หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 89 ฉันเชื่อใจคุณ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว พูดเสียงขรึม:“ฉันถามเขาแน่ คุณไม่ต้องพยายามสร้างความบาดหมางให้พวกเราหรอก”

“สร้างความบาดหมาง? คุณมีค่าอะไรให้ผมต้องสร้างความบาดหมางเหรอ?”

เหลิ่งหมิงอันยิ้มออกมา:“เจี่ยนอี๋นั่ว ผมรู้ว่าตอนนี้คุณเชื่อใจเขามาก แต่ตาของคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ไม่ใช่เหรอ? ดูผู้ชายที่คุณเลือกมาตอนแรกสิ ฉู่หมิงเซวียนนั่นไง ตอนที่เขาใช้ประโยชน์จากคุณแล้วหักหลังคุณ คุณมองโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาออกหรือเปล่า? ตอนนี้คุณรู้จักเหลิ่งเซ่าถิงดีเหรอ? ตอนที่คุณไปถามเขา ต้องระวังด้วยนะ เขาอาจจะหาข้ออ้างที่ดีมาอ้าง เช่นเขาไม่เคยทารุณแมวตัวนั้น ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่รักแรกของเขา เป็นแค่ผู้หญิงที่มาตามตื๊อเขา แต่ถ้าเขาพูดแบบนั้นจริง คุณจะสามารถแยกแยะจริงเท็จได้หรือเปล่านะ? เหมือนกับตอนแรกที่ฉู่หมิงเซวียนบอกกับคุณว่าชอบคุณล่ะมั้ง? ตอนแรกคุณมองออกหรือเปล่าว่าเขาโกหกคุณ? ตอนแรกคุณมองใบหน้าที่แท้จริงของฉู่หมิงเซวียนไม่ออก ตอนนี้คุณก็ไม่มีทางมองใบหน้าที่แท้จริงของเหลิ่งเซ่าถิงออกเหมือนกัน”

“หุบปาก!” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วพูดเสียงเย็นชา

เหลิ่งหมิงอันค่อยๆยิ้มออกมา:“ตอนนี้ในใจคุณเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วล่ะสิ? เจี่ยนอี๋นั่วเดิมทีคุณไม่ควรจะคบกับเหลิ่งเซ่าถิงเลย คุณทำแบบนี้ ก็เหมือนทำร้ายคนในครอบครัวคุณ ศัตรูของเหลิ่งเซ่าถิงจะใช้ครอบครัวคุณข่มขู่พวกคุณ และถึงแม้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะแคร์คุณ แต่เขาไม่แคร์ครอบครัวคุณนี่ ก่อนที่ศัตรูเขาจะลงมือ เขาจะกำจัดครอบครัวคุณที่ไร้ประโยชน์นั่นซะ แบบนี้ทำให้คุณเป็นแค่ของเขาคนเดียว แถมยังได้กำจัดการข่มขู่นั่นอีก”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดเสียงขรึม:“ฉันไม่เชื่อคำพูดของคุณหรอก เหลิ่งเซ่าถิงกับฉู่หมิงเซวียนสองคนนี้ไม่เหมือนกันสักหน่อย ถึงแม้ว่าฉันจะเคยมองฉู่หมิงเซวียนผิดไป แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะมองผิดไปตลอด ฉันมองความจริงใจของเหลิ่งเซ่าถิงออก ฉันเชื่อว่าเขาไม่มีทางทำเรื่องที่ทำร้ายฉัน”

“ผมล่ะอิจฉาความเชื่อมั่นที่คุณมีต่อเขาจริงๆ” เหลิ่งหมิงอันพูดถึงตรงนี้ ก็กดเสียงต่ำ แล้วถอนหายใจ:“ผมเห็นใจความเชื่อมั่นนี้ที่คุณมีต่อเขานะ ผมไม่เข้าใจคนตระกูลเหลิ่งจริงๆ พวกเราเป็นดอกไม้ที่อุดมสมบูรณ์ที่เติบโตบนซากกระดูกที่เน่าเปื่อย แต่ละคนดูแล้วสีสันละลานตาไปหมด แต่ในรากนั้นต่างก็มีกลิ่นเหม็นเน่าติดมา เหลิ่งเซ่าถิงเขาไม่ได้เป็นข้อยกเว้น เขากับผม กับพ่อผม และกับคุณนายเหลิ่งต่างก็มีสายเลือดเดียวกัน เขาจะเป็นข้อยกเว้นได้ยังไง?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว พูดเสียงเย็นชา:“ถ้าคุณยังพูดคำพูดที่สร้างความบาดหมางแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฟังต่อแล้ว ฉันวางล่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็รีบวางสายโทรศัพท์ทันที เหลิ่งหมิงอันได้ยินเสียงวางสายของโทรศัพท์ เขาก็นิ่งอึ้งมองมือถือ ผ่านไปสักพัก เขาถึงจะค่อยๆกระตุกยิ้มมุมปาก:“เหลิ่งเซ่าถิงเป็นผู้ชายที่โชคดีจริงๆ แต่เจี่ยนอี๋นั่วดันเป็นผู้หญิงที่โชคไม่ดีเอาซะเลย”

เจี่ยนอี๋นั่วเชื่อใจเหลิ่งเซ่าถิงมาก เธอสามารถรู้สึกได้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงรักเธอชอบเธออย่างจริงใจ ไม่มีทางทำเรื่องที่ทำร้ายเธอ ในเมื่อเธอเลือกแล้วที่จะคบกับเหลิ่งเซ่าถิง ก็ไม่มีทางถูกคำพูดสองสามประโยคของเหลิ่งหมิงอันมาสร้างความบาดหมางได้ เดิมทีจุดยืนของเหลิ่งหมิงอันกับเหลิ่งเซ่าถิงก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว คำพูดของเขาจริงแค่ไหนเท็จแค่ไหน? ไม่คุ้มที่จะเชื่อเลยสักนิด

แต่คำพูดของเหลิ่งหมิงอัน ก็ยังสามารถทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกไม่สบายใจได้ ถ้าเหลิ่งหมิงอันพูดแบบนี้ แสดงว่าครอบครัวเธอตกอยู่ในสายตาของศัตรูเหลิ่งเซ่าถิงแล้วหรือเปล่า?

รอบข้างพ่อของเธอมีคนคุ้มครองอยู่มากมาย นอกจากเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้พ่อเธอได้ แต่รอบข้างเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยกับเฮ่อเยี่ยนหงมีแค่บอดี้การ์ดสองคน บางทีอาจจะมีคนเลือกลงมือกับพวกเขา เจี่ยนอี๋นั่วรีบหยิบมือถือขึ้นมา เตรียมโทรหาเฮ่อเยี่ยนหง

แต่เจี่ยนอี๋นั่วไม่ทันได้โทรไป มือถือของเธอก็ดังขึ้นซะก่อน เฮ่อเยี่ยนหงในสายร้องไห้แล้วพูดออกมาตื่นตระหนก:“อี๋นั่ว เกิดเรื่องแล้ว ฮุ่ยฮุ่ยหายตัวไป……”

“เกิดอะไรขึ้น?” เจี่ยนอี๋นั่วรีบถาม

เฮ่อเยี่ยนหงร้องแล้วพูด:“ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เดิมทีจองไว้แล้วว่าวันนี้จะออกนอกประเทศ แต่พอถึงสนามบิน เขาบอกว่าจะไปห้องน้ำ ฉันก็ให้เขาไป หลังจากนั้นก็รอนานมากเขาก็ไม่ออกมาสักที ฉันเข้าไปในห้องน้ำถึงพบว่าเขามาเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ แล้วเขาก็หนีไป!”

“เขาไปห้องน้ำทำไมคุณไม่ตามเขาไป!” เจี่ยนอี๋นั่วเพิ่มระดับเสียงดังขึ้น

เฮ่อเยี่ยนหงสะอึกสะอื้น ร้องแล้วพูด:“ฉันจะไปคิดได้ไงว่าเขาจะคิดเยอะขนาดนั้น? ฉันเห็นว่าช่วงนี้เขาเหนื่อยมาก ฉันเลยคิดว่าจะยืนรอหน้าห้องน้ำ ใครจะไปคิดว่าเขา……เขา……”

เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปรับอารมณ์ให้สงบลง พูดเสียงเย็นชา:“สองวันมานี้เขาได้ใช้โทรศัพท์ไหม?”

“ใช้……ได้ใช้……” เฮ่อเยี่ยนหงพูดเสียงเบา:“ฮุ่ยฮุ่ยเขาน่าสงสารมากเลย ร้องไห้แล้วพูดว่าใกล้จะออกนอกประเทศแล้ว อย่างน้อยก็ควรจะต้องให้เธอได้ร่ำลากับเพื่อนสักคำ ฉันเลยให้โทรศัพท์กับเขา……แต่ว่านะฉันเห็นข้อความที่เขาส่ง ก็ไม่มีอะไร……”

“เป็นไปได้ว่าหลังจากที่กดส่งแล้ว ก็กดลบต่อ” เจี่ยนอี๋นั่วพูดเสียงขรึม:“บางทีเขาอาจจะติดต่อกับฉู่หมิงเซวียน ตอนนี้มือถืออยู่ที่คุณไหม?”

“อยู่ ฉันถือโทรศัพท์อยู่ตลอด” เฮ่อเยี่ยนหงรีบพูด

เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาลง แล้วพูดเสียงเบา:“ขอโทษนะ เพราะคุณเป็นครอบครัวฉัน……”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ ยิ้มอย่างจำใจ แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยคิดว่าเฮ่อเยี่ยนหงเป็นครอบครัว แต่ตอนที่เธอคิดว่าอาจจะมีคนใช้ครอบครัวมาข่มขู่เธอ เจี่ยนอี๋นั่วเลยนึกขึ้นได้ เฮ่อเยี่ยนหงก็เป็นหนึ่งในครอบครัวเธอเหมือนกัน ไม่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะชอบเฮ่อเยี่ยนหงหรือไม่ เฮ่อเยี่ยนหงก็ไม่ได้มีความผิดอะไร เจี่ยนอี๋นั่วไม่ต้องการให้เฮ่อเยี่ยนหงได้รับบาดเจ็บเพราะเธอ

เฮ่อเยี่ยนหงในสายนิ่งอึ้งไป แล้วถามเสียงเบา:“อี๋นั่ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เธออย่าทำให้ฉันตกใจสิ? ชีวิตฉันทั้งชีวิตมันไม่ง่ายเลยนะ เดิมทีเป็นคุณนายร่ำรวย แต่ตอนนี้กลับไม่มีอะไรเลย เดิมทีฉันวางแผนว่าจะออกนอกประเทศ หาชาวต่างชาติหล่อๆสักคนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธออย่าขู่ขวัญฉันสิ”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากแน่น แล้วพูดเสียงเบา:“ขอโทษนะ คุณรอฉันละกัน”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็วางสายโทรศัพท์ หลังจากนั้นแล้วรีบหยิบมือถือขึ้นมา โทรไปหาเหลิ่งเซ่าถิง หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงรับสาย ก็ยิ้มแล้วถามเจี่ยนอี๋นั่ว:“มีอะไรเหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วกำมือถือแน่น มองคนขับรถที่นั่งอยู่ด้านหน้า มีคำพูดเยอะมากที่ไม่เหมาะจะถามเหลิ่งเซ่าถิงในตอนนี้ เจี่ยนอี๋นั่วเลยพูดเสียงขรึมไปก่อน:“เซ่าถิง ฉันมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือจากคุณ น้องสาวฉันหนีไปจากสนามบิน ฉันอยากให้คุณช่วยฉันหาคนที่สามารถกู้คืนข้อความได้ให้หน่อย แล้วก็ตามหาคนที่น้องสาวฉันไปหา มีความเป็นไปได้ว่าเธอจะอยู่ด้วยกันกับฉู่หมิงเซวียน ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้ฉู่หมิงเซวียนอยู่ที่ไหนกันแน่?”

“ตั้งแต่หลังจากเรื่องครั้งที่แล้วที่เกิดขึ้นก็ไม่รู้ว่าฉู่หมิงเซวียนอยู่ที่ไหน มือถือแล้วก็บัตรธนาคารของเขาต่างก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย” เหลิ่งเซ่าถิงพูด

“งั้นฉันรู้แล้ว ในเมื่อสืบจากฝั่งฉู่หมิงเซวียนไม่ได้ ก็สืบจากมือถือที่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเคยใช้” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วพูด

“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้” เหลิ่งเซ่าถิงพูด

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า:“คุณช่วยฉันจัดการเรื่องพวกนี้ก็พอแล้ว ที่เหลือฉันจะจัดการเอง ตอนที่ฉันต้องการคุณ ฉันจะบอกคุณนะ ฉันไม่อยากเป็นภาระให้คุณ”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงขรึม:“คุณไม่มีทางที่จะกลายเป็นภาระของผม”

เจี่ยนอี๋นั่วก้มตาลง เม้มปากแน่น แล้วพยักหน้า:“ขอบคุณคุณมากนะ แต่ฉันยังมีอีกหลายเรื่องต้องไปทำ ฉันไม่สามารถรบกวนคุณต่อได้ ฉันรู้ลำดับความสำคัญ ถ้าเกิดว่าเรื่องนี้มันเกินขอบเขตที่ฉันจะควบคุมไหว ฉันจะให้คุณช่วยอย่างแน่นอน วันนี้มีคนพูดว่าฉันมีต้นไม้ใหญ่ไว้พึ่ง ฉันไม่มีทางลืมอย่างแน่นอนว่าฉันยังมีคุณเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ฉันได้พึ่งพิง”

เหลิ่งเซ่าถิงถามเสียงเย็นชา:“เหลิ่งหมิงอันเหรอ? เขาไปหาคุณ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า เธอมองคนขับรถที่นั่งอยู่ด้านหน้า แล้วพูดเสียงเบา:“คืนนี้ถ้ามีเวลาฉันจะเล่าให้คุณฟัง ฉันเชื่อใจคุณนะ และจะเชื่อใจตลอดไป คุณก็เชื่อใจฉันเหมือนกันใช่ไหม? เชื่อว่าฉันจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวฉันเอง”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงเบา:“ได้ ผมเชื่อใจคุณ”

“งั้นดีเลย เจอกันตอนกลางคืนนะ” เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็วางสาย

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่ววางสาย ก็รีบให้คนขับรถขับไปที่สนามบิน พอถึงสนามบิน เจี่ยนอี๋นั่วก็หาเฮ่อเยี่ยนหงเจอ เฮ่อเยี่ยนหงร้องไห้แล้วรีบพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“อี๋นั่ว ทำไงดี? ฮุ่ยฮุ่ยเขา……เขาหายตัวไปแล้ว……”

เจี่ยนอี๋นั่วเห็นว่าเฮ่อเยี่ยนหงยังอยู่ ก็ถอนหายใจ แล้วรีบพูดกับเฮ่อเยี่ยนหง:“มือถือล่ะ?”

เฮ่อเยี่ยนหงสะอึกสะอื้น แล้วรีบหยิบมือถือส่งให้เจี่ยนอี๋นั่ว:“โทรศัพท์เครื่องนี้แหละ ฮุ่ยฮุ่ยใช้โทรศัพท์เครื่องนี้ติดต่อกับเพื่อนของเขา……”

เจี่ยนอี๋นั่วรับโทรศัพท์มา แล้วเปิดดู เห็นว่าข้อความที่เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยส่งไปหาเพื่อนของเธอนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ เจี่ยนอี๋นั่วมองปัญหาของมือถือไม่ออก ก็เลยถามเฮ่อเยี่ยนหง:“ในตัวฮุ่ยฮุ่ยได้พกบัตรธนาคารไหม? บัตรประชาชนได้พกหรือเปล่า?”

เฮ่อเยี่ยนหงรีบส่ายหน้า:“ไม่มีนะ เขาไม่ได้พกอะไรเลย แม้แต่เงินก็ไม่ได้พก เพราะงั้นฉันเลยวางใจให้เขาไปเข้าห้องน้ำ ฉันคิดว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรกับเขาด้วยซ้ำ ใครจะไปรู้……”

“งั้นก็มีแค่มือถือเครื่องนี้แล้วล่ะ” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองมือถือแล้วพูด

รอจนเหลิ่งเซ่าถิงส่งกำลังคนมา เจี่ยนอี๋นั่วก็รีบส่งมือถือให้พวกเขา แล้วกำชับ:“ช่วยฉันกู้คืนข้อความของมือถือเครื่องนี้ทั้งหมด”

การกู้คืนข้อความต้องใช้เวลาสักพัก เฮ่อเยี่ยนหงพูดอย่างร้อนรน:“พวกเราจะรออยู่ที่นี่เหรอ? ตอนนี้ฉู่หมิงเซวียนไม่ใช่ว่าถูกตามสืบเพราะทำผิดข้อหาติดสินบนการเงินเหรอ? เห็นลงข่าวกันหมดแล้ว ถ้าเป็นเขาที่ลักพาตัวฮุ่ยฮุ่ยไปล่ะจะทำยังไง?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วพูด:“ถ้าแยกย้ายไปหาตอนนี้มีแต่เสียเวลา พวกเขาไม่มีบัตรธนาคารไม่มีบัตรประชาชน คงไม่มีข้อมูลสำหรับเข้าที่พัก พวกเราก็คงสืบที่อยู่ของพวกเขาไม่เจอหรอก มีแค่มือถือนี่ มีสถานที่ที่พวกเขาจะนัดเจอกันหรือเปล่า บางที บางที……ฮุ่ยฮุ่ยอาจจะไม่ได้อยู่กับฉู่หมิงเซวียน……”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท