หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 97 ขอบคุณที่คุณอยู่ข้างๆฉัน

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงตะโกนของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย เท้าของเธอหยุดชะงักเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้หันกลับไป เมื่อกลับมานั่งในรถ เจี่ยนอี๋นั่วนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ เธอไม่รู้ว่าเธอควรทำอย่างไร เธอไม่ต้องการกลับไปที่บริษัท บริษัทเป็นสมบัติของพ่อเธอและเธอรู้สึกอึดอัดเมื่อกลับไปยังบริษัทแล้วเธอเองเมื่อกลับไปยังบริษัทเธอกลับไปทำไม? ก่อนหน้านี้เจี่ยนอี๋นั่วทำงานหนักเพียงเพื่อให้พ่อของเธอตื่นขึ้นมาและเห็นว่าบริษัทของเขาที่เขาทำงานหนักมาหลายปีนั้นยังคงอยู่

แต่ตอนนี้พ่อของเธอจากไปแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วไม่มีแรงจูงใจที่จะบริหารบริษัท หมิงเซวียนก็ตายไปแล้ว เธอเองก็ไม่มีศัตรูแล้ว เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเธอก็ตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว ตอนนี้เธอไม่เหลือแม้แต่ญาติเพียงคนเดียว

ชีวิตของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นได้รับการวางแผนมาอย่างดี เมื่อตอนเธอยังเด็ก เธอเรียนอย่างหนักเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีแล้วเธอก็พยายามที่จะหาคอนเน็คชั่นต่างๆเพื่อเป็นการช่วยพ่อของเธอแบ่งเบาภาระของบริษัท

แต่ตอนนี้เธอควรทำอย่างไร? เธอสามารถทำอะไรได้บ้าง?

มือของเจี่ยนอี๋นั่วที่เย็นเล็กน้อยถูกเหลิ่งเซ่าถิงคว้าเอาไว้ ราวกับว่าเจี่ยนอี๋นั่วได้ตื่นขึ้นจากความฝันในทันที เธอเงยหน้ามองเหลิ่งเซ่าถิง ดวงตาสีแดงก่ำของเธอจ้องมองเขา “หลังจากนี้ฉันควรทำอย่างไรดี?”

“ไม่ใช่ว่าพูดกันไว้แล้วหรือ? ผมจะพาคุณไปเที่ยวต่างประเทศ ไปพักผ่อน หลังจากกลับมาแล้วค่อยคิดว่าอยากทำอะไร โอเคไหม?” เหลิ่งเซ่าถิงกล่าว

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า “อืม…”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวพลางเอนกายพิงไหล่ของเหลิ่งเซ่าถิง เธอกล่าว “ฉันเชื่อฟังคุณ”

เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นและสัมผัสเบาๆที่แก้มของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาโอบไหล่ของเจี่ยนอี๋นั่วอย่างเบามือ

เจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงขึ้นเครื่องบินในบ่ายของวันนั้น สถานที่นั้นถูกกำหนดไว้โดยเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วนั้นโศกเศร้ามาโดยตลอด เธอไม่สนใจว่าเขาจะไปที่ไหน เธอไม่เคยคิดที่จะไปเที่ยวที่ไหนเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อมาถึงสนามบิน จู่ๆเธอก็มีความคิดที่อยากจะหนีออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ขอแค่เพียงได้หลีกหนีออกไปจากที่นี่ก็พอ เพียงแค่ออกจากที่ที่เธอสูญเสียพ่อไป

เมื่อเครื่องบินลงจอด จากนั้นเธอก็ต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เจี่ยนอี๋นั่วรู้ตัวอีกที เธอก็อยู่บนเกาะในทะเลแล้ว ที่นี่อาจไม่ใช่จุดท่องเที่ยวยอดนิยม ตอนนี้สถานการณ์โลก หากว่าเป็นจุดท่องเที่ยวยอดฮิตก็จะเต็มไปด้วยคนจีนผิวเหลืองและขอบตาดำปี๋ แต่ที่นี่นั้นชาวเอเชียมีไม่มากนัก เจี่ยนอี๋นั่วหันมองไปรอบๆ ฟังคนรอบข้างทั้งหมดนั้นกำลังพูดกันเป็นภาษาฝรั่งเศส แต่ว่าประติมากรรมรอบข้างกลับไม่คล้ายคลึงกับฝรั่งเศสเลย เจี่ยนอี๋นั่วไม่สามารถบอกได้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน

“ที่นี่ไม่ใช่ฝรั่งเศส ที่นี่คือที่ไหน?” เจี่ยนอี๋นั่วถามอย่างประหลาดใจ

เหลิ่งเซ่าถิงซื้อมงกุฎดอกไม้จากข้างทางและยื่นให้กับเจี่ยนอี๋นั่ว เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่เดิมที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสดังนั้นจึงใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ แต่เกาะนี้ยังไม่ค่อยได้รับการพัฒนาอะไรมากนักดังนั้นคนจึงไม่ค่อยรู้จักและยังไม่เป็นที่นิยม ก่อนหน้านี้ผมได้ซื้อเกาะแห่งนี้ แล้วผมก็คิดอยากจะพัฒนาจุดท่องเที่ยว คุณมาที่นี่เพื่อดูว่าต้องปรับปรุงอะไรบ้าง คุณสามารถเสนอความคิดเห็นได้อีกด้วย ทางตอนใต้มีชายหาดส่วนตัวของผม หากคุณคิดว่าที่นี่มีคนเยอะเกินไป พวกเราก็ไปที่นั่นกันได้ ไม่มีใครมารบกวน หากคุณคิดว่าที่นั่นอาจจะน่าเบื่อ พวกเราก็อยู่ที่นี่กันก่อนก็ได้”

เจี่ยนอี๋นั่วอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้พร้อมกับกล่าว “คุณมาที่นี่ก็เพื่อทำงาน”

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วและถอนหายใจเบาๆ “ปกติผมก็ไม่มีเวลาได้พักอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาสถานที่ที่เหมาะกับการมาพักผ่อนและคุณเองก็ไปมาหลายประเทศแล้วด้วย หากว่าไปอีกคุณอาจจะได้รื้อฟื้นความหลัง หลักจากคิดไปคิดมา ที่นี่ท่านั้นที่สามารถทำให้คุณเพิกเฉยต่ออดีตแล้วก็ค่อยๆฟื้นฟูตัวคุณเอง”

เจี่ยนอี๋นั่วหยิบมงกุฎดอกไม้และวางไว้บนศีรษะของเหลิ่งเซ่าถิง แสงแดดส่องลงมาบนมือของเธอ แสงที่กระทบนั้นทำให้มือของเธอขาวพร้อมกับมีแสงที่มันวาว เจี่ยนอี๋นั่วหรี่สายตา “แสงที่นี่ดีมากจริงๆ”

“แสงแดดจ้าช่วยให้ผู้คนต่อต้านความหดหู่ในใจได้” เหลิ่งเซ่าถิงหันหน้าไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว “ที่นี่มีน้ำพุร้อน อยากไปดูไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เธอหันไปมองเหลิ่งเซ่าถิง “น้ำพุร้อนช่วยต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าได้ด้วยหรือไม่?”

เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะเบาๆพร้อมกับพยักหน้า “น้ำพุร้อนไม่สามารถต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าได้ แต่แต่หลังจากแช่น้ำพุร้อนและกินอาหารทะเลแล้วอาจจะทำให้ผู้คนนั้นรู้สึกสบายขึ้น จากนั้นก็นอนหลับพักผ่อนไปเที่ยวทะเล น้ำทะเลสีฟ้าสดใสในตอนกลางวันและทะเลที่เงียบสงบในเวลากลางคืนทำให้จิตใจนั้นสงบลงได้”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวเสียงเบา “ดูเหมือนว่าคุณได้วางแผนทุกอย่างไว้แล้ว?”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า “ผมคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว หวังว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง”

เจี่ยนอี๋นั่วจับมือของเหลิ่งเซ่าถิงไว้ “งั้นฉันจะเชื่อฟังคุณ ไปน้ำพุร้อนกัน แต่ฉันไม่รู้จะทำอะไร”

เจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงเดินไปยังน้ำพุร้อนด้วยกัน และพบว่าเจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงนั้นต้องแช่น้ำร้อนด้วยกัน เจี่ยนอี๋นั่วดึงเสื้อคลุมอาบน้ำด้วยความรู้สึกลำบากใจ “ลงบ่อเดียวกันเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงลงบ่อน้ำพุร้อนไปก่อนจากนั้นเขาก็หันหลังคุยกับอี๋นั่ว “ถ้าหากว่าคุณอาย ผมจะทำเป็นไม่สนใจคุณ ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะลงบ่อเดียวกับคุณ แต่ตอนนี้บนเกาะคนน้อยมาก หากว่าผมจะแยกกับคุณ ผมก็กลัวว่าคุณจะเหงา”

หากว่าอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงนั้นยังไม่มีความสัมพันธ์กัน อี๋นั่วอาจคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงมีแรงจูงใจแอบแฝง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นได้เกิดขึ้นไปแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วจึงทำได้แค่ยิ้มจากนั้นเธอก็ก้าวลงบ่อน้ำพุร้อน

หลังจากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็กล่าวเบาๆ “คุณไม่ต้องหันหลังให้ฉันหรอก อย่างไรก็ตามคุณได้เห็นทุกสิ่งที่คุณควรเห็นแล้ว”

เหลิ่งเซ่าถิงหันกลับมา เขามองเจี่ยนอี๋นั่วเพียงแวบเดียวจากนั้นเขาก็หลบสายตาทันที ใบหน้าแดงก่ำ เขากระแอมเล็กน้อย ลมหายใจเขารุนแรงมากขึ้น เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้คาดคิดว่าผิวขาวๆของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเมื่อถูกน้ำร้อนแล้วจะมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็นท่าทางของเหลิ่งเซ่าถิงแล้วเธอก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้ เธอกล่าวเบาๆ “คุณไม่ควรเลือกน้ำพุร้อน ตอนนี้อารมณ์ฉันไม่สามารถ…”

“ผมเข้าใจ” เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า “ผมจะไม่ทำอะไรในตอนที่คุณไม่ต้องการ ผมว่าผมออกไปก่อนดีกว่า”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าในทันทีและรีบหันกลับไปอีกฝั่ง เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงออกไปแล้วเธอจึงถอนหายใจเบาๆ หลังจากผ่านความอึดอัดใจไปแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่สามารถอดทนแช่น้ำได้นานนัก เธอรีบออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน เมื่อออกมาแล้วเธอก็คลุมเสื้อคลุมอาบน้ำไว้ เธอเดินไปที่ห้องโถงเล็กๆข้างบ่อน้ำพุ เธอเห็นเหลิ่งเซ่าถิงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกำลังแกะเนื้อปูอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าอี๋นั่วเดินมายังข้างกายเขา เหลิ่งเซ่าถิงก็หยิบเนื้อปูที่ปอกเปลือกไว้แล้ววางไว้ตรงหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว “ลองชิมดู รสชาติเป็นไงบ้าง?”

เจี่ยนอี๋นั่วกัดเนื้อปูแล้วพยักหน้าทันที “รสชาติหอมหวานมาก รสชาติเยี่ยมจริงๆ สามารถใช้เป็นจุดขายของนักท่องเที่ยวได้เลย คนจีนชอบกินมากด้วย ไม่ว่าจะไปไหนก็ตามต้องได้กินเสมอ เวลาไปที่ใหม่ก็จะถามว่าอะไรอร่อยและการใช้อาหารเป็นจุดขายสามารถดึงดูดคนจีนได้มากที่สุด แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะวางแผนทำรีสอร์ทนี้ในระดับใดในอนาคตหากคุณต้องการทำธุรกิจการท่องเที่ยวแบบไฮโซ คุณควรสร้างร้านอาหารระดับไฮเอนด์..”

เมื่ออี๋นั่วพูดเช่นนั้น เธอก็เงยหน้ามองเหลิ่งเซ่าถิงที่กำลังยิ้มอยู่ เจี่ยนอี๋นั่วรีบปิดปากในทันทีและกล่าวเบาๆ “ฉันวุ่นวายหรือเปล่า? เรื่องเหล่านี้คุณเองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ฉันกลับทำตัว…”

“เปล่าเลย คุณพูดได้ดี ผมชอบฟังขอเสนอแนะของคุณแล้วคุณไม่ได้วุ่นวายเลย ผมนั้นออกไปเที่ยวไม่บ่อย ไม่รู้ว่าจะต้องปรับปรุงอะไรเมื่อเทียบกับรีสอร์ทอื่นๆ คุณสามาระเสนอแนวคิดให้กับผมได้เสมอ” เหลิ่งเซ่าถิงพูดพลางยกนิ้วขึ้นชี้ไปยังบ่อน้ำพุร้อน “แล้วน้ำพุร้อน ต้องปรับปรุงอะไรไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วหันไปมองน้ำพุร้อนทันที “บ่อน้ำพุร้อนนั้นไม่เลวเลย อุณหภูมิของน้ำก็ดี แช่สบายมาก ถ้าเปลี่ยนเป็นอุณหภูมิของน้ำเป็นการที่เราสามารถปรับได้ด้วยก็จะดียิ่งขึ้น จะให้คอยเรียกพนักงานอยู่ตลอดก็จะลำบาก หลายคนใช้เวลาพักร้อนเพียงเพื่อพวกเขาจะหาสถานที่ที่ไม่ต้องการจะสื่อสารกับคนอื่น หากพวกเขามีพื้นที่ที่เป็นของพวกเขา ปล่อยให้พวกเขามีพื้นที่สำหรับการปลอดปล่อย คนเหล่านั้นอาจจะพอใจมากกว่า อย่างไรก็ตามบางครอบครัวจะพาเด็กมาด้วย อิสระมากขึ้นแล้วอันตรายก็จะมากขึ้นเช่นกัน บ่อน้ำพุร้อนอาจต้องมีอุปกรณ์การช่วยเหลือด้วย”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและพยักหน้า “ดี แล้วพวกเฟอร์นิเจอร์ มีอะไรที่ไม่น่าพอใจหรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบกล่าวทันที “มันค่อนข้างดูจะเป็นญี่ปุ่น ฉันว่าไม่ค่อยเหมาะกับเกาะนี้เพราะว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนไปญี่ปุ่น มันไม่ใช่เกาะเล็กๆที่มีภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ แล้วก็เก้าอี้…”

เจี่ยนอี๋นั่วนั้นค่อนข้างจริงกับปัญหาที่เหลิ่งเซ่าถิงให้เธอแล้วเธอก็พูดไปอย่างไม่รู้ตัวอยู่เป็นเวลานาน เมื่อเธอได้สติขึ้นอาหารทะเลบนโต๊ะก็เกือบจะหมดแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น เธอจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิง “ฉัน ฉันกินเยอะแล้วก็พูดเยอะไป ใช่ไหม?”

เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่วพร้อมรอยยิ้ม “จากมุมมองทางจิตวิทยา ท่าทางของคุณต้องนี้นั้นดีขึ้นมาก ผมชอบฟังคุณพูด ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปทะเล คุณยังสามารถให้ข้อเสนอแนะผมได้”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากของเธอ เธอเดินตามเหลิ่งเซ่าถิงออกไป ในเวลานี้เป็นเวลาประมาณสี่โมงเย็น ทรายบนชายหาดเพิ่งถูกแสงแดดแผดจ้าในช่วงบ่ายและอุณหภูมิของดวงอาทิตย์ยังคงอยู่ เท้าของเธอนั้นอบอุ่นเมื่อได้เหยียบทรายเหล่านั้นและเธอก็รู้สึกดีขึ้น

ทะเลค่อยๆพัดผ่านเท้าของเจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นเธอก็ค่อยๆถอยกลับ

เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะกล่าวเบาๆ “ตอนนี้ฉันรู้สึกดีมาก ทะเลช่างอ่อนโยน”

เหลิ่งเซ่าถิงกุมมือเจี่ยนอี๋นั่ว เขายิ้มและเดินมาข้างกายอี๋นั่ว “สำหรับคุณตอนนี้ ไม่มีความคิดเห็นเหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า “ที่นี่สวยมาก พอตกเย็น ทุกคนจะมาปิ้งย่างบาร์บีคิวกันที่นี่ แค่เพียงต้องระวังยุงบนชายหาด ยุงที่นี่ดุมาก ตอนเด็กๆพ่อพาฉันและฮุ่ยฮุ่ยไปปิ้งย่าง เธอถูกยุง…”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวถึงตรงนี้และเธอก็เงียบไป เธอไม่ได้ร้องไห้ แต่ก้มหน้าลง ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอ เธอกล่าว “ขอบคุณ เหลิ่งเซ่าถิง ขอบคุณที่คุณอยู่ข้างๆฉัน”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท