ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ – ตอนที่ 43

ตอนที่ 43

เซเลสเต้ถูกอาเรนถ้าประลองด้วยความตั้งใจที่ต้องการจะสร้างปัญหาให้กับเธอ

มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจะให้บทเรียนกับผู้ที่อ่อนแอกว่าในงานอภิปรายวิชาดาบนี้

แม้ว่ามันจะเป็นอาจารย์สอนวิชาดาบจากอีกตระกูลหนึ่งก็ตาม

และการปฏิเสธทำท้านี้ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาอะไร

แน่นอนว่าเธอที่เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลคอสแตนตีนิและเขาก็เป็นอาจารย์สอนวิชาดาบให้กับลูกสาวคนโตของตระกูลโอกาโมโตะดังนี้มันไม่เรื่องปกติอยู่แล้วที่เขาจะมาให้บทเรียนเธอแต่อย่างไรก็ตามในบางด้านมันจะเป็นเรื่องหยาบคายที่จะปฏิเสธออกไปตรงๆ

ไม่สิ มันไม่ใช่การไม่ให้ความเคารพและเซเลสเต้ก็ไม่ต้องการที่จะยอมรับการต่อสู้นี้จริงๆ

‘ถ้าเป็นพ่อจะทำยังไงนะ’

เธอคิดเรื่องนี้เพียงชั่วครู่

ถ้าพ่อของเธอเป็นแรงค์ D ที่กำลังเผชิญหน้ากับฮันเตอร์แรงค์ S ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าพยายามที่จะระบายความโกรธของตนโดยการสอนบทเรียนให้กับเขา

‘…เขาคงจะยอมรับมัน’

ถ้ามีสิ่งไหนก็ตามที่คุณสามารถที่จะเรียนรู้จากมันได้ เรียนมันและฝึกฝนให้มากขึ้น

นี้เป็นหลักการของซัลวาเทอร์เร่ คอสแตนตีนิและมันทำให้เขาถูกผลักไซออกไปโดยนักดาบคนอื่นๆ

แน่นอนว่าในความเป็นจริงคนพวกนั้นได้แต่เงียบปากของตนลงตั้งแต่ที่ซัลวาเทอร์เร่ขึ้นมาเป็นแรงค์ SS

ไม่ว่าจะในกรณีใดๆก็ตาม มันพิสูจน์ได้ว่าวิธีการของเขานั้นดีกว่าทุกๆคนเสียอีก

แต่ถึงอย่างนั้นที่มันเป็นไปได้เพราะว่านั้นมันเป็นพ่อของเธอ

เธอค่อนข้างเป็นคนที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจแต่เธอไม่ต้องการที่จะยอมรับการต่อสู้ที่เห็นได้ชัดว่าจงใจเช่นนี้ดังนั้นเธอเลยกำลังที่จะพูดปฏิเสธออกไป

“เซเลสเต้”

“ค่ะ?”

ยูซอดัมได้ลงมาจากโซนของตระกูลคอสแตนตีนิและเข้าไปหาเธอ

“ประลองกับเขาเลย มันจะเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดี”

หลังจากที่ลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง เซเลสเต้ก็พยักหน้า

เพราะว่าตั้งแต่ที่เธอได้เริ่มเรียนรู้วิชาดาบจากยูซอดัม เธอได้เอาใจใส่กับคำพูดของเขาทุกคำ

ซอดัมที่กำลังยิ้มไปทางอาเรนได้พูดขึ้น

“เยี่ยม ในเมื่อเธอเป็นลูกศิษย์ของฉันการที่ฉันจะให้คำแนะนำบางอย่างกับเธอระหว่างการประลองก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรสินะ?”

“…ทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ”

อาเรนแสดงสีหน้าที่เคร่งเครียดทันทีที่เขาได้เห็นซอดัมแต่มันไม่ได้เรื่องที่เซเลสเต้สนใจ

ซอดัมกวักมือเรียกให้เซเลสเต้มาหาแล้วได้กระซิบบางอย่างที่ข้างหูของเธอ

เธอเอียงหัวของเธอในทันทีหลังจากที่ได้ยินคำแนะนำของเขา

“นี้มันจะเป็นไปได้จริงๆเหรอคะ…?”

“อืม แค่เชื่อฉันและทำตามนั้นก็พอ”

คำแนะนำของซอดัมนั้นง่ายมากจนมันค่อนข้างที่จะน่าสงสัย

แค่ตีเมื่อเธอได้ยินคำว่า ‘ตี!’ หลบเมื่อเธอได้ยินคำว่า ‘หลบ!’ และบล็อกเมื่อเธอได้ยินคำว่า ‘บล็อก!’

อีกฝ่ายเป็นแรงค์ S

มันไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้นใช่ไหม?

แต่ถึงจะคิดแบบนั้นเธอก็ยังพยักหน้า

“ฉันจะลองดูค่ะ”

“และก็ให้ยอมแพ้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมนะ”

“ฉันกำลังคิดแบบนั้นเลยค่ะ”

เซเลสเต้ดึงดาบของเธอออกมาและยืนเผชิญหน้ากับอาเรน

ทั้งคู่เป็นยอดมนุษย์ที่สวมใส่ชุดที่เคลือบอีเทอร์เอาไว้ดังนั้นมันจะไม่มีการบาดเจ็บสาหัสเกิดขึ้นและมันยังรวมไปถึงว่าพวกเขายังใช้ดาบไม้ในการประลองครั้งนี้ด้วย

“โอ้ว อะไรกันเนี่ย? อาเรนต้องการที่จะสอนบทเรียนให้กับลูกสาวคนโตของตระกูลคอสแตนตีนิงั้นเหรอ?”

“หืม นี่เขากำลังพยายามที่จะสอนเธอจริงๆงั้นเหรอ?”

“สุดยอด”

มันกลายมาเป็นหัวข้อร้อนแรงและดึงความสนใจของทุกคนไปเพราะว่ามันเป็นเซเลสเต้และอาเรนคนที่มีแรงค์ S

ดังนั้นแม้ว่าอาเรนจะเสียใจมันก็สายไปแล้ว

‘บ้าเอ้ย…’

‘ทำไมฉันถึงได้ไปขอท้าประลองกับลูกสาวคนโตของตระกูลคอสแตนตีนิกันด้วยเนี่ย?’

เขาสูญเสียเหตุผลไปเนื่องจากความโกรธหลังจากที่ได้พูดคุยกับเทเลอร์แล้วซานางิที่เขาได้สอนก็ยังมาแพ้อีก

บางสิ่งที่ถูกทำไปเพราะความโกรธ

อาเรนได้ตัดสินใจว่าหลังจากที่แลกกระบวนท่ากันไม่กี่ครั้งเขาจะยุติการประลองนี้ลง

แต่ว่าสิ่งที่เขาได้ทำไปเพราะว่าโกรธได้กลายมาเป็นโอกาสสำหรับซอดัมแล้ว

‘ฉันจะต้องใช้โอกาสนี้ในการประสานตัวเองเข้ากับปรมาจารย์ดาบสามัญชนคนอื่นให้ได้’

เขาคิดไปถึงภาพรวมที่ใหญ่กว่า และการประลองก็ได้เริ่มขึ้น

สกิลห้องสมุดของแม่มดขาวได้เปิดใช้งานในทันที

[กำลังระบุประเภทของเวทมนตร์]

[เสริมแกร่ง (B) / ช่วยเล็ง (B) / เสริมความเร็ว (C)]

[ลดแรงเสียดทาน (C) / อัดอากาศ (D)]

[ระเบิดไฟ (B) / กระสุนไฟ (C)]

มีเวทมนตร์ทั้งหมดเจ็ดอย่าง

ถึงแม้ว่าห้องสมุดของแม่มดขาวจะได้รับการพิจารณาว่ามีความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์จำนวนมากก็ตามมันจะยังต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการแคร็กใด้สมบูรณ์เพราะว่าสกิลนี้ยังมีแรงค์ที่ต่ำอยู่

[ความคืบหน้าของการแคร็ก…17%]

[‘การแทรกแซง’ มีความเป็นไปได้ในตอนนี้]

เต็ง!!

เซเลสเต้ที่กำลังตื่นเต้นยกดาบของเธอขึ้นในขณะที่อาเรนได้พุ่งเข้ามาหาเธอด้วยการสะกิตเท้าไปที่พื้นและฟาดดาบของตนลงมา

ถึงแม้ว่าเธอจะได้รับการฝึกฝนมาด้วยคนที่มีแรงค์ S ในอดีต เธอก็ยังไม่อยู่ในระดับที่จะสามารถต่อกรกับใครสักคนที่มีพลังเช่นนี้ได้

เต็ง!

“อึก!”

เซเลสเต้ถูกตีไปที่หัวเล็กน้อยแต่ก็ฟื้นตัวมาได้อย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่ที่เธอได้สวมชุดอีเทอร์มันก็ไม่มีปัญหาอะไรแม้ว่าเธอจะถูกดาบจริงๆฟันใส่ก็ตาม

แต่เธอยังคงหยุดชะงัดด้วยความตกตะลึงจากแรงกระแทกอยู่ดี

เต็ง ชิ้ง! ตึง!

ในขณะที่ดาบของอาเรนกำลังเหวี่ยงไปที่หัวของเธอในระหว่างนั้นเขาได้เล็งไปที่ลำตัวด้านข้างของเธอแทนและเมื่อเธอสัมผัสถึงมันได้เธอได้ถูกสีเข้าที่หน้าอกไปเรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถบล็อกมันได้จนถึงตอนนี้แต่เธอรู้สึกหายใจไม่ทันแล้วในขณะที่เธอได้ยกดาบขึ้นอีกครั้ง

‘ไม่ว่าใครก็มองเห็นได้ชัดเจนในเรื่องนี้แม้แต่ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะสามารถหยุดมันได้แต่ว่า…!’

เป็นสัญชาตญาณ

สัญชาตญาณที่เป็นของนักดาบอัจฉริยะ

เป็นสัญชาตญาณประเภทที่สามารถอ่านรูปแบบของดาบที่แข็งแกร่งกว่าตนได้ทีละเล็กทีละน้อยเพียงแค่การมองดูมันไม่กี่ครั้งและแม้กระทั้งตอบโต้กลับไปได้

ถ้านี้เป็นการต่อสู้ที่แท้จริง เซเลสเต้คงจะถูกจัดการด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแต่ในเมื่อมันเป็นแค่การประลองทำให้เธอสามารถที่จะเรียนรู้ดาบของคู่ต่อสู้ได้

แต่น่าแปลกเมื่อไหรก็ตามที่เธอพยายามที่จะบล็อก ดาบของอาเรนจะลื่นไหลผ่านไปตลอดเลย

ราวกับเป็นภาพลวงตา วิถีของดาบมันสามารถที่จะโค้งงอได้

ไม่ใช่แค่ความเร็วอย่างเดียว

มันมี ‘เทคนิค’ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้และเซเลสเต้ในปัจจุบันไม่สามารถที่จะเข้าใจมันได้

“โอ้ว ว้าววว…”

“มันช่างเป็นเพลงดาบของคุณอาเรนอย่างแท้จริง”

“ผมเคยได้ยินมาว่าแม้แต่ฮันเตอร์แรงค์ S คนอื่นๆก็ไม่สามารถที่จะลอกเลียนแบบมันได้เลยนะครับ”

ในขณะที่ผู้คนต่างกำลังพากันชื่นชม ซอดัมสามารถที่จะระบุเทคนิคที่แท้จริงของเพลงดาบที่แปลกประหลาดนี้ได้แล้ว

‘มันเป็นความสามารถช่วยเล็งงั้นเหรอ?’

เป็นเทคนิคที่บังคับเบี่ยงเบนการโจมตีของตนเข้าสู่เป้าหมายและเหมือนกับเป็นภาพลวงตา มันดูราวกับว่าดาบของเขาถูกเบี่ยงออกไปจากวิถีเดิม

เพียงแค่มองไปมันอาจดูเหมือนว่าเป็นเทคนิคที่ดีแต่อย่างไรก็ตามมันก็แค่เวทมนตร์ประเภทหนึ่งการใช้มันบ่อยครั้งจะทำให้ร่างกายเกิดความเครียดผลลัพธ์ที่ตามมาคือการที่มานาหมดลงอย่างรวดเร็ว

แต่ว่าในเมื่ออาเรนเป็นแรงค์ S ทำให้มันไม่ได้ยากสำหรับเขาที่จะใช้งานเวทมนตร์พวกนั้น

แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหละถ้าหากว่าอยู่ดีๆเขาก็สูญเสียความสามารถพวกนั้นไป

[กำลังพยายามทำการแทรกแซงการทำงานของสิ่งประดิษฐ์ ‘ช่วยเล็ง (B)’]

[กำลังพยายามทำการแทรกแซงการทำงานของสิ่งประดิษฐ์ ‘เสริมความเร็ว (B)’]

แค่หนึ่งวินาที

เป็นเวลาที่ความสามารถของสิ่งประดิษฐ์พวกนี้จะถูกยกเลิกผ่านการแทรกแซง

แต่นั้นก็เพียงพอแล้ว

“บล็อก!”

ซอดัมได้ตะโกนออกมาแล้วเซเลสเต้ก็ได้ยกดาบของเธอขึ้นโดยสัญชาตญาณ

บางทีเธออาจจะประหลาดใจเช่นกันเพราะว่าตัวเซเลสเต้เองก็ได้เบิกตากว้างและก้าวถอยหลังไป

ผู้คนโดยรอบอุทานออกมาในขณะที่อาเรนนั้นรู้สึกหงุดหงิด

‘อะไรวะ? เกิดอะไรขึ้นกับสกิลช่วยเล็งของฉัน?’

อาเรน

ความสามารถที่แท้จริงของเขาคือแรงค์ B และเขาทักษะดาบของเขาก็ยังดีพอ

ดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีสกิลช่วยเล็งหรือเสริมความเร็ว เขาก็ยังสามารถที่จะจัดการกับเซเลสเต้ได้

ที่การโจมตีนี้ถูกบล็อกนั้นเป็นเพราะว่าเขาไว้ใจการใช้งานสิ่งประดิษฐ์พวกนี้มากเกินไป

‘…นี้มันแปลก อยู่ดีๆดาบของเขาก็ช้าลงเอง’

เซเลสเต้ก็สังเกตความเปลี่ยนแปลงอันแสนแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับอาเรนได้เช่นกัน

แต่ไม่มีเวลาให้เธอได้คิดอะไรมากนัก อาเรนได้พุ่งเข้าไปหาเธออีกครั้งดังนั้นเธอได้แต่ยกดาบของตนขึ้นอย่างไม่มีทางเลือก

มันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่แรงค์ D สามารถประสบความสำเร็จในการบล็อกแรงค์ S ได้

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คงเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ

อาเรนและคนอื่นๆที่กำลังมองดูก็คิดเช่นนั้น

แต่ความบังเอิญนี้ยังคงเกิดขึ้นต่อไป

“หลบ!”

ราวกับปาฏิหาริย์ เธอหลบดาบของอาเรนได้

“บล็อก!”

เธอบล็อกดาบของเขาได้อีกครั้ง

เป็นเทคนิคที่มองไม่เห็นซึ่งดูเหมือนว่าเซเลสเต้เธอจะจับเค้าลางของมันได้อย่างช้าๆแล้ว

“อ-อะไรกันนะ?”

“นี้เธอเป็นแรงค์ D จริงๆอย่างนั้นนะเหรอ?”

“เฮ้พวก นี้นายไม่เห็นมันงั้นหรือ? มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่ปรมาจารย์ที่นั่งอยู่ตรงตระกูลคอสแตนตีนินั้นสั่งออกมานะ แล้วเธอก็ตอบสนองกับมันได้เป็นผลสำเร็จเสียด้วย”

มันชัดเจนที่การประลองนี้ควรที่จะเป็นชัยชนะที่ถล่มทลายสำหรับฝั่งของอาเรน

ถ้าเพียงแค่เขาอาศัยความสามารถแรงค์ B ของตนเซเลสเต้ก็จะแพ้ในทันที

เพราะว่าเพลงดาบของเธอในตอนนี้ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่จะเอาชนะยอดมนุษย์ที่เหนือกว่าเธอสองแรงค์ได้

แต่อย่างไรก็ตามนี้เป็นจุดอ่อนของอาเรน

‘มีบางอย่าง…มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!’

ความสามารถแรงค์ B และ S ของเขามันกำลังเล่นตลกตัวเขาเอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงได้กำลังสลับกับไปมาเช่นนี้

ดาบของเขาที่เดวก็เร็วเดวก็ช้าในขณะน่าความแข็งแกร่งด้านร่างกายของเขาที่บางทีก็อ่อนแอลงบางทีก็แข็งแกร่งขึ้น

แม้แต่การใช้เพลงดาบที่เป็นเอกลักษณ์ของอาเรนจากการใช้ความสามารถลดแรงค์เสียดทานเพื่อเคลื่อนไหวไปรอบๆก็ยังไม่ทำงานอย่างเหมาะสม

‘ห่าอะไรวะเนี่ย!’

เขายังพยายามใช้งานสิ่งประดิษฐ์ของตนอยู่แต่มันจะยังคงล้มเหลวและใช้งานได้เป็นบางครั้ง

“หัว!”

ยูซอดัมตะโกนออกมา

ชิ้ง!

ดาบของเซเลสเต้ปาดไปที่แก้มของอาเรน

‘อึก…!’

มันเป็นการปาดเบาๆ

เธอที่เป็นแค่แรงค์ D จ้องไปที่แก้มของอาเรนคนที่เป็นแรงค์ S อย่างเต็มไปด้วยความั่นใจ

“ดูนั้นๆ มันไม่อยากจะเชื่อเลย”

“นี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย”

เมื่อสูดหายใจเข้าไปลึกๆ เซเลสเต้ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆ

เธอพลาดที่จะโจมตีไปเพียงเล็กน้อย

‘ถ้าฉันโฟกัสไปที่มันมากกว่านี้หละก็ ฉันอาจจะทำสำเร็จก็ได้’

อาเรนเบิกตากว้างในขณะที่เขากำลังลูบไปที่แก้มของตน

‘เมื่อกี้นี้อะไรนะ…’

เขาเองก็ประหลาดใจจนไม่สามารถที่จะควบคุมการแสดงออกของตนเองได้เช่นกัน

ยูซอดัมก็ประหลาดใจ

หรือว่านี้จะเป็นเพราะว่าเพลงดาบของเซเลสเต้นั้นสุดยอดมากๆเลยใช่ไหมเนี่ย?

ไม่สิ นั้นเป็นเพราะว่าเบื้องหลังความสามารถที่แสน ‘เก่งกาจ’ ของอาเรนนั้นมีเยอะมากต่างหาก

‘นี้…นับว่าเซเลสเต้ค่อนข้างที่จะได้เปรียบอยู่ใช่ไหมเนี่ย?’

มันเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาทีแต่หลังจากที่สิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นถูกปิดการใช้งาน ซอดัมคาดว่ามันทำให้ความสามารถของอาเรนอยู่ระหว่างแรงค์ B ถึง A แทน

แต่ว่านั้นไม่ได้สำคัญอะไร

เพระว่าอาเรนคิดว่าความสามารถของเขานั้นยังสูงกว่าความเป็นจริงในตอนที่สิ่งประดิษฐ์พวกนั้นถูกปิดการใช้งาน

อัดอากาศ,ลดแรงเสียดทาน และความสามารถอื่นๆพวกนั้นถือได้ว่าเป็นเวทมนตร์ที่หาได้ยากมากอย่างแท้จริง

อัดอากาศทำให้ใครก็ตามสามารถยิงมวลอากาศออกไปได้เล็กน้อยมันนับว่าเป็นเวทมนตร์โจมตีที่มีระยะสั้นพอสมควรและลดแรงเสียดทานสามารถที่จะใช้ขัดจังหวะการเคลื่อนไหวของเป้าหมายได้

แต่อาเรนนั้นกำลังใช้งานเวทมนตร์พวกนั้นกับตัวเขาเอง

ยิงมวลอากาศไปทางด้านตรงข้ามกับที่เขาจะเคลื่อนไหวเพื่อสร้างโมเมนตัมและลดแรงเสียดทางใต้เท้าของตนเอง

มันเป็นความชาญฉลาดของอาเรนในใช้สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ในแบบที่เขาใช้งาน

ซอดัมยอมรับว่าเขาก็รู้สึกว่าคอมโบเวทมนตร์นี้เจ๊งเช่นกัน

เวทมนตร์ไม่ใช่แค่การเขวี้ยงปาลูกบอลไฟออกไปหรือว่าเสกสายฟ้าลงมา

แม้แต่เวทมนตร์ระดับต่ำก็ยังมีความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุดขึ้นอยู่กับการนำพวกมันไปใช้งาน

การที่มาทำให้ดาบของตนไฟลุกและเหวี่ยงพวกมันไปรอบๆหรือยิงเวทมนตร์มิสไซล์ด้วยมือซ้ายและถือดาบในมือขวานะเหรอ

นั้นนับว่าเป็นนักเวทย์ได้อย่างนั้นเหรอ?

ไม่มีทาง

ในมุมมองของซอดัม สิ่งที่เขาเห็นอยู่นี้นับเป็นแกนแท้ของสิ่งที่นักเวทย์ควรจะเป็น

เป็นการใช้ทุกอย่างภายใต้ขอบเขตที่จำกัดเพื่อผลักดันเวทมนตร์ไปสู่ขีดจำกัดของมัน

ถึงแม้ว่าเวทมนตร์ช่วยเล็งและเสริมแกร่งจะมีผลทำให้ร่างกายถูกทำลายแต่มันก็ยังสามารถนำไปใช้ได้ในอีกหลายทาง

ดังนั้นแม้ว่ามันจะมีบางทักษะที่ไม่ได้ถูกใช้งานเนื่องจากมันเป็นเพียงแค่การประลอง กระสุนไฟก็ยังสามารถใช้ในการปกปิดจุดอ่อนของการต่อสู้ระยะประชิดได้และระเบิดไฟก็สามารถใช้ในการโจมตีระยะไกล

ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่รู้ถึงวิธีการร่ายเวทมนตร์ใดๆเลย อาเรนก็ราวกับว่าเป็น ‘นักดาบเวทย์’ เลยทีเดียว

ความจริงนี้ทำให้ซอดัมตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

เพราะว่าเขาคิดว่าตนได้เรียนรู้บางสิ่งที่ดีต่อตนเองเป็นอย่างมาก

‘…นอกไปจากนี้ ฉันต้องปิดการใช้งานสิ่งประดิษฐ์ที่กำลังเสริมร่างกายเขาอยู่ทั้งหมด’

ด้วยการมองในระยะใกล้ ฉันมั่นใจได้เลยว่า

สภาวะร่างกายของอาเรนนั้นกำลังอยู่ในขั้นที่เลวร้าย

พูดตรงๆเลยก็คือมันเป็นเรื่องยากที่จะย้อนกลับความเสียหายที่เกิดกับร่างกายของเขาได้

ถ้าเขาพยายามที่จะใช้งานสิ่งประดิษฐ์เพวกนี้ไปมากกว่านี้แล้วหละก็แทนที่จะแค่พิการ เขาอาจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างน่าสังเวชด้วยการกลายเป็นผักที่นอนอยู่บนเตียงก็ได้

‘สิ่งประดิษฐ์พวกนี้เป็นของใครกัน?’

สิ่งประดิษฐ์พวกนี้ทั้งหมดที่อาเรนใช้งานเป็นเวทมนตร์ประเภทเดียวกัน

นั้นบอกได้ว่ามันถูกสร้างมาด้วยคนๆเดียวกัน

มันไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญถึงขนาดที่ว่าสิ่งประดิษฐ์เจ็ดอันจะถูกพบด้วยตัวของอาเรนเพียงคนเดียวและมันพวกมันทั้งหมดนี้ยังมีความสามารถที่เหมาะสมกับเขาพอดีอีกด้วย

ดังนั้นมันสามารถนำไปสู่ข้อสรุปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

‘มันจะต้องมีนักเวทย์คนอื่นนอกจากฉันในโลกใบนี้อีกแน่…’

ในขณะที่ภายในหัวของซอดัมกำลังวุ่นวายด้วยความคิดพวกนี้ อาเรนที่กำลังหัวร้อนได้กัดฝันของตนเอง

‘บ้าเอ้ย! ทำไมเครื่องรางพวกนี้ถึงได้เกิดปัญหาขึ้นพร้อมกันทั้งหมดเนี่ย?’

เมื่อเขาได้ละทิ้งการใช้เครื่องรางทั้งหมดซึ่งมันทำให้เขาแสดงความสามารถออกมาได้ดีมากขึ้น

เครื่องราง?

เขาไม่จำเป็นที่จะต้องไปอาศัยของพวกนั้นหรอก

ด้วยความสามารถของเขาเพียงอย่างเดียว เขาก็จัดการกับเซเลสเต้ได้อย่างแต่นอน

“ฉันยอมแพ้ค่ะ”

“…หะ?”

ด้วยร่างกายที่แข็งค้าง

ดาบที่กำลังเล็งไปที่หัวของเซเลสเต้ได้หยุดลง

เธอพูดในขณะที่เหงื่อไหลท่วมตัวพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

“รุ่นพี่ค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้นะคะ”

ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ

ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ

ไม่ว่าจะเป็นคนที่กลับชาติมาเกิด,คนที่ย้อนเวลากลับมา,คนที่วนลูปได้,พวกที่ไปยึดร่างคนอื่นมา,นักเดินทางต่างมิติ,คนรู้อนาคตมากจากทางไหนสักทาง

ฉันจะล่าเจ้าพวกตัวเอกเหล่านี้เอง ไอ้พวกคนที่มีตัวตนอยู่ในโลกใบต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนแล้วฉันก็จะดูดกลืนพรสวรรค์ของพวกเขาซะ

เหล่าพวกตัวเอกทั้งหลายที่ไม่ว่าจะเป็น

ความหวังของทวีป

ฮีโร่ที่จะช่วยโลกไว้ได้อนาคต

ฮีโร่ที่ในตอนนี้มีหลุมอยู่ตรงกลางอก!

ปาร์คแทรยอง คนที่จะปลดปล่อยเหล่าคนแคระให้เป็นอิสระและได้รับความเชื่อถือจากคนพวกนั้น

ชำระล้างสิ่งปนเปื้อนที่เป็นพิษในป่าแห่งจิตวิญญาณและได้กลายมีเป็นผู้มีพระคุณของเหล่าแฟรี่

ทวงคืนรูปปั้นหินโบราณที่เคยถูกปิดผนึกอยู่ในซากปรักหักพังในยุคอดีตกาล

กำจัดงูทะเลยักษ์ที่โผล่ออกมาจากทะเล

ปราบจักพรรดิปีศาจของโลกใต้พิภพตนที่ 47 ลงได้

“นอกเหนือไปจากการข่มขืนและฆาตกรรมแล้วยังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการฆ่าอันป่าเถือน,การลอบวางเพลิง และ……”

“ช-ช่วยฉันด้วย..”

แกร๊ก!

นี้ก็เป็นตัวเอกเช่นกัน

แต่ในตอนนี้เขาได้ตายคามือฉันซะแล้วหละ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท