หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 130 เด็กตายแล้ว

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เด็กที่เกิดจากอี๋นั่วนั้นได้เสียชีวิตระหว่างทาง รถทั้งคันพลิกคว่ำลงไปในทะเล เด็กเพิ่งออกจากตู้อบได้ไม่กี่วันและจมอยู่ในน้ำทะเลช่วงฤดูหนาวและไม่มีทางที่จะมีชีวิตรอดได้เลย

“รถจมลงไปในทะเล พวกเขาบอกว่าไม่สามารถกู้ได้ ส่วนคน? ศพของเด็กนั้นหาไม่เจอ แล้วคนขับรถล่ะ?” คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากของเขาและตอบอย่างประหม่า “คุณนายเหลิ่ง ร่างคนขับกำลังตอนนี้กำลังงมหากันอยู่ น่าจะลอยไปทางทิศใต้ ผมไปให้คนไปค้นหาในทิศทางฝั่งใต้แล้ว แต่การค้นเจอนั้นเป็นไปได้น้อยมาก แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด แต่เราพบร่างของพยาบาล เป็นพยาบาลที่คอยดูแลเด็ก”

“ทำไมจึงขับไปใส่เส้นทางใกล้ทะเล?” คุณนายเหลิ่งถามอย่างเย็นชาขณะที่เธอมองไปที่ชายวัยกลางคน

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วและทำท่าทีเหมือนกับไม่รู้เรื่อง “ผมไม่รู้เรื่องนี้ แต่ผมเดาว่าตอนนั้นทางแยกรอบๆดูเหมือนรถจะค่อนข้างแออัด ดังนั้นนั่นอาจเป็นเหตุผลที่คนขับจึงเลือกที่จะเปลี่ยนเลนและต้องการไปถึงจุดหมายโดยเร็ว เด็กเล็กไม่สามารถนั่งรถได้นานขนาดนั้น แต่ก็อาจเป็นไป…”

“เป็นอะไร?” คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วมองชายวัยกลางคนแล้วถามอย่างเย็นชา

ชายวัยกลางคนหยุดเล็กน้อยมองไปที่คุณนายเหลิ่งบอกกับกล่าวเสียงเบาว่า “อาจเป็นไปได้ว่าคุณชายเป็นคนทำ แม้ว่าเขาจะดูไม่สนใจผู้หญิงที่ชื่อเจี่ยนอี๋นั่ว แต่เจี่ยนอี๋นั่วนั้นก็เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณชายอยู่ไม่น้อย เขาจะไม่ให้ความสนใจได้อย่างไร? เนื่องจากเขาเบื่อหน่ายกับผู้หญิงคนนั้นมากเขาจึงไม่ต้องการลูกของเธอ เป็นไปได้มากว่าเขาใช้เงินจ่ายให้กับคนขับและขอให้คนขับจงใจขับรถลงทะเล”

“ไร้สาระ! ถ้าเขาต้องการฆ่าเด็ก เหลิ่งเซ่าถิงเขาก็จ่ายเงินให้กับพยาบาลไปแล้ว ให้พยาบาลฆ่าเด็กไม่ง่ายกว่าหรือยังไง? ถ้าเขาตั้งใจฆ่าเด็ก ฉันจะโทษเขาไม่ได้ เขาเป็นพ่อของเด็กคนนั้นและแม้ว่าเด็กคนนั้นจะถูกจัดการ ฉันก็ไม่สามารถพูดหรือทำอะไรได้” คุณนายเหลิ่งกล่าวอย่างเย็นชา

“เป็นไปได้ไหม … ” ชายวัยกลางคนกระซิบ “แต่อาจไม่ใช่คุณชายเหลิ่งหมิงอัน เขาไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้เลย”

“ไม่จำเป็นไม่มีเหตุผล”

คุณนายเหลิ่งกล่าวและชำเลืองมองชายวัยกลางคน “ไม่ใช่ว่าไม่นานมานี้หมิงอันไปพบกับเจี่ยนอี๋นั่วหรือ? แม้ว่าคุณจะปกปิดเรื่องนี้และไม่ได้รายงานเรื่องนี้กับฉัน ฉันก็ไม่ได้หูหนวกหรือตาบอด ฉันไม่ได้พึ่งพาคุณคนเดียวในการกระจายข่าวต่างๆให้กับฉัน ฉันรู้ด้วยซ้ำว่าหมิงอันพูดอะไรกับอี๋นั่ว เขาบอกไม่ให้อี๋นั่วคลอดเด็ก เขายังคงคิดถึงอี๋นั่วอยู่เสมอ เขาจะทนได้อย่างไรให้เจี่ยนอี๋นั่วคลอดลูกของเหลิ่งเซ่าถิง ลูกสาวก็ช่างเถอะ เขาก็คงไม่ไหวกับเด็กชาย เหลิ่งหมิงอันและเหลิ่งเซ่าถิงนั้นมีสถานะแตกต่างกัน เรื่องที่เหลิ่งเซ่าถิงสามารถทำได้ เขานั้นทำไม่ได้ หากเขาซื้อพยาบาลและฆ่าเด็กจนตาย ศพที่ทิ้งไว้จะกลายเป็นหลักฐานของความผิดเขา วิธีนี้เท่านั้นที่เด็กจะหายตัวไปอย่างสมบูรณ์เพื่อที่จะไม่ให้หลักฐานหลงเหลือและสืบเรื่องราวถึงเขา”

ชายวัยกลางคนยิ้มแห้งๆและกล่าว “คุณชายเหลิ่งหมิงอัน ดูเหมือนเขาจะไม่เป็นคนที่ไม่รู้วิธีการทำคะแนน เขาดูไม่สามารถทำเพื่อหญิงสาวที่ชื่ออี๋นั่วได้มากเช่นนั้น ในความคิดของผม ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่อุบัติเหตุก็เป็นไปได้มากที่คุณชายเหลิ่งเซ่าถิงจะเป็นคนลงมือทำ…”

คุณนายเหลิ่งหรี่สายตามองไปยังชายวัยกลางคน “ใช่ เขาดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่ไม่รู้วิธีการอะไรนั่น ดังนั้น เขาจึงทำเรื่องราวเหล่านี้ เขาใช้เงินซื้อแก ทำให้แกมาโยนเรื่องราวและเพ่งเล็งเหลิ่งเซ่าถิงต่อหน้าฉัน? แกคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยงั้นสิ? เงินจำนวนมากในบัญชีของแก แกคิดว่าฉันหูหนวกตาบอดหรือไง? หรือคิดว่าฉันแก่แล้ว? ฉันอาจหลงๆลืมๆจนไม่รู้เรื่องราวอะไรงั้นสิ?”

ชายวัยกลางคนตกใจมากจนเข่าของเขาอ่อนแรงด้วยคำพูดของคุณนายเหลิ่ง เขาล้มลงกับพื้นและพูดอย่างเร่งรีบ “คุณนาย คุณนาย ปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ”

คุณนายเหลิ่งมองไปที่ชายวัยกลางคนและหัวเราะอย่างเย็นชา “แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินในบัญชีของแกมีอยู่เท่าไหร่งั้นสิ? แกคงจะหลงๆลืมๆไปจนต้องอยากให้ฉันเตือนความจำแกสินะ? แกเพิ่งรู้หรือว่าแกมีเงินก้อนโตขนาดนั้น ใครเป็นคนให้แกล่ะ? เหลิ่งหมิงอันใช่ไหม?”

ชายวัยกลางคนรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่คุณชายเหลิ่งหมิงอัน!”

“แกยังกล้าเรียกมันว่าคุณชายอีกเหรอ!” คุณนายเหลิ่งลุกขึ้น เดินเข้าไปใกล้ชายวัยกลางคนทีละก้าวทีละก้าวและพูดอย่างเย็นชา “แกกล้าดียังไง! ตระกูลเหลิ่งของเรามีคุณชายเหลิ่งหมิงอันตั้งแต่เมื่อไหร? แต่ไหนแต่ไรมาเรามีเพียงคุณชายเหลิ่งเซ่าถิงเท่านั้น!”

คุณนายเหลิ่งจ้องมองไปยังชายวัยกลางคนและพูดอย่างเย็นชา “แกคงคิดว่าเมื่อไม่นานมานี้ฉันจะจัดการเจี่ยนอี๋นั่วเลยคิดว่าฉันกับเหลิ่งหมิงอันจะรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแบบนั้นเหรอ? ฉันจะบอกแกให้ พวกแกคิดแบบนั้น พวกแกคิดผิด จะมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้อย่างไร เหลิ่งหมิงอันไม่เคยเป็นหลานชายของฉัน ตอนนี้หลานชายของฉันมีเพียงคนเดียวคือเหลิ่งเซ่าถิง!”

ชายวัยกลางคนรีบพยักหน้าและกล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ ได้โปรดคุณนายปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่ได้ทำอะไรจริงๆ คุณชายหมิงอัน…เอ่อ เหลิ่งหมิงอันเอาแต่ให้เงินผม ในตอนแรกผมก็ไม่ได้โอนเอนเลยจริงๆ แต่เขากลับให้ผมมากขึ้นเรื่อยๆและผมก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้…”

คุณนายเหลิ่งมองไปที่ชายวัยกลางคนและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกแกติดต่อกันอย่างไร?”

ชายวัยกลางคนสูดจมูกและร้องไห้จากนั้นก็กล่าวว่า “เนื่องจากกลัวเป็นเป้าสายตาผู้คน โดยปกติแล้วผมจะไม่พูดคุยกับเขา ผมกับเขากับส่งข้อความหากัน เขาขอให้ผมเวลาพบเจอเรื่องราวอะไรแล้วมาอยู่ต่อหน้าคุณก็พูดถึงเรื่องดีๆของเขาเยอะๆ โดยเฉพาะเรื่องนี้เขาอยากให้คุณคิดว่าเป็นคุณชายเป็นคนก่อเรื่อง สิ่งนี้จะเพิ่มความแตกแยกระหว่างพวกคุณ”

ชายวัยกลางคนพูดถึงตรงนี้ เขาเงยหน้าขึ้นและกล่าว “ผมทำแบบนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ผมแค่คอยพูดถึงเหลิ่งหมิงอันในเรื่องดีๆผมไม่ได้ทรยศคุณนายเลย”

คุณนายเหลิ่งยิ้มเยาะ “ถ้าหากว่าแกทำเรื่องอื่น แกคิดว่าตัวแกยังจะมีชีวิตแล้วมายืนอยู่ตรงนี้หรือ?”

ชายวัยกลางคนคุกเข่าและพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ได้โปรด ขอร้องคุณนายเห็นแก่พ่อแม่ผมเถอะ ปล่อยผมไปสักครั้ง พ่อแม่ของผมเสียสละชีวิตเพื่อคุณนาย ผมคิดว่าถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่และเห็นว่าผมทำอะไรผิดพลาดไป เขาจะต้องสอนผมอย่างดีและจะไม่ปล่อยให้ผมทำผิดพลาดอีก”

ชายวัยกลางคนพูดยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วจากนั้นเขาไอพร้อมกับกล่าว “คุณนาย ผมรู้แล้วว่าผมทำผิดไป”

คุณนายเหลิ่งสูดลมหายใจเข้าและขมวดคิ้ว “เดิมที แกทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ฉันไม่สามารถปล่อยแกไปได้ แต่เมื่อนึกถึงพ่อแม่ของแก ฉันก็จะไว้ชีวิตแก”

ชายวัยกลางคนกล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณ คุณนายขอบคุณ หลังจากนี้ผมจะทำเรื่องต่างๆให้กับคุณนายและจะไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบนี้อีกแล้ว”

คุณนายเหลิ่งเหลือบมองชายวัยกลางคนและกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่ต้องมาขอบคุณฉัน ที่ฉันไว้ชีวิตแกไม่ได้หมายความว่าจะยกโทษให้แก ถ้าฉันยกโทษให้แก คนอื่นก็จะมองว่าฉันนั้นแสนดี พวกแกก็จะทรยศฉันและกล่าวคำขอโทษให้ฉันยกโทษให้ ถ้าแบบนั้นฉันจะทำอย่างไรล่ะ? ฉันปล่อยแกไปแต่ฉันก็ต้องฆ่าใครอีกหลายคน”

ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นและจ้องมองคุณนายเหลิ่งด้วยดวงตาสีแดงก่ำและถาม “คุณนายเหลิ่ง คุณต้องการจะ…จะทำอย่างไรกับผม?”

คุณนายเหลิ่งมองไปที่ชายวัยกลางคนแล้วพูด “ของทุกอย่างที่ตระกูลเหลิ่งมอบให้แก ฉันจะเอากลับมาทั้งหมด ยกเว้นเสื้อผ้าบนร่างกายของแก อย่างอื่นแกไม่มีสิทธินำออกไปจากตระกูลเหลิ่ง”

ชายวัยกลางคนจ้องมองไปที่คุณนายเหลิ่งด้วยดวงตาเบิกกว้าง “นั่นไม่ใช่….ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเหลือ…”

คุณนายเหลิ่งยิ้มเยือกเย็นและกล่าว “รวมถึงเงินที่เหลิ่งหมิงอันให้แกด้วย นั่นไม่ใช่ของของแก มันคือของของตระกูลเหลิ่ง”

ชายวัยกลางคนร้องไห้ทันทีและพูดว่า “คุณนาย คุณทำกับผมแบบนี้ไม่ได้ นี่ไม่ต่างกับการตายเลย ผมยังมีเมียและลูกที่ต้องดูแล ผมไม่เหลืออะไรเลยไม่ได้ ผมอายุชนาดนี้แล้ว ถ้าหากว่าไม่มีอะไรเลยนั่นเท่ากับว่าบ้านผมกำลังพังทั้งหลัง!”

คุณนายเหลิ่งสบถในลำคออย่างเย็นชา “แกทำร้ายตัวเอง ฉันได้ยินมาว่าลูกชายของแกจะเข้าเรียนโรงเรียนหรูชื่อดังแล้วยังแอบอ้างว่าเป็นคุณชายของตระกูลเหลิ่งและเมียแกก็แต่งตั้งตัวเองเป็นคุณหญิงผู้สูงศักดิ์ แม้แต่คุณนายตระกูลอื่นก็ต้องประจบเขา แกไม่เคยคิดเลยว่าทั้งหมดนี้ที่แกมีอยู่เป็นเพราะตระกูลเหลิ่งทั้งนั้น พวกเราเองก็มีสิทธิ์ทวงคืน ครอบครัวแกเสพสุขกันมานานมากแล้ว ฉันจะรอดูว่าพวกแกจะอยู่กันอย่างไร!”

“คุณทำแบบนี้ไม่ได้!” ชายวัยกลางคนสะอื้นและเงยหน้าขึ้นมองคุณนายเหลิ่ง เขาร้องไห้และกล่าว “คุณนายอย่าทำแบบนี้ ผมจงรักภักดีมาตลอด ผมทำพลาดไปในเรื่องเล็กน้อย คุณอย่าทำแบบนี้กับผมเลยคุณนาย!”

คุณนายเหลิ่งยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฉันให้ได้ ฉันก็เอากลับคืนได้!”

“คุณอย่าทำแบบนี้ ได้โปรด! คุณอย่าทำตัวเป็นคนไร้ความรู้สึกเช่นนี้!” ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับตะโกนและมองไปที่คุณนายเหลิ่ง ดวงตาของเขานั้นแดงก่ำและมุ่งร้าย

ในเวลานี้มีเพียงคุณนายเหลิ่งและชายวัยกลางคนเท่านั้นที่อยู่ในบ้าน หากชายวัยกลางคนต้องการสังหารคุณนายเหลิ่ง คุณนายก็ไม่มีโอกาสต่อสู้กลับเลย คุณนายแอบผงะไปชั่วครู่กับท่าทางของเขา เธอจึงก้าวไปข้างหน้าทันทีแล้วเข้าไปหาชายวัยกลางคนพร้อมกับกล่าววาจาที่รุนแรง “ทำไม? แกกล้าที่จะต่อกรกับฉันงั้นหรือ?”

คุณนายเหลิ่งนั้นมีบุญคุณและอำนาจมานานแล้ว เดิมทีชายวัยกลางคนนั้นคิดจะฆ่า เมื่อมองเห็นการแสดงออกที่เด็ดเดี่ยวบนใบหน้าของคุณนายแล้วเขาก็รู้สึกหวาดกลัวจนความเกลียดชังที่มีก็ได้หายไป ชายวัยกลางคนทำได้เพียงคุกเข่าบนพื้นร้องไห้และตะโกนว่า “คุณนาย ยกโทษให้ผมด้วย!”

คุณนายเหลิ่งชี้ไปที่ประตูและตะโกนว่า “ไสหัวออกไป! ไม่งั้นเมียและลูกๆของแก ฉันจะส่งไปลงนรกให้หมด!”

ชายวัยกลางคนหดตัว เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่คุณนายเหลิ่ง และรีบคลานออกจากห้องของคุณนายในทันที คุณนายเหลิ่งเฝ้ามองชายวัยกลางคนจากไปแล้วค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้และถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พวกแก..พวกแกกล้ารวมหัวเพื่อที่จะต่อต้านฉัน? มันจะโต้ตอบแกกลับ โต้ตอบพวกแก!”

เมื่อครู่เธอกลัวที่จะถูกฆ่า คุณนายเหลิ่งนั้นไม่สามารถควบคุมอาการสั่นเทาของร่างกายเธอได้ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆที่ไหลออกมาจากขาของเธอ คุณนายเหลิ่งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ดวงตาของเธอเป็นสีแดงก่ำ “ไม่ ไม่ นี่ไม่ใช่ฉัน.. ฉันไม่…ไม่กลัวไอ้เด็กนั่น..จนฉันฉี่ใส่กางเกงหรอก ฉันคือ..คุณนายเหลิ่ง หัวห้นาตระกูลเหลิ่ง ฉันแตกต่างจากคนอื่น…”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท