กู้เค่อหยิงหายใจเข้าลึก ๆ หน้าคิ้วขมวดและจ้องมองไปที่สาวใช้ที่กำลังขวางเธออยู่ เธอพูดอย่างเย็นชา: “เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?ฉันเป็นคุณหญิงของตระกูลเหลิ่ง เธอกล้าดียังไงมาขวางทางฉันแบบนี้?”
สาวใช้ลดตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม :“ขอโทษด้วยนะคะ คุณหญิงคะ คุณนายเหลิ่งกำลังเตรียมของขวัญอยู่ค่ะ และบอกว่าเป็นของสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เวลานี้คุณนายเหลิ่งต้องการใช้สมาธิในการคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆนั้นชอบอะไร ทางที่ดีคุณหญิงอย่าไปรบกวนคุณนายเลยนะคะ ……”
“ผัวะ!”
กู้เค่อหยิงง้างมือตบสาวใช้คนนั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา :“ คนอย่างเธอ ก็กล้ามาขวางฉันอย่างนั้นเหรอ?”
หลังจากที่กู้เค่อหยิงพูดจบ เธอก็ผลักประตูออกอย่างแรง แต่พยายามที่จะเปิดประตูของคุณนายเหลิ่ง และตอนนี้กู้เค่อหยิงกำลังตื่นตระหนก ชีวิตที่ดีของเธอที่ได้มาทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเธอคือคุณหญิงของตระกูลเหลิ่ง ถ้าหากเจี่ยนอี๋นั่วกลับมาพร้อมกับลูกสาวของเธอในตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างที่เธอมีจะต้องพังพินาศ ถึงแม้ว่า เจี่ยนอี๋นั่วจะให้กำเนิดลูกสาวเพียงคนเดียว แต่ก็เป็นลูกแท้ๆของเหลิ่งเซ่าถิง และความเป็นจริงนั้นลูกของเธอไม่ใช่ลูกของเหลิ่งเซ่าถิง!
สิ่งนี้ทำให้กู้เค่อหยิงรู้สึกตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก เธอรู้สึกว่าการกลับมาของเจี่ยนอี๋นั่วเพื่อกลับมาเพื่อแย่งชิงทุกอย่างไปจากเธอ กู้เค่อหยิงใช้แรงตบที่หน้าประตูของคุณนายเหลิ่งอย่างแรงและตะโกนเสียงดัง:“คุณท่านคะ คุณช่วยเปิดประตูหน่อยค่ะ หนูคือเค่อหยิง หนูมีเรื่องอยากพบคุณท่านค่ะ”
ในที่สุดประตูห้องของคุณนายก็ถูกเปิดออก คุณนายเหลิ่งคิ้วขมวดและมองไปที่กู้เค่อหยิง พูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“เธอเป็นอะไรไป ? ทำไมเธอเอาแต่เอะอะโวยวายไม่หยุด?ที่บ้านไม่เคยมีใครอบรมสั่งสอนมาเลยเหรอ?แม้ว่าครอบครัวของเธอจะเทียบตระกูลเหลิ่งของพวกเราไม่ได้ แต่ก็เคยได้ศึกษาเล่าเรียนมาบ้างไม่ใช่เหรอ ? แต่ทำไมมาอยู่ตระกูลเหลิ่งแล้วตะโกนโหวกเหวกโวยวายแบบนี้ล่ะ? คุณพ่อและคุณแม่ของเธออบรมสั่งสอนเธอมาแบบนี้เหรอ?”
ขณะที่คุณนายเหลิ่งพูดอยู่นั้น เธอก็ลดเสียงลงและพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม :“เธอนี่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ เมื่อเทียบกับอี๋นั่วแล้ว มันเทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ”
กู้เค่อหยิงเงยหน้าขึ้นทันทีและมองไปที่คุณนายเหลิ่ง และพูดด้วยเสียงสั่น :“คุณนายพูดแบบนั้นได้อย่างไรคะ ?เจี่ยนอี๋นั่วเป็นผู้หญิงที่ทรยศต่อเซ่าถิง และยังเป็นผู้หญิงเลวที่เคยติดคุก? คุณนายจะเอาเธอมาเปรียบเทียบกับฉันได้อย่างไร? สำหรับฉันเป็นคุณนายของตระกูลเหลิ่ง และฉันยังให้กำเนิดลูกชายให้กับตระกูลเหลิ่งอีกด้วย? เจี่ยนอี๋นั่วให้กำเนิดลูกสาวที่มาจากการใช้หนี้! เป็นลูกสาวแล้วมีประโยชน์อะไรคะ ?มีเพียงลูกชายเท่านั้นที่จะสืบทอดตระกูลได้ และลูกชายเป็นทายาทของตระกูลเหลิ่ง ถึงเวลานั้นลูกสาวก็เป็นเพียงแค่คนนอก!”
หญิงนายเหลิ่งส่ายหัวไปมาเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่กู้เค่อหยิงพูด:“ ฟังที่เธอพูด เธอเป็นลูกสาวของครอบครัวคนอื่นและฉันก็เป็นลูกสาวของคนอื่นด้วย เธอพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร เดิมฉันคิดว่าเด็กผู้ชายมันสำคัญกว่าเด็กผู้หญิงมากกว่าหน่อย หลังจากนั้นลองคิดทบทวนดูอีกทีเด็กผู้ชายอาจจะสำคัญแล้วยังไงล่ะ? นี่จะสองขวบแล้วยังไม่สามารถพูดคำที่เป็นประโยคได้เลย เทียบไม่ได้กับเด็กผู้หญิงที่ฉลาดเลย อี๋นั่วให้กำเนิดลูกสาว และฉลาดมากๆ จริงๆ เธออายุแค่สามขวบเอง และรู้เรื่องทุกอย่าง เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก เธอมีดวงตาคู่หนึ่งที่ดูคล้ายเหลิ่งเซ่าถิงมาก แต่ไม่รู้ว่าเธอเกิดมาได้ยังไง เธอกลับไม่เหมือนเหลิ่งเซ่าถิงที่สายตาที่เฉียบคม แต่ยังเป็นสาวน้อยผู้น่ารักคนหนึ่ง ถ้าหากได้อุ้มสาวน้อยอย่างเธอไว้ในอ้อมกอด ตัวอ้วนๆแนบข้างกาย ……”
เดิมคุณนายเหลิ่งพูดคำเหล่านี้เพื่อทำให้กู้เค่อหยิงโกรธ แต่เมื่อคุณนายเหลิ่งจำได้ว่าเธอเพิ่งดูวิดีโอของเจี่ยนซวง คุ ณนายเหลิ่งก็มีความคิดและอยากพบสาวน้อยเจี่ยนซวงจริงๆสักแล้ว อยากจะอุ้มเธอ ทันใดนั้นคุณนายเหลิ่งก็อยากได้ยินคำพูดแบบเด็ก ๆที่ไร้เดียงสาของเจี่ยนซวง มันจะน่าสนใจพอ ๆ กับวิดีโอสั้น ๆ ที่เธอถ่ายทำเป็นครั้งคราวนั้นหรือไม่
หลายปีมานี้คุณนายเหลิ่งมีนิสัยเย็นชามากจนมีลูกชายเพียงคนเดียว ลูกชายคนนี้ต่อสู้แย่งชิงกับเธอมาหลายปีแล้ว และมีหลานสองคน แล้วก็จากไป จากนั้นหลานชายมาแย่งชิงกับเธอ เธอไม่มีลูกสาวและไม่มีหลานสาว บางทีถ้าเวลานั้นเธอมีลูกสาว จะมีคนใส่ใจและดูแลเธอ? ผู้ชายให้ความสำคัญกับอำนาจมากจนเกินไป แม้แต่ลูก ๆ หลาน ๆ ของตัวเองแท้ๆ ก็จะถูกคนอื่นควบคุม
นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับญาติ และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดก็ยิ่งไม่น่าเชื่อถือ คุณนายเหลิ่งคิดว่าถ้าก่อนหน้านี้เธอมีลูกสาว ตอนนี้สถานการณ์อาจจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อย่างน้อยก็มีคนที่สามารถพึ่งพาได้ ล้วนพูดว่า ลูกสาวเป็นคนละเอียดอ่อนอารมณ์อ่อนโยนและมีน้ำใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพ่อแม่ของเธอ?
ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเหลิ่งนั้นมั่นคงและมีอำนาจ และให้ความสำคัญกับเด็กผู้ชายเท่านั้น แม้ว่าคุณจะให้กำเนิดเด็กผู้หญิง พวกเขาทั้งหมดได้รับการปลูกฝังให้แต่งงาน และแต่ละคนมีความประพฤติดีและเชื่อฟังราวกับว่าพวกเขาถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์ บางครั้งคุณนายเหลิ่งก็เข้าร่วมการสังสรรค์ในตระกูล และเธอไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงได้ ถ้าหากคุณนายเหลิ่งต้องการเลี้ยงดูบุตร บางทีอาจจะถูกเลี้ยงดูมาตามแบบที่กำหนดไว้ตามกรอบ
แต่เมื่อคุณนายเหลิ่งเห็นเจี่ยนซวง จิตใจของเธอก็หวั่นไหวเล็กน้อย บางทีเด็กคนนี้อาจจะได้รับการเลี้ยงดูที่ทะนงตัวน่าจะดีกว่า การปฏิบัติต่อเด็กในฐานะมนุษย์ และปล่อยให้เธอเติบโตขึ้นมาอย่างสบาย ๆ สามารถสร้างความประหลาดใจได้มากกว่าการเป็นสิ่งของที่ประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างดี
และสำหรับคนเฒ่าคนแก่ชอบ “ความรักระหว่างบรรพบุรุษและลูกหลาน” แต่คุณนายเหลิ่งชินกับความดื้อรั้นแล้วจนกระทั่งรุ่นเหลนของเธอ พึ่งจะมีความรู้สึกว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ควรจะมีผู้ความเมตตากับรุ่นหลานรุ่นเหลนบ้าง และบังเอิญเป็นเจี่ยนซวงที่ถูกเธอสั่ง ไม่ให้ยอมรับเจี่ยนซวงเป็นลูกหลานตระกูลเจี่ยนตลอดไป
คุณนายเหลิ่งอดไม่ไหวคิ้วขมวดทันที เธอก็เริ่มคิดว่าเธออาจจะแก่แล้วจริงๆ มันกลายเป็นเหมือนหญิงชราธรรมดาที่กำลังคิดมีความสุขอยู่กับลูก ๆ หลาน ๆ ของเธอ
คุณนายเหลิ่งคิดถึงนี้ จ้องมองอย่างเย็นชาคิดในใจ: เป็นแบบนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน ฉันไม่ได้เป็นเหมือนคนอื่น ไม่ควรถูกลดตัวเป็นคนธรรมดาอย่างนั้น สิ่งที่ฉันต้องการคืออำนาจสูงสุดของตระกูลเหลิ่งไม่ใช่เด็กน้อยที่เล่นสนุกไปวันๆ
“คุณย่าคะ!” กู้เค่อหยิงจ้องมองไปที่คุณนายเหลิ่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก และกำลังตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นตระหนกราวกับว่าเธอไม่รู้จักคุณนายเหลิ่งมาก่อน
คุณนายเหลิ่งเงยหน้าขึ้นทันทีมองไปที่กู้เค่อหยิงอย่างเบื่อหน่าย และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา :“เธอจะตะโกนเสียงดังทำไม?ฉันก็อยู่ที่นี่แล้วไง และฉันได้ยินแล้วในสิ่งที่เธอกำลังพูด เธอต้องการพูดอะไร อยากพูดอะไรก็พูดมา! พูดมาสิ จะลดค่าใช้จ่ายอะไรอีก? หรือเป็นเพราะว่ามองในห้องของฉันแล้วมันไม่เจริญหูเจริญตาเหรอเธออยากเปลี่ยนแปลงห้องให้เป็นห้องฝากกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอเหรอ”
“ห้องของเค่อหยิงเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์เหลิ่งแล้วนะ ชั้นบนทั้งชั้นเป็นของพวกเธอทั้งหมดแล้ว ถ้าหากอยากเปลี่ยนแปลงอะไรอีก ตั้งใจจะขับไล่ทุกคนให้ออกจากคฤหาสน์นี้แล้วใช่ไหม ?”สุยเฉิงจิ้งยิ้มแล้วเดินมาที่นี่โดยถือโอกาสบ่น
กู้เค่อหยิงจ้องมองสุยเฉิงจิ้งตาขวาง แล้วรีบหันหน้ามองไปทางคุณนายเหลิ่งรีบพูดขึ้นว่า:“คุณนายเหลิ่งคะ พวกเราไม่สามารถพาเด็กที่เกิดจากผู้หญิงแบบนั้นกลับมาที่คฤหาสน์เหลิ่งนะคะ ถ้าหากให้คนนอกรู้แล้ว คุณแม่ของคุณหนูใหญ่ของตระกูลเหลิ่งของพวกเรานั้นเป็นอาชญากร แล้วตระกูลเหลิ่งของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนคะ?”
“มันจะไปยากอะไร?”สุยเฉิงจิ้งพูดพร้อมกับหัวเราะปิดปาก :“เด็กที่เธอให้กำเนิด?มันก็ ……”
“ไอแค่ก……”คุณนายไอแค่กออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
สุยเฉิงจิ้งหยุดพูดต่อทันที ถอยไปยืนข้างๆด้วยความตื่นตระหนก พูดด้วยน้ำเสียงกระซิบ:“คุณแม่คะ …… ไม่สิ คุณนายเหลิ่งคะ ดิฉันพูดผิดไปแล้วค่ะ”
คุณนายเหลิ่งโบกมือไปมาและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ช่างมันเถอะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้เจตนา แต่ต่อไปนี้เวลาจะพูดอะไรต้องระวังให้มากกว่านี้ สำหรับฉันมันไม่สำคัญอะไร แต่อย่าทำร้ายตัวเอง”
สุยเฉิงจิ้งรีบก้มหัวลง พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ค่ะ……”
ในที่สุดสุยเฉิงจิ้งก็มีโอกาสได้เล่นงานกู้เค่อหยิงแล้ว เธอกำลังสะใจอยู่ กลับลืมไปแล้วว่าเหลิ่งหมิงอันก็เป็นเด็กที่คุณนายเหลิ่งเก็บมาเลี้ยงเช่นกัน
คุณนายเหลิ่งเหลือบมองไปที่สุยเฉิงจิ้ง จากนั้นหันหน้าจ้องมองไปทางกู้เค่อหยิง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ถ้าเธอมีเวลามาซุบซิบนินทาที่นี่ เอาเวลาไปสั่งสอนลูกชายของเธอจะดีกว่าไหม อายุก็ไม่น้อยแล้ว ทำไมถึงยังโง่ขนาดนี้ ?แม้แต่คำว่าทวดยังเรียกไม่เป็น คิดว่าอยากให้ฉันรักและเอ็นดูลูกของเธอเหรอ ?เธอมีเวลามานั่งวางแผนเรื่องใบชาเหล่านั้น เอาเวลาไปคิดว่าจะจับคู่เครื่องประดับและเสื้อผ้าอย่างไร เธอควรเอาเวลาไปสอนลูกของเธอเถอะ คนอย่างเหลิ่งเฉิงเยี่ยแบบนั้น อย่าว่าแต่มอบทั้งตระกูลให้เขาดูแลเลย แม้แต่อิฐทองยังไม่มีปัญญาดูแลได้เลย?ส่วนฉันจะชอบเด็กคนไหน และฉันอยากจะทนเด็กคนไหน มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอจริงๆ!”
คุณนายเหลิ่งปิดประตูทันทีหลังจากที่เธอพูดจบ สุยเฉิงจิ้งรีบเก็บอาการจากความตื่นตระหนกก่อนหน้านี้ของเธอ และหัวเราะพูดกับกู้เค่อหยิงอย่างมีชัย: “เธอได้ยินแล้วหรือยัง ถ้าเธอมีเวลาก็เอาเวลานั้นไปสอนเด็ก ๆ ด้วย ก็ใช่สินะ ที่ไหนมีเด็กโง่แบบนี้บ้าง จนถึงตอนนี้แม้แต่ประโยคเดียวยังพูดไม่ได้เลย ก็ไม่รู้เหมือนใครนะเนี๊ย ……”
กู้เค่อหยิงจ้องมองไปที่สุยเฉิงจิ้งด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม :“อาจจะเหมือนยายของเขาก็ได้ค่ะ”
กู้เค่อหยิงพิจารณาแล้วว่าเด็กที่เธอให้กำเนิดไม่ใช่ลูกของเหลิ่งเซ่าถิง มันจึงต้องเป็นลูกของเหลิ่งหมิงอันแน่น่อนดังนั้นการที่เธอพูดว่าเหลิ่งเฉิงเยี่ยก็เหมือนกับย่าของเขา หมายความก็คือเหลิ่งเฉิงเยี่ยเหมือนสุยเฉิงจิ้งนั่นเอง สุยเฉิงจิ้งหัวเราะเยาะว่าเหลิ่งเฉิงเยี่ยโง่เขลาและมันก็เท่ากับว่ากำลังหัวเราะตัวเองที่โง่เขลาเช่นกัน
หลังจากกู้เค่อหยิงพูดประโยคนี้จบ เธอก็รีบหันหลังกลับไปทันที เหลือเพียงสุยเฉิงจิ้งถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอย่างหน้ามุ่ย และหลังจากคิดอยู่นานเธอก็พูดด้วยความสับสน :“จริงๆเลย ผู้หญิงคนนี้พูดอะไรฉันทำไมมันถึงฟังดูทะแม่งทะแม่งล่ะ ? ทำไมถึงไปพูดถึงพี่สะใภ้ของฉันได้ยังไง?มันน่าแปลกจริงๆ! เด็กคนนี้มันโง่เขล่าล้วนมีเหตุผล เมื่อคุณแม่เป็นโรคประสาท เลี้ยงลูกออกมา จะเลี้ยงได้ดีได้อย่างไรกัน?”
กู้เค่อหยิงโกรธมากจนวิ่งกลับไปที่ห้อง พึ่งจะวิ่งกลับถึงห้อง สาวใช้อุ้มเหลิ่งเฉิงเยี่ยยิ้มแล้วเดินตรงมาหากู้เค่อหยิงทันที และพูดด้วยรอยยิ้ม: “คุณหญิงคะ คุณดูสิคะ วันนี้เขาไม่ร้องไห้งอแงเลยค่ะ ……”
“ไม่ร้องไห้งอแงแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกัน?แม้แต่พูดประโยคเดียวยังพูดไม่ได้ ” กู้เค่อหยิงรับหันหน้าไปมองทางเหลิ่งเฉิงเยี่ย ยกมือขึ้นจับแขนของเหลิ่งเฉิงเยี่ยแล้วพูดอย่างโมโหๆว่า : “พูดสิ เรียกว่าทวด พูดสิ!”
เหลิ่งเฉิงเยี่ยถูกหยิกจนเจ็บ แล้วร้องไห้ออกมาเสียงดัง แต่เพียงแค่กรีดร้องอย่างคลุมเครือว่า: “แม่……แม่……แม่……”
“อย่าเรียกแม่ เรียกว่าทวดสิ!”กู้เค่อหยิงใช้แรงหยิกแขนของเหลิ่งเฉิงเยี่ยอีกครั้ง
เมื่อสาวใช้มองไปที่แขนของเหลิ่งเฉิงเยี่ยถูกหยิกจนแดงแล้ว สาวใช้ตื่นตระหนกรีบพูดว่า :“คุณหญิงคะ หยุดทำร้ายได้แล้วค่ะ หยุดทำร้ายได้แล้วค่ะ!”
กู้เค่อหยิงผลักสาวใช้ออกไปอย่างแรง แล้วตะโกนเสียงดังว่า: “ฉันกำลังสั่งสอนลูกของฉันอยู่ เธอมีสิทธิ์อะไรมายุ่ง?ลูกของฉัน ถ้าหากเขาไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน เธอจะรับผิดชอบไหวเหรอ?เขาต้องเป็นทายาทคนต่อไปของตระกูลเหลิ่ง จะไม่สามารถผิดพลาดแม้แต่น้อย คนอย่างเธอรับผิดชอบไม่ไหวหรอก!”
หลังจากที่กู้เค่อหยิงพูดจบเธอก็รีบจ้องมองไปที่เหลิ่งเฉิงเยี่ยทันที แล้วตะโกนออกมาเสียงดัง: “มา พูดกับแม่ พูดสิ!”
เหลิ่งเฉิงเยี่ยกลัวมากจนร้องไห้ไม่หยุด แรกเริ่มที่เรียกคำว่า “แม่……”ก็ไม่เรียกแล้ว