หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 129 ทารกแรกเกิด

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นและค่อยๆหรี่ตาขณะที่เธอดูดอกไม้ไฟที่สวยงามบนท้องฟ้า ในเวลานี้เสียงหัวเราะของผู้คนดังมาจากโทรศัพท์มือถือ เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงอย่างคลุมเครือ เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำและเย็นชา “ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่งานแต่งของผมและกู้เค่อหยิง…”

เจี่ยนอี๋นั่ววางโทรศัพท์ทันที เธอไม่กล้าที่จะฟังเสียงจากโทรศัพท์อีก อี๋นั่วไม่เคยคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะหมั้นจริงๆ เธอคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะพยายามกำจัดการแต่งงานนี้ เนื่องจากเหลิ่งเซ่าถิงได้มาเยี่ยมเธอนั่นก็หมายความว่าเขาต้องการปกป้องเธอ สิ่งที่เหลิ่งหมิงอันบอกเธอนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องโกหก แต่ทำไมเขาถึงยังไปหมั้นกับคนอื่น?

เหลิ่งเซ่าถิงนั่นเข้าใจเธอไม่มากพอหรือ? หรือยังไม่รู้ว่าเงื่อนไขของเธอคืออะไร?

อี๋นั่วสามารถเข้าคุกได้ สามารถซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้ เธอยอมเปลี่ยนตัวเองจากคุณหนูแห่งตระกูลเจี่ยนมาเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรก็ยังได้ แต่เธอไม่ยอมเด็ดขาดที่จะเป็นเมียน้อย เป็นผู้แทรกแซงความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสที่น่ารังเกียจ

แม้ว่างานแต่งของเหลิ่งเซ่าถิงในครั้งนี้นั้นเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งเพื่อที่จะปกป้องเธอก็ตามแต่ก็ทำโดยเจตนา แต่จากนี้ไปเหลิ่งเซ่าถิงก็เป็นคู่หมั้นของผู้หญิงคนอื่น ไม่ว่าเธอจะรักผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่มีวันเกี่ยวข้องกับเขา! เจี่ยนอี๋นั่วไม่สามารถทำร้ายผู้หญิงอีกคนได้ เพียงเพื่อปกป้องตัวเอง เจี่ยนอี๋นั่วไม่ต้องการถูกควบคุมและเธอทนไม่ได้ที่จะเห็นผู้หญิงคนอื่นกลายเป็นเครื่องมือเพราะเธอ

ดูเหมือนว่าเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะถูกตัดขาดจริงๆ ไม่มีความจำเป็นที่เหลิ่งเซ่าถิงและเจี่ยนอี๋นั่วจะต้องติดต่อกันอีกต่อไป

อี๋นั่วขยับริมฝีปากพยายามอย่างหนักที่จะแสดงรอยยิ้ม เธอสัญญากับลูกว่าจะเผชิญหน้ากับมันด้วยรอยยิ้มไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่ตอนนี้รอยยิ้มของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นขมขื่นเกินไป แม้แต่เจี่ยนอี๋นั่วเองก็ยังรับรู้ถึงความเจ็บปวดในรอยยิ้มและอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดภายในใจ

ทันใดนั้นก็มีอาการปวดกระดูก อี๋นั่วปวดท้องอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอี๋นั่วกุมท้องของเธอและค่อยๆล้มลงกับพื้น โทรศัพท์ยังคงปนไปด้วยเสียงแห่งความยินดี เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะแห่งชัยชนะของเหลิ่งหมิงอัน “เจี่ยนอี๋นั่ว คุณเป็นของผมแล้ว…”

เจี่ยนอี๋นั่วหายใจเข้าลึกๆ และความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เธอไม่สามารถพูดได้ แต่เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วก้มมองลงไปยังท้องของเธอ เธอก็กัดริมฝีปากและใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ตะโกนเสียงดัง “มีใครอยู่ไหม? ช่วยเข้ามา? ฉันอาจ อาจจะ คลอดลูก…”

“ช่วยลูกฉันด้วย…” เช่นเดียวกับครั้งสุดท้ายที่เธอแท้งบุตร เจี่ยนอี๋นั่วก็ร้องเรียกขอความช่วยเหลือ

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงและการโจมตีครั้งใหญ่ทำให้สติสัมปชัญญะของอี๋นั่วนั้นเลือนลาง เธอจ้องมองอย่างพร่ามัวในขณะที่แพทย์และพยาบาลวิ่งเข้ามา เธออยากจะหลับตาและหลับไปอย่างสนิทใจและหลังจากที่นอนหลับไปแล้วเธอก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใด แต่เจี่ยนอี๋นั่วเธอพยายามอดทนอย่างเต็มที่ เธออยากเห็นลูกน้อยของเธอเกิดด้วยตาของเธอเอง เธออยากดูว่าลูกของเธอเป็นฝาแฝดหรือไม่

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าตัวเธอนั้นตกต่ำจนถึงจุดที่เธอไม่สามารถสูญเสียลูกได้อีกแล้ว เธอมักรู้สึกอยู่เสมอว่าเธอนั้นท้องลูกแฝด แต่มีแต่คนบอกกับเธอว่าเธอท้องลูกเพียงคนเดียว เป็นเพราะมีคนวางแผนจะขโมยลูกคนหนึ่งของเธอไป

แต่เมื่ออี๋นั่วถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด แพทย์ก็ได้เตรียมยาสลบไว้ให้กับเธอ เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า “ไม่ ฉันไม่ดมยาสลบ ฉันอยากเห็นลูกของฉันคลอดออกมา…”

“คุณต้องผ่าตัดคลอดและต้องดมยาสลบ ช้าไม่ได้แล้ว ไม่งั้นเด็กจะเป็นอันตราย สถานการณ์ปัจจุบันของคุณก็อันตรายมากเช่นกัน คุณอาจจะสลบไปชั่วครู่ คุณก็จะสามารถมองเห็นเด็กได้เหมือนกัน” แพทย์กล่าวอย่างเย็นชา

อี๋นั่วเงยหน้าขึ้นมองแพทย์และพยายามส่ายหน้า “ไม่ ฉันทนได้…. ไม่ดมยาสลบ….ฉันอยากมองดูพวกเขาคลอดออกอย่างมีสติ”

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกมึนงงและสติไม่เต็มร้อยนัก ในตอนนี้เธอสามารถทำตามการตัดสินของจิตใต้สำนึกของเธอเท่านั้น เธอไม่อยากดมยาสลบ เธอมักจะรู้สึกเสมอว่าหากดมยาสลบลูกของเธออาจถูกขโมยไป แต่มือของเธอนั้นถูกพยาบาลที่อยู่ด้านข้างจับเขาไว้จากนั้นเธอก็เขียนชื่อในเอกสาร อี๋นั่วไม่มีแรงแม้แต่จะผลักออกไป

อี๋นั่วพลิกตัวและกระดูกสันหลังของเธอด้านหลังของเธอได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง จากนั้นเธอก็นอนตะแคงและนอนลง แม้ว่าเธอจะได้รับยาสลบ แต่เจี่ยนอี๋นั่วยังคงมีสติที่คลุมเครือ เธอลืมตาได้เพียงครึ่ง เธอสามารถมองเห็นแพทย์และพยาบาลเดินไปรอบๆและสามารถได้ยินเสียงของพวกเขาด้วย

เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ เธอคิดว่าลูกของเธอเกิดมาแล้ว เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะลืมตาขึ้น แต่กลับไม่มีใครมาหาเธอพร้อมกับเด็กคนนั้น เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงร้องไห้ครั้งที่สองของเด็ก พยาบาลจึงโดนเข้ามาหาเธอพร้อมเด็กและกล่าวต่อหน้าเธอว่า “ผู้หญิง 5กิโลกรัม3ขีด คุณมองดูสิ”

เจี่ยนอี๋นั่วยกเปลือกตาขึ้นและมองไปที่ทารกที่เหี่ยวย่นอย่างพร่ามัว เหมือนลิงตัวน้อยที่ลอกหนังออก ทารกตัวแดงไปทั่วและร้องไห้เสียงดังพร้อมกับยิ้มกว้างราวกับว่ากำลังประกาศการเกิดของเธอ

เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าในวินาทีที่เธอได้เห็นเด็ก เธอจะต้องตกหลุมรักเด็กน้อยอย่างเด็กแน่นอน นี่คือเด็กน้อยที่เธอสามารถมีได้ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่ยากลำบากที่สุดก็ตาม แต่เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็นเด็กแล้วเธอก็มีความคิดว่า “ใช่ผู้หญิงเหรอ? โตแล้วน่าเกลียดจะทำอย่างไรดี?”

เมื่ออี๋นั่วคิดเช่นนี้ เธอก็มีความคิดที่อยากจะขอโทษลูกของเธอ แต่มันยากเกินไปที่เธอจะปลอบตัวเองว่าเธอให้กำเนิดทารกที่น่ารักมาก

เมื่อเด็กน้อยถูกพยาบาลอุ้มออกไป เจี่ยนอี๋นั่วจึงรู้สึกถึงการเข็นของเตียงและเธอถูกเข็นไปยังห้องพักของเธอ พยาบาลกล่าวกับอี๋นั่วว่า “คุณพักผ่อนก่อน หลับเสียหน่อย เมื่อยาสลบของคุณหมดแล้ว เราจะนำเด็กน้อยมาให้คุณ”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าแต่กลับไม่อยากหลับไป ในตอนนั้นเธอจำได้ว่าเธอได้ยินเสียงร้องสองครั้ง อาจมีเสียงร้องที่เป็นของลูกอีกคนของเธอ เธอกลัวว่าเมื่อเธอหลับไปจากนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาเธอจะได้ยินว่าเรื่องราวทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน

เมื่อฤทธิ์ของยาสลบจากลง เจี่ยนอี๋นั่วยังคงนึกถึงการร้องไห้สองครั้งที่เธอได้ยิน การร้องไห้ของทั้งสองไม่เหมือนกันอย่างเห็นได้ชัด ครั้งแรกนั้นการร้องไห้ค่อนข้างจะอ่อนลงเล็กน้อยและจากนั้นการร้องไห้ของเด็กสาวก็จะชัดเจนมากยิ่งขึ้น เสียงเหล่านั้นไม่เหมือนกันเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงความแตกต่างเล็กน้อย แต่เจี่ยนอี๋นั่วสามารถรู้สึกได้ จริงๆแล้วเธอมีลูกอีกคน เพียงแต่ในตอนนี้เธอไม่มีความสามารถมากพอที่จะตามหา

คนที่สามารถพาลูกของเธอไปได้ไม่ใช่คนธรรมดา อาจเป็นคนของตระกูลเหลิ่ง ตอนนี้ไม่ต้องบอกว่าเธอถูกจำคุก ต่อให้เธอเป็นอิสระอยู่ด้านนอก เธอก็ยังเป็นพี่สาวคนโตของตระกูลเจี่ยนแต่กลับไม่มีทางที่จะตามหาลูกของเธอได้ หากว่าในตอนนี้อี๋นั่วได้เข้าทำการสอบสวม ก็ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ เป็นเพราะความแค้นเคืองของใครบางคนจึงทำให้เธอและลูกตกอยู่ในอันตราย

สิ่งเดียวที่เจี่ยนอี๋นั่วทำได้คืออดทนและแสร้งทำเป็นไม่รู้ หลังจากที่เธอพยายามออกจากคุกแล้ว เธอก็จะตามหาลูกของเธอ ตอนนี้สิ่งเดียวที่อี๋นั่วสามารถทำได้คือปลอบใจตัวเองที่คนคนนั้นเอาเด็กไป เขาอาจะต้องการใช้เด็กทำเรื่องอะไรบางอย่าง แต่อย่างน้อยเด็กก็จะไม่เป็นอันตรายใดๆ

เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากและหลับตาลง ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือการได้ยินข่าวการหมั้นของเหลิ่งเซ่าถิง แต่ตอนนี้เธอพบแล้วว่าสิ่งที่เจ็บปวดมากที่สุดก็คือเธอรู้ว่าลูกของเธอหายไป แต่เธอต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในเวลานี้ ผู้คุมเปิดประตูเข้ามา เธอเดินเข้ามาหาอี๋นั่วและนำโจ๊กมาให้ เจี่ยนอี๋นั่วปกปิดความกังวลทั้งหมดของเธอ เธอมองผู้คุมและฝืนยิ้มให้กับเธอพร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณ”

ผู้คุมยิ้มและกล่าว “ไม่เป็นไร ฉันไปดูเด็กน้อยมาแล้ว หน้าตาเหมือนเธอเลย”

เจี่ยนอี๋นั่วกระพริบตาและขมวดคิ้ว “เธอ.. เธอหน้าตาเป็นอย่างไร?”

เจี่ยนอี๋นั่วยังจำรูปลักษณ์ที่เหี่ยวย่นของเด็กน้อยแรกเกิดได้ ลักษณะที่เหี่ยวย่นทำให้เธอกังวลมากเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของเด็ก

ผู้คุมถึงกับผงะและหัวเราะเสียงดัง “เด็กแรกเกิดมีลักษณะเช่นนี้ ลูกสาวของคุณสวยอยู่แล้ว เพิ่งเกิดมาก็มีขนยาวที่ยาวสวย เมื่อโตขึ้นก็จะสวยมากยิ่งขึ้น”

อี๋นั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว จะได้ไม่…”

เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวถึงตรงนี้ เธอก็ลดเสียงลงและกล่าวต่อว่า “จะได้ไม่ต้องถามถึงพ่อของเธอ”

เจี่ยนอี๋นั่วยังจำได้ เมื่อเธอนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของเหลิ่งเซ่าถิงและเธอเคยสงสัยว่าลูกที่เธอและเขาให้กำเนิดจะเป็นอย่างไร ในที่สุดเจี่ยนอี๋นั่วก็ได้เห็นแล้ว เธอมองผู้คุมและถามว่า “ฉันสามารถเจอลูกได้หรือยัง?”

ผู้คุมขมวดคิ้วและส่ายหน้า “พยาบาลบอกว่าเธอยังอยู่ในตู้อบ รอให้เธอฟื้นตัวก่อน ลูกของเธอก็น่าจะโอเคขึ้นด้วย อีกเดี๋ยวก็จะได้เจอกันแล้ว เธอรีบกินอาหารเถอะ กินเยอะๆจะได้ผลิตน้ำนมให้กับลูก แต่อย่าเพิ่งร้อนใจ พวกเราได้เตรียมเงินซื้อนมผงให้ลูกเธอแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า เธอกล่าวและยิ้ม “ขอบคุณ”

ผู้คุมสะบัดมือไปมา “ไม่ต้องขอบคุณหรอก เธอคิดหรือยังว่าจะตั้งชื่อให้ลูกว่าอะไร”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ซวง…ซวงซวง ชื่อเล่นคือซวงซวง ชื่อของเธอก็คือ เจี่ยนซวง”

“เจี่ยนซวง? พอฟังแล้วรู้สึกว่าการตั้งชื่อจากแม่นั้นง่ายมาก ตอนนี้เขานิยมตั้งชื่อให้เด็กประมาณว่าซวนหยู เหมิ่งฉี เฉิงเหม่ย” ผู้คุมหัวเราะ “ชื่อง่ายๆแบบนี้ไม่ค่อยได้ยินมากนัก แต่ชื่อนั้นก็ไพเราะน่าฟัง แต่…”

ผู้คุมมองอี๋นั่วพร้อมกับขมวดคิ้ว เธอถามว่า “ไม่ใช้นามสกุลพ่อเหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า “ไม่ เธอเป็นแค่ลูกของฉันเท่านั้น”

อี๋นั่วกล่าวพร้อมกับลดสายตาลง เธอยิ้มอย่างขมขื่น สิ่งที่เธอคิดคือชื่อของเด็กทั้งสองคน ลูกสาวคนเล็กชื่อเจี่ยนซวง สำหรับเด็กที่เกิดก่อนหน้านี้ เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ว่าเป็นเพศอะไรดังนั้นเธอจึงมอบชื่อให้กับเขาว่า เจี่ยนตาน ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งเด็กชายและเด็กหญิง

เจี่ยนอี๋นั่วหวังไว้ว่าเด็กที่ถูกพรากไปจากเธอนั้นจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายและไม่ต้องพบเจอเรื่องราวที่ยากลำบากมากนัก

แม่ที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบได้มอบพรที่ดีที่สุดให้แก่เขา

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท