เจี่ยนอี๋นั่วอุ้มเจี่ยนซวงกลับจากสวนเด็กเล่น แล้วโทรหาเยี่ยหมิงจู พูดเบาๆว่า: “สถานการณ์ตอนนี้เป็นไงบ้าง?”
เยี่ยหมิงจูถอนหายใจ: “ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ตอนนี้ข่าวลือบอกว่าเธอเป็นเมียน้อยแพร่ไปทั่ว มันเป็นกระแสที่คนไม่ชอบเราแล้วพ่นสีลงบนกระจกของเรา คนพวกนี้ไร้ยางอาย เธอบอกว่าคนพวกนี้น่ารำคาญใช่ไหม? อย่าไปสนใจเลย เราไม่ได้เป็นเมียนงเมียน้อย ต่อให้แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเขา? ใช้คนพวกนี้มาก่อกวนเรา ทำลายข้าวของร้าน มันทำเกินไปหรือเปล่า”
เยี่ยหมิงจูเบาเสียงลงและพูดว่า: “แต่ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาคนมาตรวจสอบดูว่าใครจงใจปล่อยข่าวลือนี้ออกไปข้างนอก!”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและตอบว่า: “มีคนตั้งใจเจาะจงฉัน เมื่อกี้ที่โรงเรียนของซวงซวงก็เพิ่งแจ้งมา ขอให้ซวงซวงออกจากโรงเรียน”
เยี่ยหมิงจูขมวดคิ้ว: “อะไรนะ? คนพวกนี้บ้าหรือเปล่า? เธอก็เป็นแบบนี้แล้ว ทำไมพวกมันยังไม่ปล่อยเธอไปอีก ฉันจะไปบอก…….”
“ไม่จำเป็น” เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ไม่มีใครสนใจฉันหรอก ไว้เจอกันค่อยคุยนะ คุยผ่านโทรศัพท์ไม่สะดวกเท่าไหร่……”
หลังจากเจี่ยนอี๋นั่ววางสายแล้ว เยี่ยหมิงจูก็รีบวิ่งไป ขมวดคิ้วและมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วและถามว่า: “อี๋นั่ว เธอหมายความว่าอะไร? อะไรคือไม่มีใครสนใจเธอ? เขาแคร์เธอมาก ไม่งั้นก็คงไม่ให้ฉันมาอยู่ข้างๆเธอหรอก”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูดว่า: “ฉันรู้ ฉันรู้ว่าเขาก็ลำบากมากเช่นกัน ฉันเชื่อว่าเขาทำทุกอย่างเพราะหวังดีกับฉัน ฉันก็ไม่บ่นไม่ว่าอะไรเลย ถ้าฉันเจ็บคนเดียวฉันยังทนได้ แต่ซวงซวงอยู่กับฉันเธอต้องเจ็บไปด้วย เด็กคนนั้นหายไป ฉันอยู่คนเดียวมากี่ปี ฉันผ่านมาได้ยังไง เธอเองก็รู้ดี ฉันจะทนได้ยังไง? ทุกครั้งที่ฉันเจ็บปวด เขาก็แค่มองดูฉันอยู่ข้างๆ เขามองดูฉันดิ้นรนอยู่ที่สูงส่ง เวลาผ่านไปนาน ฉันก็เริ่มชินแล้วล่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ เธอลดสายตาลงและพูดเบาๆ: “ฉันลืมหมดแล้วความรู้สึกรักมันเป็นยังไงและไม่รู้ว่าถูกรักมันเป็นยังไง แต่ฉันกับซวงซวงต้องลำบากเพราะเขา เขาตอบแทนด้วยแบบนี้หรอ มองดูพวกเราอยู่ห่างๆ บางทีการเริ่มต้นของฉันกับเขาอาจจะเป็นอะไรที่ผิดพลาด ถ้าเกิดไม่รู้จักเขาแต่แรกเรื่องทุกอย่างก็คงไม่แย่ขนาดนี้”
หลังจากพูดถึงเรื่องนี้ เจี่ยนอี๋นั่วก็เงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างขมขื่น: “พูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก มันผ่านมาแล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดพร้อมกับหันศีรษะไปมองที่เยี่ยหมิงจู: “เธอมีวิธีอื่นไหม? นอกจากไปขอความช่วยเหลือจากคนแบบนั้น”
เยี่ยหมิงจูขมวดคิ้ว: “งั้นโทรหาตำรวจ ดูว่าตำรวจจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า ยืนขึ้นด้วยรอยยิ้ม หยิบเสื้อแจ็คเก็ตขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มกับเยี่ยหมิงจู: “รบกวนเธอดูแลซวงซวงสักแปปนะ ฉันจะคุยเรื่องธุรกิจนั้น ตอนนี้มีเรื่องวุ่นวายในร้านและฉันไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ยังไงก็ต้องหากิจการอื่นดู”
เยี่ยหมิงจูพยักหน้าทันที: “โอเค ฉันจะดูแลซวงซวงเอง เรื่องแค่นี้ฉันทำได้”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและขอบคุณ เธอใส่เสื้อคลุมแล้วเดินออกไป เจี่ยนอี๋นั่วเดินออกจากห้อง ปิดประตูและก็ล้มลงบนขั้นบันไดอย่างอ่อนแรงสิ่งที่เธอเพิ่งพูดกับเยี่ยหมิงจูไม่ได้โกรธ เธอคิดอย่างนั้นจริงๆเธอไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ความรักของเธอไม่ลดละและตอนนี้มันกำลังจะหมดไปจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดกลับมาอีกครั้ง เหลิ่งเซ่าถิงจะยังคงคิดว่าการป้องกันแบบนี้ที่ทำให้อารมณ์ของเธอหมดไป เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเลือกงั้นหรอ?
เจี่ยนอี๋นั่วกดริมฝีปากล่างของเธอ ยืนขึ้นและเดินออกจากอาคารอย่างช้าๆไปตามที่อยู่ที่ชายคนนั้นให้เธอก่อนหน้านี้ เจี่ยนอี๋นั่วมาที่ถนนการค้า นี่ไม่ใช่ถนนการค้าธรรมดานี่คือสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมือง มีชายและหญิงทันสมัยมากมายที่เดินไปมา
เจี่ยนอี๋นั่วเป็นเหมือนกระต่ายดินที่จู่ๆก็หลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มมองลงไปที่นามบัตรในมือและในที่สุดก็พบร้านอาหารตะวันตก เจี่ยนอี๋นั่วรีบเดินไปตามถนน ไม่กี่ก้าวเธอก็ถึงร้านอาหารตะวันตก เธอเห็นรถคันหนึ่งก็ได้ยินเสียงทางเข้าของร้านอาหาร
เจี่ยนอี๋นั่วหยุดกะทันหันและเธอเฝ้าดูประตูรถที่เปิดอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมและแต่งตัวอย่างมีสไตล์แล้วเดินออกจากรถ มีเด็กชายอยู่ในอ้อมแขนจากนั้นก็เดินลงมาจากอีกด้านของรถปรากฎว่าเป็นเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบหันกลับไปซ่อนหลังถังขยะข้างๆ เธอรีบปิดปากและควบคุมตัวเองไม่ให้ส่งเสียง
เจี่ยนอี๋นั่วตำได้ว่าผู้หญิงที่ลงจากรถดูเหมือนจะเป็น กู้เค่อหยิบ ผู้หญิงที่แต่งงานกับเหลิ่งเซ่าถิง
“เซ่าถิง วันนี้ลมแรงจริงๆ ฉันรู้สึกหนาวนิดหน่อย” กู้เค่อหยิงพูดกับเหลิ่งเซ่นถิงด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่เหลิ่งเซ่าถิงปรากฏตัว เขาดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย พวกเขาประหลาดใจกับรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเหลิ่งเซ่าถิง หลังจากที่พวกเขารู้จักตัวตนของเหลิ่งเซ่าถิง แล้วพวกเขาก็ประหลาดใจกับตัวตนและสถานะของเหลิ่งเซ่าถิง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่กู้เค่อหยิงด้วยความอิจฉาและยังคงพูดถึงผู้หญิงที่ดีว่ากู้เค่อหยิง ควรเป็นผู้หญิงแบบไหนเพื่อให้ผู้ชายที่ดีที่สุดในเมืองแต่งงานกับเขาในฐานะภรรยาของเขา พวกเขามักจะอ่อนโยนและเกรงใจเธอ
กู้เค่อหยิบชอบความชื่นชมของคนเหล่านั้น เธองอมุมปากของเธอ ไม่สามารถหุบรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอได้ เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงถอดเสื้อคลุมของเขาและสวมให้กู้เค่อหยิง รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้เค่อหยิงดูงดงามมากขึ้นพร้อมเสียงอุทานของคนอื่นๆ
“เซ่าถิง คุณตามใจฉันมาก คุณจะทำให้ฉันได้ใจนะ” กู้เค่อหยิบพูดด้วยความโกรธ
เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะเบาๆและพูดว่า “คุณเป็นภรรยาของฉัน ฉันจะไม่ดีกับคุณได้ยังไง?”
เจี่ยนอี๋นั่วอยู่ไม่ไกลและได้ยินคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิงได้อย่างชัดเจน ความอ่อนโยนและคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิง ดูเหมือนจะเป็นความจริง เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าเหลิ่งเซ่าถิงคงเป็นสามีที่ดีมากของภรรยา
กู้เค่อหยิงยิ้มและส่งเด็กในอ้อมแขนของเธอให้เหลิ่งเซ่าถิง พูดด้วยรอยยิ้ม: “อะ คุณอุ้มลูกไว้เยอะๆดีกว่า คุณไม่ได้อุ้มลูกมานานแล้ว ลูกคงคิดถึงพ่อแล้ว”
ในเวลานี้เหลิ่งเฉิงเยียถูกกู้เค่อหยิงหยิกเบาๆและเขาก็เปิดปากของเขาและตะโกนเรียกเหลิ่งเซ่าถิง: “พ่อ…… ”
กู้เค่อหยิงปิดปากของเธอทันทีและหัวเราะ พูดออกมาว่า: “เซ่าถิง เฉิงเยี่ยเรียก ‘พ่อ’ ได้แล้ว เก่งมาก! เฉิงเยี่ยของเราฉลาดจริงๆ!”
เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยคิ้วทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มให้กู้เค่อหยิง: “งั้นคงต้องฉลองสักหน่อยแล้ว”
“อืม วันนี้ครอบครัว กว่าจะออกมาพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนเป็นเรื่องที่ยาก ไปเถอะ เข้าไปข้างในกัน อย่าให้เฉิงเยี่ยตากลม ” กู้เค่อหยิงพูดด้วยรอยยิ้มและเดินเข้าไปพร้อมกับเหลิ่งเซ่าถิง
หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงและกู้เค่อหยิงเดินเข้าไปในร้านอาหารตะวันตก เจี่ยนอี๋นั่วก็ลุกขึ้นยืน ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อย เธอรู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงแต่งงานและมีลูกแล้ว ในใจได้ตัดสินใจแยกทางกับเขาหลายครั้ง ในใจของเธอมันเป็นไปไม่ได้ที่เธอและเหลิ่งเซ่าถิงจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเช่นนี้ เธอก็รู้แล้วว่าเหลิ่งเซ่าถิงกลายเป็นสามีของคนอื่นไปแล้ว และพ่อของคนอื่น
เจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าเธอแข็งแกร่งพอ บาดแผลบนร่างกายของเธอได้สร้างรอยแผลเป็น กลายเป็นเกราะแข็ง บาดแผลธรรมดาไม่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็นเหลิ่งเซ่าถิงอุ้มเด็กคนอื่น เธอก็คิดถึงลูกๆของเธอ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของพวกเขาคือใคร เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที
นี่ไม่ใช่ความเจ็บปวดของเธอในฐานะเจี่ยนอี๋นั่ว แต่เป็นความเจ็บปวดในฐานะแม่
เมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบสักที? หรือเหลิ่งเซ่าถิงเขาต้องการที่จะจบตั้งแต่แรกแล้ว? เขาพอใจกับชีวิตของเขาตอนนี้ มีภรรยาอย่างเค่อหยิง จะเก็บเธอไว้เป็น “นางบำเรอ”งั้นหรอ?
ทันใดนั้น เจี่ยนอี๋นั่วก็จำได้ว่าตอนที่เธอท้องกับเหลิ่งเซ่าถิงโดยไม่ตั้งใจ หมอและพยาบาลหัวเราะเยาะเธอ ขายตัวเพียงเพราเงิน ต่อมาเธอตกหลุมรักเหลิ่งเซ่าถิงและเหลิ่งเซ่าถิงก็มีความรู้สึกต่อเธอเช่นกันซึ่งทำให้เจี่ยนอี๋นั่วลืมไปว่าจุดเริ่มต้นของพวกเขานั้นเป็นยังไง บางทีเธออาจจะยังคงเป็นคนที่ต่ำต้อยในสายตาของคนอื่น เป็น “นางบำเรอ” ของเหลิ่งเซ่าถิงเพื่อเงินสินะ?
เจี่ยนอี๋นั่วเดินไปที่ทางเข้าของร้านอาหารตะวันตก มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าของร้านอาหารมองเธอด้วยความงุนงงและยกมือขึ้น หยุดเธอทันที: “คุณผู้หญิง ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ”
เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากล่างของเธอ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพูดว่า: “ฉันมาหาเจ้าของร้าน เจ้าของร้านเป็นคนเรียกฉันมา เขาต้องการจะซื้อร้านขนมของเรา”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยักหน้า หยิบเครื่องส่งรับวิทยุขึ้นมาและพูดสองสามคำ จากนั้นหันไปหาเจี่ยนอี๋นั่วและพูดว่า: “โอเค คุณเข้าไปได้”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าและเดินเข้าไปในร้านอาหารตะวันตก ฉก็เห็นหลิวจื่อซิงเดินมาพร้อมกับยิ้ม: “ฉันได้ยินคุณนายเหลิ่งแนะนำว่าขนมของคุณอร่อยมาก…… ”
หลิวจื่อซิงหยุดกะทันหัน เธอขมวดคิ้วและมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วและพูดเบาๆ: “ทำไมถึงเป็นเธอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลิวจื่อซิง จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น: “ที่แท้ก็เป็นเธอ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลิวจื่อซิงพูดเมื่อกี้ คุณนายเหลิ่งเป็นคนแนะนำเธอให้รู้จักกับร้านอาหารตะวันตกแห่งนี้ คนที่เป็นคุณนายเหลิ่งคือใคร? ต้องเป็นกู้เค่อหยิบภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิงแน่ จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็รู้ว่าใครเป็นคนที่ทำมห้เธออับอาย คงเป็นกู้เค่อหยิงสินะ
ถ้าเป็นกู้เค่อหยิง เจี่ยนอี๋นั่วก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงกล่าวหาว่าเป็น “เมียน้อย” เพราะกู้เค่อหยิงเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของเหลิ่งเซ่าถิง เธอไม่ได้จกทะเบียนก็เป็น ‘เมียน้อย’ งั้นหรอ?
เจี่ยนอี๋นั่วคิดมาตลอดว่าคนอื่นใส่ร้ายเธอ แต่ความจริงพวกเขาพูดไม่ผิด เธอเป็นจริงๆ ไร้ค่าสิ้นดี!