หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 148 เป็นพ่อลูกกัน

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

กู้เค่อหยิงจ้องมองไปที่เหลิ่งเฉิงเยี่ย และนั่งลงบนเตียงด้วยความโกรธ เธอหายใจออกเฮือกและพูดว่า:“ ทำไมฉันถึงให้กำเนิดเด็กคนนี้ออกมาแบบนี้ได้อย่างไรกัน ?ทำไมฉันถึง……”

กู้เค่อหยิงพูดถึงนี่ทันใดนั้นก็หยุดชะงัก เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่สาวใช้ที่กำลังเกลี้ยกล่อมเด็กน้อยอยู่ และพูดน้ำเสียงอย่างเย็นชา: “เธอยังยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ?ยังไม่รีบออกไปอีก?หรือคิดจะแอบฟังคำพูดของฉันอีกอย่างนั้นเหรอ?”

สาวใช้ส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดอย่างตื่นตระหนก: “คุณหญิงคะ ดิฉันไม่กล้าหรอกค่ะ ?ดิฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

เมื่อสาวใช้พูดจบ เธอก็วางเด็กกลับที่เดิม แล้วก็รีบออกจากห้องไป

กู้เค่อหยิงมองตามด้านหลังของสาวใช้ไป แล้วเหลือบมองไปที่สาวใช้และพูดอย่างเย็นชาว่า :ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเธอดี!”

จากนั้นกู้เค่อหยิงก็อุ้มเหลิ่งเฉิงเยี่ยขึ้นมา ค่อยๆโอ๋ลูกและพูดเกลี้ยกล่อมเหลิ่งเฉิงเยี่ยที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด และพูดอย่างวิตกกังวลและหงุดหงิด: “พอแล้วลูก พอแล้วลูก ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ร้องไห้ทั้งวันแบบนี้มันน่ารำคาญมากรู้ไหม ?มิน่าล่ะคนอื่นถึงได้รังเกียจลูก! ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีก รวมถึงแม่ก็จะรังเกียจลูกเพิ่มอีกคนแล้วนะ แม่ไม่ต้องการลูกอีกแล้วนะ !”

กู้เค่อหยิงพูดอยู่ก็วางเหลิ่งเฉิงเยี่ยที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุดอยู่บนเตียง ทำหน้าบึ้งและมองออกไปนอกหน้าต่าง: “ได้เลย ฉันจะรอดูว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั่นเป็นคนอย่างไร !ดูสิว่าลูกที่เธอให้กำเนิดออกมาพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหน! กล้าดียังไงมาแย่งชิงกับฉัน!”

กู้เค่อหยิงหรี่ตาจ้องมองไปทางนอกหน้าต่าง แล้วหรี่ตาแน่น:“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ใครกันแน่ที่เป็นภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิง ”

หลังจากที่กู้เค่อหยิงพูดจบ เธอก็หันกลับมาพร้อมถือกระเป๋าเดินออกจากห้องไป เธอลงไปชั้นล่างอย่างโมโห ทันทีที่กู้เค่อหยิงเดินออกจากคฤหาสน์ ก็มีสาวใช้เดินไปข้างๆคุณนายเหลิ่ง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณนายคะ คุณหญิงออกไปแล้วค่ะ ดูเหมือนอาการจะโมโหมากเลยค่ะ อาการเหมือนกำลังจะไปล้างแค้นใครยังไงยังงั้นเลยค่ะ”

คุณนายเหลิ่งเลิกคิ้วและพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม: “ฉันรู้แล้ว”

สาวใช้คนนี้เป็นคนรับใช้ส่วนตัวของคุณนายเหลิ่ง เธอรู้หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณนายเหลิ่ง ระยะนี้กู้เค่อหยิงทำให้เธอเสียอารมณ์หลายเรื่องมาก เธอจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า:“คุณนายคะ ผู้หญิงอย่างเจี่ยนอี๋นั่วฉลาดกว่ากู้เค่อหยิงมาก คนอย่างกู้เค่อหยิงหยิ่งและเอาแต่ใจ เด็กก็คลอดออกมาแล้ว เอาแบบนี้ดีไหมคะ……”

“หึ……เธอเข้าใจดี เหตุผลที่เจี่ยนอี๋นั่วจำเป็นต้องจากไป ก็เป็นเพราะว่าเธอฉลาดกว่ากู้เค่อหยิง”

คุณนายเหลิ่งหัวเราะพร้อมพูดไปด้วย: “ตอนนี้กู้เค่อหยิงกำลังต่อสู้แย่งชิงแค่สิ่งของภายนอกเท่านั้น เธอไม่สามารถมีส่วนร่วมในด้านธุรกิจของเหลิ่งเซ่าถิงเลยสักนิด แต่สำหรับเจี่ยนอี๋นั่วถ้าหากอยู่ด้วยกันกับเหลิ่งเซ่าถิงนานกว่านี้แล้วล่ะก็ เธอสามารถจัดการกับเรื่องงานบางอย่างของเหลิ่งเซ่าถิงได้แน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็คงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ อีกทั้ง……”

คุณนายเหลิ่งพูดที่นี่และหยุดชะงักเล็กน้อย เธอคิดในใจ และในเวลานั้นเธอไม่เพียงต้องการให้เจี่ยนอี๋นั่วออกจากชีวิตของเหลิ่งเซ่าถิงเท่านั้น แต่ยังต้องการให้เหลิ่งหมิงอันก็คิดอยากให้เจี่ยนอี๋นั่วออกจากชีวิตของเหลิ่งเซ่าถิงเช่นกัน ก่อนหน้านี้เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนี้ ดังนั้นจึงสามารถขับไล่เจี่ยนอี๋นั่วออกไปได้อย่างง่ายดาย สถานการณ์ปัจจุบันจะไปเปรียบเทียบกับสถานการณ์เดิมได้อย่างไรกันล่ะ?

คุณนายเหลิ่งหรี่ตา แล้วถอนหายใจออกมา และพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา: “ช่างมันเถอะ อย่าไปนึกถึงเรื่องเหล่านั้นอีกเลย ฉันจะรอดูว่ากู้เค่อหยิงจะนำเรื่องสนุกๆมาให้พวกเราชมกัน ใช่สิ ทางด้านเหลิ่งหมิงอันไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยเหรอ?”

สาวใช้ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเบา :“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา คุณชายใหญ่เจอหลักฐานเกี่ยวกับการยักยอกเงินในบริษัทของเหลิ่งเฉิงอวี่ และพวกเขากำลังคิดหาทางในการจัดการแก้ไขอยู่?”

คุณนายเหลิ่งเลิกคิ้วขึ้นเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“มีวิธีจัดการแก้ไขได้อยู่อีกเหรอ ?บางทีมันอาจมีแค่ทางเลือกเดียว คือเหลิ่งเฉิงอวี่ต้องตายอย่างเดียวแล้วล่ะ หากเหลิ่งเฉิงอวี่เห็นสถานการณ์ชัดเจนกว่านี้ ก็ควรตายเร็วกว่านี้ ไม่ต้องทำให้คนอื่นเดือดรอดไปด้วยอีก ถ้าไม่เช่นนั้น เหลิ่งหมิงอันก็จะถูกทำลายไปด้วย เหลิ่งหมิงอันยังมีประโยชน์กับฉันอยู่ ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเรื่องไหนสำคัญกว่า แต่เมื่อเขาเทียบกับคุณพ่อของเขาแล้ว ยังถือว่าเขาก็ฉลาดไม่น้อย”

สาวใช้ลดตาลงเมื่อเธอได้ยินคุณนายเหลิ่งพูดเช่นนั้น และไม่ได้พูดอะไรต่อ

เหลิ่งเฉิงอวี่มาถึงทางตันแล้ว เขาสั่นเล็กน้อยแล้วจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน และถามด้วยน้ำเสียงเบา: “มัน มันไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วใช่ไหม ? เอาแบบนี้ดีไหม ไปขอความเมตตาจากคุณนายเหลิ่ง บางทีเธออาจช่วยพวกเราได้ เธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะควบคุมทุกอย่าง เธอจะไม่ปล่อยให้เหลิ่งเซ่าถิงมีอำนาจอยู่คนเดียวหรอก เธอขาดพวกเราไม่ไดหรอก……”

“คุณนายเหลิ่งอาจจะขาดพวกเราไม่ได้ แต่ว่าพวกเรา ……”เหลิ่งหมิงพูดถึงนี่ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เงยหน้าเหลือบมองที่เหลิ่งเฉิงอวี่

เหลิ่งเฉิงอวี่แตะที่จมูกของตัวเอง หน้าคิ้วขมวดจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก :“ นี่ นี่ลูกหมายความว่าอย่างไร?”

เหลิ่งหมิงอันยกเปลือกตาขึ้นเหลือบมองไปที่เหลิ่งเฉิงอวี่อย่างเย็นชาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียเย็นชา : “ความหมายของผมคือ ก่อเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ คุณนายเหลิ่งจะเก็บผมไว้คนเดียวเท่านั้น และจะไม่เก็บพ่อไว้แล้ว คุณพ่อครับ คุณพ่ออายุก็มากแล้ว สำหรับในสายตาของคุณนายเหลิ่ง มันไม่เหลือประโยชน์อะไรแล้วครับ!”

เหลิ่งเฉิงอวี่หน้าคิ้วขมวด พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่น:“อะไรนะ?นี่ลูกกำลังพูดอะไรอยู่?”

เหลิ่งหมิงอันลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มและเปิดหน้าต่าง ด้านนอกไม่มีรั้วกั้น มีเพียงผู้คนที่ชะโงกหน้าออกไปเล็กน้อย ก็มีความรู้สึกว่าอาจจะตกจากตึกสูงได้ เหลิ่งหมิงอันก้มหน้าลงมองทุกอย่างที่อยู่นอกหน้าต่าง ค่อยๆหรี่ตาลงอย่างช้าๆ และถามด้วยรอยยิ้ม: “คุณพ่อครับ คุณพ่อยังจำเหตุการณ์ที่ผมโดนลักพาตัวครั้งนั้นได้ไหมครับ ?”

เหลิ่งเฉิงอวี่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ข้างๆของเหลิ่งหมิงอัน และพูดอย่างกังวลว่า:“ตอนนี้ลูกมาพูดถึงเรื่องในอดีตอีกทำไม? เหตุการณ์นั้นมันก็ผ่านมานานมากแล้วไม่ใช่เหรอ ?นี่ลูกก็ยืนอยู่ที่นี่แล้วอีกทั้งลูกก็ยังสุขสบายดีไม่ใช่เหรอ ? สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือควรคิดหาทางว่าจะจัดการแก้ไขเรื่องของพ่ออย่างไรดี ถ้าหากปัญหาของพ่อไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว ลูกอย่าคิดว่าลูกจะได้มีชีวิตอยู่อย่างสบาย!”

“ผมรู้ครับ” เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยรอยยิ้ม: “ดังนั้นมันเหมาะที่ผมจะพูดถึงเรื่องในอดีตมากครับ ก่อนหน้านี้ผมยังจำได้ว่า ผู้ร้ายลักพาตัวผม ต้องการให้คุณพ่อเอาเงินให้กับพวกมัน แต่จนแล้วจนเล่าคุณพ่อก็ไม่ได้นำเงินไปให้พวกมัน พวกมันกำลังจะยิ่งผม แต่มือปืนสังหารชิงลงมือยิ่งผู้ร้ายก่อน หลังจากนั้นคุณพ่อก็ยักยอกเงินจำนวนนั้นเอาไว้ บอกว่าผู้ร้ายที่ลักพาตัวได้โอนเงินไปแล้ว ผมอยากถามคุณพ่อว่า คุณพ่อของผม ถ้าหากในตอนนั้นผู้ร้ายลักพาตัวคนนั้นเหนี่ยวไกอย่างรวดเร็ว ผมคงตายแล้วใช่หรือไม่ครับ พวกเขาต้องการแค่เงินจริงๆ ตอนที่พวกเขาลักพาตัวผม พวกเขาไม่ได้ทุบตีหรือด่าว่าผมเลยแม้แต่น้อย และไม่กล้าทำร้ายผมเลยสักนิด แต่เป็นเพราะคุณพ่อบีบบังคับให้พวกเขาเหนี่ยวไกใส่ผม และถ้าหากตอนนั้นผมตายแล้ว คุณพ่อคงไม่รู้สึกเสียดายเลยใช่ไหมครับ คุณพ่อคิดว่าลูกชายคุณพ่อสามารถมีใหม่ได้ แต่สำหรับเงินจำนวนนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มา”

เหลิ่งเฉิงอวี่ได้ยินน้ำเสียงของเหลิ่งหมิงอันแล้วรู้สึกมันแปลกๆ เขารีบขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ตอนนี้ลูกมาพูดเรื่องเก่าๆเหล่านั้นทำไมกัน?พ่อลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปจนหมดแล้ว พวกเรามาดูสถานการณ์ในปัจจุบันดีกว่าว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”

“ เพื่อเงินแล้ว คุณพ่อสามารถทำให้ผมตกอยู่ในอันตรายได้ คุณพ่อดูไม่ออกเลยเหรอครับว่าควรทำอย่างไร?”เหลิ่งหมิงอันพูดถึงนี่ ก็หรี่ตาขึ้นหันหน้าจ้องมองเหลิ่งเฉิงอวี่ หัวเราะแล้วพูดว่า:“ เวลานี้ขอเพียงคุณพ่อตายแล้ว ทุกอย่างก็จบลงเช่นเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้ก็เหมือนกันกับคนๆนั้น เมื่อเขากระโดดลงมาจากตึก เหลิ่งเซ่าถิงก็ไม่ได้ไปสืบหาเบาะแสอะไรต่ออีก หรือเขาต้องการสืบหาหลักฐานให้คณะกรรมการเพื่อเอาผิดลุงที่ตายไปแล้วของเขาอย่างนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวทั้งหมด มันขึ้นอยู่กับคุณพ่อคนเดียวแล้ว ”

เหลิ่งเฉิงอวี่เบิกตากว้างจ้องมองไปที่เหลิ่งหมิงอัน ขมวดคิ้วและพูดว่า :“นี่ลูก ลูกหมายความว่าอะไร ?พ่อเป็นพ่อของลูกนะ !ลูกจะปล่อยให้พ่อตายได้อย่างไรกัน? นี่ลูกยังเป็นลูกชายของพ่ออยู่หรือไม่”

“โอ้?” เหลิ่งหมิงอันยิ้มและหันหน้าไปมองที่เหลิ่งเฉิงอวี่ หัวเราะแล้วพูดว่า: “คุณเป็นคุณพ่อจริงๆ นี่ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็รบกวนคุณพ่อช่วยเสียสละชีวิตของตัวเองหน่อยสิครับ ถ้าหากคุณพ่อตายแล้ว ก็จะมีคนพูดว่าเหลิ่งเซ่าถิงบีบบังคับคุณพ่ออย่างโหดร้ายเกินไป ต่อไปนี้เหลิ่งเซ่าถิงก็ไม่กล้ามาวุ่นวายกับผมอีกแล้ว แม้แต่คุณนายเหลิ่งก็คงถอนหายใจด้วยความโล่งอก การตายของคุณพ่อ ก็ยังมีประโยชน์มากนะครับ”

“นี่ลูก ลูกเป็นคนแบบนี้เองเหรอ !” เหลิ่งเฉิงอวี่ค่อยๆหรี่ตาและก้าวถอยหลัง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ทำไมลูกถึงโหดเหี้ยมอํามหิตได้ขนาดนี้? นี่ลูกจะไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกเลยหรือ?เงินที่พ่อเก็บสะสมไว้และหาเส้นสายไว้นั้น หรือลูกจะไม่เคยเอาไปใช้ประโยชน์เลยหรือ ?ระยะนี้เพื่อผู้หญิงอย่างเจี่ยนอี๋นั่ว ทำให้คนในเรือนจำทั้งหมดขุ่นเคืองแล้ว ตอนแรกสั่งให้พวกเราทำงาน จากนั้นก็ทำให้พวกเขาเดือดร้อนไปด้วย พ่อยังไม่ว่าอะไรลูกสักคำ นี่ลูกยังกล้า……”

จู่ๆ เหลิ่งหมิงอันก็ยื่นมือออกไปเพื่อจับข้อมือของเหลิ่งเฉิงอวี่และพูดอย่างเย็นชา: “คุณพ่อครับ ถ้าคุณพ่อไม่เต็มใจ ถ้าอย่างนั้นผมจะช่วยคุณพ่อเองนะครับ !”

“พ่อเป็นพ่อของแกนะ!”เหลิ่งเฉิงอวี่ร้องตระโกนออกมาเสียงดัง

ทันใดนั้นเหลิ่งหมิงอันก็คว้าแขนของเหลิ่งเฉิงอวี่ และผลักเหลิ่งเฉิงอวี่ออกไปนอกหน้าต่างอย่างแรง เหลิ่งหมิงอันยืนมองอยู่ที่หน้าต่าง มองดูเหลิ่งเฉิงอวี่ล้มลงกับพื้นเสียงดัง เหลิ่งหมิงอันค่อยๆหัวเราะออกมา:“ผมรู้แน่นอนว่าคุณพ่อเป็นคุณพ่อของผม แต่ว่าแล้วมันยังไงล่ะ?อยู่ในตระกูลเหลิ่ง ผมไม่ใช่คนแรกที่ลงมือฆ่าพ่อของตัวเองนี่ หลังจากที่จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ผมก็มีเวลาไปดูอี๋นั่วแล้วล่ะ”

เมื่อเหลิ่งหมิงอันพูดถึงนี้ ก็หลับตาลงบีบน้ำตาออกมา จากนั้นก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ:“ช่วยด้วยครับ ใครก็ได้ช่วยด้วยครับ!คุณพ่อของผมกระโดดตึกฆ่าตัวตายครับ !ใครก็ได้มาช่วยหน่อยครับ!”

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงทราบข่าวการตายของเหลิ่งเฉิงอวี่ เขาก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป เขาเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเหลิ่งหมิงอันต้องทำแบบนี้ เหตุผลที่เขาเผยแพร่ข่าวออกไป ก็เพราะต้องการให้เหลิ่งหมิงอันทำแบบนี้ เนื่องจากหลักฐานของเขา เขาเจตนาให้เลขาฯ รู้เรื่อง และส่วนหนึ่งเป็นหลักฐานปลอมที่เขาว่าจ้างให้ทำขึ้นมา และไม่สามารถพิสูจน์หรือเอาผิดเหลิ่งเฉิงอวี่ได้เลย

มีเพียงการปล่อยข่าวออกไป ทำให้เหลิ่งหมิงอันต้องการปกป้องตัวเองจึงลงมือฆ่าเหลิ่งเฉิงอวี่ และนั้นจึงเป็นประโยชน์สูงสุดต่อเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงลุกขึ้นรินไวน์แดงให้ตัวเองหนึ่งแก้ว และถอนหายใจด้วยความโล่งอก

จางหมินยืนอยู่ด้านข้างเตือนทันที: “คุณประธานเหลิ่งครับร่างกายของคุณยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้นอย่าดื่มมากจนเกินไปนะครับ”

เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“ ไม่เป็นไร วันนี้มันคุ้มค่าที่จะเฉลิมฉลองหน่อย เพราะว่าศัตรูของฉันน้อยลงอีกหนึ่งคน ผมเข้าใกล้คนในครอบครัวของผม มากขึ้นอีกก้าวหนึ่งแล้ว”

ในขณะที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดอยู่นั้น เขาก้มหน้าลงและมองไปที่ไวน์ที่กำลังสั่นไหว และสิ่งนี้ทำให้เหลิ่งเซ่าถิงนึกถึง ในปีนั้นเขาเกือบจะจมน้ำตาย ก็เหมือนใต้ผิวน้ำที่แกว่งไปมาแบบนี้ เขาเห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเหลิ่งเฉิงอวี่ และเงาที่รีบร้อนเดินจากไป และเหลิ่งเซ่าถิงมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ เขากลับต้องจัดงานศพให้กับเหลิ่งเฉิงอวี่คนที่เกือบจะทำให้เขาจมน้ำตายในตอนนั้น ในโลกนี้เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ

ในขณะนั้นจางหมินรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา จากนั้นก็รีบวางสายอย่างรีบร้อน พูดกับเหลิ่งเซ่าถิงด้วยน้ำเสียงเข้มว่า:“คุณประธานเหลิ่งครับ กู้เค่อหยิงไปหาคุณหนูเจี่ยนแล้วครับ ”

ทันใดนั้นมือของเหลิ่งเซ่าถิงก็กำแก้วไวน์แน่น เขาบีบแก้วไวน์ในมือของเขาจนแตกละเอียด และพูดอย่างเย็นชาว่า:“ อืม ผมรู้แล้ว”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน