เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มก่อนที่จะอุ้มเจี่ยนซวงลูกสาวของเธอกลับไปที่ห้องขัง เมื่อเธอเห็นเฉิงซานซาน รอยยิ้มของเจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆหายไปทันที เจี่ยนอี๋นั่วทำได้เพียงทำเป็นมองไม่เห็นเฉิงซานซาน เธออุ้มเจี่ยนชซงเอาไว้ก่อนจะแช่ซีเรียลให้ลูกน้อยแล้วค่อยเอาช้อนมาป้อนเจี่ยนซวง
เจี่ยนซวงหัวเราะเอิ้กอ้าก เธอเพิ่งกินซีเรียลไปได้เพียงสองคำ ก็มีเสียงไซเรนดังขึ้น เจี่ยนซวงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปมองรอบๆ : “หม่าม้าคะ นั่นเสียงอะไรหรอกคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้ยินเสียงไซเรนแบบนี้นี้มาก่อน เธอส่ายหัวไปมา : “หม่าม้าก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…….”
ในขณะนั้นผู้คุมนักโทษก็เดินผ่านมา ก่อนจะตะโกนเสียงดัง : “ทุกคนไม่ต้องแตกตื่นนะ วงจรไฟฟ้าของเมืองมีปัญหานิดหน่อยน่ะ ขอให้ทุกคนออกมาให้หมด มายืนตามเลขห้องขังที่ฉันจัดไว้ด้วย”
จากนั้นนักโทษแต่ละคนก็พากันออกมาจากห้องขังของตัวเอง หลังจากที่ออกมาแล้ว ก็มีกลุ่มควันโขมงลอยมาเต็มไปหมด นี่มันเรื่องเล็กที่ไหนกันล่ะ กลัวว่าจะเป็นไฟไหม้รุนแรงน่ะสิ
“อะแฮ่กๆ……ผู้คุมคะ นี่ไฟไหม้แล้วรึเปล่าคะ?” นักโทษหญิงคนนึงไอไปด้วยพูดไปด้วย
“ห้ะ? ไฟไหม้หรอ? จริงหรอ? มันจะไหม้มาถึงตรงนี้มั้ยเนี่ย?” มีคนกลัวจนพูดขึ้นมาอย่างแตกตื่น
ผู้คุมนักโทษพูดขึ้นอย่างสงบ : “ไม่เป็นไรนะ พวกเธอไม่ต้องกลัวหรอก ตอนนี้รถดับเพลิงกำลังมา พวกเราก็กำลังช่วยดับเพลิงอยู่ ตอนนี้ให้ทุกคนเข้าแถวกันก่อน ฉันจะพาพวกเธอไปที่สนามออกกำลังกาย”
“ทำไมจะไม่กลัวล่ะคะ? นานๆผู้กำกับจะมาตรวจทีนึง แต่ก็ยังเพลิงไหม้อย่างงั้นหรอ? พวกคุณยังมีเวลามามาปลอบพวกเราอยู่อีกหรอคะ ทำงานกันยังไงกันเนี่ย?” นักโทษที่ค่อยข้างดุคนนึงเดินออกมา
เมื่อผู้คุมนักโทษเห็นผู้หญิงคนนี้เธอก็รีบทำความเคาารพทันที : “หัวหน้าแผนกฉู เราประมาทเองค่ะ ตอนนี้เรากำลังจัดการดับเหลิงอยู่”
ผู้ผญิงที่ถูกเรียกว่า ‘หัวหน้าแผนกฉู’ เม้มปากก่อนจะมองไปที่หัวหน้าผู้คุม ก่อนจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไป : “ถึงแม้ว่าเราไม่ได้เห็นด้วยกับการทุบตีหรือมีปากเสียงกันในเรือนจำ แต่ฉันคงใจดีกับนักโทษมากเกินไปสินะ ดูสิตอนนี้เพลิงไหม้ ผู้คุมไปดับเพลิงกัน แต่นักโทษกลับเดินออกมาอย่างนี้ พวกเธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าทุกคนควรพยายามร่วมมือกันแล้วเผชิญหน้ากับความเสี่ยงนี่หรอ? ไม่ควรจะไปช่วยกันดับไฟหรอ? เกิดอุบัติเหตุขึ้นแบบนี้แล้ว มันทำให้หัวหน้าไม่พอใจแล้วแน่ๆ ถ้ายังไม่ช่วยกันดับไฟอีกล่ะก็ ฉันว่าต้องอยู่กับคนหนักแผ่นดินพวกนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ”
“แต่ว่า……” หัวหน้าผู้คุมกำลังจะพูด
หัวหน้าแผนกยกมือขึ้นก่อนที่เธอจะขมวดคิ้ว : “พอ ฟังที่ฉันสั่งก็พอ คัดคนสักกลุ่มจากห้องขังนี้ไปดับไฟซะ พวกเธอมาอยู่ที่นี่เพื่อปรับพฤติกรรมนะ ไม่ได้มาเป็นคุณหญิงคุณนาย”
หัวหน้าแผนกฉูมองไปที่เฉิงซานซานก่อนจะพูดออกมาว่า : “คนผอมๆแบบนี้ไม่ต้องเอาไปล่ะ ตายตรงนี้ยังต้องเขียนรายงานอีก มันยุ่งยากพอละ……”
หัวหน้าแผนกฉูมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วที่อุ้มเจี่ยนซวงอยู่ตอนนี้ ก่อนจะพูดขั้นว่า : “นี่มันอะไรกัน? ทำไมถึงได้อุ้มลูกอยู่อย่างนี้ล่ะ? ที่นี่มันเรือนจำหรือโรงเรียนอนุบาลหรอ?”
ผู้คุมรีบก้าวออกไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นว่า : “หัวหน้าแผนกคะ นี่คือเจี่ยนอี๋นั่วค่ะ เธอเป็นนักโทษในกรณีพิเศษ”
“อ๋อ…….” หัวหน้าแผนกฉูมองหน้าเธอพร้อมกับคลายคิ้วที่ขมวดของเธอ ก่อนจะพูดขึ้น : “นี่เจี่ยนอี๋นั่วเองหรอ ที่ฆ่าอ่ะนะ แล้วยังจะมาคลอดลูกในเรือนจำนี่อีกหรอ? ตอนนั้นฉันลงความเห็นกับผู้กำกับแล้วว่าคนอย่างเธอไม่ควรจะมีลูก เปลืองภาษีแย่เลยว่ามั้ย? คนหนักแผ่นดินแบบนี้ลูกก็คงจะ……”
หัวหน้าแผนกถึงตรงนี้ก่อนจะเบะปากแล้วมองไปที่เจี่ยนซวง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า : “ลูกที่เกิดมาก็คงหนักแผ่นดินเหมือนกัน”
หัวหน้าแผนกจ้องหน้าเจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะยกมือขึ้นมาตบเจี่ยนอี๋นั่ว พร้อมกับตะโกนเสียงดัง : “ที่แกกล้ามองหน้าฉันหรอ? ที่ฉันพูดมันไม่ถูกรึไง? ฉันเห็นแกได้รับการดูแลมาเยอะนี่ ถึงเวลาแล้วที่แกต้องชดเชยให้แก่รัฐบาล คนที่จะไปดับไฟครั้งนี้ก็รวมแกไปด้วยนึงแล้วกัน…….”
ใบหน้าที่โดนตบของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นแดงขึ้น เด็กน้อยเจี่ยซวงที่อยู่ในอ้อมอกของแม่ร้องไห้ขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดขึ้นเสียงดัง : “หม่าม้า………อย่าทำหม่าม้าหนู…….”
“ขอโทษนะคะหัวหน้าแผนก เธอต้องดูแลลูกของเธอ ให้ฉันไปแทนนะคะ” เยี่ยหมิงจูรีบพูด
หัวหน้าแผนกฉูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ดี งั้นเธอก็ไปสิ ไปกันทั้งสองคนเลยนะ รู้ตัวมั้ยว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? ยังจะมาทำตัวเป็นฮีโร่ในเรือนจำนี้อีก ไปดับไฟซะเธอสองคน ห้ามขาดแม้แต่คนเดียวนะ”
“คุณจะมากเกิน……..” เยี่ยหมิงจูพูดถึงตรงนี้ เจี่ยนอี๋นั่วก็เอื้อมมือมาห้ามเธอทันที ก่อนจะส่ายหัว
ดูแล้วหัวหน้าแผนกคนนี้จะไม่สนใจความเห็นของนักโทษเลยที่โต้เถียงกับเธอ อีกทั้งยังทำให้หัวหน้าแผนกเกลียดชังพวกเธอเขาไปอีก หากถึงตอนนั้นแล้วมันจะทำให้พวกเธอนั้นไม่ราบรื่น และแบบนี้จะทำให้ผู้คุมลำบากใจไปด้วย
เจี่ยนอี๋นั่วรีบพูดขึ้นทันที : “รับทราบค่ะ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“แล้วเจี่ยนซวงล่ะจะทำยังไง?” เยี่ยหมิงจูขมวดคิ้วก่อนที่จะมองไปที่ใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำตาจากการร้องไห้ของเจี่ยนชวง
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า หัวหน้าแผนกผู้อาวุโสที่เอาแต่ตอนนักโทษแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่เธอไม่สามารถมาอธิบายเหตุผลได้ เจี่ยนอี๋นั่วจึงทำได้เพียงส่งลูกน้อยเจี่ยนซวงที่เธออุ้มอยู่นั้นให้กับนักโทษที่เธอสนิคุ้นเคยด้วย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง : “รบกสนช่วยดูซวงซวงให้ฉันหน่อยนะ……อย่าให้ซวงซวงไปกับคนอื่นนะ…….ขอล่ะ รบกวนเธอด้วยนะ!”
เจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะหันไปมองหน้าเฉิงซานซานที่ยืนอยู่ตรงหัวมุม นักโทษหญิงคนนั้นตอบตกลง : “วางใจได้เลย ฉันจะดูแลลูกเธอเอง”
แต่เจี่ยนซวงนั้นเกาะอยู่บนร่างของเจี่ยนอี๋นั่วราวกับปลาหมึก เธอร้องไห้ : “ซวงซวงจะอยู่กับหม่าม้าค่ะ หม่าม้าเจ็บ ซวงซวงจะอยู่กับหม่าม้า……”
เจี่ยนอี๋นั่วผลักตัวลูกของเธอเจี่ยนซวงออก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น : “ซวงซวงค่ะ ฟังไว้นะคะ อย่าไปเล่นที่ไหนคนเดียวนะ ต้องอยู่กับคุณแม่คนสวยคนนี้นะคะ ถ้าเกิดหนูหาคุณแม่คนสวยคนนี้ไม่เจอ ต้องวิ่งไปหาคุณแม่ผู้คุม เข้าใจมั้ยคะ? เมื่อกี้……..”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ก่อนที่เธอจะพยายามที่จะยิ้มออกมา แล้วพูดกับลูก : “เมื่อกี้คุณป้าคนนั้นเขาแค่เล่นกับหม่าม้าค่ะ ไม่ต้องกลัวนะคะ หม่าม้าไม่เจ็บ………”
เจี่ยนซวงทั้งร้องไห้ทั้งส่ายหัว : “ไม่เอาค่ะ……หนูจะอยู่กับหม่าม้า…….”
“พอสักที แสดงให้ใครดูอยู่หรอ? รีบไปได้แล้ว ไม่อย่างงั้นถ้าไฟมันลามล่ะก็ เธอต้องรับผิดชอบ! ฉันจะบอกอะไรให้นะ เธอถูกดูแลและปฏิบัติอย่างดีมาแล้ว คำพูดของฉันแค่คำเดียว ก็สามารถทำให้คนอื่นไม่ทำแบบนั้นกับเธออีกได้ เธอรู้ใช่มั้ย? เด็กคนนี้ไม่สมควรมาเลี้ยงให้เติบโตในเรือนจำนี้ด้วยซ้ำ น่าจะถูกส่งให้ไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโน่น!” หัวหนเาแผนกตะโกนพูด
เจี่ยนอี๋นั่วตกใจจนตัวสั่น ก่อนเธอจะรีบผลักลูกออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพูดว่า : “ซวงซวง รอหม่าม้ากลับมานะคะ”
เพียงหัวหน้าแผนกคนนั้นพูดจบ เธอก็หันหลังเพื่อหาคนมารวมเป็นกลุ่ม เจี่ยนซวงยังคงร้องไห้ เธอยื่นมือเล็กๆของเธอออกมาเพื่อคว้าเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะร้องไห้เสียง : “หม่าม้าคะ…….หม่าม้ามากอดชวงชวงหน่อย…….”
เจี่ยนอี๋นั่วกัดฟันตัวเองพร้อมขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะเดินจากไป เยี่ยหมิงจูขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะเดินตามเจี่ยนอี๋นั่วไป พร้อมพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า : “เธอให้คนนั้นดูแลซวงซวง จะไหวมั้ยน่ะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ : “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เยี่ยหมิงจูขมวดคิ้วก่อนจะพูดอย่างเสียดายว่า : “ถ้าเมื่อกี้ฉันไม่พูดแบบนั้น ฉันคงได้อยู่ดูแลซวงซวงแล้ว!”
แต่เธอพูดไปแล้วมันก็จบแล้วล่ะ เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจอย่างโล่งใจ : “เธอหวังดีนี่ ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวพวกเราก็ได้กลับไปแล้วล่ะ!”
เจี่ยนอี๋นั่วเมื่อพูดถึงตรงนี้เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เธอเองไม่เชื่อคำพูดของตัวเองเหมือนกัน ในใจเธอนั้นกระวนกระวายมาก แต่ว่าตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในเรือนจำแห่งนี้ เธอก็ไม่มีอิสระภาพเลย แม้แต่ให้เธออยู่กับลูกอย่างสงบๆก็ไม่มี ตอนที่เธอไม่ได้อยู่ในเรือนจำแห่งนี้ เจี่ยนอี๋นั่วไม่คิดว่าการได้มาเป็นนักโทษที่นี่เป็นการปิดกั้นเธอ เพียงแค่เธอทำตามคำสั่งอย่างสัตย์ซื่อ เธอก็คงไม่แย่ขนาดนี้
แต่หลายปีที่เจี่ยนอี๋นั่วเข้ามาอยู่ในเรือนจำแห่งนี้นั้น เจี่ยนอี๋นั่วถึงได้ค้นพบว่าการมาอยู่ที่นี่เป็นเหมือนการที่เธอถูกริดรอนสิทธิ์โดยสิ้นเชิง เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดคำว่า ‘ไม่’ เลยด้วยซ้ำ และไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ การกระทำทั้งหมดของเธออยู่ภายใต้การเฝ้าระมัดระวัง ต้องคุ้นชินกับการอาบน้ำต่อหน้าคนอื่น และเปิดเผยทุกอย่างของตัวเอง
ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วหวังว่าไฟที่กำลังลุกไหม้อู่นี้ดับให้เร็วที่สุด เพื่อที่เธอจะได้กลับไปอยู่กับเจี่ยนซวงลูกของเธอ ตอนนี้มีเฉิงซานซานอยู่ในนี้ด้วย เจี่ยนอี๋นั่วจึงไม่วางใจ
ตั้งแต่ที่เจี่ยนอี๋นั่วออกไป เจี่ยนซวงเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดและดิ้นไม่หยุดเช่นกัน เธอเอาแต่ตะโกนว่าจะหาแม่อย่างเดียว นักโทษที่อุ้มเจี่ยนซวงอยู่นั้นเดินตามนักโทษคนอื่นๆไปที่สนามกีฬา พอเดินไปถึงแล้วเธอก็ทนแรงดิ้นของเจี่ยนซวงไม่ไหว จึงวางเจี่ยนซวงลง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “ซวงชซวง หนูอย่าดิ้นไปมาอย่างนี้ได้มั้ย? หนูไม่รู้หรอว่าตัวเองหนักขนาดไหนอ่ะ? ไม่รู้เลยว่ปกติแม่หนูอุ้มหนูยังไง หนักจนเอวแทบหักแล้วเนี่ย”
“หนูจะไปหาหม่าม้า……..หนูจะเอาหม่าม้า…….” เจี่ยนซวงพูด ก่อนจะออกจากอ้อมแขนของนักโทษคนนั้น พร้อมกับหันหลังแล้ววิ่งออกไป
“เห้……..หนูอย่าวิ่งนะ!” เธอตะโกนเรียกเจี่ยนซวง
แต่เธอวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ค่อยๆหยุดลง ก่อนจะยืนนิ่งแล้วขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นมา : “ซวงซวง ซวงชซวงกลับมานะ”
แต่เจี่ยนซวงนั้นไม่หยุด ซ้ำยังวิ่งไปเร็วกว่าเดิมอีกด้วย เธอกระทืบเท้าก่อนจะขมวดคิ้วอย่างโมโห : “ทำไมวิ่งไปแบบี้ล่ะเนี่ย? ทำยังไงดีล่ะทีนี้?”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็หันหลังกลับไปที่กลุ่มนักโทษทันที ก่อนจะบอกผู้คุมนักโทษว่า : “คุณผู้คุมคะ ซวงซวงวิ่งหายไปแล้วค่ะ”
ผู้คุมขมวดคิ้ว : “นี่เธอไปทำท่าไหน? แค่เด็กคนเดียวก็เอาไว้ไม่อยู่หรอ?”
นักโทษหญิงคนนั้นร้องไห้ออกมาอย่างวิตกกังวล : “ซวงซวงหนักเกินไปค่ะ ฉันอุ้มเธอจนแรงแทบจะไม่เหลือแล้ว เธอดิ้นแรงด้วย ปกติเธอว่าง่ายมากนะคะ ฉันคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าวันนี้เธอจะไม่เชื่อฟัง ถ้าฉันรู้ฉันก็ไม่รับปากดูเธอหรอกค่ะ”
“แล้วเธอมาพูดเอาตอนนี้มันมีประโยชน์มั้ย?”ผู้คุมรีบหยิบเครื่องส่งรับวิทยุขึ้นมา : “ทุกคนตั้งใจฟัง ซวงซวงหายไป ถ้ามีคนเจอเธอ รีบพาซวงซวงมาที่สนามกีฬาด้วย ทราบแล้วเปลี่ยน ทราบแล้วเปลี่ยน!”
“ทราบ!” ผู้คุมที่พาเหล่าคนดับไฟในทีมของเจี่ยนอี๋นั่วมองใบหน้าที่ซีดเซียวของเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะตอบกลับไป
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วขึ้น ก่อนที่จะมองไปที่ผู้คุมคนนั้นพร้อมกับพูดกับผู้คุม : “ผู้คุมคะ ฉันขอออกจากทีมดับไฟไปหาซวงซวงได้มั้ยคะ?”