หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 156 ถูกเปิดโปง

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเธอได้ยินคำพูดของซวีอี้เฟย จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรออกตามหมายเลขที่ซวีอี้เฟยให้เธอ ในขณะที่เชื่อมต่อสาย ซวีอี้เฟยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที หลังจากรับสายเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

เจี่ยนอี๋นั่วรับโทรศัพท์ ยิ้มและพูดว่า: “ฮัลโหล สวัสดี คุณซวี ฉันชื่อ เจี่ยนอี๋นั่ว ดูแลตัวเองดีๆนะ ลาก่อน…… ”

หลังจากเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็วางสายโทรศัพท์และโบกมือให้ซวีอี้เฟยจากหน้าต่างรถ ซวีอี้เฟยฟังเสียงของเจี่ยนอี๋นั่วทางโทรศัพท์ราวกับว่าเขายังอยู่ในความฝันในขณะนี้ เมื่อเห็นเจี่ยนอี๋นั่วโบกมือลาเขา ซวีอี้เฟยก็โบกมือกลับทันที

จนกระทั่งรถของเจี่ยนอี๋นั่วออกจากหน้าซวีอี้เฟย ซวีอี้เฟยยังคงโบกมือให้เจี่ยนอี๋นั่วอยู่ด้านหลัง

“หมอซวี ยืนซื่อทำไม?” พยาบาลที่ผ่านมาพูดกับซวีอี้เฟย ปิดปากด้วยรอยยิ้ม

ซวีอี้เฟยหายใจเข้าลึกๆและพูดด้วยรอยยิ้ม: “เพราะฉันเจอสิ่งที่ควรค่าแก่การมีความสุข ไปกันเถอะ ไปที่โรงอาหาร ฉันจะเลี้ยงอาหารเย็นเธอเอง ฮ่าฮ่า … ”

การเผชิญหน้ากับซวีอี้เฟยเป็นเรื่องราวในชีวิตของเจี่ยนอี๋นั่ว เธอโทรหาซูอี้เฟยเพียงเพื่อให้โอกาสเธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วต้องการใช้ชีวิตแบบธรรมดา อยากอยู่กับคนธรรมดาไม่ต้องกังวลกับความกลัวทุกวัน ไม่ต้องคำนวณและระวังอะไรเพื่อปกป้องคนรอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีเจี่ยนซวง ความปรารถนาของเจี่ยนอี๋นั่วที่จะมีชีวิตที่ธรรมดาและเรียบง่ายก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

กลับบ้านเจี่ยนอี๋นั่วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจี่ยนซวงและอยู่กับเจี่ยนซวงทั้งคืน หลังจากงีบหลับไปในตอนเช้า เจี่ยนซวงเดินเข้ามายิ้มและเปิดมือให้เจี่ยนอี๋นั่วตะโกนว่า: “แม่……”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและกอดเจี่ยนซวงไว้ในอ้อมแขนและถามด้วยรอยยิ้ม: “รู้สึกยังไงบ้าง? ยังไม่สบายตัวยู่ไหม?

เจี่ยนซวงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว: “สบายตัวแล้ว แต่ซวงซวงหิวมาก ซวงซวงอยากกินโจ๊ก อยากกินข้าวผัดไข่ ถ้าแม่ทำข้าวผัดไข่ไม่ได้ งั้นทำแกงจืดให้ซวงซวงก็ได้ แม่ไก่ไข่ออกมาอย่างลำบาก เราไม่ไปทำลายมันดีกว่า”

เจี่ยนอี๋นั่วจงใจทำท่าทางโกรธ: “ซวงซวง ลูกรู้สึกแม่ทำอาหารไม่อร่อยหรือเปล่า?”

เจี่ยนซวงดูสีหน้าเจี่ยนอี๋นั่วออกและรีบส่ายหัว ยิ้มและพูดว่า: “ไม่ใช่ ไม่ใช่…… ซวงซวงแค่สงสารแม่ไก่…… ”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า บีบจมูกของเจี่ยนซวงและพูดด้วยรอยยิ้ม: “โอเค ถ้าอย่างนั้นอย่าทำลายไข่ของแม่ไก่ ต้มไข่ให้ซวงซวงสักสองฟอง”

ขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วพูด เธอหันไปที่ห้องครัวและเริ่มทำโจ๊กให้เจี่ยนซวง เจี่ยนซวงตื่นแล้วก็ปีนลงจากเตียงตามหลังเจี่ยนอี๋นั่วและพูดพึมพำ: “แม่ อีกซักสองวันเราไปอีกครั้งดีไหม เผื่อลุงคนนั้นจะมา”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า ยิ้มและพูดว่า: “โอเค แต่ซวงซวงรอนานไม่ได้แล้วนะ เดี๋ยวเป็นหวัดอีก เข้าใจไหม?”

เจี่ยนซวงพยักหน้าทันที: “ซวงซวงรู้แล้ว ซวงซวงจะไม่รอนานเกินไป”

เหลิ่งเซ่าถิงหันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีฟ้าราวกับว่ามันเป็นสีเดียวกับดอกไม้ในมือที่เจี่ยนซวงมอบให้เขาก่อนหน้านี้ เหลิ่งเซ่าถิงเคยเห็นภาพของเจี่ยนซวงมาก่อนและความรู้ของเขากับเจี่ยนซวง เธอคล้ายเจี่ยนอี๋นั่ว ในชีวิตของเขาเจี่ยนอี๋นั่วได้รับการจดจำไว้ในชีวิตของเขาแต่เจี่ยนซวงเป็นเพียงแค่ชื่อและเงา

วันนั้นที่เหลิ่งเซ่าถิงเจอกับเจี่ยนซวง เจี่ยนซวงเป็นลูกเขามาตลอดแต่เขาเพิ่งรู้ แม้ว่าใบหน้าและนิสัยใจคอจะแตกต่างกันมาก เหลิ่งเซ่าถิงยังสามารถมองเห็นร่องรอยของเขาจากร่างกายของเธอ มุมตาที่ยกขึ้นเล็กน้อย รูปร่างของเล็บ รูปร่างของหูและแม้แต่นิสัยเล็กๆน้อยๆของเจี่ยนซวงก็ยังคล้ายกับเขา

ทั้งๆที่ไมได้อยู่ด้วยกัน แต่ทำไมถึงมีความรู้สึกที่ผูกพันธ์แบบนี้? การเชื่อมต่อทางสายเลือดนั้นแข็งแกร่งมากจนทำให้เหลิ่งเซ่าถิงรู้สึกไม่น่าเชื่อ ตอนนั้นเองที่เหลิ่งเซ่าถิงตระหนักเป็นครั้งแรกว่าเขามีลูกสาว อ่อ ไม่ มีลูกสองคน ยังมีลูกชายอีกคน ที่ถูกซ่อนตัวอยู่

“เหลิ่งเซ่าถิง แกฟังฉันอยู่หรือเปล่า?” ชายวัยกลางคนหนึ่งตบโต๊ะและตะโกนเรียกเหลิ่งเซ่าถิง

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าและยิ้มให้ชายวัยกลาง แล้วพูดว่า: “ลุงสาม ผมกำลังฟังอยู่ คุณลุงไม่พอใจให้ผมถือหุ้นนี้หรอครับ? แต่ลูกชายของคุณลุงเป็นขายมันให้ผมเอง ทำไมถึงต้อวโกรธขนาดนี้?”

ชายวัยกลางคนเป็นญาติของเหลิ่งเซ่าถิง ชื่อเหลิ่งเฉิงยวี้ เขามีใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์คนจีนและเขายังมีท่าทางหยิ่งผยอง ทำตัวเป็นบุคคลที่มีอำนาจ เหลิ่งเฉิงยวี้จ้องไปที่เหลิ่งเซ่าถิง ทำหน้าบึ้งและพูดว่า: “แกก็รู้ว่าลูกฉันเป็นยังไง แกยังจะซื้อหุ้นไปจากเขาอีก นี่แกกำลังรังแกลูกฉันหรอ?”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดอย่างเย็นชา“ ลุงซาม ลุงพูดแบบนี้ได้ยังไง? เขาเล่นยาเองถูกถ่ายวิดีโอเพื่อขู่เขา เขาขอร้องผมและขายหุ้นให้ผม แบบนี้ผมจะไม่ช่วยได้หรอครับ?”

เหลิ่งเฉิงยวี้จ้องไปที่เหลิ่งเซ่าถิง: “ฉันว่ายังไงแกก็ตั้งใจ เหลิ่งเซ่าถิง ลุงแท้ๆของแกเพิ่งตาย ตอนนี้ไม่เห็นหัวลุงอย่างพวกเราแล้วสินะ? ตอนนี้แกเป็นคนที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลเหลิ่ง แกจะทำอะไรอีก? ลูกพี่ลูกน้องของแกมีปัญหา แกก็ควรช่วยสิ แต่ยังใช้ข้อตกลงในการแลกเปลี่ยน แกยังนามสกุลเหลิ่งอยู่ไหม? ฉันว่าคนที่ถ่ายวิดีโอ ก็คือแก!”

เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะ:“ ลุงซามพูดแบบนี้มันไม่ดีนะครับ ถ้าผมเป็นครทำเรื่องนี้ ผมไม่ต้องทำให้ยุ่งยากหรอก ไล่ลูกคุณลุงออกโดยตรงเลยยังได้ ผมจะแถมให้ข้อตกลงอีก ไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลาทำพวกวิดีโอหรอก วิดีโอนั้นคนในตระกูลฮั่วเป็นคนทำ ลุงสาม ตระกูลฮั่วไม่ถูกกับเรามานานแล้ว ในงานเลี้ยงของลูกคุณลุง ทำไมถึงมีคนของตระกูลฮั่ว?”

หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเยาะเย้ย: “ยิ่งกว่านั้น ลุงสาม ลุงก็รู้ว่าลูกชายคุณลุงเป็นยังไง มันไม่ควรใส่ชื่อเขาในหุ้นทั้งหมดอยู่แล้ว”

เหลิ่งเฉิงยวี้หายใจเข้าลึกๆและเหล่ไปที่เหลิ่งเซ่าถิง ทันใดนั้นก็มีคนโทรหาเหลิ่งเฉิงยวี้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที หลังจากรับสายสีหน้าของเหลิ่งเฉิงยวี้ก็ค่อยๆเปลี่ยนไป: “อะไร…..อะไรนะ? ตายแล้ว?”

หลังจากที่เหลิ่งเฉิงหยู่วางสาย เขาก็ทรุดตัวลงทันทีและพูดเบาๆว่า: “ลูกชายของฉันตาย ตายแล้ว…… ”

ทันใดนั้น เหลิ่งเฉิงหยู่ก็เงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่เหลิ่งเซ่าถิง: “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแก ถ้าแกไม่เอาหุ้นของเราไปทั้งหมด เขาก็คงไม่ท้อแล้วกินยาฆ่าตัวตายแบบนี้!”

หลังจากที่เหลิ่งเฉิงหยู่พูดจบ ดวงตาสีแดงจ้องมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง เขาก็พูดขึ้นว่า: “ทั้งหมดนี้แกตั้งใจใช่ไหม? แกจงใจอยากให้พวกเราทั้งหมดตาย แกอยากได้สมบัติทั้งหมดของตระกูล แกคิดจะกำจัดคนในตระกูลได้ยังไง? ย่าของแกโหดร้ายแต่อย่างน้อยเธอก็ทิ้งหนทางเอาตัวรอดให้เรา แต่แกมีทางเดียวคือไม่อยากให้พวกเรารอดสินะ? เหลิ่งเซ่าถิง แกอย่าคิดว่าวิธีการของแกถูกปกปิดแล้วฉันจะไม่รู้ว่าแกยักยอกหุ้นจำนวนมาก แกคิดว่าฉันไม่รู้หรอว่าแกสมรู้ร่วมคิดกับตระกูลฮั่ว ทำไมในงานเลี้ยงถึงมีคนของตระกูลฮั่วงั้นหรอ? เพราะเราต้องการทดสอบแก! เราอยากรู้ว่าระหว่างแกกับตระกูลฮั่วมีอะไรเกี่ยวข้องกัน แกพยายามร่วมมือกับตระกูลฮั่ว เพื่อทำลายตระกูลเหลิ่งใช่ไหม?”

“ทำไมลุงสามพูดแบบนี้ จะใส่ร้ายผมงั้นหรอ?” เหลิ่งเซ่าถิงลุกขึ้นยืนและจ้องไปที่เหลิ่งเฉิงยวี่ด้วยสายตาเย็นชา: “คุณลุงรู้ไหม ว่าสิ่งที่ลุงพูดจะทำให้ลุงเจอกันอะไรบ้าง?”

เหลิ่งเฉิงยวี้ถูกสายตาที่เย็นชาของเหลิ่งเซ่าถิงจ้อง ขมวดคิ้วและพูดว่า:“ แก แกไม่ต้องมาขู่ฉัน ฉันจะบอกให้ ทุกคนเขาระวังตัวกันหมดแล้ว แกยังคิดว่าจะทำลายพวกเราได้งั้นหรอ ฝันไปเถอะ!”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็หยิบมีดออกมาและชี้ไปที่เหลิ่งเซ่าถิง

เหลิ่งเซ่าถิงคว้าข้อมือของเขาอย่างรวดเร็วและเหวี่ยงเขาออกไป

“ ปั๊ง……” เสียงดังขึ้น

เหลิ่งเฉิวยวี้นอนอยู่บนพื้น เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความยากลำบากมองไปที่รูเลือดที่หน้าอกของเขาและจ้องไปที่เหลิ่งเซ่าถิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

เหลิ่งเซ่าถิงจ้องมองไปที่ศพของเหลิ่งเฉิงยวี้และพูดเบาๆ: “รนหาที่ตายเอง”

“ประธานเหลิ่ง เกิดอะไรขึ้น? เป็นอะไรหรือเปล่า?” เลขาที่เดินตามเหลิ่งเซ่าถิงเปิดประตูเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก มองไปที่ร่างของเหลิ่งเฉิงยวี้แล้วปิดปากทันที

เหลิ่งเซ่าถิงหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือและพูดกับเลขาอย่างเย็นชาว่า: “มานี่”

เลขาเดินไปด้านข้างของเหลิ่งเซ่าถิง ตัวสั่นและถามว่า: “ประ……ประธานเหลิ่ง……นี่มัน…….”

เหลิ่งเซ่าถิงเหล่ตามองเลขาและถาม:“แกรู้ไหมทำไมฉันถึงให้แกเป็นเลขาส่วนตัวของฉัน?”

เลขาเช็ดเหงื่อออกจากศีรษะและพูดด้วยตัวสั่นว่า: “เพราะ…..เพราะฉันจบจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ฉันมีความสามารถในการทำงานที่โดดเด่น เพราะ…… ”

“เพราะแกเป็นคนของเหลิ่งหมิงอัน” เหลิ่งเซ่าถิงพูดอย่างเย็นชา

เลขามองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง ตัวสั่นและพูดเสียงสั่น: “ฉัน….. ฉันไม่……”

เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ ไม่ได้เป็นตัวสอดแนมของเหลิ่งหมิงอัน หรือว่าไม่ได้ถูกเหลิ่งหมิงอันจ้างมาล่ะ ตอนนี้เหลิ่งหมิงอันน่าจะรู้แล้วว่าฉันไม่มีหลักฐานว่าพ่อของเขาก่ออาชญากรรมจริงๆ คนที่เอาข่าวไปบอกเหลิ่งหมิงอัน ถ้าไม่ใช่ตัวสอดแนม แล้วเป็นอะไร?”

เลขาขมวดคิ้วและมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง พูดด้วยตัวสั่น: “ถึงฉันจะบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากความผิดพลาด แต่คนในตระกูลเหลิ่งที่เหลือก็ไม่เชื่อ”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าและพูดด้วยเสียงเยาะเย้ย: “ตอนนี้ฉันยังสนงั้นหรอว่าพวกเขาเชื่อหรือไม่เชื่อ?”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดเบาๆว่า: “แต่ว่าการกระทำของแกตอนนี้ ทำให้ฉันไม่พอใจ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท