หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 145 ลูกของฉันล่ะ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า:“เธอต้องรู้แน่นอนว่าลูกของฉันอยู่ที่ไหน? เขากล้าที่ส่งเธอมา เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจริงๆแล้วฉันมีลูกสองคน?”

เยี่ยหมิงจูหน้าคิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“อี๋นั่ว ฉันแนะนำให้เธอลืมเด็กคนนั้นไปซะเถอะ เด็กคนนั้นได้ตายไปนานแล้ว……”

“อะไรนะ?”เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเยี่ยหมิงจู พูดด้วยน้ำเสียงสูง

เยี่ยหมิงจูถอนหายใจออกเบา ๆ มองไปดูรอบๆและพูดด้วยเสียงเบาว่า: “ตอนนี้เธออยู่ข้างนอก แม้ว่าจะไม่มีเครื่องดักฟังติดตั้งอยู่ และที่นี่ไม่มีใครติดตามคุณอยู่ใกล้ ๆ แต่เธอต้องสงบสติอารมณ์เพื่อที่ฉันจะได้ช่วยเหลือเธอได้ ถ้าเกิดมีคนอื่นเห็นอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของเธอ และค้นพบตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้ว ไม่ใช่แค่ว่าเธอเท่านั้นที่ตกอยู่ในอันตราย แต่ซวงซวงก็ต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน เธอไม่ใช่แค่แม่ของเด็กคนนั้น แต่เธอยังเป็นแม่ของซวงซวงนะ!”

เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ใจเย็นที่สุด เธอจ้องมองเยี่ยหมิงจูแล้วถามว่า:“เด็กหายไปได้อย่างไร?”

เยี่ยหมิงจูขมวดคิ้วและพูดว่า:“สถานการณ์ที่ชัดเจนฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ ฉันรู้เพียงว่าเด็กชายคนนั้นของคุณนายเหลิ่ง……”

“เป็นเด็กชายเหรอ” เจี่ยนอี๋นั่วกัดฟันและกลั้นน้ำตา พลางขมวดคิ้วใส่เยี่ยหมิงจู

เยี่ยหมิงจูพยักหน้า: “เป็นเด็กผู้ชายเหรอ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณนายเหลิ่งจะเก็บเด็กคนนั้นไว้ทำไมกันล่ะ การที่เขาเก็บซวงซวงไว้เพราะต้องการที่จะมอบเขาให้กับคุณนายเหลิ่งระหว่างทาง แต่มาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และรถทั้งคันพลิกคว่ำลงไปในทะเล แต่ก็ไม่สามารถหาอะไรเจอ เขายังเด็กและอายุแค่นั้น คงไม่มีชีวิตอยู่รอดแล้วล่ะ ดังนั้น ไม่ต้องสืบหาอีกต่อไปแล้ว ถ้าหากคุณนายเหลิ่งรู้ว่าคุณกำลังสืบหาเด็กคนนั้นอยู่อีก คุณอาจทำให้คุณนายเหลิ่งโมโห ถ้าถึงเวลานั้นซวงซวงจะทำยังไง?แล้วคุณจะทำยังไง?”

เจี่ยนอี๋นั่วบีบมือของเธอและถามด้วยเสียงสั่นเครือ: “แล้วเขาล่ะ? เขาไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ?เขาจะยืนดูเฉยๆ ดูคุณนายเหลิ่งแย่งลูกของเขาไปง่ายๆแบบนี้เหรอ?”

เยี่ยหมิงจูรีบยกมือขึ้นเพื่อจับมือของเจี่ยนอี๋นั่ว เธอรีบพูดว่า: “เจี่ยนอี๋นั่ว เธอสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงหน่อยได้ไหม เขาก็มีเหตุผลของตัวเองเช่นกัน”

เจี่ยนอี๋นั่วหายใจเข้าลึก ๆ ยิ้มและก้มหัวลง: “ใช่สิ เขามีเหตุผลของเขา ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ?เขามีเหตุผลของเขา ฉันรู้!และฉันก็เข้าใจ และพยายามเห็นอกเห็นใจ แต่นั้นมันก่อนที่เขาจะแต่งงาน และในตอนนี้ฉันไม่สามารถเห็นอกเห็นใจเขาได้ สำหรับฉันแล้วเขาก็เป็นคนของตระกูลเหลิ่ง”

หลังจากพูดถึงเรื่องนี้เจี่ยนอี๋นั่วก็หายใจเข้าลึก ๆ เหล่ตาจ้องมองไปที่เยี่ยหมิงจู และถามด้วยน้ำเสียงเข้มว่า: “เธอจำเป็นต้องอยู่ข้างกายฉันหรือไม่?ถ้าหากฉันปล่อยให้เธอไป จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”

เยี่ยหมิงจูหน้าคิ้วขมวดขึ้นมาทันที และพูดด้วยน้ำเสียงเบา: “ถ้าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเขา ฉันและน้องสาวของฉันอาจจะตายจากโลกนี้ไปนานแล้ว และฉันจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง ถ้าไม่เช่นนั้นฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไม่มีค่าอะไร”

“สำหรับเธอ เขามีค่ามากขนาดนั้นเลยเหรอ มากจนทำให้เธอยอมมาติดคุกอยู่เป็นเพื่อนกับฉันนานมากขนาดนี้ ”เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเยี่ยหมิงจูด้วยสายตาที่แดงก่ำ ถามด้วยน้ำเสียงเบา

เยี่ยหมิงจูพยักหน้า: “ชีวิตของฉันเป็นของเขา แต่เดิมทุกอย่างที่ฉันมีล้วนเป็นของเขา ไม่ใช่ว่าฉันต้องยอมทุกอย่างเพื่อเขา แต่เพราะทุกอย่างของฉันเป็นของเขา”

“ใช่สิ ฉันเกือบลืมมันไปหมดแล้ว” เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้มที่ฝืน: “ครั้งหนึ่งฉันเคยรู้สึกว่าทุกอย่างของฉันเป็นของเขา และฉันสามารถทำทุกอย่างเพื่อเขาได้ เดิมทีฉันคิดว่าฉันยิ่งใหญ่มาก ทำเพื่อคนที่ฉันรัก ฉันสามารถทำได้ทุกอย่าง ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ฉันเพียงแค่คนเดียว มีหลายคนที่ยอมทุกอย่างเพื่อเขา และพวกเขาเหล่านั้นเต็มใจทำไปโดยไม่จำเป็นต้องชอบเขาด้วยซ้ำ ……”

“ไม่คะ” เยี่ยหมิงจูหน้าคิ้วขมวดจ้องไปเจี่ยนอี๋นั่ว : “มันตรงกันข้าม เพราะเธอเป็นคนเดียวเท่านั้น”

เมื่อเยี่ยหมิงจูพูดแบบนี้เธอก็ชะงักทันที เมื่อเธอรู้ว่าเธอพูดอะไรผิดไป เธอก็รีบจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วด้วยความกังวลใจเล็กน้อย เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะออกมาเบา ๆ หลับตาลงและเอนกายลงบนโซฟา

ในตอนนี้เหอหลวนเล่อกลับมาพร้อมกับซวงซวง ซวงซวงกำลังเล่นของเล่นที่หรูหราอยู่ และรีบวิ่งตรงไปข้างๆเจี่ยนอี๋นั่ว ตรงเข้าไปในอ้อมแขนของเจี่ยนอี๋นั่ว ยกของเล่นขึ้นอย่างตื่นเต้นและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณแม่คะ คุณแม่ดูนี่สิคะ นี่เป็นของเล่นที่คุณแม่เล่อเล่อซื้อให้ค่ะ มันสวยมากค่ะ! ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงพูดของเจี่ยนซวง เธอยิ้มแล้วรีบลืมตาขึ้นทันที เธอยกมือขึ้นลูบหัวของเจี่ยนซวง และพูดด้วยรอยยิ้ม: “มันเป็นของเล่นที่สวยงามมากจริงๆ พูดขอบคุณคุณแม่เล่อเล่อแล้วหรือยังคะลูก?”

เจี่ยนซวงพยักหน้าตอบรับอย่างเชื่อฟัง ยิ้มแล้วพูดว่า:“ค่ะ หนูได้กล่าวคำขอบคุณกับคุณแม่เล่อเล่อแล้วค่ะ คุณแม่เล่อเล่อบอกว่าหนูมีมารยาทมากค่ะ หนูพูดกับคุณแม่เล่อเล่อว่าไม่ต้องชมหนูแล้วค่ะ ทั้งหมดนี้คุณแม่เป็นคนสอนหนูค่ะ ถ้าจะชมก็ต้องชมคุณแม่ของหนูที่สอนหนูมาดีค่ะ”

เหอหลวนเล่อยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ใช่เหรอ ลูกซวงซวงเป็นเด็กที่มีเหตุผลและมีมารยาทมากจริงๆ”

“และยังมีอีกนะ” จู่ๆ เจี่ยนซวงก็ปิดปากของเธออย่างลับๆล่อๆ แอบหัวเราะออกมา: “ซวงซวงรู้ว่าเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมีความแตกต่างกันอย่างไร ซวงซวงเคยกล้าถอดกางเกงของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ในที่สุดก็รู้!ซวงซวงฉลาดมากเลยนะ ซวงซวงเคยเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นมี ……”

“ชู่ว์!” เหอหลวนเล่อรีบยื่นมือออกปิดที่ริมฝีปากของเธอทันที และทำท่าทางชู่ว์ ให้เงียบ จากนั้นเหอหลวนเล่อก็หน้าแดง และกระซิบกับเจี่ยนซวง: “ซวงซวงพูดไปเรื่อยไม่ได้นะคะ ได้โดยเฉพาะในที่สาธารณะแบบนี้”

เจี่ยนซวงเงยหน้าขึ้นจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วทันที และพูดอย่างไร้เดียงสา: “คุณแม่คะ เป็นแบบนี้จริงๆเหรอคะ?เรื่องแบบนี้พูดไม่ได้ใช่ไหมคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าช้าๆและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ใช่จ๊ะ เรื่องแบบนี้พูดไปเรื่อยไม่ได้จ๊ะ กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ค่อยเล่าให้คุณแม่ฟังนะคะ ต่อไปนี้อย่าไปถอดกางเกงของเด็กผู้ชายไปเรื่อยอีกนะคะ หนูจะทำเรื่องแบบนี้ได้เมื่อหนูโตเป็นผู้ใหญ่นะคะ”

คำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว ทำให้เหอหลวนเล่อต้องเอามือก่ายหน้าผาก พูดด้วยน้ำเสียงพึมพำ: “อี๋นั่ว ฉันขอเอาประโยคที่เธอสอนเด็กกลับคืนมานะ!”

หลังจากที่เหอหลวนเล่อพูดจบเขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ หันหน้าจ้องมองไปทางเยี่ยหมิงจูหน้าคิ้วขมวดพูดขึ้นว่า:“ทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ?”

เยี่ยหมิงจูไม่ได้มองไปที่เหอหลวนเล่อ เธอจ้องมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว และถามด้วยน้ำเสียงเข้ม: “อี๋นั่ว เธอจะให้ฉันอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่?”

คำพูดของเยี่ยหมิงจูเป็นการเล่นสำนวน ไม่เพียงแต่ตั้งคำถามถามเจี่ยนอี๋นั่วว่าจะให้เธออยู่ที่นี่ต่อไปไหม และเป็นคำถามถามเจี่ยนอี๋นั่วว่าต้องการให้เธออยู่เคียงข้างเจี่ยนอี๋นั่วต่อไปไหม? เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เยี่ยหมิงจูเป็นเวลานานแล้วพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ว่า :“แล้วเธอจะสามารถไปที่ไหนได้อีกล่ะ ถ้าหากต้องการอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็อยู่เถอะ ถ้าหากไม่ใช่เธอ คนอื่นก็ต้องมาอยู่ดี เธอตัดสินใจอยู่ต่อ ฉันก็วางใจมากขึ้น”

เยี่ยหมิงจูหัวเราะออกมาทันที หัวเราะจนตาแดงตา เธอแตะจมูกและพูดเบา ๆ ว่า:“ ฉันขอโทษนะ แล้วก็ขอบคุณเธอด้วย”

เหอหลวนเล่อเหลือบมองไปที่เยี่ยหมิงจูและเจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวดและพูดด้วยน้ำเสียงเบา: “พวกคุณเป็นอะไรไป?”

จากนั้นเหอหลวนเล่อก็กระพริบตา พยักหน้าอย่างเข้าใจ และมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วแล้วหัวเราะออกมา: “อี๋นั่ว เธอนี่เป็นเพื่อนที่แสนดีของฉันจริงๆเลยนะ เธอรู้ว่าฉันไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ เธอก็ให้ผู้หญิงคนนี้ไปใช่ไหม?อี๋นั่ว ความเป็นจริงเธอไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ ฉันโตแล้ว ฉันรู้จักแยกแยะ อีกอย่างเธอดูน่าสงสารมาก พึ่งจะออกจากคุก ทำอะไรก็ไม่ได้ หน้าตาก็งั้น ๆ เธอจะเทียบกับฉันได้อย่างไร ?จริงปะ ?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและมองไปที่เหอหลวนเล่อ จากนั้นมองไปที่เยี่ยหมิงจู และถามด้วยรอยยิ้ม “ฉันควรจะตอบอย่างไรดี?”

เยี่ยหมิงจูยิ้มและพูดว่า “เธอสามารถตอบได้ว่าใช่ เพื่อตอบสนองความไร้สาระและความปรารถนาที่ชอบเอาชนะของเธอ”

เจี่ยนอี๋นั่วก็พยักหน้า และยกนิ้วโป้งให้เห่อหลวนเล่อ: “หลวนเล่อเป็นเพื่อนที่แสนดีที่สุดในโลกจริงๆนะ”

เจี่ยนซวงเฝ้าดูเจี่ยนอี๋นั่วยกนิ้วโป้งขึ้น เธอเรียนรู้ที่จะยกนิ้วโป้งของเธอและพูดด้วยรอยยิ้ม: “คุณแม่เล่อเล่อ ยอดเยี่ยมมากๆค่ะ”

เหอหลวนเล่อพยักหน้าเบา ๆ ยอมรับคำชมของเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “อืม ไม่เลว ในที่สุดพวกเธอก็ยอมรับความจริงที่โลกยอมรับได้แล้ว”

เหอหลวนเล่อเป็นคนเปิดเผยและเป็นคนยิ้มแย้มพูดคุยหัวเราะอยู่เสมอ แต่มันทำให้เจี่ยนอี๋นั่วมีความสุขมาก เพียงแต่เมื่อเหอหลวนเล่อจากไป และแยกจากกับเยี่ยหมิงจูแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าเศร้า และรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆจางลง ความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกค่อยๆเจ็บจี๊ดตรงหัวใจของเธอ

เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เจี่ยนซวงที่วิ่งไปรอบ ๆ ในโรงแรม มองดูเจี่ยนซวงเปลี่ยนเป็นสองเงาขึ้นมา คนหนึ่งคือเจี่ยนซวง อีกคนหนึ่งคือเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ขนาดโตพอ ๆ กับเจี่ยนซวง แต่แค่ไม่มีผมเปียสองข้าง เขาและเจี่ยนซวง วิ่งกระโดดเล่นไปด้วยกัน หันหลังกลับพร้อมกันและตะโกนเรียกเจี่ยนอี๋นั่ว: “คุณแม่……”

จากนั้นร่างของเด็กผู้ชายตัวน้อยๆก็หายไป เหลือเพียงแต่เจี่ยนซวงคนเดียว และกระโดดไปกระโดดมาจนมาใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว แล้วกอดต้นขาของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนซวงเงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดด้วยเสียงเบา: “คุณแม่คะ คุณแม่เป็นอะไรไปคะ ?คุณแม่ร้องไห้ทำไมคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วเช็ดน้ำน้ำตาอย่างแรง ยิ้มแล้วพูดว่า:“ ใช่เหรอคะ คุณแม่ร้องไห้จริงเหรอคะ?”

ขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดอยู่ เธอยกมือขึ้นเช็ดที่มุมตา แล้วเธอก็สัมผัสโดนน้ำตาที่มุมขอบตา

เจี่ยนซวงย่นจมูกและพูดด้วยเสียงสะอื้น: “เป็นเพราะเจี่ยนซวงไม่เชื่อฟังแล้วทำให้คุณแม่โกรธใช่ไหมคะ ? เจี่ยนซวงจะไม่ดึงกางเกงของเด็กผู้ชายอีกแล้วค่ะ เจี่ยนซวงจะเป็นเด็กดีแน่นอนค่ะ จะไม่ทำให้คุณแม่เสียใจอีกแล้วค่ะ

จะไม่ทำให้คุณแม่ร้องไห้อีกแล้วนะคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วมองไปที่เจี่ยนซวง ยิ้มและพูดว่า: “ซวงซวง คุณแม่ไม่ได้เป็นอะไรนะคะ และที่คุณแม่ร้องไห้ มันก็ไม่ใช่เพราะลูกหรอกนะคะ……”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงนี่ก็ยกมือขึ้นแล้วลูบหัวของเจี่ยนซวงเบา ๆ ยิ้มและพูดว่า “เป็นเพราะรู้สึกทุกข์กับดอกไม้อีกดอกหนึ่งต่างหาก”

เจี่ยนซวงย่นจมูก และถามด้วยน้ำเสียงเบา “ทำไมถึงรู้สึกเป็นทุกข์ละคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วลดสายตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“เพราะดอกไม้อีกดอก คุณแม่ยังไม่ทันเห็นหน้าเขา เขาก็หายสาบสูญไปแล้ว ”

เจี่ยนซวงโบกมืออย่างรวดเร็ว และรีบพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วว่า: “คุณแม่ คุณแม่อย่าทำแบบนี้นะคะ ถ้าหากคุณแม่ชอบดอกไม้ เดี๋ยวหนูจะหาดอกไม้ทั้งหมดมามอบให้คุณแม่นะคะ จากนี้ไปถ้าหากหนูเห็นดอกไม้สวยๆ หนูจะเด็ดให้คุณแม่ทั้งหมดเลยนะคะ ”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและกอดเจี่ยนซวงไว้แน่น พูดด้วยรอยยิ้ม: “หนูจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ เพราะคุณแม่ของดอกไม้เหล่านั้นจะรู้สึกเจ็บปวดใจ ตอนนี้คุณแม่มีเพียงซวงซวงดอกเดียว ก็เพียงพอแล้ว จริงๆนะคะ……”

ดังนั้น พระเจ้าคะ ฉันขอร้องคุณนะคะ อย่าปล่อยให้เจี่ยนซวงทิ้งฉันไปอีกคนนะคะ

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและกอดเจี่ยนซวง อธิษฐานอยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ เจี่ยนซวงยิ้มทันทีและเข้าไปในอ้อมแขนของเจี่ยนอี๋นั่วและพูดว่า :“อืม ซวงซวงจะเชื่อฟังและเป็นเด็กดีอย่างแน่นอนค่ะ และจะอยู่กับคุณแม่ตลอดไปนะคะ!”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท