เซเลสเต้ถูกอาเรนถ้าประลองด้วยความตั้งใจที่ต้องการจะสร้างปัญหาให้กับเธอ
มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจะให้บทเรียนกับผู้ที่อ่อนแอกว่าในงานอภิปรายวิชาดาบนี้
แม้ว่ามันจะเป็นอาจารย์สอนวิชาดาบจากอีกตระกูลหนึ่งก็ตาม
และการปฏิเสธทำท้านี้ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาอะไร
แน่นอนว่าเธอที่เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลคอสแตนตีนิและเขาก็เป็นอาจารย์สอนวิชาดาบให้กับลูกสาวคนโตของตระกูลโอกาโมโตะดังนี้มันไม่เรื่องปกติอยู่แล้วที่เขาจะมาให้บทเรียนเธอแต่อย่างไรก็ตามในบางด้านมันจะเป็นเรื่องหยาบคายที่จะปฏิเสธออกไปตรงๆ
ไม่สิ มันไม่ใช่การไม่ให้ความเคารพและเซเลสเต้ก็ไม่ต้องการที่จะยอมรับการต่อสู้นี้จริงๆ
‘ถ้าเป็นพ่อจะทำยังไงนะ’
เธอคิดเรื่องนี้เพียงชั่วครู่
ถ้าพ่อของเธอเป็นแรงค์ D ที่กำลังเผชิญหน้ากับฮันเตอร์แรงค์ S ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าพยายามที่จะระบายความโกรธของตนโดยการสอนบทเรียนให้กับเขา
‘…เขาคงจะยอมรับมัน’
ถ้ามีสิ่งไหนก็ตามที่คุณสามารถที่จะเรียนรู้จากมันได้ เรียนมันและฝึกฝนให้มากขึ้น
นี้เป็นหลักการของซัลวาเทอร์เร่ คอสแตนตีนิและมันทำให้เขาถูกผลักไซออกไปโดยนักดาบคนอื่นๆ
แน่นอนว่าในความเป็นจริงคนพวกนั้นได้แต่เงียบปากของตนลงตั้งแต่ที่ซัลวาเทอร์เร่ขึ้นมาเป็นแรงค์ SS
ไม่ว่าจะในกรณีใดๆก็ตาม มันพิสูจน์ได้ว่าวิธีการของเขานั้นดีกว่าทุกๆคนเสียอีก
แต่ถึงอย่างนั้นที่มันเป็นไปได้เพราะว่านั้นมันเป็นพ่อของเธอ
เธอค่อนข้างเป็นคนที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจแต่เธอไม่ต้องการที่จะยอมรับการต่อสู้ที่เห็นได้ชัดว่าจงใจเช่นนี้ดังนั้นเธอเลยกำลังที่จะพูดปฏิเสธออกไป
“เซเลสเต้”
“ค่ะ?”
ยูซอดัมได้ลงมาจากโซนของตระกูลคอสแตนตีนิและเข้าไปหาเธอ
“ประลองกับเขาเลย มันจะเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดี”
หลังจากที่ลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง เซเลสเต้ก็พยักหน้า
เพราะว่าตั้งแต่ที่เธอได้เริ่มเรียนรู้วิชาดาบจากยูซอดัม เธอได้เอาใจใส่กับคำพูดของเขาทุกคำ
ซอดัมที่กำลังยิ้มไปทางอาเรนได้พูดขึ้น
“เยี่ยม ในเมื่อเธอเป็นลูกศิษย์ของฉันการที่ฉันจะให้คำแนะนำบางอย่างกับเธอระหว่างการประลองก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรสินะ?”
“…ทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ”
อาเรนแสดงสีหน้าที่เคร่งเครียดทันทีที่เขาได้เห็นซอดัมแต่มันไม่ได้เรื่องที่เซเลสเต้สนใจ
ซอดัมกวักมือเรียกให้เซเลสเต้มาหาแล้วได้กระซิบบางอย่างที่ข้างหูของเธอ
เธอเอียงหัวของเธอในทันทีหลังจากที่ได้ยินคำแนะนำของเขา
“นี้มันจะเป็นไปได้จริงๆเหรอคะ…?”
“อืม แค่เชื่อฉันและทำตามนั้นก็พอ”
คำแนะนำของซอดัมนั้นง่ายมากจนมันค่อนข้างที่จะน่าสงสัย
แค่ตีเมื่อเธอได้ยินคำว่า ‘ตี!’ หลบเมื่อเธอได้ยินคำว่า ‘หลบ!’ และบล็อกเมื่อเธอได้ยินคำว่า ‘บล็อก!’
อีกฝ่ายเป็นแรงค์ S
มันไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้นใช่ไหม?
แต่ถึงจะคิดแบบนั้นเธอก็ยังพยักหน้า
“ฉันจะลองดูค่ะ”
“และก็ให้ยอมแพ้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมนะ”
“ฉันกำลังคิดแบบนั้นเลยค่ะ”
เซเลสเต้ดึงดาบของเธอออกมาและยืนเผชิญหน้ากับอาเรน
ทั้งคู่เป็นยอดมนุษย์ที่สวมใส่ชุดที่เคลือบอีเทอร์เอาไว้ดังนั้นมันจะไม่มีการบาดเจ็บสาหัสเกิดขึ้นและมันยังรวมไปถึงว่าพวกเขายังใช้ดาบไม้ในการประลองครั้งนี้ด้วย
“โอ้ว อะไรกันเนี่ย? อาเรนต้องการที่จะสอนบทเรียนให้กับลูกสาวคนโตของตระกูลคอสแตนตีนิงั้นเหรอ?”
“หืม นี่เขากำลังพยายามที่จะสอนเธอจริงๆงั้นเหรอ?”
“สุดยอด”
มันกลายมาเป็นหัวข้อร้อนแรงและดึงความสนใจของทุกคนไปเพราะว่ามันเป็นเซเลสเต้และอาเรนคนที่มีแรงค์ S
ดังนั้นแม้ว่าอาเรนจะเสียใจมันก็สายไปแล้ว
‘บ้าเอ้ย…’
‘ทำไมฉันถึงได้ไปขอท้าประลองกับลูกสาวคนโตของตระกูลคอสแตนตีนิกันด้วยเนี่ย?’
เขาสูญเสียเหตุผลไปเนื่องจากความโกรธหลังจากที่ได้พูดคุยกับเทเลอร์แล้วซานางิที่เขาได้สอนก็ยังมาแพ้อีก
บางสิ่งที่ถูกทำไปเพราะความโกรธ
อาเรนได้ตัดสินใจว่าหลังจากที่แลกกระบวนท่ากันไม่กี่ครั้งเขาจะยุติการประลองนี้ลง
แต่ว่าสิ่งที่เขาได้ทำไปเพราะว่าโกรธได้กลายมาเป็นโอกาสสำหรับซอดัมแล้ว
‘ฉันจะต้องใช้โอกาสนี้ในการประสานตัวเองเข้ากับปรมาจารย์ดาบสามัญชนคนอื่นให้ได้’
เขาคิดไปถึงภาพรวมที่ใหญ่กว่า และการประลองก็ได้เริ่มขึ้น
สกิลห้องสมุดของแม่มดขาวได้เปิดใช้งานในทันที
[กำลังระบุประเภทของเวทมนตร์]
[เสริมแกร่ง (B) / ช่วยเล็ง (B) / เสริมความเร็ว (C)]
[ลดแรงเสียดทาน (C) / อัดอากาศ (D)]
[ระเบิดไฟ (B) / กระสุนไฟ (C)]
มีเวทมนตร์ทั้งหมดเจ็ดอย่าง
ถึงแม้ว่าห้องสมุดของแม่มดขาวจะได้รับการพิจารณาว่ามีความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์จำนวนมากก็ตามมันจะยังต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการแคร็กใด้สมบูรณ์เพราะว่าสกิลนี้ยังมีแรงค์ที่ต่ำอยู่
[ความคืบหน้าของการแคร็ก…17%]
[‘การแทรกแซง’ มีความเป็นไปได้ในตอนนี้]
เต็ง!!
เซเลสเต้ที่กำลังตื่นเต้นยกดาบของเธอขึ้นในขณะที่อาเรนได้พุ่งเข้ามาหาเธอด้วยการสะกิตเท้าไปที่พื้นและฟาดดาบของตนลงมา
ถึงแม้ว่าเธอจะได้รับการฝึกฝนมาด้วยคนที่มีแรงค์ S ในอดีต เธอก็ยังไม่อยู่ในระดับที่จะสามารถต่อกรกับใครสักคนที่มีพลังเช่นนี้ได้
เต็ง!
“อึก!”
เซเลสเต้ถูกตีไปที่หัวเล็กน้อยแต่ก็ฟื้นตัวมาได้อย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ที่เธอได้สวมชุดอีเทอร์มันก็ไม่มีปัญหาอะไรแม้ว่าเธอจะถูกดาบจริงๆฟันใส่ก็ตาม
แต่เธอยังคงหยุดชะงัดด้วยความตกตะลึงจากแรงกระแทกอยู่ดี
เต็ง ชิ้ง! ตึง!
ในขณะที่ดาบของอาเรนกำลังเหวี่ยงไปที่หัวของเธอในระหว่างนั้นเขาได้เล็งไปที่ลำตัวด้านข้างของเธอแทนและเมื่อเธอสัมผัสถึงมันได้เธอได้ถูกสีเข้าที่หน้าอกไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถบล็อกมันได้จนถึงตอนนี้แต่เธอรู้สึกหายใจไม่ทันแล้วในขณะที่เธอได้ยกดาบขึ้นอีกครั้ง
‘ไม่ว่าใครก็มองเห็นได้ชัดเจนในเรื่องนี้แม้แต่ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะสามารถหยุดมันได้แต่ว่า…!’
เป็นสัญชาตญาณ
สัญชาตญาณที่เป็นของนักดาบอัจฉริยะ
เป็นสัญชาตญาณประเภทที่สามารถอ่านรูปแบบของดาบที่แข็งแกร่งกว่าตนได้ทีละเล็กทีละน้อยเพียงแค่การมองดูมันไม่กี่ครั้งและแม้กระทั้งตอบโต้กลับไปได้
ถ้านี้เป็นการต่อสู้ที่แท้จริง เซเลสเต้คงจะถูกจัดการด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแต่ในเมื่อมันเป็นแค่การประลองทำให้เธอสามารถที่จะเรียนรู้ดาบของคู่ต่อสู้ได้
แต่น่าแปลกเมื่อไหรก็ตามที่เธอพยายามที่จะบล็อก ดาบของอาเรนจะลื่นไหลผ่านไปตลอดเลย
ราวกับเป็นภาพลวงตา วิถีของดาบมันสามารถที่จะโค้งงอได้
ไม่ใช่แค่ความเร็วอย่างเดียว
มันมี ‘เทคนิค’ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้และเซเลสเต้ในปัจจุบันไม่สามารถที่จะเข้าใจมันได้
“โอ้ว ว้าววว…”
“มันช่างเป็นเพลงดาบของคุณอาเรนอย่างแท้จริง”
“ผมเคยได้ยินมาว่าแม้แต่ฮันเตอร์แรงค์ S คนอื่นๆก็ไม่สามารถที่จะลอกเลียนแบบมันได้เลยนะครับ”
ในขณะที่ผู้คนต่างกำลังพากันชื่นชม ซอดัมสามารถที่จะระบุเทคนิคที่แท้จริงของเพลงดาบที่แปลกประหลาดนี้ได้แล้ว
‘มันเป็นความสามารถช่วยเล็งงั้นเหรอ?’
เป็นเทคนิคที่บังคับเบี่ยงเบนการโจมตีของตนเข้าสู่เป้าหมายและเหมือนกับเป็นภาพลวงตา มันดูราวกับว่าดาบของเขาถูกเบี่ยงออกไปจากวิถีเดิม
เพียงแค่มองไปมันอาจดูเหมือนว่าเป็นเทคนิคที่ดีแต่อย่างไรก็ตามมันก็แค่เวทมนตร์ประเภทหนึ่งการใช้มันบ่อยครั้งจะทำให้ร่างกายเกิดความเครียดผลลัพธ์ที่ตามมาคือการที่มานาหมดลงอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าในเมื่ออาเรนเป็นแรงค์ S ทำให้มันไม่ได้ยากสำหรับเขาที่จะใช้งานเวทมนตร์พวกนั้น
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหละถ้าหากว่าอยู่ดีๆเขาก็สูญเสียความสามารถพวกนั้นไป
[กำลังพยายามทำการแทรกแซงการทำงานของสิ่งประดิษฐ์ ‘ช่วยเล็ง (B)’]
[กำลังพยายามทำการแทรกแซงการทำงานของสิ่งประดิษฐ์ ‘เสริมความเร็ว (B)’]
แค่หนึ่งวินาที
เป็นเวลาที่ความสามารถของสิ่งประดิษฐ์พวกนี้จะถูกยกเลิกผ่านการแทรกแซง
แต่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“บล็อก!”
ซอดัมได้ตะโกนออกมาแล้วเซเลสเต้ก็ได้ยกดาบของเธอขึ้นโดยสัญชาตญาณ
บางทีเธออาจจะประหลาดใจเช่นกันเพราะว่าตัวเซเลสเต้เองก็ได้เบิกตากว้างและก้าวถอยหลังไป
ผู้คนโดยรอบอุทานออกมาในขณะที่อาเรนนั้นรู้สึกหงุดหงิด
‘อะไรวะ? เกิดอะไรขึ้นกับสกิลช่วยเล็งของฉัน?’
อาเรน
ความสามารถที่แท้จริงของเขาคือแรงค์ B และเขาทักษะดาบของเขาก็ยังดีพอ
ดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีสกิลช่วยเล็งหรือเสริมความเร็ว เขาก็ยังสามารถที่จะจัดการกับเซเลสเต้ได้
ที่การโจมตีนี้ถูกบล็อกนั้นเป็นเพราะว่าเขาไว้ใจการใช้งานสิ่งประดิษฐ์พวกนี้มากเกินไป
‘…นี้มันแปลก อยู่ดีๆดาบของเขาก็ช้าลงเอง’
เซเลสเต้ก็สังเกตความเปลี่ยนแปลงอันแสนแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับอาเรนได้เช่นกัน
แต่ไม่มีเวลาให้เธอได้คิดอะไรมากนัก อาเรนได้พุ่งเข้าไปหาเธออีกครั้งดังนั้นเธอได้แต่ยกดาบของตนขึ้นอย่างไม่มีทางเลือก
มันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่แรงค์ D สามารถประสบความสำเร็จในการบล็อกแรงค์ S ได้
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คงเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ
อาเรนและคนอื่นๆที่กำลังมองดูก็คิดเช่นนั้น
แต่ความบังเอิญนี้ยังคงเกิดขึ้นต่อไป
“หลบ!”
ราวกับปาฏิหาริย์ เธอหลบดาบของอาเรนได้
“บล็อก!”
เธอบล็อกดาบของเขาได้อีกครั้ง
เป็นเทคนิคที่มองไม่เห็นซึ่งดูเหมือนว่าเซเลสเต้เธอจะจับเค้าลางของมันได้อย่างช้าๆแล้ว
“อ-อะไรกันนะ?”
“นี้เธอเป็นแรงค์ D จริงๆอย่างนั้นนะเหรอ?”
“เฮ้พวก นี้นายไม่เห็นมันงั้นหรือ? มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่ปรมาจารย์ที่นั่งอยู่ตรงตระกูลคอสแตนตีนินั้นสั่งออกมานะ แล้วเธอก็ตอบสนองกับมันได้เป็นผลสำเร็จเสียด้วย”
มันชัดเจนที่การประลองนี้ควรที่จะเป็นชัยชนะที่ถล่มทลายสำหรับฝั่งของอาเรน
ถ้าเพียงแค่เขาอาศัยความสามารถแรงค์ B ของตนเซเลสเต้ก็จะแพ้ในทันที
เพราะว่าเพลงดาบของเธอในตอนนี้ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่จะเอาชนะยอดมนุษย์ที่เหนือกว่าเธอสองแรงค์ได้
แต่อย่างไรก็ตามนี้เป็นจุดอ่อนของอาเรน
‘มีบางอย่าง…มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!’
ความสามารถแรงค์ B และ S ของเขามันกำลังเล่นตลกตัวเขาเอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงได้กำลังสลับกับไปมาเช่นนี้
ดาบของเขาที่เดวก็เร็วเดวก็ช้าในขณะน่าความแข็งแกร่งด้านร่างกายของเขาที่บางทีก็อ่อนแอลงบางทีก็แข็งแกร่งขึ้น
แม้แต่การใช้เพลงดาบที่เป็นเอกลักษณ์ของอาเรนจากการใช้ความสามารถลดแรงค์เสียดทานเพื่อเคลื่อนไหวไปรอบๆก็ยังไม่ทำงานอย่างเหมาะสม
‘ห่าอะไรวะเนี่ย!’
เขายังพยายามใช้งานสิ่งประดิษฐ์ของตนอยู่แต่มันจะยังคงล้มเหลวและใช้งานได้เป็นบางครั้ง
“หัว!”
ยูซอดัมตะโกนออกมา
ชิ้ง!
ดาบของเซเลสเต้ปาดไปที่แก้มของอาเรน
‘อึก…!’
มันเป็นการปาดเบาๆ
เธอที่เป็นแค่แรงค์ D จ้องไปที่แก้มของอาเรนคนที่เป็นแรงค์ S อย่างเต็มไปด้วยความั่นใจ
“ดูนั้นๆ มันไม่อยากจะเชื่อเลย”
“นี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย”
เมื่อสูดหายใจเข้าไปลึกๆ เซเลสเต้ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆ
เธอพลาดที่จะโจมตีไปเพียงเล็กน้อย
‘ถ้าฉันโฟกัสไปที่มันมากกว่านี้หละก็ ฉันอาจจะทำสำเร็จก็ได้’
อาเรนเบิกตากว้างในขณะที่เขากำลังลูบไปที่แก้มของตน
‘เมื่อกี้นี้อะไรนะ…’
เขาเองก็ประหลาดใจจนไม่สามารถที่จะควบคุมการแสดงออกของตนเองได้เช่นกัน
ยูซอดัมก็ประหลาดใจ
หรือว่านี้จะเป็นเพราะว่าเพลงดาบของเซเลสเต้นั้นสุดยอดมากๆเลยใช่ไหมเนี่ย?
ไม่สิ นั้นเป็นเพราะว่าเบื้องหลังความสามารถที่แสน ‘เก่งกาจ’ ของอาเรนนั้นมีเยอะมากต่างหาก
‘นี้…นับว่าเซเลสเต้ค่อนข้างที่จะได้เปรียบอยู่ใช่ไหมเนี่ย?’
มันเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาทีแต่หลังจากที่สิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นถูกปิดการใช้งาน ซอดัมคาดว่ามันทำให้ความสามารถของอาเรนอยู่ระหว่างแรงค์ B ถึง A แทน
แต่ว่านั้นไม่ได้สำคัญอะไร
เพระว่าอาเรนคิดว่าความสามารถของเขานั้นยังสูงกว่าความเป็นจริงในตอนที่สิ่งประดิษฐ์พวกนั้นถูกปิดการใช้งาน
อัดอากาศ,ลดแรงเสียดทาน และความสามารถอื่นๆพวกนั้นถือได้ว่าเป็นเวทมนตร์ที่หาได้ยากมากอย่างแท้จริง
อัดอากาศทำให้ใครก็ตามสามารถยิงมวลอากาศออกไปได้เล็กน้อยมันนับว่าเป็นเวทมนตร์โจมตีที่มีระยะสั้นพอสมควรและลดแรงเสียดทานสามารถที่จะใช้ขัดจังหวะการเคลื่อนไหวของเป้าหมายได้
แต่อาเรนนั้นกำลังใช้งานเวทมนตร์พวกนั้นกับตัวเขาเอง
ยิงมวลอากาศไปทางด้านตรงข้ามกับที่เขาจะเคลื่อนไหวเพื่อสร้างโมเมนตัมและลดแรงเสียดทางใต้เท้าของตนเอง
มันเป็นความชาญฉลาดของอาเรนในใช้สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ในแบบที่เขาใช้งาน
ซอดัมยอมรับว่าเขาก็รู้สึกว่าคอมโบเวทมนตร์นี้เจ๊งเช่นกัน
เวทมนตร์ไม่ใช่แค่การเขวี้ยงปาลูกบอลไฟออกไปหรือว่าเสกสายฟ้าลงมา
แม้แต่เวทมนตร์ระดับต่ำก็ยังมีความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุดขึ้นอยู่กับการนำพวกมันไปใช้งาน
การที่มาทำให้ดาบของตนไฟลุกและเหวี่ยงพวกมันไปรอบๆหรือยิงเวทมนตร์มิสไซล์ด้วยมือซ้ายและถือดาบในมือขวานะเหรอ
นั้นนับว่าเป็นนักเวทย์ได้อย่างนั้นเหรอ?
ไม่มีทาง
ในมุมมองของซอดัม สิ่งที่เขาเห็นอยู่นี้นับเป็นแกนแท้ของสิ่งที่นักเวทย์ควรจะเป็น
เป็นการใช้ทุกอย่างภายใต้ขอบเขตที่จำกัดเพื่อผลักดันเวทมนตร์ไปสู่ขีดจำกัดของมัน
ถึงแม้ว่าเวทมนตร์ช่วยเล็งและเสริมแกร่งจะมีผลทำให้ร่างกายถูกทำลายแต่มันก็ยังสามารถนำไปใช้ได้ในอีกหลายทาง
ดังนั้นแม้ว่ามันจะมีบางทักษะที่ไม่ได้ถูกใช้งานเนื่องจากมันเป็นเพียงแค่การประลอง กระสุนไฟก็ยังสามารถใช้ในการปกปิดจุดอ่อนของการต่อสู้ระยะประชิดได้และระเบิดไฟก็สามารถใช้ในการโจมตีระยะไกล
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่รู้ถึงวิธีการร่ายเวทมนตร์ใดๆเลย อาเรนก็ราวกับว่าเป็น ‘นักดาบเวทย์’ เลยทีเดียว
ความจริงนี้ทำให้ซอดัมตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เพราะว่าเขาคิดว่าตนได้เรียนรู้บางสิ่งที่ดีต่อตนเองเป็นอย่างมาก
‘…นอกไปจากนี้ ฉันต้องปิดการใช้งานสิ่งประดิษฐ์ที่กำลังเสริมร่างกายเขาอยู่ทั้งหมด’
ด้วยการมองในระยะใกล้ ฉันมั่นใจได้เลยว่า
สภาวะร่างกายของอาเรนนั้นกำลังอยู่ในขั้นที่เลวร้าย
พูดตรงๆเลยก็คือมันเป็นเรื่องยากที่จะย้อนกลับความเสียหายที่เกิดกับร่างกายของเขาได้
ถ้าเขาพยายามที่จะใช้งานสิ่งประดิษฐ์เพวกนี้ไปมากกว่านี้แล้วหละก็แทนที่จะแค่พิการ เขาอาจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างน่าสังเวชด้วยการกลายเป็นผักที่นอนอยู่บนเตียงก็ได้
‘สิ่งประดิษฐ์พวกนี้เป็นของใครกัน?’
สิ่งประดิษฐ์พวกนี้ทั้งหมดที่อาเรนใช้งานเป็นเวทมนตร์ประเภทเดียวกัน
นั้นบอกได้ว่ามันถูกสร้างมาด้วยคนๆเดียวกัน
มันไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญถึงขนาดที่ว่าสิ่งประดิษฐ์เจ็ดอันจะถูกพบด้วยตัวของอาเรนเพียงคนเดียวและมันพวกมันทั้งหมดนี้ยังมีความสามารถที่เหมาะสมกับเขาพอดีอีกด้วย
ดังนั้นมันสามารถนำไปสู่ข้อสรุปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
‘มันจะต้องมีนักเวทย์คนอื่นนอกจากฉันในโลกใบนี้อีกแน่…’
ในขณะที่ภายในหัวของซอดัมกำลังวุ่นวายด้วยความคิดพวกนี้ อาเรนที่กำลังหัวร้อนได้กัดฝันของตนเอง
‘บ้าเอ้ย! ทำไมเครื่องรางพวกนี้ถึงได้เกิดปัญหาขึ้นพร้อมกันทั้งหมดเนี่ย?’
เมื่อเขาได้ละทิ้งการใช้เครื่องรางทั้งหมดซึ่งมันทำให้เขาแสดงความสามารถออกมาได้ดีมากขึ้น
เครื่องราง?
เขาไม่จำเป็นที่จะต้องไปอาศัยของพวกนั้นหรอก
ด้วยความสามารถของเขาเพียงอย่างเดียว เขาก็จัดการกับเซเลสเต้ได้อย่างแต่นอน
“ฉันยอมแพ้ค่ะ”
“…หะ?”
ด้วยร่างกายที่แข็งค้าง
ดาบที่กำลังเล็งไปที่หัวของเซเลสเต้ได้หยุดลง
เธอพูดในขณะที่เหงื่อไหลท่วมตัวพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
“รุ่นพี่ค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้นะคะ”