หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 137 หนักแผ่นดิน

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มก่อนที่จะอุ้มเจี่ยนซวงลูกสาวของเธอกลับไปที่ห้องขัง เมื่อเธอเห็นเฉิงซานซาน รอยยิ้มของเจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆหายไปทันที เจี่ยนอี๋นั่วทำได้เพียงทำเป็นมองไม่เห็นเฉิงซานซาน เธออุ้มเจี่ยนชซงเอาไว้ก่อนจะแช่ซีเรียลให้ลูกน้อยแล้วค่อยเอาช้อนมาป้อนเจี่ยนซวง

เจี่ยนซวงหัวเราะเอิ้กอ้าก เธอเพิ่งกินซีเรียลไปได้เพียงสองคำ ก็มีเสียงไซเรนดังขึ้น เจี่ยนซวงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปมองรอบๆ : “หม่าม้าคะ นั่นเสียงอะไรหรอกคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้ยินเสียงไซเรนแบบนี้นี้มาก่อน เธอส่ายหัวไปมา : “หม่าม้าก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…….”

ในขณะนั้นผู้คุมนักโทษก็เดินผ่านมา ก่อนจะตะโกนเสียงดัง : “ทุกคนไม่ต้องแตกตื่นนะ วงจรไฟฟ้าของเมืองมีปัญหานิดหน่อยน่ะ ขอให้ทุกคนออกมาให้หมด มายืนตามเลขห้องขังที่ฉันจัดไว้ด้วย”

จากนั้นนักโทษแต่ละคนก็พากันออกมาจากห้องขังของตัวเอง หลังจากที่ออกมาแล้ว ก็มีกลุ่มควันโขมงลอยมาเต็มไปหมด นี่มันเรื่องเล็กที่ไหนกันล่ะ กลัวว่าจะเป็นไฟไหม้รุนแรงน่ะสิ

“อะแฮ่กๆ……ผู้คุมคะ นี่ไฟไหม้แล้วรึเปล่าคะ?” นักโทษหญิงคนนึงไอไปด้วยพูดไปด้วย

“ห้ะ? ไฟไหม้หรอ? จริงหรอ? มันจะไหม้มาถึงตรงนี้มั้ยเนี่ย?” มีคนกลัวจนพูดขึ้นมาอย่างแตกตื่น

ผู้คุมนักโทษพูดขึ้นอย่างสงบ : “ไม่เป็นไรนะ พวกเธอไม่ต้องกลัวหรอก ตอนนี้รถดับเพลิงกำลังมา พวกเราก็กำลังช่วยดับเพลิงอยู่ ตอนนี้ให้ทุกคนเข้าแถวกันก่อน ฉันจะพาพวกเธอไปที่สนามออกกำลังกาย”

“ทำไมจะไม่กลัวล่ะคะ? นานๆผู้กำกับจะมาตรวจทีนึง แต่ก็ยังเพลิงไหม้อย่างงั้นหรอ? พวกคุณยังมีเวลามามาปลอบพวกเราอยู่อีกหรอคะ ทำงานกันยังไงกันเนี่ย?” นักโทษที่ค่อยข้างดุคนนึงเดินออกมา

เมื่อผู้คุมนักโทษเห็นผู้หญิงคนนี้เธอก็รีบทำความเคาารพทันที : “หัวหน้าแผนกฉู เราประมาทเองค่ะ ตอนนี้เรากำลังจัดการดับเหลิงอยู่”

ผู้ผญิงที่ถูกเรียกว่า ‘หัวหน้าแผนกฉู’ เม้มปากก่อนจะมองไปที่หัวหน้าผู้คุม ก่อนจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไป : “ถึงแม้ว่าเราไม่ได้เห็นด้วยกับการทุบตีหรือมีปากเสียงกันในเรือนจำ แต่ฉันคงใจดีกับนักโทษมากเกินไปสินะ ดูสิตอนนี้เพลิงไหม้ ผู้คุมไปดับเพลิงกัน แต่นักโทษกลับเดินออกมาอย่างนี้ พวกเธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าทุกคนควรพยายามร่วมมือกันแล้วเผชิญหน้ากับความเสี่ยงนี่หรอ? ไม่ควรจะไปช่วยกันดับไฟหรอ? เกิดอุบัติเหตุขึ้นแบบนี้แล้ว มันทำให้หัวหน้าไม่พอใจแล้วแน่ๆ ถ้ายังไม่ช่วยกันดับไฟอีกล่ะก็ ฉันว่าต้องอยู่กับคนหนักแผ่นดินพวกนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ”

“แต่ว่า……” หัวหน้าผู้คุมกำลังจะพูด

หัวหน้าแผนกยกมือขึ้นก่อนที่เธอจะขมวดคิ้ว : “พอ ฟังที่ฉันสั่งก็พอ คัดคนสักกลุ่มจากห้องขังนี้ไปดับไฟซะ พวกเธอมาอยู่ที่นี่เพื่อปรับพฤติกรรมนะ ไม่ได้มาเป็นคุณหญิงคุณนาย”

หัวหน้าแผนกฉูมองไปที่เฉิงซานซานก่อนจะพูดออกมาว่า : “คนผอมๆแบบนี้ไม่ต้องเอาไปล่ะ ตายตรงนี้ยังต้องเขียนรายงานอีก มันยุ่งยากพอละ……”

หัวหน้าแผนกฉูมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วที่อุ้มเจี่ยนซวงอยู่ตอนนี้ ก่อนจะพูดขั้นว่า : “นี่มันอะไรกัน? ทำไมถึงได้อุ้มลูกอยู่อย่างนี้ล่ะ? ที่นี่มันเรือนจำหรือโรงเรียนอนุบาลหรอ?”

ผู้คุมรีบก้าวออกไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นว่า : “หัวหน้าแผนกคะ นี่คือเจี่ยนอี๋นั่วค่ะ เธอเป็นนักโทษในกรณีพิเศษ”

“อ๋อ…….” หัวหน้าแผนกฉูมองหน้าเธอพร้อมกับคลายคิ้วที่ขมวดของเธอ ก่อนจะพูดขึ้น : “นี่เจี่ยนอี๋นั่วเองหรอ ที่ฆ่าอ่ะนะ แล้วยังจะมาคลอดลูกในเรือนจำนี่อีกหรอ? ตอนนั้นฉันลงความเห็นกับผู้กำกับแล้วว่าคนอย่างเธอไม่ควรจะมีลูก เปลืองภาษีแย่เลยว่ามั้ย? คนหนักแผ่นดินแบบนี้ลูกก็คงจะ……”

หัวหน้าแผนกถึงตรงนี้ก่อนจะเบะปากแล้วมองไปที่เจี่ยนซวง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า : “ลูกที่เกิดมาก็คงหนักแผ่นดินเหมือนกัน”

หัวหน้าแผนกจ้องหน้าเจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะยกมือขึ้นมาตบเจี่ยนอี๋นั่ว พร้อมกับตะโกนเสียงดัง : “ที่แกกล้ามองหน้าฉันหรอ? ที่ฉันพูดมันไม่ถูกรึไง? ฉันเห็นแกได้รับการดูแลมาเยอะนี่ ถึงเวลาแล้วที่แกต้องชดเชยให้แก่รัฐบาล คนที่จะไปดับไฟครั้งนี้ก็รวมแกไปด้วยนึงแล้วกัน…….”

ใบหน้าที่โดนตบของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นแดงขึ้น เด็กน้อยเจี่ยซวงที่อยู่ในอ้อมอกของแม่ร้องไห้ขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดขึ้นเสียงดัง : “หม่าม้า………อย่าทำหม่าม้าหนู…….”

“ขอโทษนะคะหัวหน้าแผนก เธอต้องดูแลลูกของเธอ ให้ฉันไปแทนนะคะ” เยี่ยหมิงจูรีบพูด

หัวหน้าแผนกฉูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ดี งั้นเธอก็ไปสิ ไปกันทั้งสองคนเลยนะ รู้ตัวมั้ยว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? ยังจะมาทำตัวเป็นฮีโร่ในเรือนจำนี้อีก ไปดับไฟซะเธอสองคน ห้ามขาดแม้แต่คนเดียวนะ”

“คุณจะมากเกิน……..” เยี่ยหมิงจูพูดถึงตรงนี้ เจี่ยนอี๋นั่วก็เอื้อมมือมาห้ามเธอทันที ก่อนจะส่ายหัว

ดูแล้วหัวหน้าแผนกคนนี้จะไม่สนใจความเห็นของนักโทษเลยที่โต้เถียงกับเธอ อีกทั้งยังทำให้หัวหน้าแผนกเกลียดชังพวกเธอเขาไปอีก หากถึงตอนนั้นแล้วมันจะทำให้พวกเธอนั้นไม่ราบรื่น และแบบนี้จะทำให้ผู้คุมลำบากใจไปด้วย

เจี่ยนอี๋นั่วรีบพูดขึ้นทันที : “รับทราบค่ะ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

“แล้วเจี่ยนซวงล่ะจะทำยังไง?” เยี่ยหมิงจูขมวดคิ้วก่อนที่จะมองไปที่ใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำตาจากการร้องไห้ของเจี่ยนชวง

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า หัวหน้าแผนกผู้อาวุโสที่เอาแต่ตอนนักโทษแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่เธอไม่สามารถมาอธิบายเหตุผลได้ เจี่ยนอี๋นั่วจึงทำได้เพียงส่งลูกน้อยเจี่ยนซวงที่เธออุ้มอยู่นั้นให้กับนักโทษที่เธอสนิคุ้นเคยด้วย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง : “รบกสนช่วยดูซวงซวงให้ฉันหน่อยนะ……อย่าให้ซวงซวงไปกับคนอื่นนะ…….ขอล่ะ รบกวนเธอด้วยนะ!”

เจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะหันไปมองหน้าเฉิงซานซานที่ยืนอยู่ตรงหัวมุม นักโทษหญิงคนนั้นตอบตกลง : “วางใจได้เลย ฉันจะดูแลลูกเธอเอง”

แต่เจี่ยนซวงนั้นเกาะอยู่บนร่างของเจี่ยนอี๋นั่วราวกับปลาหมึก เธอร้องไห้ : “ซวงซวงจะอยู่กับหม่าม้าค่ะ หม่าม้าเจ็บ ซวงซวงจะอยู่กับหม่าม้า……”

เจี่ยนอี๋นั่วผลักตัวลูกของเธอเจี่ยนซวงออก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น : “ซวงซวงค่ะ ฟังไว้นะคะ อย่าไปเล่นที่ไหนคนเดียวนะ ต้องอยู่กับคุณแม่คนสวยคนนี้นะคะ ถ้าเกิดหนูหาคุณแม่คนสวยคนนี้ไม่เจอ ต้องวิ่งไปหาคุณแม่ผู้คุม เข้าใจมั้ยคะ? เมื่อกี้……..”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ก่อนที่เธอจะพยายามที่จะยิ้มออกมา แล้วพูดกับลูก : “เมื่อกี้คุณป้าคนนั้นเขาแค่เล่นกับหม่าม้าค่ะ ไม่ต้องกลัวนะคะ หม่าม้าไม่เจ็บ………”

เจี่ยนซวงทั้งร้องไห้ทั้งส่ายหัว : “ไม่เอาค่ะ……หนูจะอยู่กับหม่าม้า…….”

“พอสักที แสดงให้ใครดูอยู่หรอ? รีบไปได้แล้ว ไม่อย่างงั้นถ้าไฟมันลามล่ะก็ เธอต้องรับผิดชอบ! ฉันจะบอกอะไรให้นะ เธอถูกดูแลและปฏิบัติอย่างดีมาแล้ว คำพูดของฉันแค่คำเดียว ก็สามารถทำให้คนอื่นไม่ทำแบบนั้นกับเธออีกได้ เธอรู้ใช่มั้ย? เด็กคนนี้ไม่สมควรมาเลี้ยงให้เติบโตในเรือนจำนี้ด้วยซ้ำ น่าจะถูกส่งให้ไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโน่น!” หัวหนเาแผนกตะโกนพูด

เจี่ยนอี๋นั่วตกใจจนตัวสั่น ก่อนเธอจะรีบผลักลูกออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพูดว่า : “ซวงซวง รอหม่าม้ากลับมานะคะ”

เพียงหัวหน้าแผนกคนนั้นพูดจบ เธอก็หันหลังเพื่อหาคนมารวมเป็นกลุ่ม เจี่ยนซวงยังคงร้องไห้ เธอยื่นมือเล็กๆของเธอออกมาเพื่อคว้าเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะร้องไห้เสียง : “หม่าม้าคะ…….หม่าม้ามากอดชวงชวงหน่อย…….”

เจี่ยนอี๋นั่วกัดฟันตัวเองพร้อมขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะเดินจากไป เยี่ยหมิงจูขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะเดินตามเจี่ยนอี๋นั่วไป พร้อมพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า : “เธอให้คนนั้นดูแลซวงซวง จะไหวมั้ยน่ะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ : “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เยี่ยหมิงจูขมวดคิ้วก่อนจะพูดอย่างเสียดายว่า : “ถ้าเมื่อกี้ฉันไม่พูดแบบนั้น ฉันคงได้อยู่ดูแลซวงซวงแล้ว!”

แต่เธอพูดไปแล้วมันก็จบแล้วล่ะ เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจอย่างโล่งใจ : “เธอหวังดีนี่ ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวพวกเราก็ได้กลับไปแล้วล่ะ!”

เจี่ยนอี๋นั่วเมื่อพูดถึงตรงนี้เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เธอเองไม่เชื่อคำพูดของตัวเองเหมือนกัน ในใจเธอนั้นกระวนกระวายมาก แต่ว่าตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในเรือนจำแห่งนี้ เธอก็ไม่มีอิสระภาพเลย แม้แต่ให้เธออยู่กับลูกอย่างสงบๆก็ไม่มี ตอนที่เธอไม่ได้อยู่ในเรือนจำแห่งนี้ เจี่ยนอี๋นั่วไม่คิดว่าการได้มาเป็นนักโทษที่นี่เป็นการปิดกั้นเธอ เพียงแค่เธอทำตามคำสั่งอย่างสัตย์ซื่อ เธอก็คงไม่แย่ขนาดนี้

แต่หลายปีที่เจี่ยนอี๋นั่วเข้ามาอยู่ในเรือนจำแห่งนี้นั้น เจี่ยนอี๋นั่วถึงได้ค้นพบว่าการมาอยู่ที่นี่เป็นเหมือนการที่เธอถูกริดรอนสิทธิ์โดยสิ้นเชิง เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดคำว่า ‘ไม่’ เลยด้วยซ้ำ และไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ การกระทำทั้งหมดของเธออยู่ภายใต้การเฝ้าระมัดระวัง ต้องคุ้นชินกับการอาบน้ำต่อหน้าคนอื่น และเปิดเผยทุกอย่างของตัวเอง

ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วหวังว่าไฟที่กำลังลุกไหม้อู่นี้ดับให้เร็วที่สุด เพื่อที่เธอจะได้กลับไปอยู่กับเจี่ยนซวงลูกของเธอ ตอนนี้มีเฉิงซานซานอยู่ในนี้ด้วย เจี่ยนอี๋นั่วจึงไม่วางใจ

ตั้งแต่ที่เจี่ยนอี๋นั่วออกไป เจี่ยนซวงเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดและดิ้นไม่หยุดเช่นกัน เธอเอาแต่ตะโกนว่าจะหาแม่อย่างเดียว นักโทษที่อุ้มเจี่ยนซวงอยู่นั้นเดินตามนักโทษคนอื่นๆไปที่สนามกีฬา พอเดินไปถึงแล้วเธอก็ทนแรงดิ้นของเจี่ยนซวงไม่ไหว จึงวางเจี่ยนซวงลง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “ซวงชซวง หนูอย่าดิ้นไปมาอย่างนี้ได้มั้ย? หนูไม่รู้หรอว่าตัวเองหนักขนาดไหนอ่ะ? ไม่รู้เลยว่ปกติแม่หนูอุ้มหนูยังไง หนักจนเอวแทบหักแล้วเนี่ย”

“หนูจะไปหาหม่าม้า……..หนูจะเอาหม่าม้า…….” เจี่ยนซวงพูด ก่อนจะออกจากอ้อมแขนของนักโทษคนนั้น พร้อมกับหันหลังแล้ววิ่งออกไป

“เห้……..หนูอย่าวิ่งนะ!” เธอตะโกนเรียกเจี่ยนซวง

แต่เธอวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ค่อยๆหยุดลง ก่อนจะยืนนิ่งแล้วขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นมา : “ซวงซวง ซวงชซวงกลับมานะ”

แต่เจี่ยนซวงนั้นไม่หยุด ซ้ำยังวิ่งไปเร็วกว่าเดิมอีกด้วย เธอกระทืบเท้าก่อนจะขมวดคิ้วอย่างโมโห : “ทำไมวิ่งไปแบบี้ล่ะเนี่ย? ทำยังไงดีล่ะทีนี้?”

หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็หันหลังกลับไปที่กลุ่มนักโทษทันที ก่อนจะบอกผู้คุมนักโทษว่า : “คุณผู้คุมคะ ซวงซวงวิ่งหายไปแล้วค่ะ”

ผู้คุมขมวดคิ้ว : “นี่เธอไปทำท่าไหน? แค่เด็กคนเดียวก็เอาไว้ไม่อยู่หรอ?”

นักโทษหญิงคนนั้นร้องไห้ออกมาอย่างวิตกกังวล : “ซวงซวงหนักเกินไปค่ะ ฉันอุ้มเธอจนแรงแทบจะไม่เหลือแล้ว เธอดิ้นแรงด้วย ปกติเธอว่าง่ายมากนะคะ ฉันคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าวันนี้เธอจะไม่เชื่อฟัง ถ้าฉันรู้ฉันก็ไม่รับปากดูเธอหรอกค่ะ”

“แล้วเธอมาพูดเอาตอนนี้มันมีประโยชน์มั้ย?”ผู้คุมรีบหยิบเครื่องส่งรับวิทยุขึ้นมา : “ทุกคนตั้งใจฟัง ซวงซวงหายไป ถ้ามีคนเจอเธอ รีบพาซวงซวงมาที่สนามกีฬาด้วย ทราบแล้วเปลี่ยน ทราบแล้วเปลี่ยน!”

“ทราบ!” ผู้คุมที่พาเหล่าคนดับไฟในทีมของเจี่ยนอี๋นั่วมองใบหน้าที่ซีดเซียวของเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะตอบกลับไป

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วขึ้น ก่อนที่จะมองไปที่ผู้คุมคนนั้นพร้อมกับพูดกับผู้คุม : “ผู้คุมคะ ฉันขอออกจากทีมดับไฟไปหาซวงซวงได้มั้ยคะ?”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน