หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 121 ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้เพลินไปกับความสงบสุขได้นานมากนัก เธอถูกนำตัวไปที่ศาลในวันนั้น ในทุกกรณีที่มีการสรุปหลักฐาน เจี่ยนอี๋นั่วก็ให้ความร่วมมือกับการสอบสวน เจี่ยนอี๋นั่วถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต เมื่อได้ยินคำตัดสินสุดท้าย เธอเองก็ไม่ได้มีอารมณ์และอาการใดๆ

ภายในหอตัดสิน เหอหลวนเล่อมีท่าทีที่จะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก เจี่ยนอี๋นั่วเห็นเหอหลวนเล่อ เป็นคนเดียวที่มาฟังคำตัดสินของเธอและสนใจเกี่ยวกับการพิจารณาคดีครั้งสุดท้ายของเธอ เธอค่อยๆยิ้มและกล่าวเบาๆ “อย่าร้องไห้”

แต่ไหนแต่ไรมาเจี่ยนอี๋นั่วไม่เคยคิดว่าเหอหลวนเล่อคือเพื่อนที่ดีที่สุด เธอไม่คิดที่จะปฏิบัติต่อเหอหลวนเล่อในฐานะเพื่อนด้วยซ้ำ แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าคนที่คอยอยู่กับเธอในเวลานี้นั้นจะเป็นเหอหลวนเล่อ

ดูเหมือนว่าเหอหลวนเล่อจะไม่ได้ยินคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว เธอกลับร้องไห้หนักกว่าเก่า เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วถูกพาตัวไปเหอหลวนเล่อยังคงร้องไห้และตะโกนบอกผู้พิพากษา “เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะฆ่าคน เธอไม่ฆ่าใคร”

ในขณะที่เหอหลวนเล่อพูดจบก็ได้วิ่งไล่ตามด้านหลังของเจี่ยนอี๋นั่ว เธอกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “อี๋นั่ว เธอพูดกับพวกเขาสิ บอกว่าเธอไม่ได้ฆ่า เธอจะไปฆ่าคนได้อย่างไร?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและส่ายหน้า เธอไม่ได้ตอบเหอหลวนเล่อและเธอก็เดินออกไปจากศาล จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็คอยรับฟังคำสั่งจากตำรวจ เธอต้องตัดผมสั้นและสวมเครื่องแบบของเรือนจำ เธอไม่ได้ชื่อเจี่ยนอี๋นั่วอีกต่อไปแล้ว จากนี้หมายเลข 953 จะเป็นตัวเลขรหัสแทนที่ชื่อของเธอ

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วยืนอยู่ในห้องขังที่หนาวเหน็บ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังฝันร้าย และเหตุผลเดียวที่เธอเต็มใจที่จะฝันร้ายนั้นเป็นเพราะคนคนหนึ่ง คนที่มีชื่อว่า เหลิ่งเซ่าถิง

เจี่ยนอี๋นั่วรู้ดีว่าการกระทำของเธออาจจะดูโง่เขลาในสายตาของใครหลายๆคน เธอไม่ได้ทำสัญญาใดๆกับเหลิ่งเซ่าถิง เธอแค่ใช้หลักการในการคาดเดาของเธอเองแล้วใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดเป็นเดิมพัน! แต่เจี่ยนอี๋นั่วกลับรู้สึกโชคดีที่เธอสามารถพบเจอผู้ชายที่ทำให้เธอเชื่อในการเดิมพันทุกอย่าง เธอคิดว่านี่คือความโชคดีอีกอย่างหนึ่ง

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงกลับมายังคฤหาสน์เหลิ่ง ยังคงมีกลิ่นแอลกอฮอล์เล็กน้อยบนร่างกายเขา เขาเข้าไปพบกับคุณนายเหลิ่งพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “คุณย่า ผมกลับมาแล้ว”

คุณนายเหลิ่งจ้องมองเหลิ่งเซ่าถิงและกล่าวด้วยความกังวล “ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้?”

เหลิ่งเซ่าถิงที่ยังมีอาการมึนเมา ตอบอย่างเย็นชาว่า “ขอโทษด้วยคุณย่า พอดีผมไม่ทันระวังเลยดื่มเยอะไปหน่อย”

“ยังอารมณ์ไม่ดีอยู่หรือ?” คุณนายเหลิ่งถอนหายใจเบาๆ เธอส่ายหน้ามองไปยังเหลิ่งเซ่าถิงและกล่าว “จริงๆแล้วอารมณ์ของฉันก็ไม่ดีเท่าไหร่เหมือนกัน ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะทำเรื่องอะไรหลายอย่างลับหลังเรา พอมาคิดๆดูแล้วก็น่าตกใจจริงๆ พวกเราถูกเธอหลอกหรือเพราะฉันเองที่พาเธอเข้ามาในตระกูลเหลิ่ง”

เหลิ่งเซ่าถิงเงยหน้ามองคุณนายเหลิ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “คุณย่า จะเป็นความผิดคุณได้อย่างไร? คุณย่าเตือนผมตั้งแต่แรกแล้ว บอกผมว่าอย่าให้เธอเข้ามามีอิทธิพลในชีวิต และผลลัพธ์ที่ผมไม่ฟังคุณย่าแล้วผมยังให้เจี่ยนอี๋นั่วได้รู้ถึงการเป็นอยู่ของเออีกทำให้เธอพบเจอโอกาส ความผิดของผมเอง ในอนาคตผมจะไม่ทำผิดพลาดแบบนี้อีกแล้ว ไม่มีทาง”

คุณนายเหลิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอส่ายหน้า ยิ้มและกล่าวว่า “แกไม่ต้องไปสนใจมากนัก ฉันได้แจ้งให้ญาติตระกูลรู้ข่าวกันหมดแล้ว พวกเขาจะไม่ทำให้แกลำบากใจ แต่ในอนาคตแกต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เช่นเดียวกับเด็กคนนั้นที่รู้วิธีใช้คอมพิวเตอร์ จริงๆแกไม่ควรให้เขารู้มากเกินไป ต่อให้เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้ลงมือกับเขา แต่คนอื่นก็อาจลงมือกับเขา สำหรับคนประเภทนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแก แกควรจัดให้มีบุคคลที่น่าเชื่อถือ ครั้งนี้แกได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่ เอาแบบนี้ ฉันจะหาคนคอยช่วยเหลือแก สักคนสองคน คนของฉัน แม้ว่าแกจะขับไสไล่ส่งออกไป พวกเขาก็เป็นคนที่น่าเชื่อถือและมีความสามารถ ดีกว่าคนที่แกได้มองดูจากภายนอกเสียอีก”

เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆพยักหน้า “ก็ได้ คุณย่า หลังจากนี้ผมจะทำตามในสิ่งที่คุณย่าบอก”

คุณนายเหลิ่งหัวเราะ “นี่สิถึงจะถูกต้อง เราสองคนเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดในโลกใบนี้ แกเป็นหลานชายคนเดียวของฉัน แผนทุกอย่างฉันทำเพื่อแก เมื่อมรสุมพายุนี้ผ่านไป ฉันจะเลือกผู้หญิงที่เหมาะสมให้แก ให้เธอคนนั้นเป็นภรรยา แกควรมีลูกด้วย เพราะหากมีลูกมีหลานแล้ว ตำแหน่งฐานะของแกก็จะมั่นคงมากยิ่งขึ้น”

“ผมจะเชื่อฟังคำพูดของคุณย่า” เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวจบเขาก็ลุกขึ้นจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “คุณย่า ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อน”

คุณนายเหลิ่งพยักหน้าเบาๆ “แกก็รีบไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องมาพูดคุยกับฉันที่เป็นคนเฒ่าชราอยู่เลย เรื่องของเจี่ยนอี๋นั่วแกก็คิดสักนิด ครั้งนี้ก็เก็บไว้เป็นบทเรียน หลังจากนี้ผู้หญิงแบบนี้ก็อย่าไปเชื่อให้มากนัก”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า เขากระแอมสองสามครั้งและเดินออกจากห้องของคุณนายเหลิ่งจากนั้นเขาก็เดินกลับไปยังห้องของเขา เมื่อเห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงกลับไปยังห้องของเขาแล้ว คนรับใช้ที่ดูแลคุณนายเหลิ่ง หยิบถ้วยซุปแล้วเดินไปที่ด้านข้างของคุณนายเหลิ่งและกล่าวว่า “เห็นท่าทางของคุณชายแล้ว ไม่รู้เลยว่าภายในใจเขากำลังคิดคิดอะไร”

คุณนายเหลิ่งยิ้มและหยิบกรรไกรขึ้นมา เธอตัดแต่งดอกไม้พร้อมกับยิ้มและกล่าว “เขาคิดอย่างไรไม่สำคัญ ตอนนี้เขารู้ว่าอะไรควรทำนั่นแหละสำคัญที่สุด เช่นเดียวกับไม้กระถางนี้มันเต็มใจที่จะถูกตัดแต่งจากฉัน เมื่อกิ่งก้านและใบถูกตัดออกไม่รู้จักความเจ็บปวดงั้นหรือ? ต่อให้เจ็บก็ต้องอดทน หากอยากเติบโตก็ต้องยอมรับ เพราะถ้าไม่มีฉันมันก็เป็นแค่วัชพืชที่ทำได้เพียงแค่หลบในซอกหลืบ ไม่สามารถนำมาวางไว้บนโต๊ะนี้ได้ ในไม่ช้ามันจะชอบการตัดแต่งกิ่งของฉัน เพราะมันไม่สามารถเติบโตได้เพราะใบไม้และกิ่งไม้ มันเติบโตได้เพราะความคิดของฉันเท่านั้น จากนั้นจะค่อยๆเชื่อฟังและทำตามใจฉันมากขึ้นเรื่อยๆ”

สาวใช้รีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตระกูลเหลิ่งจะต้องอยู่ภายใต้การจัดการของคุณนายเหลิ่งและจะต้องเติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตลูกหลานตระกูลเหลิ่งจะต้องขอบคุณคุณนายเหลิ่งอย่างเป็นแน่ ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว ถึงเวลาแล้วที่ตระกูลเหลิ่งต้องทำความสะอาดอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ฉันเห็นว่าห้องโถงตรงกลางนั้นว่างเปล่า สู้ให้จิตรกรมาวาดภาพคุณ แขวนภาพวาดคุณไว้ในห้องโถงให้กับคุณนายเหลิ่งจะดีกว่า ลูกหลานในอนาคตได้รับรู้ถึงการทำงานหนักของคุณนายเพื่อตระกูลเหลิ่ง”

“ต้องนั่งวาดภาพมันใช้เวลานานไม่ใช่หรือ? ฉันเองก็แก่แล้วไม่รู้ว่าจะนั่งไหวหรือเปล่า” คุณนายเหลิ่งยิ้มและกล่าว

สาวใช้ยิ้มและกระซิบ “คุณนายเหลิ่ง นี่เป็นโอกาสสำหรับลูกหลานของคุณที่จะได้รับรู้การกระทำของคุณ ลำบากนิดหน่อยแต่ก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือ?”

“ก็ใช่ ฉันทำงานหนักเพื่อตระกูลเหลิ่งมานาน ก็ลำบากอีกนิดจะเป็นอะไรไปล่ะ” คุณนายเหลิ่งถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “จะทิ้งตระกูลเหลิ่งไปได้อย่างไร?”

สาวใช้ตอบรับในทันทีและกล่าว “ใช่ ถ้าหากว่าไม่มีคุณ คนอื่นก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นควรทำอะไร ทุกคนล้วยแต่ฟังคำพูดของคุณเพื่อรักษาตระกูลเหลิ่งนี้ไว้”

คุณนายเหลิ่งยิ้ม เธอะหยิบกรรไกรและเล็มใบไม้ของกระถางออก เธอถือกรรไกรดอกไม้ไว้ในมือราวกับราชินีถือคทาที่เธอจัดการชีวิตและความตายของคนอื่นได้โดยพลการ

ชีวิตในคุกของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเรียบง่ายและสม่ำเสมอ ไม่มีใครจงใจทำให้เธออับอายเหมือนที่สถานกักกัน คนอื่นๆกลัวเจี่ยนอี๋นั่วมากขึ้นหลังจากที่พวกเขารู้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วถูกตัดสินให้จำคุกในข้อหาฆาตกรรม และเจี่ยนอี๋นั่วเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีหรือสีหน้าอะไรออกมาเพราะคนอื่นๆอาจกลัวจนไม่มีใครกล้าเข้าใครเธอ

เจี่ยนอี๋นั่วถูกจำคุกเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว คนแรกที่มาเยี่ยมเธอ ดูแล้วคนนั้นก็คือเหอหลวนเล่อ เหอหลวนเล่อมีท่าทีเหมือนตอนอยู่ในศาลตัดสินเช่นเคย เธอร้องไห้อย่างน่าเวทนาเหมือนกับว่าคนที่กำลังอยู่ในคุกก็คือเหอหลวนล่อ

เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ทำไมร้องไห้แบบนั้น? เหมือนกับฉันตายไปแล้ว”

“ฉัน..ฮึกฮึก” เหอหลวนเล่อลูบจมูกที่แดงก่ำและร้อง “อย่าเพิ่งพูดไร้สาระ ฉันเพิ่งเจอทนายคนหนึ่งที่สุดยอดมาก ฉันจะพยายามพลิกคดีเธอ”

“ไม่ต้องหรอก” เจี่ยนอี๋นั่วกล่าว “เธอมีจิตใจดีก็ดีแล้ว แต่เธอไม่ต้องพยายามหรอกสุดท้ายมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”

เหอหลวนเล่อได้ยินเจี่ยนอี๋นั่วพูดเช่นนั้น เธอก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น เธอสะอึกสะอื้นและกล่าว “ทั้งหมด..ทั้งหมดเป็นเพราะเหลิ่งเซ่าถิง เขาไม่เชื่อเธอได้อย่างไร? เธอต้องไม่ฆ่าคนแน่ๆ แม้ว่า..”

เหอหลวนเล่อลดเสียงลงและกล่าวว่า “แม้ว่าคนอื่นเขาจะพูดกัน…และหลักฐานมีเพียงพอก็เถอะ..”

เมื่อเหอหลวนเล่อพูดเช่นนี้ เธอก็ค่อยๆสงบลงทันใดนั้นก็เพิ่มระดับเสียงขึ้นและพูดว่า “แต่ฉันเชื่อเธอ เพราะเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันจะต้องไม่ฆ่าใคร แต่เพราะอะไรทำให้เหลิ่งเซ่าถิงไม่ไว้ใจเธอ ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไม่ชื่นชอบเขาอีก”

เป็นความไว้วางใจที่ดื้อรั้นและสามารถรู้สึกได้

เจี่ยนอี๋นั่วยังจำเรื่องราวที่เธอเลิกรากับเหลิ่งเซ่าถิงได้ เธอจึงบอกกับเหอหลวนเล่อ “ตอนนี้ฉันไม่อยากได้ยินชื่อเหลิ่งเซ่าถิงอีกแล้ว แทนที่จะพยายามพลิกคดีให้ฉัน เธอควรช่วยฉันแก้ปัญหาบริษัท เพราะการที่ฉันถูกจำคุกกะทันหัน บริษัทอาจล้มละลายได้ เธอช่วยเข้าไปจัดการบริษัทแทนได้ไหม ทางดีที่สุดคือหาวิธีให้บริษัทอื่น เข้าซื้อบริษัทของฉัน เพื่อให้พนักงานสามารถปักหลักได้ เงินที่เหลือก็ให้ไว้กับผู้หญิงที่ชื่อเฮ่อเยี่ยนหง”

“เฮ่อเยี่ยนหง?” เหอหลวนเ่อขมวดคิ้ว ถามด้วยความสงสัย

เจี่ยนอี่นั่วพยักหน้า “เธอเป็นภรรยาของพ่อฉัน ตอนนี้เธอไม่มีลูกสาวแล้ว ชีวิตหลังจากนี้อาจลำบาก ไม่ว่าเงินจะเหลือเท่าไหร่ก็มอบให้เธอ แม้ว่าฉันจะเข้ากับเธอได้ไม่ดีนัก แต่อย่างน้อยก็คนรู้จัก”

เหอหลวนเล่อขมวดคิ้วและถาม “ลูกสาวเธอชื่อเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยหรือเปล่า? น้องสาวเธอใช่ไหม? เธอรู้ได้อย่างไรว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ฉันกำลังจะบอกเธออยู่เลย”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้อาจเกิดขึ้น แต่หัวใจของเธอก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างอดไม่ได้ น้องสาวที่เธอเคยห่วงใยและโกรธเคืองและสาบานว่าจะไม่มีวันให้อภัยไปตลอดชีวิตก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ความรู้สึกแตกต่างจากตอนที่เธอยิงและฆ่าเหลิ่งหมิงอัน แม้ว่าเธอจะร้อนรน แต่ก็ยังมีความสุขในการแก้แค้น แต่การตายของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยกลับทำให้เธอรู้สึกหนักอึ้งอยู่ภายในใจและเสียใจ แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกเสียใจ เจี่ยนอี๋นั่วก็ต้องทำเรื่องนี้

เจี่ยนอี๋นั่วสูดลมหายใจเข้าและกล่าว “ฉันเดาน่ะ ฉันเดาว่าโลกนี้อาจจะไม่ให้เธอมีชีวิตอยู่ได้นานนัก เร็วๆนี้เธออาจจะต้องจากไปอีกโลกหนึ่งและขอโทษพ่อของเธอ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท