจี่ยนอี๋นั่วเซเล็กน้อย เกือบจะไปชนกับกระจกรถแล้ว หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วนั่งให้ดีแล้ว ก็รีบถาม:“เกิดอะไรขึ้น?”
คนขับรถรีบชี้ไปที่ด้านหน้าของรถ ขมวดคิ้วแล้วหันมาพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“คุณชายรองเขา……”
คนขับรถยังพูดไม่ทันจบ เจี่ยนอี๋นั่วก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์มาจอดบังหน้าด้านรถของเธอไว้ หลังจากนั้นเหลิ่งหมิงอันก็ลงจากมอเตอร์ไซค์ เดินมาข้างประตูรถของเธอ เจี่ยนอี๋นั่วรีบล็อคประตูรถ พูดกับคนขับรถ:“นายล็อคประตูรถให้หมด แล้วรีบขับรถอ้อมไป”
คนขับรถลำบากใจเล็กน้อย:“แต่ว่าคุณชายรอง……”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดเสียงเย็นชา:“นายไม่ต้องสนใจเขา รีบอ้อมไป ฉันไม่อยากจะคุยกับเขา”
สุดท้ายคนขับรถก็ทำได้แค่พยักหน้า แล้วเหยียบคันเร่ง อ้อมข้างๆเหลิ่งหมิงอันไป เหลิ่งหมิงอันขมวดคิ้วมองเจี่ยนอี๋นั่วที่นั่งอยู่ในรถผ่านหน้าเขาไป เหลิ่งหมิงอันรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วรีบกดตัดสายโทรศัพท์จากเหลิ่งหมิงอัน แต่เหลิ่งหมิงอันกลับโทรหาเจี่ยนอี๋นั่วไม่หยุด หลังจากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็ทำได้แค่ต้องรับสายโทรศัพท์:“ฮัลโหล……คุณเหลิ่งหมิงอัน คุณจะทำอะไรกันแน่?”
เสียงของเหลิ่งหมิงอันมีความโมโหอยู่ด้วย:“เจี่ยนอี๋นั่ว นี่คุณกล้าไม่รับสายผม?”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพูด:“ฉันจำเป็นต้องรับสายคุณเหรอ?”
เหลิ่งหมิงอันยิ้มออกมา แล้วพูดแปลกๆ:“จริงสิ คุณไม่จำเป็นต้องรับสายผม ตอนนี้คุณมีเหลิ่งเซ่าถิงเป็นที่พึ่งแล้วนี่ รู้สึกเหมือนได้พึ่งพิงต้นไม้ใหญ่หรือเปล่า? ผมจะบอกคุณให้นะ เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้เป็นคนแบบที่คุณคิดเลยสักนิด คุณคิดว่าพวกเราตระกูลเหลิ่งจะมีคนที่สามารถรักใครได้แบบคนปกติทั่วไปจริงๆเหรอ? ถึงแม้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงดูแล้วจะยอมทิ้งผลประโยชน์อื่นๆเพื่อคุณ แต่ไม่นานคุณก็จะได้รู้ ว่าเขาเป็นคนข้างๆคุณที่อันตรายที่สุด ความต้องการที่จะยึดเอาไว้คนเดียวของเขา เป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถที่จะจินตนาการได้เลย เหลิ่งเซ่าถิงมีพี่ชายคนหนึ่ง พี่ชายของเขาเหลิ่งอวิ๋นเซียวยอดเยี่ยมมาตลอด อยู่ในความสนใจของพ่อแม่เขาและคุณนายเหลิ่งมานาน ตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงที่คุณเห็น เคยเป็นคนที่ไม่มีใครสนใจ เป็นคนน่าสงสารที่ไม่มีอะไรเลย……”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว:“ตอนนี้คุณมาพูดแบบนี้หมายความว่าไง?”
“เพราะงั้นคนหรือสิ่งเขาที่เขาให้ความสำคัญจริงๆ มีความต้องการที่จะยึดครองเป็นพิเศษ เขาจะทำให้คุณมองแค่เขา ทั้งในสายตาทั้งในใจมีแต่เขา” เหลิ่งหมิงอันพูดเสียงขรึม
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มออกมาเบาๆ:“คุณเหลิ่งหมิงอัน คุณวางใจเถอะ ฉันจะมองแต่เขาตลอด ทั้งในสายตาและในใจก็จะมีแต่เขา”
เหลิ่งหมิงอันยิ้มเยาะ:“คุณคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเหรอ? เขาไม่อนุญาตให้คุณมีใครอยู่รอบตัวคุณด้วยซ้ำ รวมถึงครอบครัวของคุณด้วย คุณเป็นแค่ของเขา!”
“คุณหมายความยังไง?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วถาม
เหลิ่งหมิงอันยิ้มแล้วพูด:“เหลิ่งเซ่าถิงเคยเลี้ยงแมวอยู่ตัวหนึ่ง ต่อมาได้ถูกคุณนายเหลิ่งรัดคอจนตาย เขาน่าจะเคยบอกนะ เขาพูดกับทุกคนที่เขาให้ความสำคัญ ความจริงแล้วแมวตัวนั้นต่อให้ไม่ถูกคุณนายเหลิ่งรัดคอจนตาย แมวตัวนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะเหลิ่งเซ่าถิงไม่อนุญาตให้มันเข้าใกล้ไม่ว่าคนหรือสิ่งไหนก็ตาม แค่มันกินของที่คนอื่นป้อนมัน เหลิ่งเซ่าถิงก็จะตีมันอย่างบ้าคลั่ง จนมันกล้ากินแค่ของที่เหลิ่งเซ่าถิงป้อน คุณก็ไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่เหลิ่งเซ่าถิงให้ความสำคัญหรอกนะ ตอนที่เขาอายุสิบห้าปีเขาเคยรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง อ้อ ตาของผู้หญิงคนนั้นคล้ายกับคุณเลย นับว่าเป็นรักแรกของเขาล่ะมั้ง คุณรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นตายยังไง? กระโดดตึกฆ่าตัวตาย หลังจากที่พ่อแม่ของเธอกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เธอก็กระโดดเหมือนกัน เธอชื่อเฉินนั่ว คล้ายกับชื่อคุณมากใช่ไหม? เหลิ่งเซ่าถิงบีบบังคับจนพ่อแม่ของเธอตาย อยากจะเป็นคนเดียวที่ยึดครอบครองเธอ ผลสุดท้ายเธอก็ทนกับความต้องการที่จะยึดครองของเหลิ่งเซ่าถิงไม่ไหว เลยฆ่าตัวตาย”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว:“คุณกำลังพูดบ้าอะไรเนี่ย? คุณอย่าคิดว่าคำพูดโกหกของคุณพวกนี้จะหลอกฉันได้!”
เหลิ่งหมิงอันยิ้มออกมา:“ใช่คำโกหกหรือเปล่า คุณลองถามเขาดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ? คุณเชื่อเขาจริง คุณก็ไปถามเขาสิ”