หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 100 จริงหรือเปล่า

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วหันไปมองเหลิ่งเซ่าถิงในทันที เธอขมวดคิ้วแน่น เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่เหลือบมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นเขาก็หมุนตัวและเดินตามคุณนายเหลิ่งไป เจี่ยนอี๋นั่วมองแผ่นหลังของเหลิ่งเซ่าถิงและเม้มริมฝีปาก

สุยเฉิงจิ้งเช็ดน้ำตาจากมุมตาของเธอและเดินผ่านไปตรงหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว ไม่มีท่าทีของความคุ้นเคยเมื่อครู่ ราวกับว่าเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักเจี่ยนอี๋นั่ว

เจี่ยนอี๋นั่วกระพริบตา เธอหมุนตัวกลับ เดินขึ้นบันได กลับไปที่ห้องของเธอและเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วไม่กล้าที่จะคิดอะไรทั้งนั้น เมื่อกลับถึงห้องเธอก็เอนกายลงบนเตียงและหลับตาลง แตกต่างจากแสงแดดอันอบอุ่นบนเกาะที่จะตกลงมาในห้องเมื่อใดก็ได้ เจี่ยนอี๋นั่วนอนอยู่บนเตียงในระยะหนึ่ง เธอก็รู้สึกหนาวสั่น

เจี่ยนอี๋นั่วนั้นหดตัวเป็นลูกบอลและหดตัวลงในผ้าห่ม ภายในใจคิดว่าอีกไม่นานเหลิ่งเซ่าถิงจะกลับมาอยู่ข้างกายเธอ ไม่นานนัก เจี่ยนอี๋นั่วก็ได้ยินคนเคาะประตู เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและรีบวิ่งลงจากเตียง เธอเปิดประตูพร้อมรอยยิ้มและกล่าว “ทำไมนานจัง? ฉันคิดถึงคุณมาก..”

เธอพูดยังไม่ทันจบ รอยยิ้มบนใบหน้าเจี่ยนอี๋นั่วก็แข็งทื่อ คนด้านนอกประตูนั้นไม่ใช่เหลิ่งเซ่าถิง แต่เป็นเหลิ่งหมิงอัน รอยยิ้มแต่เดิมของเหลิ่งหมิงอัน เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่แข็งทื่อบนใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาก็ค่อยๆหุบยิ้มลง

เหลิ่งหมิงอันก้าวไปข้างหน้าและเข้าใกล้อี๋นั่ว เขายิ้มเยาะและถาม “ทำไม กำลังรอพี่ใหญ่อยู่เหรอ? คาดไม่ถึงว่าเป็นผมที่มาหาคุณใช่ไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและพยายามปิดประตู “ขอโทษด้วย ฉันเหนื่อยมาก ฉันต้องการพักผ่อน”

เหลิ่งหมิงอันยกมือขึ้นเพื่อปิดกั้นประตูห้องของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาจ้องมองรอยจูบบนต้นคอของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาขมวดคิ้วและพูดด้วยเสียงต่ำ “ไม่กี่วันนี้ คุณและเหลิ่งเซ่าถิงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเลยสินะ เจี่ยนอี๋นั่ว ผมชื่นชมคุณมากจริงๆ พ่อเพิ่งตายก็ออกไปเที่ยวกับผู้ชาย ผู้หญิงอะไรกัน? มันดูมากเกินไปหรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปาก “นี่มันเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ฉันทำอะไร ฉันก็ไม่ต้องรอคำอนุญาติจากคุณ”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวและพยายามปิดประตูอีกครั้ง เหลิ่งหมิงอันก้าวไปข้างหน้าและจับข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาลดเสียงลงและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณกับเหลิ่งเซ่าถิงทำอะไรกัน? คุณเป็นคนที่เริ่มจูบเขาก่อนสินะ? พูดได้หรือเปล่าว่าคุณต้องการเขา? คุณกล้าที่จะทำและพูดในสิ่งที่ผู้หญิงคนอื่นรู้สึกเขินอายและไม่กล้าทำ ในเรื่องการอ่อยผู้ชาย คุณนี่มีทักษะเลยทีเดียว”

“ปล่อยฉัน!” เจี่ยนอี๋นั่วพยายามที่จะสลัดมือของเหลิ่งหมิงอันที่จับเธอไว้แน่น

อย่างไรก็ตาม เหลิ่งหมิงอันไม่ยอมปล่อย เขาขมวดคิ้วและจ้องไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว หน้าอกของเขานั้นขยับอย่างรวดเร็ว เขาจับมือของอี่๋นั่วและค่อยๆใช้แรงเพิ่มมากขึ้น ความขุ่นเคืองในดวงตาของเขาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วราวกับว่าเขากำลังมองไปที่ภรรยาที่ไม่ซื่อสัตย์

ท่าทางแบบนั้นทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกอึดอัดมาก ทำไมเหลิ่งหมิงอันถึงมองเธอแบบนี้? พวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย

“ผมเคยพูดแล้ว ในเรื่องที่คุณและเหลิ่งเซ่าถิงทำด้วยกัน คุณก็ต้องทำกับผมสักครั้ง ผมตั้งตารอคอยวันที่คุณจะเชิญผมไปนอนด้วย” ขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชา

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องไปที่เหลิ่งหมิงอัน “ฉันไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นแน่ ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิง คุณให้ความเคารพฉันด้วย”

“ไม่เคยจัดงานแต่งงาน ภรรยาที่แม้แต่คนในครอบครัวเหลิ่งไม่ยอมรับ? เขาขอคุณแต่งงานเหรอ? คุณไปฮันนีมูนกันที่ไหน? คุณเคยกล่าวคำปฏิญาณการแต่งงานเหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เคยทำสักอย่าง จะเรียกว่าแต่งงานได้อย่างอะไร? ก็แค่เล่มจดทะเบียนงั้นสิ? หรือว่าคุณนายเหลิ่ง เธอทำให้พวกคุณ แบบนี้ก็เรียกคู่สามีภรรยาแล้วงั้นสิ?”

เจี่ยนอี๋นั่วลดสายตาลงด้วยความรู้สึกผิด เสียงของเธอเบาลงเล็กน้อย “นั่นคือเรื่องของฉันและเหลิ่งเซ่าถิง มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ”

เหลิ่งหมิงอันหรี่สายตาจ้องมองอี๋นั่ว เขาถามด้วยรอยยิ้ม “อืม เรื่องนี้ผมไม่เกี่ยว อย่างไรก็ตามคุณเป็นคนที่แม้แต่ผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าพ่อ คุณก็สามารถคบหาได้ คนใจร้ายและเลือดเย็นเช่นนี้ ผมจะไปเกี่ยวข้องสนใจอะไรกับคุณ?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา “ฉันเคยคบกับฉู่หมิงเซวียน แต่…”

“ฉู่หมิงเซวียน?” เหลิ่งหมิงอันยิ้มพร้อมกับก้าวเท้าถอยหลัง “ผมกำลังพูดถึงเหลิ่งเซ่าถิง! เจี่ยนอี๋นั่ว คุณไม่คิดว่าทุกอย่างบังเอิญเกินไปหรือ? คุณคบหากับเหลิ่งเซ่าถิง ฉู่หมิงเซวียนจับตัวพ่อคุณไปแล้วก็ฆ่าพ่อของคุณ? คุณน่าจะรู้จักฉู่หมิงเซวียนดีกว่าเรา เขาเป็นคนที่ฆ่าคนด้วยแรงแค้นเหรอ? หากว่าเขาต้องการฆ่าพ่อคุณจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่ลงมือไปตั้งนานแล้วล่ะ? ทำไมเขาต้องเดือดร้อนมากมายเพื่อเอาบริษัทในมือของคุณ เขาอยากได้เงิน อยากได้ชื่อเสียง คนที่เห็นคุณค่าของชื่อเสียงและโชคลาภ คนที่เพิ่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ คงไม่คิดอยากทำเรื่องที่หันหลังกลับไม่ได้แบบนี้หรอก”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวเสียงต่ำ “คุณอย่ามาทำให้ฉันและเซ่าถิงแตกแยก…”

“ยุให้แตกแยกหรือเปล่า ภายในใจของเธอนั้นรู้ดี หรือว่าคุณไม่เคยแม้แต่คิดสงสัยเขา? ไม่ได้คิดเลยสักนิดว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นอย่างน่าสงสัย?”

เหลิ่งหมิงอันกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เอาเถอะอย่างไรก็ตามผมจะบอกคุณไว้อย่างหนึ่ง แพทย์ที่ได้ทำการตรวจชันสูตรศพพ่อคุณหายตัวไปและถูกซ่อน ตอนที่เหลิ่งเซ่าถิงอยู่ข้างกายคุณ สังเกตุหรือเปล่าว่าเขาอารมณ์ไม่แน่ไม่นอนนัก”

ร่างกายอี๋นั่วแข็งทื่อ เธอจ้องมองไปยังเหลิ่งหมิงอัน เธอกัดฟันและกล่าวอย่างดื้อดึง “ฉันไม่เชื่อในสิ่งที่คุณพูด”

“เป็นพันธมิตรที่ซื่อสัตย์จริงๆ คุณช่างเชื่อใจเขามาก” เหลิ่งหมิงอันจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว ดวงตาของเขาเผยให้เห็นความปรารถนา “จู่ๆผมก็อยากได้คุณมาไว้ในครอบครองเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่อยากได้ร่างกายเท่านั้น ผมยังต้องการความรู้สึกของคุณอีกด้วย ผมสามารถจ่ายได้ในทุกอย่างเพื่อให้คุณอยู่กับผม อย่างที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ เชื่อผมอย่างสุดใจได้หรือไม่?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วแน่นและกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันไม่ได้คิดจะคบหากับคุณแม้แต่น้อย”

เหลิ่งหมิงอันยิ้มและกล่าว “ยังจำครั้งที่แล้วได้หรือเปล่า เรื่องที่ผมบอกคุณไป? คุณยังไม่ไปถามเหลิ่งเซ่าถิงสินะ? คุณไม่ลองไปถามเขาดูล่ะ? ดูว่าเขาจะสามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่คุณได้หรือเปล่า”

เจี่ยนอี๋นั่วนึกถึงสิ่งที่เหลิ่งหมิงพูดกับเธออันก่อนหน้านี้ ก่อนที่พ่อของเธอจะเกิดอุบัติเหตุ ทันใดนั้นมือของเธอก็ประสานกันทันที ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากของเธอก็อุ่นขึ้นมาในทันที เหลิ่งหมิงอันพุ่งเข้ามาจูบเธออย่างรวดเร็วจากนั้นก็ผละออกไป

“จูบคิดบัญชีไว้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตามหากว่าคุณคบกับผม จูบแบบนี้จะไม่น้อยแน่ๆ” เหลิ่งหมิงอันกล่าวพร้อมรอยยิ้มจากนั้นเขาก็ก้าวเท้าถอยหลังและจากไป

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและยืนอยู่ตรงนั้นถูมุมปากของเธออย่างสุดแรง หลังจากที่เธอปิดประตูลง ภายในห้องก็เหลือเพียงอี๋นั่วคนเดียว เธอคิดกลับไปกลับมา เธอรู้ว่าคำพูดของเหลิ่งหมิงอันนั้นไม่น่าเชื่อถือ มีโอกาสมากที่จะทำให้เธอและเหลิ่งเซ่าถิงนั้นแตกร้าว แต่ความเป็นจริงแล้วเธอเองก็รู้สึกว่าการตายของพ่อเธอนั้นก็มีเรื่องราวที่น่าแปลกใจ ไม่ว่าจะเรื่องตำรวจหรือว่าท่าทีพฤติกรรมของฉู่หมิงเซวียน มีบางอย่างผิดปกติ

แล้วก็ที่ศูนย์รักษาตัว ไม่ใช่ว่าเหลิ่งเซ่าถิงได้ส่งคนไปคอยเฝ้าดูหรือ? หากว่าไม่ได้รับคำอนุญาติจากเธอหรือว่าเซ่าถิงแล้วก็ไม่มีใครสามารถไปเยี่ยมพ่อของเธอได้ คนของเหลิ่งเซ่าถิงจะประมาทได้อย่างไร? จะให้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไปพาตัวพ่อออกมาได้อย่างไรและยังโทรหาเธอแค่เพียงสายเดียว?

จากนั้นก็ฉู่หมิงเซวียน แม้ว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากหวังเหมี่ยน แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อนตัวอยู่ในเมืองนี้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากผู้อื่น เขาหนีการไล่ล่าของของตระกูลเหลิ่งและตำรวจได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้บริหารบริษัท เขาจะหนีและหลบซ่อนตัวเก่งกาจจากไหน หากว่าไม่มีใครคอยคุ้มกันเขา?

ก่อนหน้านี้เจี่ยนอี๋นั่วได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่พ่อของเธอเสียชีวิต ทำให้เธอไม่กล้าเผชิญกับสิ่งเหล่านี้อีก แม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันมีบางอย่างที่ผิดแปลก แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็มักจะหนีออกจากเรื่องนี้

แต่ตอนนี้เมื่ออารมณ์ของเจี่ยนอี๋นั่วฟื้นตัวขึ้น ความลับที่ถูกเก็บไว้ก็ค่อยๆกระตุ้นความคิดของเธอ ไม่ใช่ว่าเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของเหลิ่งหมิงอันทำให้เธอสงสัยในตัวเหลิ่งเซ่าถิง แต่ก็ไม่ใช่เพราะว่าความสัมพันธ์ของเธอและเซ่าถิง ทำให้เธอหลีกหนีจากเรื่องนี้และไม่คอยตามเรื่อง พ่อของเธอนั้นไม่ได้อยู่แล้ว เธอไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอเสียชีวิตอย่างไรในตอนท้าย

เจี่ยนอี๋นั่วคิดได้ดังนี้ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นและกดไปยังหมายเลขโทรศัพท์ นั่นคือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ดูแลเจี่ยนฉางรุ่น โทรศัพท์ถูกเชื่อมต่อ ผู้ดูแลถามอย่างไม่คาดคิด “คุณ..คุณเจี่ยน คุณโทรหาฉันทำไม?”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวเบาๆ “เปล่าหรอก แค่นึกได้ว่าคุณเป็นคนที่คอยดูแลพ่อของฉันมานาน ฉันยังไม่ได้กล่าวขอบคุณคุณเลย ก่อนหน้านี้พ่อของฉันจากไปอย่างกะทันหันจนฉันไม่สามารถรับได้ อันที่จริงคุณได้ดูแลเขาอยู่เคียงข้างเขา ฉันอยากจะมอบเงินหนึ่งแสนหยวนให้คุณเพื่อเป็นการขอบคุณ”

ผู้ดูแลกล่าวอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องหรอก คุณเจี่ยน ประธานเหลิ่งได้มอบเงินไว้ให้ฉันมากแล้ว ฉันจะไปรับเงินคุณอีกได้อย่างไร?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วแน่น “เหลิ่งเซ่าถิงเหรอ? เขาให้เงินจำนวนหนึ่งกับคุณหรือ?”

พยาบาลตอบทันทีว่า “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาส่งคนมาให้เงินจำนวนหนึ่งกับฉัน ให้น้องสาวของฉันไปเรียนที่ต่างประเทษ คุณเจี่ยน ถ้าหากว่าคุณไม่โทรมาหาฉัน ฉันอาจจะไปต่างประเทศแล้ว ฉันติดต่อสถานที่ต่างๆเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงต่างประเทษ ฉันก็ยังทำหน้าที่ผู้ดูแลต่อไป น้องสาวของฉันก็สามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้เช่นกัน”

“หากว่าฉันไม่โทรหาคุณ คุณจะได้ไปต่างประเทศแล้ว?” เจี่ยนอี่นั่วถามซ้ำ

ผู้ดูแลตอบกลับมาว่า “ใช่แล้ว คุณเจี่ยน คุณและประธานเหลิ่งช่างเป็นคนดีมาก ประธานเหลิ่งนั้นมองแล้วอาจดูเป็นคนที่เย็นชาและน่ากลัว แต่จริงๆแล้วเขานั้นเป็นห่วงคุณเจี่ยนมาก วันนั้นที่คุณเจี่ยนเกิดเรื่อง ประธานเหลิ่งก็มาเยี่ยมเขาเช่นกัน ตอนนี้ที่แรกเขาดูเย็นชามาก แต่หลังจากนั้นเขาก็ดูมีท่าทีที่อ่อนโยนมากขึ้นทำให้เราไม่กังวลจนมากเกินไป หากว่าคนตระกูลเจี่ยนมาเยี่ยมคุณเจี่ยน ไม่ต้องห้าม…”

ผู้ดูแลเงียบไปในทันทีและกล่าวเบาๆ “ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจปัดความรับผิดชอบ ประธานเหลิ่งเองก็พูดคล้ายๆกันในตอนนั้น เขากล่าวว่าหากคนในตระกูลเจี่ยนมาเยี่ยมคุณเจี่ยนบ้างก็ไม่ต้องไปห้ามเขา แล้วก็บอกอีกว่าช่วงนี้คุณงานยุ่งไม่ให้เราเข้าไปวุ่นวาย ไม่งั้นฉันก็คงไม่ให้คุณเจี่ยนออกไปกับน้องสาวของคุณและโทรหาคุณเพียงสายเดียวหรอก คุณไม่รับ ฉันก็เลยไม่กล้าโทรหาอีก ฉันกลัวว่าฉันจะไปวุ่นวายกับงานของคุณ”

สมองของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นดังกึกก้อง เธอกล่าวเสียงเบา “ที่คุณพูด..คุณพูดจริงหรือเปล่า?”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท