วันและคืนผ่านไป ท้องของเจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆโตขึ้น เมื่อเทียบกับอาการก่อกวนของด็กคนก่อน เด็กคนนี้นั้นเงียบสงบจนทำให้เจี่ยนอี๋นั่วกังวลใจ เธอแพ้ท้องเพียงไม่กี่ครั้ง นอกจากหน้าท้องของเธอที่ขยายใหญ่ขึ้นก็มีเพียงอาการกินเก่งเท่านั้นที่ทำให้เห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วกำลังตั้งครรภ์
แต่ไหนแต่ไรอี๋นั่วนั้นไม่เคยกินเยอะมากขนาดนี้ เมื่อเธอเห็นอะไร เธอก็จะอยากกิน ไม่เพียงแต่อาหารชุดที่ทำให้เธอเพียงคนเดียว แม้แต่อาหารธรรมดาในเรือนจำเธอก็ยังสามารถกินได้อีกเป็นเท่าตัว ถึงแม้ว่าเธอจะท้องได้ไม่ถึงสี่เดื่อน แต่เมื่อมองท้องที่ค่อยๆโตขึ้นของเธอแล้วนั้นราวกับกำลังท้องห้าเดือนก็ไม่ปาน
“ท้องของฉันนั้นเริ่มใหญ่แล้วใช่ไหม?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและมองไปที่ท้องที่กำลังโตของเธอ เธอหันหน้าไปมองเยี่ยหมิงจูที่กำลังนำผลไม้มาให้เธอ เธอถามหมิงจูอย่างกังวล
“ก็โตนิดหน่อย แต่นั่นเป็นเพราะว่าเธอกินเยอะ” เยี่ยหมิงจูมองท้องของเจี่ยนอี๋นั่วพลางขมวดคิ้ว “แต่ตอนน้องฉันท้องก็ประมาณนี้นะ…”
“มันก็ไม่น่าจะโตขนาดนี้นะ พอมองแล้วเหมือนกับท้องแฝด” นักโทษหญิงที่เดินผ่านมากล่าวอย่างเรียบๆ
“แฝด?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและลูบท้องของเธอ
เหลิ่งเซ่าถิงและพี่ชายของเขาเป็นฝาแฝด บางทีเหลิ่งเซ่าถิงอาจมียีนฝาแฝดจริงๆและไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เธออาจจะมีฝาแฝด เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วนึกถึงพี่ชายฝาแฝดของเหลิ่งเซ่าถิง คิ้วของเธอก็ขมวดแน่น พี่ชายของเหลิ่งเซ่าถิงเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอด้วยตัวเองเขา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะที่สามารถจับตัวเขาได้และให้เขาได้รับโทษที่เขาสมควรจะได้รับ
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วกำลังคิดเรื่องนี้ จู่ๆผู้คุมก็เดินเข้ามาและตะโกนว่า “ไปทำงานได้แล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วก้าวไปข้างหน้าทันที เธอเดินออกจากห้องขังพร้อมกับนักโทษหญิงที่กำลังเตรียมตัวไปโรงงาน เยี่ยหมิงจูรีบเดินเข้ามาคว้าเจี่ยนอี๋นั่วไว้ “ทำไมเธอยังไปอีก? เธอต้องพักผ่อน”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า เธอยิ้มและกล่าวว่า “”ฉันอยากไปที่นั่นอีกสักสองสามครั้ง จะได้เก็บด้ายไว้ถักทอผ้าให้กับลูก ฉันไม่สามารถพึ่งพาเธอได้เสมอไปหรอก ฉันเองก็ต้องพยายามดูแลลูกให้ดีที่สุด”
“เธอนี่ จริงๆเลย” เยี่ยหมิงจูมองเจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นเธอก็ถอนหายใจและส่ายหน้า
อาจเป็นเพราะว่าเจี่ยนอี๋นั่วกำลังตั้งครรภ์ ผู้คุ้มจึงไม่เข้มงวดกับอี๋นั่วมากเท่าเมื่อก่อน มีด้ายบางส่วนที่ไม่ได้ใช้แล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็แอบเก็บเอาไว้เพื่อที่จะถักเสื้อกันหนาวและถุงเท้าให้กับเด็กน้อยในครรภ์ของเธอ ผู้คุมเองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เขี่ยนอี๋นั่วนั้นให้ความสนใจแก่ลูกของเธอ
ด้ายของคนอื่นที่เหลืออยู่ก็สามารถนำมาถักทอเป็นถุงเท้าเด็กได้ บางครานักโทษหญิงในห้องขังอื่นจะเหลือเศษผ้าบางส่วนไว้ให้กับเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วจึงทำชุดชั้นในสำหรับเด็กเล็ก แม้ว่าเหอหลวนเล่อจะมอบของใช้สำหรับเด็กให้กับเธอ เยี่ยหมิงจูและผู้คุมต่างก็มอบของใช้สำหรับหญิงมีครรภ์และสำหรับลูกของเธอ แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็ยังคงเตรียมความพร้อมทุกอย่างอย่างละเอียดรอบคอบไว้สำหรับลูกของเธอ
เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆมองดูสิ่งของที่มากขึ้นเรื่อยๆที่เธอได้เตรียมไว้ให้กับลูกของเธอ แม้ว่าจะยุ่งยากเล็กน้อย แต่ก็มีสินค้าแบรนด์เนมราคาแพงที่ไม่ค่อยจะได้ใช้งานจากเหอหลวนเล่อ ของใช้สำหรับหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์จากครอบครัวเยี่ยหมิงจูแล้วก็มีเสื้อผ้าเก่าๆจากผู้คุม สิ่งของเล็กๆน้อยจากนักโทษในเรือนจำนอกจากนั้นก็ยังมีเสื้อผ้าและรองเท้าเล็กๆที่เธอทำเองอีกด้วย
เมื่อสิ่งต่างๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ หัวใจของเจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆถูกเติมเต็ม หัวใจของเธอก็ค่อยๆอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เธอเคยกลัวการให้ของผู้อื่นเป็นอย่างมากเพราะเธอกลัวว่าจะไม่สามารถชดใช้คืนให้ได้ เธอไม่ชอบความรู้สึกเป็นหนี้คนอื่น แต่สถานการณ์ปัจจุบันของเธอทำให้เธอต้องปรับตัวให้เข้ากับการรับสิ่งของจากคนอื่น
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพบเจอกับความยากลำบากก็มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอ บางทีอาจเป็นคนที่เธอไม่รู้จักมาก่อนด้วยซ้ำ สิ่งนี้ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วได้มองเห็นถึงการต่อสู้อันหนาวเหน็บของตระกูลเหลิ่ง ในที่สุดเธอก็ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของเพื่อนมนุษย์ ในโลกนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คนที่ไว้วางใจซึ่งกันและกันเพื่อผลประโยชน์ดั่งเช่นตระกูลเหลิ่ง แต่บนโลกนี้ยังมีคนอื่นๆที่คอยช่วยเหลือคุณได้โดยไม่คำนึงถึงผลตอบแทน
เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือของคนเหล่านี้ เจี่ยนอี๋นั่วจะต้องมีกำลังใจและใช้ชีวิตของเธอต่อไปให้ดี ไม่ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะเป็นไปตามที่เธอคาดหวังหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับเธอเพื่อปกป้องเธอ
“953 มีคนต้องการพบเธอ” จู่ๆผู้คุมคนหนึ่งก็เดินเข้าด้านข้างอี๋นั่วและพูดกับเธอ
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว เหอหลวนเล่อก็เพิ่งมาเยี่ยมเธอ ทำไมถึงมาอีกล่ะ? เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะถามอย่างประหลาดใจ “ขอโทษด้วยผู้คุม ฉันอยากจะรู้ได้ไหมว่าใครมาหาฉัน?”
ผู้คุมเหลือบมองอี๋นั่วและกล่าวอย่างเย็นชา “ผู้ชาย นามสกุลเหลิ่ง”
จากนั้นผู้คุมก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พอมองแล้วดูหล่อเหลามาก ก่อนหน้านี้ที่โทรไปหา ไม่ใช่ว่าโทรไปหานามสกุลเหลิ่งเหรอ? คนนี้ดูเหมือนอาจจะเป็นพ่อของเด็กหรือเปล่า”
เหลิ่งเซ่าถิงเหรอ? เขามาหาเธองั้นหรือ?
เจี่ยนอี๋นั่วตื่นตะลึงในทันที เธอขมวดคิ้วจ้องมองผู้คุม เธอใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะไปก้าวเท้าออกไป จากนั้นอี๋นั่วก็รีบเดินตามหลังผู้คุมไปและมุ่งตรงไปยังห้องรับรอง เมื่อผู้คุมเปิดประตูห้องรับรอง เจี่ยนอี๋นั่วสูดลมหายใจเข้า เธอลังเลอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็เดินเข้าไป
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปในห้องรับรองทีละก้าวทีละก้าว เธอก็เห็นชายหนุ่มรูปหล่อนามว่าเหลิ่ง ในขณะนั้นเธอหมุนตัวกลับและเตรียมเดินออกจากห้องรับรองทันที
ชายหนุ่มคนนั้นหัวเราะ ดวงตากลมโตนั้นหรี่ลงเล็กน้อย เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “ทำไมกลัวผมขนาดนั้นล่ะ? เห็นว่าเป็นผมแล้วก็จะหนีไปเลยเหรอ? หรือว่าเป็นเพราะว่าท้องแล้วอ้วนขึ้นก็เลยไม่กล้าเจอผม?”
เจี่ยนอี๋นั่วไม่สนใจเหลิ่งหมิงอัน เธอขมวดคิ้วและมองผู้คุม “ขอโทษผู้คุม ฉันไม่อยากพบเขา ฉันขอกลับห้องขัง”
สีหน้าลำบากใจปรากฎบนใบหน้าของผู้คุม “953 คุณผู้ชายคนนี้ต้องการที่จะพบเธอ ฉันไม่สามารถปล่อยเธอกลับไปได้”
เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองผู้คุมและกัดริมฝีปากล่างของเธอ เจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าเหลิ่งหมิงอันนั้นมีอำนาจที่จะต้องทำให้เธอพบเจอเขาได้อย่างแน่นอน เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากให้ผู้คุมที่ดูแลเธอนั้นลำบาก เธอจึงหันหลังกลับและนั่งลงตรงข้ามเหลิ่งหมิงอัน
เหลิ่งหมิงอันสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำแมทช์ด้วยเสื้อกันลมตัวยาวสีดำและกางเกงขายาวสีดำ
เหลิ่งหมิงอันมองไปยังเจี่ยนอี๋นั่ว เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยและยิ้มให้อี๋นั่ว “คุณโกรธเหรอ? คุณคิดว่าใครมาเยี่ยมคุณเหรอ? เหลิ่งเซ่าถิงงั้นสิ? ไม่ใช่ว่าคุณก็โกรธเขามากหรือ? ยอมรับผิดแบบง่ายดายขนาดนั้นเป็นเพราะเซ่าถิงไม่ไว้ใจใช่ไหม? ท้ายที่สุดคุณทำงานหนักมากเพื่อกลับไปอยู่ข้างเซ่าถิงและผลลัพธ์ก็คือเขาไม่ไว้ใจคุณ เรื่องนี้ช่างน่าเศร้าจริงๆ”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่สายตาจ้องมองไปยังเหลิ่งหมิงอัน เธอมองไปยังหน้าอกของเขา ตำแหน่งตรงนั้น เธอเคยยิงกระสุนปืนไปหนึ่งนัด แต่น่าเสียดายปืนของเธออาจโดนเหลิ่งหมิงอันทำอะไรไว้ เธอจึงไม่ได้ยิงเขาจนตาย
เหลิ่งหมิงอันก้มศีรษะลงตามการจ้องมองของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาลูบหน้าอกของเขาเบาๆและพูดด้วยรอยยิ้ม “กำลังมองตรงนี้เหรอ? กำลังรู้สึกเสียดายที่ไม่ยิงผมจนตายใช่ไหมล่ะ? ถ้าคุณคิดแบบนี้มันทำให้ผมเสียใจมาก แต่เพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้นสักหน่อย ผมก็เลยตั้งใจแต่งตัวให้คล้ายกับเหลิ่งเซ่าถิง เน้นสีดำเป็นพิเศษ ผมกับเหลิ่งเซ่าถิงน่าจะคล้ายกันอยู่พอสมควร คุณเห็นผมแต่งตัวแบบนี้แล้วก็น่าจะคิดถึงเหลิ่งเซ่าถิงใช่ไหม พวกเราเหมือนกันไหม?”
“ไม่เหมือน” เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เหลิ่งหมิงอันและพูด “คุณเหมือนกับต้นต้นดอกท้อที่คลุมด้วยผ้าสีดำ”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะเสียงดัง “แม้ว่าคุณจะกลายเป็นคนขี้เหร่มาก แต่คุณก็ยังน่าสนใจอยู่ดี”
เมื่อเหลิ่งหมิงอันพูดถึงตรงนี้เสียงหัวเราะก็ค่อยๆหยุดลง เขาจ้องมองอี๋นั่วและกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม “ในช่วงเวลานี้ ผมคิดถึงคุณมาก คุณน่ะกำลังตั้งใจกินเพื่อเปลี่ยนรูปร่างตัวเองและยังให้อาหารลูกในท้องอีก พอจะมีเวลาคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า?”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้าและตอบอย่างเย็นชา “ขอโทษด้วย ไม่มี คุณดูรูปร่างของฉันก็น่าจะรู้แล้ว ฉันไม่เคยคิดถึงคุณเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากว่าฉันคิดถึงคุณ ฉันจะต้องกินอะไรไม่ลงเลยสักอย่าง ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะอ้วนขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“พูดจาได้เฉียบคม ไม่มีเหลิ่งเซ่าถิงหนุนหลังแล้วยังจะกล้าพูดแบบนี้ ไม่กลัวผมเลยใช่ไหม? ตอนนี้หากผมจะบดขยี้คุณ ก็เหมือนผมกำลังบดขยี้มดที่อยู่ในมือ” เหลิ่งหมิงอันเลิกคิ้วขึ้นและหัวเราะเบาๆ
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉันกลัวสิ แล้วอย่างนั้นคุณจะปล่อยฉันไปได้ไหม?”
“โอ้ เหมือนกับว่าจะไม่สามารถปล่อยคุณไปได้” เหลิ่งหมิงอันยิ้มและกล่าว “เจี่ยนอี๋นั่วถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะน่าเกลียดมาก แต่ผมก็ยังคิดถึงคุณ มันช่างน่าแปลกใจ เมื่อมองไปที่คางน้อยๆของคุณ ผมก็รู้สึกว่ามันช่างน่ามองจริงๆ รูปร่างอวบอ้วนแบบนี้ จริงๆแล้วก็น่ารักอยู่เหมือนกัน หากว่าอยู่กับผม ผมอยากจะเปลี่ยนให้คุณอ้วนขึ้นอีกหน่อย เมื่ออุ้มแล้วอาจจะนุ่มนิ่มสบายมือ”
เจี่ยนอี๋นั่วหันศีรษะไปมองผู้คุม เธอกล่าว “ผู้คุม ฉันสามารถออกไปได้หรือยัง?”
ผู้คุมส่ายหน้า เจี่ยนอี๋นั่วจึงละสายตาและจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน เธอยิ้มพลางกล่าว “เหลิ่งหมิงอัน คุณก็รู้ว่าฉันติดคุกมานานแล้ว มีอะไรที่ดูพัฒนาขึ้นบ้าง?”
เหลิ่งหมิงอันหรี่สายตาเขาและส่ายหน้าอย่างช้าๆ “ดูเหมือนว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบอยู่แล้วเหมือนกับว่าไม่มีอะไรที่จะต้องพัฒนา”
“หยาบคาย ฉันเข้าคุกมานานฉันเรียนรู้คำหยาบคายมากมาย” เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวถึงตรงนี้ เธอก็กดเสียงให้ต่ำลง “ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนในการทักทายคุณดี แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว เหลิ่งหมิงอัน ฟังให้ดี คุณนี่มันไอ้ลูกหมาติดแม่ ทางที่ดีแม่มึงควรจะอยู่ให้ห่างฉันดีกว่า!”
เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวและลุกขึ้น เธอหมุนตัว หันหลังให้กับเหลิ่งหมิงอัน เหลิ่งหมิงอันเงียบอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะขึ้น หัวเราะเสียงดังมากจนทั้งห้องรับรองมีเพียงแต่เสียงหัวเราะของเขา
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะจนล้มลงไปกองกับพื้น เวลาผ่านไปสักพัก เสียงหัวเราะของเขาก็ค่อยๆหยุดลง เหลิ่งหมิงอันลุกขึ้นและกับมานั่งบนเก้าอี้ เขาเช็ดน้ำตาจากเสียงหัวเราะและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า นานแล้วที่ไม่ได้มีความสุขขนาดนี้ แน่นอนว่าผมควรจะมาหาคุณอีก”
เจี่ยนอี๋นั่วสูดลมหายใจเข้าและกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ตอนนี้ฉันไปได้หรือยัง?”
“ก็น่าจะได้แล้ว…” เหลิ่งหมิงอันกล่าวเช่นนี้ เขาตบศีรษะตัวเองเหมือนกับว่าจู่ๆเขาก็คิดอะไรบางอย่างได้ “โอ้ ผมเกือบลืมไป จุดมุ่งหมายที่ทำให้ผมมาเป็นเพราะว่าผมมีเรื่องจะบอกคุณ”
เหลิ่งหมิงอันกล่าวพร้อมกับจ้องมองแผ่นหลังเขาเจี่ยนอี๋นั่น เขายิ้มเยือกเย็นและกล่าวว่า “ผมอยากจะบอกคุณว่าเหลิ่งเซ่าถิงกำลังจะหมั้น…”