หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 135 เจอศัตรูเก่าอีกครั้ง

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วอุ้มเจี่ยนซวงลูกน้อยเธอเข้าไปที่ห้องขังตัวเอง เจี่ยนอี๋นั่ววางตัวลูกน้อยลงบนเตียง เจี่ยนซวงลืมตาขึ้นก่อนจะหันหน้าเข้าไปทางกำแพงแล้วก็หลับต่อ

เจี่ยนอี๋นั่วตบเจี่ยนซวงเบาๆก่อนจะที่เธอแกะผมที่ถักเปียของออกอย่างระมัดระวัง และเปลี่ยนเสื้อผ้าลูกน้อย เจี่ยนซวงมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มก่อนจะนอนหลับต่อ เจี่ยนอี๋นั่วพับของเจี่ยนชวนเสร็จเธอก็เอาดอกไม้สองดอกที่ลูกน้อยติดไว้ที่ผมทั้งวันออก เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเธอก็บิดขี้เกียจครั้งหนึ่งก่อนจะหาวออกมา

ตั้งแต่ที่เธอลูก เจี่ยนอี๋นั่วก็ค้นพบว่าเวลาทั้งหมดนั้นไม่ใช่ของเธออีกต่อไป พลังเอเนอจี้ของเจี่ยนซวงนั้นล้นเหลือจนทำให้เธอแทบไม่มีเวลาว่างเลยทีเดียว เจี่ยนอี๋นั่วลูบไหล่ของตัวเองที่รู้สึกเมื่อยเบาๆ เธอถึงรู้ว่าวันนี้เยี่ยหมิงจูนั้นค่อนข้างเงียบเลยทีเดียว

เยี่ยหมิงจูไม่ใช่คนเก็บตัวหรือคนเงียบๆ แล้ววันนี้ก็เป็นเกิดของเจี่ยนซวงด้วย เมื่อก่อนหากเป็นวันเกิดของเจี่ยนซวง เยี่ยหมิงจูจะกระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ แต่ทำไมวันนี้เธอถึงได้แปลกไปนะ?

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วคิดได้เช่นนั้นเธอก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วถามเยี่ยหมิงจูที่นอนอยู่ชั้นบนว่า : “หมิงจู เธอเป็นอะไรรึเปล่า? วันนี้ไม่ค่อยพูดเลย เธอไม่สบายรึเปล่า?”

เยี่ยหมิงจูลืมตาของตนขึ้นก่อนจะหันหน้ามามองเจี่ยนอี๋นั่วพร้อมกับส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่ตอนฉันตื่นมาวันนี้รู้สึกเหนื่อยๆน่ะ อาจจะเป็นเพราะอายุเยอะ……”

“เธอเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เองนะ จะแก่ได้ยังไงกันล่ะ?” เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ : “เดี๋ยวฉันรินน้ำให้นะ ดื่มน้ำร้อนหน่อยน่าจะดีขึ้น”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดก่อนจะรินน้ำร้อน เพราะน้ำมันร้อนเลยไม่สามารถยื่นให้เยี่ยหมิงจูดื่มเลยทีเดียว เจี่ยนอี๋นั่วเลยหยิบแก้วออกมาสองใบเทเข้าออกซ้ำๆ เพื่อไล่ความร้อนให้อุณหภูมิของน้ำลดลงแล้วจึงยื่นมันให้เยี่ยหมิงจู : “ดื่มน้ำหน่อยนะ”

เยี่ยหมิงจูเงยหน้ามองตาของเจี่ยนอี๋นั่วแล้วยกมือขึ้นมารับน้ำ เจี่ยนอี๋นั่วจัดผ้าห่มให้ให้กับเยี่ยหมิงจู ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “เธอนอนพักผ่อนเถอะ”

หลังจากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วถึงได้ไปนอนบนเตียงของตัวเอง เยี่ยหมิงจูจับแก้วน้ำเอาไว้ เธอรู้สึกได้ถึงความอุ่นของน้ำ แะแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมา เยี่ยหมิงจูเพิ่งมารู้ข่าววันนี้ ไม่กี่วันก่อนคนๆนั้นเกือบตายไปแล้ว เยี่ยหมิงจูไม่กล้าจะจินตนาการออกมาเลยว่าถ้าเกิดคนนั้นตายไป เจี่ยนอี๋นั่วกับเจี่ยนชวนจะเป็นยังไง? พวกเธอทั้งสองคนแม่ลูกก็จะไม่มีใครปกป้องอีกแล้ว เพียงเยี่ยหมิงจูคิดถึงตอนนี้เธอก็หลับตาลงอย่างข่มขื่น ไม่กี่มานี้ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือเท็จ เยี่ยหมิงจูก็ชินกับการมีอยู่ของเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงไปแล้ว เธอไม่ต้องการให้ชีวิตของทั้งสองแม่ลูกนั้นโดดเดี่ยวไปมากว่านี้อีกแล้ว และเธอก็ไม่ต้องการให้คนพวกนั้นคิดจะรังแกทั้งสองแม่ลูกอีก

เยี่ยหมิงจูหวังว่าเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงนั้นใช้ชีวิตที่ดีมากกว่านี้ เพราะพวกเธอทั้งสองแม่ลูกคู่ควรที่จะมีอนาคตที่ดีกว่านี้

เจี่ยนอี๋นั่วกอดลูกน้อยของเธอเจี่ยนซวง เธอมองขึ้นไปที่เตียงของเยี่ยหมิงจูก่อนจะหลับตาลงช้าๆ เจี่ยนซวงก็เหมือนกับเหนียนโต้วเปาเลยที่ตัวติดคนเป็นแม่อย่างนี้

เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าเธอเพิ่งนอนได้ไม่เท่าไหร่ เจี่ยนชวงก็หาวก่อนจะตื่นขึ้นแล้วเขย่าตัวเจี่ยนอี๋นั่วแล้วเรียกคนเป็นแม่เบาๆ : “หม่าม้าคะ ตื่นเร็วค่ะ ชวงชวงปวดฉี่!”

เจี่ยนอี๋นั่วลืมตาขึ้นก่อนจะอุ้มเจี่ยนซวงแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จเจี่ยนซวงก็บ่นว่าหิวทันที เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มก่อนที่เธอจะดึงเสื้อของเจี่ยนซวงเพื่อปกปิดท้องน้อยๆที่โผล่ออกมา ก่อนจะพูดกับลูกว่า : “ยังจะกินอีกหรอคะ เสื้อผ้าปิดพุงหนูไม่มิดแล้วนะ”

“นั่นเป็นเพราะว่าชวงชวงโตขึ้นไงคะ” เจี่ยนซวงทำปากงุ้ยๆ

“ชู่ เบาๆหน่อยค่ะ อย่าไปรบกวนเวลาพักผ่อนคนอื่นเขา” เจี่ยนอี๋นั่วมองดูนักโทษหญิงที่นอนอยู่รอบๆ พร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาทำท่าห้ามเสียงดังให้ลูกดู

เจี่ยนซวงรีบปิดปากของตนเองทันที ก่อนจะกระซิบพูดกับแม่เบาๆ : “เจี่ยนซวงจะไม่พูดเสียงดังค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วมองเจี่ยนซวงที่สวมเสื้อกันหนาวก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดเสียงเบาว่า : “จริงด้วย เสื้อตัวนี้คงต้องแก้หน่อยแล้ว ต้องเย็บหน่อยแล้วไม่อย่างนั้นล่ะก็พุงต้องโผล่แน่เลย เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็หยิบเสื้อตัวใหญ่อีกตัวขึ้นมาแล้วเปลี่ยนให้เจี่ยนซวง เพราะว่าพวกเธออยู่ในเรือนจำ การซักผ้าจึงไม่สะดวก แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็พยายามที่จะซักเสื้อผ้าของเจี่ยนซวงนั้นสะอาดสะอ้านอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าของเจี่ยนชวง เจี่ยนอี๋นั่วก็พับให้จนเรียบก่อนจะสวมให้เจี่ยนชวง แต่เพราะในเรือนจำไม่ได้มีน้ำร้อน ฤดูร้อนก็จะดีหน่อย พอถึงฤดูหนาวทีไร การทำความสะอาดแบบนี้ทำเอานิ้วของเจี่ยนอี๋นั่วน้ันมีอาการบวมอย่างรุนแรง ราวกับแครอทเลยทีเดียว

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจี่ยนซวงเรียบร้อยแล้ว เธอก็เตรียมซีเรียลสำหรับลูกน้อย ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าตัวอื่นขึ้นมาแล้วก็คิดว่าจะแก้มันยังให้ใส่แล้วมันดูเหมาะกับเจี่ยนซวง

เจี่ยนอี๋นั่วทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก่อนที่นักโทษคนอื่นจะตื่น จากนั้นเธอก็ไปทำงาน จริงๆแล้วทุกคนก็ดูแลเธออย่างดี แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากให้คนอื่นเป็นฝ่ายจัดการให้เธอตลอด

“เธออยู่ในห้องขังนี้แล้วกัน” ผู้คุมนักโทษเดินมาที่ห้องขังอย่างกระทันหันพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อเธอเห็นว่าห้องขังถูกเปิดประตูออกแล้วมีผู้หญิงที่สวมใส่ชุดนักโทษเดินเข้ามา ณ ตอนที่เธอเห็นผู้หญิงคนนั้น เธอก็ลุกขึ้นยืนทันทีทันใด ก่อนจะดึงเจี่ยนชวงเข้ามาหาตนตามสัญชาตญาณ

เฉิงซานซาน? เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?

เฉิงซานซานผอมมาก ผมของเธอก็ขึ้นสีขาวแล้วด้วย ใบหน้าของเธอผอมซูบ ขอบตาของเธอก็ดำ เธอมองไปรอบๆด้วยตาที่หมองคล้ำของเธอก่อนจะหยุดสายตาของเธอที่ร่างของเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะเปิดปากหัวเราะออกมา : “ฮ่าๆ เจี่ยยนอี๋นั่วเองหรอ? ฉันยังได้มาเจอเธออีกหรอเนี่ย! ฮ่าๆๆ!”

เสียงหัวเราะของเธอนั้นน่ากลัวมากๆ จนทำให้เจี่ยนซวงตกใจจนไปหลบอยู่ด้านหลังของเจี่ยนอี๋นั่วทันที ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า : “หม่าม้าคะ หนูกลัว…….”

เจี่ยนอี๋นั่วหันไปหาผู้คุมนักโทษ : “ขอโทษนะคะคุณผู้คุม ฉันขอเปลี่ยนห้องขังค่ะ ฉันกับผู้หญิงคนนี้เคยมีเรื่องข้องใจต่อกัน ฉันไม่สามารถอยู่ห้องขังเดียวกันกับเขาได้ค่ะ”

ผู้คุมนักโทษขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะพูดเสียงต่ำไปว่า : “ฉันเคยดูประวัติของหล่อนมาแล้ว ฉันรู้เรื่องระหว่างเธอสองคนด้วย แต่ว่าห้องขังของหล่อนกำลังปรับปรุง ตอนนี้ก็มีแค่ห้องของเธอที่เตียงว่างอยู่ นี่เป็นคำสั่งจากหัวหน้า ฉันขัดคำสั่งไม่ได้หรอกนะ ปล่อยให้หล่อนอยู่กับเธอไปสักสองสามวันเถอะ อีกสองวันก็จะมีเตียงว่าง ฉันจะมาย้ายหล่อนไปเอง ฉันก็กลัวว่าถ้าเธอกับหล่อนอยู่ห้องขังเดียวกันแล้วจะเกิดปัญหาขึ้นเหมือนกัน แล้วในห้องนี้ก็ยังมีซวงซวงอยู่ด้วยอีก………”

เมื่อผู้คุมพูดมากขนาดนี้แล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วเช่นกัน ผู้คุมนักโทษคอยดูแลเธอมาโดยตลอด อย่างตอนนี้ที่ผู้คุมไม่สามารถขัดคำสั่งได้ ดูแล้วเรื่องนี้ผู้คุมไม่ได้มีอำนาจในการจัดการด้วย

เจี่ยนอี๋นั่วทำได้เพียงขมวดคิ้วแล้วก็พยักหน้าเพียงเท่านั้น ก่อนที่เธอจะตอบกลับไปว่า : “ฉันเชื่อคุณก็ได้ค่ะ”

เฉิงซานซานมองไปที่เด็กน้อยที่พุงยื่นออกมาอย่างเจี่ยนซวงก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาพร้อมกับฟันเหลืองๆของเธอแล้วพูดว่า : “มานี่หน่อยสิ มาให้น้ากอดหน่อยเร็ว หนูเป็นลูกสาวของเจี่ยนอี๋นั่วใช่มั้ย น้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแม่หนูเลยนะ”

“หม่าม้าคะ หนูกลัว…….” เจี่ยนซวงคว้าร่างของเจี่ยนอี๋นั่วทันทีเพื่อให้คนเป็นแม่อุ้มเธอ

“612 ทำตัวดีๆหน่อย อีกสิบปีเธอก็ได้ออกจากที่นี่แล้ว อย่าทำตัวให้เป็นปัญหาอีกล่ะ” ผู้คุมนักโทษสั่งด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

เฉินซานซานยิ้มออกมาอย่างแปลกๆก่อนที่จะหันหน้าไปมองผู้คุมนักโทษแล้วค่อยๆยกมือของตัวเองขึ้นก่อนจะทำความเคารพ : “รับทราบค่ะ คุณผู้คุม”

ผู้คุมนักโทษถอนหายใจก่อนจะหันไปมองนักโทษคนอื่นๆที่ตื่นนอนแล้ว : “พวกเธอช่วยกันดูแลเด็กด้วยนะ”

นักโทษคนอื่นๆพยักหน้า เยี่ยหมิงจูก็พยักหน้าด้วยเช่นกันก่อนที่เธอจะขมวดติ้วใส่เฉิงซานซาน ผู้คุมมองเข้าไปในห้องผู้ต้องขังอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ : “งั้นก็ไม่ต้องงงงวยอะไรกันแล้วนะ ไปเตรียมตัวได้แล้ว รีบๆลุกจากที่นอน”

หลังจากที่เธอพูดจบเธอถึงได้เดินจากไปก่อนที่จะเรียกให้นักโทษคนอื่นๆตื่นอน เฉิงซานซานลุกขึ้นก่อนจะมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วพร้อมกับยกยิ้มแล้วพูดว่า : “อี๋นั่ว ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะมีลูกเร็วขนาดนี้แล้ว ลูกสาวเธอนี่น่ารักจังเลยนะ แต่เสียดายที่ลูกฉันกับหมิงเซวียนไม่อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็ลูกของเราคงจะแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันได้ แต่ถึงฉันจะไม่มีลูกชายแล้ว แต่คิดถึงตอนที่ฉันออกจากที่นี่ แล้วมีลูกชายอีกคนกับหมิงเซวียนได้ แต่เธอก็ทำให้หมิงเซวียนต้องตาย ทุกอย่างของฉันมันถูกเธอ…..”

เฉิงซานซานพูดพร้อมกับเก็บใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเธอเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ราวกับว่าจะร้องไห้ : “เธอพรากมันไปจากฉันทั้งหมด ฉันเกลียดเธอ จนอยากจะฆ่าเธอให้ตาย เธอทำให้หมิงเซวียนเอาลูกไปจากฉัน ทำไมเธอถึงเลวได้ขนาดนี้ ? ฉันแค่ผลักเธอตกบันไดเพื่อทำลายเด็กในท้องนั่นเพื่อช่วยเธอนะ เธอทำให้ฉันต้องมาอยู่ในเรือนจำแบบนี้ ถ้าฉันไม่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ ลูกชายของฉันก็คงไม่ตาย ถ้าฉันได้อยู่กับหมิงเซวียน หมิงเซวียนก็คงไม่ทำอะไรโง่ๆ ไม่แอบกิ๊กกันกับเธอต่อหรอกนะ เจี่ยนอี๋นั่ว…..เธอนี่มันเลวจริงๆ เลว มีใครที่เลวได้มากกว่าเธออีกมั้ย?”

“แต่พอฉันเจอลูกสาวของเธอ จู่ๆฉันก็ไม่เกลียดเธอแล้วสิ ไม่อยากฆ่าเธอแล้วด้วย” ใบหน้าของเฉิงซานซานปรากฏรอยยิ้มแปลกๆขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วอีกครั้งพร้อมกับพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงโทนต่ำว่า : “เอาเด็กคนนี้มาให้ฉันสิ เอาเด็กคนนี้มาชดใช้แทนเธอ…..”

เฉิงซานซานมองไปที่แขนอ้วนกลมของเด็กน้อย ก่อนจะเลียริมฝีปากของตนเอง : “ดูแล้วเด็กคนนี้ช่างมีเนื้อมีหนังดีจริงๆเลยนะ ถ้าเกิดได้กัดสักคำ คงจะอร่อยมาก……”

เจี่ยนซวงรีบย่อตัวลงหลบอยู่ด้านหลังของเจี่ยนอี๋นั่วมทันที เจี่ยนอี๋นั่วดอกลูกไว้แน่นพร้อมกับปิดหูของเจี่ยนชวง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น : “ถ้าเธอยังพูดอะไรไร้สาระอยู่อย่างนี้อีก ฉันจะตัดลิ้นของเธอทิ้งซะ”

เฉิงซานซานแลบลิ้นของตนเองออกมา ลิ้นสีแดงของเธอนั้นแลบออกมายาวมาก ราวกับผีที่ถูกแขวนคอตาย เฉิงซานซานแลบลิ้นออกมาด้วย แล้วพูดอย่างคลุมเคลือไปด้วยว่า : “เธอลองสิ ทำต่อหน้าลูกสาวของเธอเลย มาตัดลิ้นฉันเลยสิมา แล้วก็เอาไปต้มให้ลูกสาวเธอกินซะสิ มันคงจะอร่อยมากๆเลยล่ะ……”

เจี่ยนอี๋นั่วถอยหลังมาหนึ่งก้าวพร้อมกับกอดเจี่ยนซวงไว้แน่น และมองไปที่เฉิงซานซานอย่างระมัดระวัง เฉินซานซานค่อยๆเก็บลิ้นของเธอเข้าไปและปิกปากของเธอ ก่อนจะหัวเราะขึ้นอย่างเสียงดัง : “เจี่ยนอี๋นั่ว เธอกลัวงั้นหรอ? เธอกลัวฉันแล้วหรอ? เธอเป็นถึงคุณนายชั้นสูงขนาดนั้น ตอนนี้เธอกับฉันก็เป็นนักโทษเหมือนกัน เธอมีสิทธิ์ตัดสินอะไรตั้งมากมาย ตอนนี้เธอกลัวแม้แต่อย่างฉันแล้วหรอ”

เฉิงซานซานหรี่ตามองเจี่ยนซวง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มแปลกๆของเธอว่า : “ยัยเด็กอ้วนคนนี้ทำให้เธอเปลี่ยนไปขนาดนี้ ถ้าเกิดยัยเด็กนี่ตายขึ้นมา เธอคงจะเสียใจมากเลยสินะ!”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท