หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 161 เอาตัวเธอไป

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

คุณนายเหลิ่งเหล่ตามองเจี่ยนซวงพร้อมกับยกยิ้ม : “คิดถึงพ่อล่ะสิ? งั้นหนูก็มากับย่าทวดนะ ย่าทวดจะพาไปหาพ่อ”

เจี่ยนซวงพนักหน้าอย่างรวดเร็ว แต่แล้วเจี่ยนซวงก็รีบส่ายหัว : “ไม่ค่ะ ไม่ได้ ซวงซวงไปกัยคุณย่าทวดไม่ได้ ซวงซวงจะรอหม่าม้าก่อน รอหม่าม้ามาแล้วซวงซวงค่อยไปกับคุณย่าทวดนะคะ”

คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วใส่เจี่ยนซวง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “หนูโตขนาดนี้แล้ว ยังติดแม่อยู่อีกหรอ?”

เจี่ยนซวงเม้มปากของตัวเองก่อนจะพูดว่า : “ซวงซวงยังเด็กอยู่ค่ะ ซวงซวงยังไม่สี่ขวบเลย ซวงซวงติดแม่ได้! คุณย่าทวดนี่ไม่มีเหตุผลเลยนะคะ! เด็กๆก็ต้องติดแม่สิคะ!”

เมื่อคุณนายเหลิ่งได้ยินเจี่ยนซวงพูดเช่นนั้นเธอก็ขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองไปที่เจี่ยนซวงทันที : “เป็นเด็กเป็นเล็กก็พูดต่อล้อต่อเถียงแล้ว! เหมือนแม่ของหนูไม่มีผิด!”

คุณนายเหลิ่งพูดจบเธอก็อดที่จะไม่ยกมือขึ้นมาบีบแก้มของเจี่ยนซวง ในตอนที่มือของคุณนายเหลิ่งสัมผัสกับใบหน้าของเจี่ยนซวงแล้ว เป็นเพราะเธอได้สัมผัสกับผิวที่อ่อนนุ่มและบอบบางของเจี่ยนซวง เธอจึงลดแรงบีบลงเป็นเพียงการลูบใบหน้าของเจี่ยนซวงเบาๆเท่านั้น

เจี่ยนซวงหัวเราะฮิฮิขึ้นมา คุณนายเหลิ่งก้มหน้ามองเธอ ; “หนูหัวเราะอะไร?”

เจี่ยนซวงพูดด้วยเสียงเล็กๆของเธอ : “มือของคุณย่าทวดที่จับหน้าซวงซวงมันจั๊กจี้มากๆเลยค่ะ”

คุณนายเหลิ่งก้มหน้ามองสองมือของตัวเอง ดูมือที่เหี่ยวย่นของเธอก่อนจะพูดขึ้น : “เพราะย่าทวดแก่แล้วไงล่ะ มือเลยหยาบกระด้างแบบนี้ เลยบาดหน้าหนู หนูยังเป็นเด็ก คุณย่าทวดแก่แล้วนี่”

คุณนายเหลิ่งพูดถึงตรงนี้ เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ : “หนูยังมีนาคต แต่ย่าทวดมีแต่อดีต ย่าทวดนับวันก็ยิ่งแก่ อีกหน่อยก็เดินไม่ไหวแล้วล่ะ”

เจี่ยนซวงเอียงหัวมองคุณนายเหลิ่ง ก่อนจะยกมือของตัวเองขึ้นมาจับมือของคุณนายเหลิ่ง พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ถ้าคุณย่าทวดเป็นคุณย่าทวดของซวงซวงจริงๆ แล้วคุณย่าทวดเดินไม่ไหวแล้วซวงซวงจะจับมือคุณย่าทวดเดินเองค่ะ”

คุณนายเหลิ่งยิ้ม : “ช่างพูดจริงๆเด็กคนนี้”

เจี่ยนซวงยังไม่ลืมเรื่องของพอของตนเอง เธอรีบขมวดคิ้วแล้วพูดกับคุณนายเหลิ่ง : “คุณย่าทวดคะ……ซวงซวงบอกหม่าม้าแล้วไปหาคุณพ่อด้วยกันมั้ยคะ?”

คุณนายเหลิ่งตอบกลับเสียงเข้ม : “ไม่ได้ หม่าม้าของหนูจะเจอกับพ่อไม่ได้ แต่ซวงซวงไปเจอพ่อได้นะ ต่อไปซวงซวงก็จะไม่ได้เจอแม่อีกแล้วเหมือนกัน……”

เจี่ยนซวงเบิกตาโตทันที : “ไม่เจอหม่าม้าอีกงั้นซวงซวงไม่เอาคุณพ่อแล้วค่ะ ซวงซวงจะอยู่กับหม่าม้า!”

คุณนายเหลิ่งหันหลังก่อนจะกวักมือเรียกคนที่อยู่ข้างๆของเธอ : “เอาตัวเด็กไป!”

มีคนเดินเข้าไปหาเจี่ยนซวงก่อนจะพยายามอุ้มเจี่ยนซวงขึ้นมา เจี่ยนซวงคิดจะวิ่งหนีแต่ว่าเธอยังไม่ทันได้วิ่งก็ถูกอุ้มไปเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าของเจี่ยนซวงแดงไปหมด เธอดิ้นจนสุดแรง คุณนายเหลิ่งเห้นคนที่อุ้มเจี่ยนซวงอยู่นั้นปิดปากเจี่ยนซวงไม่ให้หายใจอย่างแรง คุณนายเหลิ่งจึงขมวดคิ้วมาทันทีก่อนจะพูดว่า : “แกนี่ยังไงห้ะ? ใครเขาอุ้มเด็กแบบนั้นกัน? ระวังมือไปปิดจนเธอหายใจไม่ออกด้วย! เนื้อของเด็กบอบบาง เดี๋ยวเด็กก็เจ็บหรอก!”

ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆคุณนายเหลิ่งรีบผ่อนแรงทันทีจนเกือบจะวางเจี่ยนซวงลงพื้น คุณนายเหลิ่งเรื่มเบื่อหน่ายชายคนนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “วางเด็กลง ไม่ต้องอุ้มแล้ว ปล่อยลงเดี๋ยวนี้”

ทันทีที่เจี่ยนซวงลงมาอยู่กับพื้น เธอจึงใช้วิธีการอย่างที่เธอได้เติบโตมาในเรือนจำ โดยการวิ่งเข้าไปกอดขาของคุณนายเหลิ่ง ก่อนจะร้องไห้เสียงดัง : “คุณย่าทวดช่วยหนูด้วยนะคะ อย่าให้คนไม่ดีอุ้มซวงซวงไปเลยนะคะ ซวงซวงไม่อยากถูกพาตัวไป ช่วยซวงซวงด้วยนะคะ แล้วซวงซวงจะกตัญญูต่อคุณย่าทวดอย่างดี……..”

เมื่อคุณนายเหลิ่งได้ยินเจี่ยนซวงพูดเช่นนั้น จึงอดที่จะไม่ยิ้มไม่ได้ : “แล้วหนูจะกตัญญูต่อย่าทวดยังไงล่ะ?”

เจี่ยนซวงรีบพูดขึ้นทันที : “ซวงซวงจะให้ของกินอร่อยๆทั้งหมดกับคุณย่าทวดค่ะ ซวงซวงจะเหลือไว้กินแค่นิดเดียว ซวงซวงแอบหยิบอมยิ้มมาด้วยค่ะมีสองอัน ซวงซวงให้คุณย่าทวดได้ โดยที่ไม่ให้หม่าม้ารู้เลยค่ะ”

เมื่อคุณนายเหลิ่งได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็กว้างขึ้นไปอีก แต่ก่อนคุณนายหลิ่งนั้นเอาแต่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ความสนใจส่วนใหญ่ของเธอจึงอยู่กับการแย่งชิงอำนาจเท่านั้น ตอนนี้เธอได้เจอเจี่ยนซวงแล้ว น้อยมากที่จะมีเวลามาสนใจเด็กๆ ไม่พูดถึงเหลิ่งเซ่าถิงหรือเหลิ่งอวิ๋นเซียวเลย แม้แต่ลูกแท้ๆของเธอ เธอยังไม่มีเวลามาใส่ใจดูแลเลย

ตอนนี้คุณนายเหลิ่งนั้นมีเวลาว่างมากมาย ด้านการแย่งชิงอำนาจก็แพ้พ่ายซ้ำๆ เธอจึงวางมือกับการแกร่งแย่งชิงดีนั้นมาบ้างแล้ว เวลาของเธอก็มีมากขึ้นเธอทำให้คุณนายเหลิ่งก็มีเรื่องเด็กคนนี้มาเติมเต็มเรื่องราวและเวลาของเธอ เมื่อได้ยินคำวิงวรของเจี่ยนซวง คุณนายเหลิ่งก็ใจอ่อนขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดก่อนจะเปลี่ยนใจ

คุณนายเหลิ่งมองหน้าเจี่ยนซวงก่อนจะพูด : “หนูไม่อยากแยกจากแม่หนูหรอ?”

เจี่ยนซวงพยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับจะร้องไห้ว่า : “คุณย่าทวดคะ ซวงซวงรักคุณย่าที่สุดเลยค่ะ”

คุณนายเหลิ่งหัวเราะก่อนจะถาม : “รักย่าทวดหรอ? รักได้ยังไงกัน?”

เจี่ยนซวงชี้ที่หน้าอกของตัวเองก่อนจะพูดว่า : “ใช้ใจของซวงซวงรักไงคะ”

คุณนายเหลิ่งก้มหน้ามองเจี่ยนซวงก่อนจะยิ้ม : “งั้นก็ไปกับย่าทวดสิ”

เจี่ยนซวงกอดขาของคุณนายเหลิ่งเอาไว้ กอ่นจะร้องไห้แล้วพูดขึ้นมา : “ซวงซวงไม่ไปค่ะ”

คุณนายเหลิ่งหรี่ตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา : “ก็แค่ไปสวนสาธารณะ ไม่ได้จะเอาตัวหนูไปซะหน่อย แต่หนูไม่ต้องไปบอกแม่ล่ะ ว่าย่าทวดพาไป”

เจี่ยนซวงกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพูด : “ซวงซวงโกหกหม่าม้าไม่ได้ค่ะ”

คุณนายเหลิ่งก้มหน้ามองเจี่ยนซวงก่อนที่สายตาของเธอนั้นจะค่อยๆสลดลง ไม่ต้องให้คุณนายเหลิ่งพูดอะไรออกมา เจี่ยนซวงก็สามารถรับรู้ได้ผ่านสีหน้าของคุณนายเหลิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า : “แต่ว่าการเชื่อฟังคุณย่าทวดคงไม่นับว่าเป็นการโกหกใช่มั้ยล่ะคะ? คุณย่าทวดเป็นผู้อาวุโสแล้ว เชื่อฟังคุณย่าทวดไม่นับว่าเป็นการโกหก”

เจี่ยนซวงพูดถึงตรงนี้ เธอก็มงหน้าคุณนายเหลิ่งแล้วก็กระพริบตาปริบๆใส่คุณนายเหลิ่งทันที คุณนายเหลิ่งมองเจี่ยนซวงก่อนจะยกมือขึ้นมาจับแก้มของเด็กน้อยเบาๆก่อนที่จะอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

คุณนายเหลิ่งจับมือของเจี่ยนซวงออกไปจากโรงเรียนอนุบาล เจี่ยนซวงเม้มปากของตัวเองอย่างประหม่า แต่เจี่ยนซวงก็พยายามยามยิ้มให้กับคุณนายเหลิ่งอย่างเต็มที่ ราวกับว่าเธอมีความสุขมากๆ เมื่อถึงสวนสาธารณะ เจี่ยนซวงก็กระโดดโลดเต้นบนทรายอย่างกระดี๊กระด๊ากับเด็กๆคนอื่นๆ คุณนายเหลิ่งยืนมองเจี่ยนซวง จู่ๆเธอก็คิดขึ้นมาว่าการได้มองเจี่ยนซวงเล่นของเล่นนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเหมือนกัน

ตอนนี้ราวกับว่าคุณนายเหลิ่งนั้นดูหนังที่ไม่รู้ตอนจบอยู่ ที่มันดึงดูดให้เธออดไม่ได้ที่จะต้องดูมันต่อไปเรื่อยๆ

ตอนแรกที่เจี่ยนซวงเล่นของเล่นนั้น เธอก็ยังเฝ้าระวังคุณนายเหลิ่งอย่างประหม่า กลัวว่าคุณนายเหลิ่งนั้นจะเป็นอย่างไรอีก แต่ในขณะที่เธอเล่นของเล่นอยู่นั้น เจี่ยนซวงก็เอาแต่สนใจเรื่องเล่นจนไม่ทันเฝ้ามองคุณนายเหลิ่งแล้ว

ในสวนสาธารณะมีรถของเล่นอยู่หลายอันให้เด็กๆได้เล่นเป็นของเล่น ตอนแรกเจี่ยนซวงได้เล่นรถของเล่นนั้นแล้ว เธอสนุกกับมันมาก แต่จู่ๆก็มีเด็กอายุประมาณห้าหกขวบวิ่งเข้ามากระชากรถของเล่นนั้นจากมือของเจี่ยนซวง แม่ของเด็กผู้ชายคนนั้นกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ไม่ใกล้ไมม่ไกลากตรงนั้น เมื่อเธอเห็นว่าลูกของตนเองแย่งของเล่นจากเจี่ยนซวง เธอก็ยกยิ้มก่อนที่คุยกับคนนั้นต่อ

เจี่ยนซวงขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองไปที่ของเล่นนั้น ก่อนจะทำหน้ามมุ่ยไปทางที่คุณนายเหลิ่งอยู่

คุณนายเหลิ่งทำหน้าเข้มแล้วมองไปที่เจี่ยนซวง เจี่ยนซวงหันหน้าไปหาเด็กผู้ชายคนนั้นที่กระชากของเล่นออกจากเธอ ก่อนที่เธอจะรีบไปนั่งข้างเด็กผู้ชายคนนั้นแล้วพูดว่า : “ของเล่นอันนี้มันน่าเล่นตรงไหนหรอคะ หนูจะบอกอะไรให้นะคะ บนต้นไม้ต้นนั้นมีของเล่นที่น่าเล่นกว่านี้อีกค่ะ?”

เด็กชายยู่จมูก : “มีอะไรน่าเล่นอ่ะ?”

เจี่ยนซวงยิ้มแล้วพูดว่า : “มีอมยิ้ม มีรถยนต์ แล้วก็มีอุลต้าแมนด้วยค่ะ เมื่อกี้เห็นพี่ชายคนนึงหยิบไปแล้วด้วย หนูตัวเล็ก ขึ้นไปเอาไม่ได้ หนูจะบอกให้พี่นะคะ พี่เอาของเล่นอันนี้คืนหนูก่อน ได้มั้ยคะ?”

“จริงหรอ?” ดวงตาของเด็กชายเป็นประกายขึ้นมาทันที : “งั้นเดี๋ยวพี่บอกแม่ให้เอาให้แล้วกัน”

“พี่นี่ไร้ประโยชน์จังเลย” เจี่ยนซวงทำหน้ามุ่งด้ยความรังเกียจ : “พี่ชายคนเมื่อกี้ตัวเล็กกว่าพี่อีกนะคะ ยังขึ้นไปเอาเองได้เลย พี่เอาลงมาเองไม่ได้แบบนี้ ไร้ประโยชน์จริงๆเลย”

เด็กชายรีบพูดขึ้นทันที : “พี่ไม่มีประโยชน์ตรงไหน เดี๋ยวพี่จะเอาลงมาให้ดู”

“งั้นก็ส่งของเล่นมาให้หนูสิคะ” เจี่ยนซวงยื่นมือออกมาเพื่อจะเอารถของเล่นจากเด็กชาย

เด็กชายตะคอก : “อะรถของเล่น พี่จะถือมันไว้ด้วย”

เพียงเด็กชายพูดจบก็วิ่งไปที่ต้นไม้ทันที ก่อนที่จะค่อยๆปีนต้นไม้ไปพร้อมกับรภของเล่นอันนั้น แต่ปีนได้เพียงครึ่งทาง เด็กชายก็ปีนต่อไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าลงมา เด็กชายกอดต้นไม้เอาไว้พร้อมกับตะโกนเสียงดัง : “แม่ครับ …….แม่มาช่วยผมด้วยครับ…..”

ในขณะนั้น ผู้หญิงที่คุยกับคนอื่นอยู่นั่นรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว : “ไอ้หยา ชงชงทำไมปีต้นไม้อย่างนั้นล่ะคะลูก ลงมาเร็ว กระโดดลงมา แม่จะรับ”

เด็กชายร้องไห้ออกมาพร้อมกับส่ายหน้า : “ไม่ครับ……ผมไม่กล้า”

เพื่อที่ตัวเองจะเกาะต้นไม้ได้แน่นขึ้น เด็กชายจึงทำได้เพียงปล่อยรถของเล่นในมือตกลงไป เมื่อเจี่ยนซวงเห็นเด็กชายร้องไห้อย่างนั้น ก็หัวราะเอิ้กอ้ากขึ้นมาทันทีก่อนที่จะเดินไปเก็บรถของเล่นชิ้นนั้นมา เด็กชายเห็นเจี่ยนซวงจึงตะโกนขึ้นมา : “แม่ครับ เป็นเพราะเธอโกหกผมครับ เธอบอกว่าบนต้นไม้…..มีของเล่น”

ผู้หญิงคนนั้นรีบหันหน้ามามงเจี่ยนซวงทันทีก่อนที่จะตะคอกใส่ : “เธอเป็นเด็กบ้านไหนห้ะ? ยังเด็กแค่นี้ก็โกหกแล้วหรอ? ที่นี่เป็นของเธอรึไง? เป็นเด็กบ้าที่มาจากไหนเนี่ย?”

เจี่ยนซวงถูกผู้หญิงคนนั้นผลักจนล้มไปกองกับพื้น แต่เธอไม่ได้ร้องไห้ เธอมองไปที่เด็กชายที่ติดอยู่บนต้นไม้ ก่อนจะหัวเราะต่อ ในขณะนั้นเด็กชายก็ยึดเกาะต้นไม้ไม่ไหวแล้วจึงตกลงมาจากพื้น เมื่กเด็กชายตกลงมาถึงพื้นแล้ว ผู้ผญิงคนนั้นก็กำลังจะสั่งสอนเจี่ยนซวงอยู่เธอเลยไม่ทันรับลูกของตนเอง

เมือ่ได้ยินเสียงงร้องโอดโอยของเด็กชาย แม่ของเธอถึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก่อนจะหันไปกอดเด็กชายด้วยความตื่นตระหนก : “ไอ้หยา ชงชงของแม่”

เจี่ยนซวงเอารถของเล่นมากอดไว้ก่อนจะลุกขึ้นมา แล้วปัดดินที่เปื้อนอยู่บนตัวของเธอ ก่อนจะเตรียมตัวหันหลังกลับไป เธอก็โดนผู้หญิงคนนั้นดึงไหล่ของเธอเอาไว้แล้ว : “ยัยเด็กบ้า หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน