หลังจากเจี่ยนอี๋นั่วและเหอหลวนเล่อไปเปลี่ยนชื่อบริษัท เหอหลวนเล่อยังคงจ้องมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงเบา: “เธอยกบริษัทให้กับฉันแล้ว เธอเตรียมจะทำยังไงต่อไป?”
เจี่ยนอี๋นั่วคิดอยู่สักพักหนึ่งในที่สุดก็ส่ายหัวยิ้มและพูดว่า: “ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำยังไงต่อไป ตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วมาก จนฉันรู้สึกว่าฉันตามไม่ทันยุคสมัยนี้แล้วล่ะ ก่อนหน้านี้ฉันยังรู้สึกอยากผลิตเครื่องสำอางและขายของออนไลน์น่าจะเป็นโครงการที่ดี แต่ตอนนี้ก็มีวางขายอยู่ทั่วไป บางที บางทีฉันอาจจะซื้อที่ดินสักผืน และเป็นผู้หญิงชาวนาแบบพอเพียง”
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดอย่างนี้เธอก็หัวเราะออกมาทันที: “อันที่จริงการทำแบบนั้น มันก็ไม่เลวนะ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถรับประกันได้ว่าซวงซวงจะได้รับสารอาหารที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด”
เหอหวนเล่อเหลือบมองไปที่เจียนอี๋นั่ว และพูดด้วยความโกรธ: “อะไรนะ มันไม่ได้แย่อย่างนั้นเหรอ? เธอรู้ไหมว่าการทำนามันเหนื่อยขนาดไหน ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเธอก็จะไม่เหมือนเดิม ฉันห้ามไม่ให้เธอคิดแบบนี้เด็ดขาด บางครั้งแผนกวิจัยและพัฒนาต้องไปที่สวนดอกไม้ และฉันก็ต้องตามไปด้วย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่ปลูกดอกไม้เหล่านั้นเป็นอย่างไร? แม้ว่าอาชีพจะไม่ได้แยกระดับชนชั้น แต่ผู้หญิงก็ควรพยายามเลือกทำงานที่ไม่ต้องเผชิญกับแสงแดด เธอรู้ไหมว่าแสงอัลตราไวโอเลตทำลายผิวมากแค่ไหน? นี่เธอไม่ใช่สาวๆแล้วนะที่ไปเที่ยวธรรมชาติเพียงไม่กี่วัน และอีกไม่กี่ปีเธอจะกลายเป็นสาวแก่ เธออย่าเลี้ยงดูซวงซวงของเราให้เป็นเด็กบ้านนอกเหรอ”
เจี่ยนซวงที่กำลังกินขนมอยู่ได้ยินเหอหลวนเล่อพูดถึงชื่อของเธอ เธอเม้มริมฝีปากของเธอเบา ๆ เหลือบไปมองที่เจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นก็เหลือบมองเหอหลวนเล่อ ทำหน้ามุ่ยพูดขึ้นว่า :“ซวงซวงอยากเป็นเด็กบ้านนอก เพราะว่าซวงซวงต้องการอยู่ด้วยกันกับคุณแม่”
เหอหลวนเลิ่อยิ้มและแตะที่จมูกของเจี่ยนซวงเบาๆ :“เข้าใจแล้วจ๊ะ เธอนี่ ก็เป็นเหมือนหางเล็กๆของคุณแม่ของเธอ”
เจี่ยนซวงยิ้มพยักหน้าและพูดอย่างภาคภูมิใจ: “อืม ซวงซวงจะเป็นหางเล็ก ๆ ของคุณแม่ค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ในขณะนั้น จู่ ๆเธอก็เห็นร้านขนมหวานอยู่ด้านนอก เจี่ยนซวงเห็นเจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่ร้านขนมด้านนอก และรีบมองตามเจี่ยนอี๋นั่วด้วย เจี่ยนซวงรีบเลียริมฝีปากของเธอทันที ราวกับว่าเธอกำลังได้กินเค้กหวาน ๆอยู่
เจี่ยนอี๋นั๋วมองไปที่ร้านขนมและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ธุรกิจที่ฉันต้องการทำ ต้องมีเวลาดูแลซวงซวง และไม่ควรยุ่งมากเกินไป และทำให้ซวงซวงชอบ ซวงซวงคะ คุณแม่ทำบ้านขนมให้หนู ดีไหมคะ?”
เจี่ยนซวงรีบปรบมือหัวเราะเสียงดังออกมาแล้วพูดว่า:“ดีค่ะ ดีค่ะ หนูอยากได้บ้านขนมค่ะแม่”
เหอหลวนเล่อก็พยักหน้า: “เปิดร้านขนมอาจจะเป็นทางเลือกที่ไม่เลว ฉันบังเอิญมีร้านว่างอยู่ และอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยในเมือง ดังนั้นฉันสามารถปล่อยให้เธอเปิดร้านได้โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า……”
เมื่อเห็นเจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว เหอหลวนเล่อก็เอื้อมมือออกไปทันที และหยุดคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่วที่กำลังจะพูดว่าออกมา: “เธออย่าพูดอะไรที่จะปฏิเสธอีกแล้วนะ ค่าเช่านี้จะถูกหักออกจากเงินปันผลประจำปีของเธอในบริษัท แต่อี๋นั่วเธอเคยทำขนมเหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วหยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นยิ้มและส่ายหัวช้าๆ เธอไม่รู้วิธีทำขนมว่าง และแม้แต่กับข้าวเธอยังทำเป็นแค่ไข่ต้มเท่านั้น เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วอยู่ด้วยกันกับเหลิ่งเซ่าถิง และเหลิ่งเซ่าถิงเป็นคนที่ลงมือทำอาหาร ……
เมื่อนึกถึงเหลิ่งเซ่าถิงรอยยิ้มของเจี่ยนอี๋นั่วก็จางหายไปเล็กน้อย เจี่ยนซวงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆเธอได้พิสูจน์ให้ เจี่ยนอี๋นั่วเห็นในเวลานี้ว่า: “แม่ของหนูก็จะทำเช่นกัน เธอชงอาหารเช้าซีเรียลได้ดีมากนะ”
“หนูจะคอยปกป้องแม่ของตัวเองอยู่เสมอ” เหอหลวนเล่อย่นจมูกแสดงความหมั่นไส้เล็กน้อยที่เจี่ยนซวงปกป้องเจี่ยนอี๋นั่ว
จากนั้นเหอหลวนเล่อก็ขยับนิ้วของเธอและนับทีละนิ้ว: “เธอดูสิ เราจำเป็นต้องรับสมัครคนมาตกแต่งร้าน และจ้างพ่อครัวทำขนม เราจำเป็นต้องซื้อบ้านใกล้กับร้านขนม ที่นั่นมีโรงเรียนประถมที่ดีอยู่ที่นั่น และซวงซวงต้องเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เหอหลวนเล่อที่ไม่หยุดนับ ยกมือขึ้นกุมมือของเหอหลวนเล่อ: “เธอไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้แล้ว เรื่องเหล่านี้ฉันจะจัดการเอง”
“เป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก ……”เหอหลวนเล่อหน้าคิ้วขมวด
ก่อนที่เหอหลวนเล่อจะพูดจบ จู่ ๆก็มีคนเดินคนหนึ่งผ่านหน้าต่างกระจก คนนั้นค่อยๆหันหน้าเล็กน้อย แล้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นเธอก็เคาะกระจกหน้าต่างและพูดด้วยรอยยิ้ม: “อี๋นั่ว ทำไมเธอถึงได้ออกมาเร็วขนาดนี้ล่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเยี่ยหมิงจู เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและโบกมือให้เยี่ยหมิงจู เยี่ยหมิงจูก็รีบวิ่งเข้ามายิ้มและพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว: “ทำไมเธอถึงออกมาเร็วขนาดนี้? ทำไมเธอไม่มาหาฉันล่ะ?”
เจี่ยนซวงเห็นเยี่ยหมิงจู และรีบอ้าแขนออกไปหาเยี่ยหมิงจูยิ้มแล้วพูดว่า:“คุณแม่จูคะ อุ้มหนูหน่อยค่ะ……”
เยี่ยหมิงจูรีบอุ้มเจี่ยนซวง ยิ้มแล้วหยิกหน้าของเจี่ยนซวงเบาๆ ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า:“หนูน้อยซวงซวงยังน่ารักเหมือนเดิมนะจ๊ะ”
เหอหลวนเล่อลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มมองไปที่เยี่ยหมิงจู และถามด้วยรอยยิ้ม: “อี๋นั่ว คนนี้คือใคร?”
เจี่ยนอี๋นั่วรีบแนะนำเยี่ยหมิงจูให้เหอหลวนเล่อรู้จัก เหอหลวนเล่อได้ยินการแนะนำจากเจี่ยนอี๋นั่ว ก็หัวเราะออกมาทันที :“ โอ้ นี่คุณคือเยี่ยหมิงจูเหรอ ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆที่ดูแลอี๋นั่วเมื่อตอนอยู่ในคุก”
เยี่ยหมิงจูยิ้มแล้วรีบโบกมือไปมา:“ไม่เป็นไร พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่”
เหอหลวนเล่อขมวดคิ้วเล็กน้อย: “โอ้?เพื่อน แต่มันก็ดีไม่เท่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันและอี๋นั่วหรอก ฉันและอี๋นั่วเป็นเพื่อนรักกัน อี๋นั่วพูดกับฉัน เธอโชคดีที่สุดในชีวิตที่ได้มารู้จักเพื่อนอย่างฉัน”
เยี่ยหมิงจูฟังคำพูดของเหอหลวนเล่อแล้ว ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ เธอรีบจ้องมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วทันที เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แล้วก้มหน้าดื่มกาแฟต่อไป
เยี่ยหมิงจูหน้าคิ้วขมวดคิดอยู่นาน แล้วหันไปมองเหอหลวนเล่อหัวเราะแล้วพูดว่า:“ ใช่จ๊ะ ฉันและอี๋นั่วเราเป็นแค่เพื่อนธรรมดาในคุกจ๊ะ เธอรู้ไหมในระหว่างที่พวกเราอยู่ในคุก มีข่าวลืออะไรบ้าง ? ความสัมพันธ์ของผู้หญิงสองคนที่ดีมากๆในคุกนั้น ? เคยจับคนข่มขืนเหมือนกัน เคยติดคุกเหมือนกัน เคยอาบน้ำด้วยกัน”
หลังจากที่เยี่ยหมิงจูพูดจบ หันหน้ามองไปทางเหอหลวนเล่อ เธอยิ้มและพูดว่า: “ฉันกับอี่นั่ว ยกเว้นเรื่องการจับการข่มขืน นอกนั้นก็ทำด้วยกันหมดแล้ว ”
สีหน้าของเหอหลวนเล่อเปลี่ยนไปทันที เธอรู้ดีว่าในด้านนี้เธอสู้เยี่ยหมิงจูไม่ได้เลย เธอจึงหันหน้าไปมองเจี่ยนซวง และพูดด้วยรอยยิ้ม: “ซวงซวง มานี่มา คุณแม่เล่อเล่อจะทำเค้กก้อนเล็กๆให้หนูกิน”
เมื่อเจี่ยนซวงได้ยินกินเค้ก ก็รีบวิ่งออกจากข้างกายเยี่ยหมิงจูทันที และวิ่งไปที่ข้างกายเหอหลวนเล่ออย่างไว และพูดด้วยรอยยิ้ม: “คุณแม่เล่อเล่อคะ คุณแม่ทำเค้กอร่อยๆให้หนูกินนะคะ และหนูยังอยากดื่มนมอีกด้วยค่ะ”
หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็อยู่ติดข้างกายเหอหลวนเล่อ เหอหลวนเล่อค่อยๆเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยทันที และมองไปที่เยี่ยหมิงจูอย่างมีชัยชนะ และดูเหมือนเยี่ยหมิงจูจะไม่เคยเห็นคนไร้เดียงสาแบบนี้มาก่อน และอดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวดเล็กน้อย และในที่สุดก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเยี่ยหมิงจู ยิ้มเบาๆแล้วถาม:“เธอคุ้นเคยก็ดีแล้ว มากินของว่างกันเถอะ”
เยี่ยหมิงจูยิ้มและพยักหน้า หยิบช้อนขึ้นมาเพื่อตักขนมหนึ่งช้อนและยิ้มให้เจี่ยนอี๋นั่วแล้วถามว่า: “ใช่สิ ในเมื่อได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกแล้ว เธอคิดวางแผนจะทำอะไรต่อไปล่ะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูดว่า: “เร็ว ๆ นี้ฉันต้องการเปิดร้านขนม และฉันกำลังมองหาหน้าร้าน”
ดวงตาของเยี่ยหมิงจูเบิกกว้างขึ้นทันที: “ร้านขนมเหรอ? ฉันบังเอิญเคยเรียนเกี่ยวกับการทำขนมหวาน เธออยากให้ฉันช่วยไหมล่ะ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านขนมได้นะ”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบา ๆ จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย: “ถ้าหากเธอเต็มใจช่วยฉันก็จะดีมาก ฉันต้องการคนมาช่วยฉันจริงๆ ฉันทำขนมไม่เก่งและฉันต้องดูแลซวงซวงอีก และฉันต้องการคนที่เชื่อถือได้เพื่อช่วยฉันจริงๆ”
เยี่ยหมิงจูหัวเราะออกมา: “เธออยากให้ฉันช่วยเธอจริงๆเหรอ ฉันมีความสุขมากที่จะได้ทำงานร่วมกับเธอต่อไป”
เหอหลวนเล่อนั่งอยู่ข้างๆและได้ยินคำพูดของเยี่ยหมิงจู เธอรีบเม้มริมฝีปาก พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ฟังแล้วมันดูปลอมมากเลยนะ”
เยี่ยหมิงจูยิ้มเล็กน้อยและขมวดคิ้วจ้องมองไปที่เหอหลวนเล่อ: “เธอหมายความว่าอย่างไร?”
เหอหลวนเล่อยักคิ้วขึ้นเบา ๆ : “มันก็ไม่ได้หมายความว่าอะไรหรอก ก็แค่รู้สึกว่าเธอเอาใจเจี่ยนอี๋นั่วแบบนี้ มันดูปลอมมากจริงๆ ฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของอี๋นั่ว คนอย่างเธอไม่สามารถเทียบได้ และเธออย่าคิดมาเปรียบเทียบกับฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเจี่ยนอี๋นั่วนะ และฉันจะบอกอะไรให้เธอนะ ฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของอี๋นั่วเท่านั้น และเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น คนอย่างเธอไม่สามารถมาเปรียบเทียบกับฉันและอี๋นั่วได้หรอก ใช่ไหม อี๋นั่ว ?”
“หลวนเล่ออย่าทำนิสัยเหมือนเป็นเด็ก ๆ ” เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หันหน้าจ้องมองไปทางเยี่ยหมิงจูยิ้มแล้วพูดว่า “เธอเหมือนเด็กน้อยจริงๆ แต่ว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอก็จะรู้ว่าหลวนเล่อเป็นคนดีมากคนหนึ่งจริงๆ ได้โปรดเธออย่าใส่ใจนะ ฉันหวังว่าเธอจะช่วยเหลือฉันได้จริงๆ ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจี่ยนอี๋นั่วพูด เยี่ยหมิงจูก็พยักหน้า: “เมื่อเธอพูดขนาดนี้แล้ว ฉันก็จะมาช่วยเธออย่างแน่นอน ฉันกลัวว่าเธอจะรังเกียจฉัน คิดว่าฝีมือของฉันไม่ดีเท่าไหร่”
เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะพูดขึ้นว่า:“เป็นไปได้อย่างไร?”
เหอหลวนเล่อคิ้วขมวดและจ้องไปที่เยี่ยหมิงจู ตอนนี้เหอหลวนเล่อยังคงทำท่าทางคุ้มกันอยู่เหมือนเดิม ในที่สุดซวงซวงก็ร้องลั่นเพื่อไปที่สนามเด็กเล่นข้างๆ เหอหลวนเล่อสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก:“ฉันจะพาซวงซวงออกไปเล่นแล้วนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพูดว่า:“ถ้าอย่างนั้นรบกวนเธอหน่อยนะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดแบบนี้ เหอหลวนเล่อก็เม้มริมฝีปากแล้วหัวเราะออกมา: “นั่นเป็น เป็นเพราะฉันเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอเท่านั้นนะ”
เมื่อเห็นเจี่ยนซวงและเหอหลวนเล่อเดินไปที่สนามเด็กเล่นด้วยกัน เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้ามองไปเยี่ยหมิงจู หัวเราะพูดขึ้นว่า :“ คาดไม่ถึงเลยว่าเราจะได้พบหน้ากันเร็วขนาดนี้ ”
เยี่ยหมิงจูยิ้มทันทีและกล่าวว่า: “ก็นั่นนะสิ อี๋นั่ว เธอรู้อะไรไหมช่วงนี้ฉันคิดถึงเธอมากขนาดไหน”
เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ใช่สิ ฉันก็คิดถึงเธอเช่นกัน และที่สำคัญ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า เธอเป็นใครกันแน่? ก่อนหน้านี้ฉันรักษาตัวอยู่ในคุก รอฉันพักฟื้นจนหายดีแล้ว เธอก็ถูกปล่อยตัวออกจากคุกแล้ว และฉันไม่เคยมีโอกาสถาม แต่ฉันสรุปได้ว่า เธอไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และเธอไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน เธอถูกใครส่งมาให้อยู่ข้างกายฉัน? ฉันหวังว่าเธอจะไม่ปิดบังฉัน หลายปีที่ผ่านมานี้เราเจออะไรด้วยกันมาเยอะ แต่เราก็ไม่เคยได้พูดความจริงต่อกัน หรือแม้แต่ตอนนี้เธอยังไม่อยากให้ฉันรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธออีกเหรอ?คือ……”
“คุณหนูเจี่ยนอี๋นั่วคะ ” เยี่ยหมิงจูเงยหน้าขึ้นจ้องมองเจี่ยนอี่นั่วทันที ขมวดคิ้วและกล่าวว่า: “แม้ว่าคุณจะมีการคาดเดาใด ๆ ในใจของคุณก็ตาม แต่อย่าพูดมันออกมา เอาความคาดเดาความสงสัยทั้งหมดซ่อนมันไว้ในใจ ซึ่งนี้เป็นวิธีของคนที่ฉลาดเขาทำกันนะคะ ”