ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ – ตอนที่ 53

ตอนที่ 53

จากผู้นำทั้ง 12 ทีมนั้น หกคนเป็นยอดมนุษย์สายกายภาพ ส่วนอีกห้าคนเป็นสายพลังจิต

เหล่ายอดมนุษย์สายพลังจิตนั้นก็มีทักษะและความสามารถที่เพียงพอที่จะบินขึ้นไปในท้องฟ้าเพราะเมื่อไหรก็ตามที่คุณได้ถึงแรงค์ S แล้วคุณจะสามารถใช้งานความสามารถของคุณเองได้อย่างชำนาญมากขึ้น

ในกรณีเดียวกันกับผู้มีพลังจิตสายเคลื่อนย้ายสิ่งของ ลีอาห์ มิเชลความยากในการที่จะยกตัวเธอเองให้ลอยขึ้นนั้นอยู่ในขอบเขตที่ยากเป็นอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้นเธอยังได้รับการพิจารณาว่าตัวเธอเองยังมีความสามารถในการบินอยู่บ้าง

แต่แน่นอนว่ามันค่อนข้างที่จะต้องใช้เทคนิคเล็กน้อยและอย่างไรก็ตามสายพลังเพียวๆจะมีประโยชน์กว่ามากในสถานการณ์แบบนี้ สายกายภาพจะดีกว่ามากด้วยทักษะของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเร่งความเร็วในทันที,ความรวดเร็วในการเคลื่อนที่ และความทนทานสูงแต่เหตุผลว่าทำไมฉันต้องเป็นคนที่นำนั้นเป็นเพราะว่าฉันสามารถที่จะควบคุมสายลมได้

ด้วยปัจจัยพิเศษที่มีผลโดยตรงของพื้นที่ภายในรอยแยกนี้ซึ่งก็คือพายุนั้นมีความรุนแรงมากเพียงพอที่จะทำให้ฉันนั้นบินได้

ฉันไม่ได้ต้องการที่จะเป็นผู้นำเพื่อที่จะแสดงได้ความสามารถ,ได้รับชื่อเสียง หรือแม้แต่ความดีความชอบหรอก เพื่อที่จะได้ชนะใจของสมาชิกในทีมอย่างนั้นเหรอ? แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องพวกนั้น! มันเป็นเพราะเหตุผลง่ายๆก็เนื่องจากว่าในขณะที่อยู่ในพายุนี้ฉันจะเป็นอิสระ ฉันจะรู้สึกราวกับถูกปลดปล่อย,คล่องแคล่วว่องไว และยังแสดงความสามารถได้อย่างทรงประสิทธิภาพกว่าปกติ ฉันก็แค่นำเพราะฉันทำได้เท่านั้นเอง

ตึง!

เนื่องจากว่าในครั้งแรกที่เขาได้กระโดดออกไปนั้นไม่ได้มีแรงส่งช่วยเหลือทำให้เขาไม่สามารถที่จะกระโดดไปได้ไกลมากนักแต่ในทันทีที่เขาได้เข้าสู่พายุนั้นเขาก็ได้รับแรงเสริมจากสายลมในพายุช่วยผลักเขาได้ด้านหน้า

-มันเหนื่อยยยย…

ต้องของคุณเจ้ากระถางดอกไม้จิตวิญญาณนี้ที่ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับเขาที่จะเปลี่ยนทิศทางของสายลมในชั่วพริบตาดังนั้นเขาเลยสามารถที่จะเปลี่ยนตำแหน่งของตนเองได้ในขณะที่ตนเองยังลอยอยู่กลางอากาศในขณะที่เหล่ายอดมนุษย์คนอื่นไม่สามารถที่จะทำได้

แม้ว่าการบินไปในอากาศอย่างอิสระนั้นยังเป็นไปไม่ได้แต่ว่ามันสามารถที่จะทำได้ในระดับเดียวกันกับการแสดงผาดโพนทางอากาศ

แคว๊กแคว๊ก!!

ในจังหวะที่เทอโรซอร์ได้พุ่งเข้ามากัดเขา เขาได้หยุดลงกลางอากาศชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะดึงเอาดาบอีเทอร์ของตนเองออกมาเขาได้หมุนร่างกายของตนเองอย่างรวดเร็ว 720 องศาแล้วตัดไปที่คอของฝ่ายตรงข้ามด้วยการหมุนนี้และในช่วงเวลาสั้นๆหลังจากนั้นเขาก็ได้ก้าวไปบนหัวมอนสเตอร์ตัวที่พึงถูกตัดหัวออกมาแล้วกระโดดเฉียงออกไปยังจงอยปากเทอโรซอร์อีกตัวซึ่งกำลังบินตรงมาภายในระยะสายตาของเขา

ฟุบ!

ในขณะที่กำลังขี่พายุนี้เขาได้กัดฟันของตนเองพร้อมกับที่แทงดาบอีเทอร์ลงไปที่จงอยปากของเทอโรซอร์ตัวนี้

“กว้ากกกก!”

เหมือนที่ได้คาดไว้ตั้งแต่ที่จุดศูนย์ถ่วงของเขาหายไปทำให้มันยากสำหรับเขาที่จะใช้แรงออกไปได้ตามที่ต้องการ

ฉึก!!

แม้ว่าจะยังบ่นอยู่ในหัวของตนเขาก็ยังสามารถที่จะตัดร่างของเทอโรซอร์ตัวนี้เป็นสองซีกได้

‘มันคงจะดีนะถ้าหากมีมีอีเทอร์บัสเตอร์ในมือตอนนี้…’

อีเทอร์บัสเตอร์เป็นฟังก์ชันที่ได้ถูกสลักไว้ในดาบชั้นหนึ่งเท่านั้นมันสามารถที่จะเปิดใช้งานเพื่อที่จะส่งแรงระเบิดออกไปได้หลังจากที่ใส่พลังงานอีเทอร์ลงไปในดาบ แต่น่าเสียดาบที่เขาไม่ได้มีมันนอกไปจากเรื่องพวกนี้แล้วเขามีเพียงแค่ดาบชั้นสองที่ไม่ได้รับการปลดล็อกอย่างเต็มประสิทธิภาพแต่ด้วยดาบนี้เขาก็สามารถที่จะตัดเหล่าเทอโรซอร์ที่อยู่โดยรอบเขาพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย

โดยปกติแล้วไม่ว่าใครก็ตามไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่กลางอากาศได้เช่นนี้ถึงแม้ว่าเหล่ายอดมนุษย์คนนั้นจะมีทักษะในการต่อสู้ที่ดีเลิศแค่ไหนก็ตามแต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้ดีเช่นที่เขาเคยเป็นแต่ว่าก็แต่ยังไงซะหากว่าข้อจำกัดที่เหล่าพวกยอดมนุษย์เผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ลดลงแม้เพียงเล็กน้อย พวกเหล่ายอดมนุษย์สายกายภาพก็สามารถที่จะต่อสู้กลางอากาศได้ดีกว่าเดิม

หากว่าพวกเขาสามารถต่อสู้กับมอนสเตอร์บินได้พวกนั้นได้ในระยะที่ประชิดมากกว่านี้หละก็ ความเป็นไปได้คงจะไม่มีที่สิ้นสุด…

‘ถ้าหากว่าเหล่ามอนสเตอร์ที่บินได้และสามารถที่จะทำการโจมตีจากระยะไกลโผล่ออกมาหละก็มันจะต้องเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมากแน่ๆ…’

ต้องขอบคุณที่ยังไม่มีมอนสเตอร์แบบนั้นที่นี้ดังนั้นมันเลยทำให้เขาสามารถที่จะต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

เขาได้สไลด์ผ่านเหล่าเทอโรซอร์ไปเป็นสิบตัวอย่างต่อเนื่อง เหยียบไปบนตัวของพวกมันและกระโดดไปยังหน้าผาหินที่เตี้ยที่สุด

โกรกกก!!

ในวินาทีที่เขาได้ก้าวเหยียบลงไปบนหน้าผาแห่งนี้ เหล่ายักษ์หินซึ่งตัวเล็กอย่างค่าเฉลี่ยตัวหนึ่งก็ได้โจมตีมาที่เขาเขาได้กระโดดกลับไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วและพุ่งขึ้นไปในอากาศอีกครั้งแล้วใช้หัวของเทอโรซอร์ตัวหนึ่งเป็นแท่นเหยียบจากนั้นก็กระโจนไปด้านหน้า

โดยที่ก่อนหน้านั้นเขาได้เหวี่ยงดาบของตนและบิดปลายดาบที่ยังคอของยักษ์ตัวหนึ่ง มันดูราวกับว่าเขาได้เหวี่ยงดาบไปโดยไม่ได้คิดอะไรแต่ว่าเจ้าเทอโรซอร์ตัวที่เขาพึ่งจะเหยียบก่อนหน้านั้นก็ได้ถูกเฉือนเป็นสามส่วนเท่าๆกันและตกลงไป

‘นี่…’

เขาพึ่งจะได้รับรู้เมื่อตอนที่เขาได้เหวี่ยงดาบของตนเองว่าโมเมนตัมของสายลมได้ถูกเพิ่มเข้าไปในการเฉือนของเขามันทำให้การโจมตีธรรมดาของเขานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าปกติทั่วไป

เมื่อเขามองลงไปเขาได้เห็นหัวหน้าทีมหลายๆคนที่มีพลังกายอย่างมหาศาลกำลังตามพวกมันไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาจะทำมีไม่เหมือนตัวเขาเองที่ต้องกระโดดหลายต่อหลายครั้งเนื่องจากพลังกายและแรงกระโดดที่ต่ำ คนพวกนั้นมีพลังมากเพียงพอที่จะใช้ในการกระโดดเพียงครั้งเดียวเทียบกับเขาที่ต้องกระโดดหลายต่อหลายครั้งในระยะทางที่เท่ากัน

และในทันทีหลังจากนั้นเขาได้มองไกลออกไปและเห็นเหล่ายอดมนุษย์ที่กำลังตามหัวหน้าทีมของตนอยู่พวกเขาได้ต่อกรกับเหล่าเทอโรซอร์ที่อยู่ไกลออกไปด้วยการโจมตีระยะไกล

ทั้งหมดที่ตัวเขาเองต้องทำให้ตอนนี้คือการรับมือกับเทอโรซอร์ที่อยู่ตรงหน้าของเขามันชัดเจนเลยเนื่องจากว่าเขาไม่ได้มีความสามารถในการโจมตีระยะไกลได้ถึงระยะทางที่ไกลขนาดนั้นได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในตอนนี้เขานั้นได้เพ่งความสนใจไปยังการจัดการกับเจ้าพวกบินได้ตัวที่อยู่ใกล้ที่ละตัวๆ แล้วให้เหล่ายอดมนุษย์จัดการกับส่วนที่เหลือ

เขาเป็นคงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการต่อสู้แบบนี้มันค่อนข้างที่จะเหมาะกว่าเหล่าผู้มีพลังจิตที่เคลื่อนไหวได้ช้าหรือว่าเหล่ายอดมนุษย์ที่ค่อนข้างจะอ่อนแอในการรับมือกับการต่อสู้ทางอากาศ

ฟิ้ว-วว-วว-วว-วว-วว-วว-วว!

ภายในพายุที่บ้าคลั่งเขาได้เคลื่อนที่ผ่านท้องฟ้าต่อไปเหมือนกับว่าเขากำลังตกอยู่ในภวังค์

มันเทือบจะเหมือนกับการวิ่งมาราธอนต่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็คือการที่เหล่าเทอโรซอร์ได้บินเข้ามาเพื่อที่จะกัดเขาเป็นครั้งคราวและยังมีเศษหินทั้งเล็กใหญ่ที่ได้ผสมร่วมกับอยู่ในภายพายุอันรุนแรงนี้ทำให้เขาได้แต่เคลื่อนที่ในแนวตั้งเพื่อหลบหลีกมันอย่างไม่มีทางเลือก

ถ้าหากว่าเขายังคงความเร็วของตนเอาไว้เท่านี้และไม่ได้ยอมแพ้ไปเสียก่อนหละก็เขาคงจะไปถึงจุดหมายได้ทั้งอย่างนี้เลย

“นี้มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ…”

ภายนอกของรอยแยก ภายในค่ายสั่งการ พัคซึงโฮได้พึมพำถ้อยคำเหล่านั้นออกมาซึ่งทำให้บางคนได้พยักหน้าตอบเพราะว่าพวกเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

นี้เป็นที่ๆเหล่าฮันเตอร์ผ่านศึกที่ได้พบเห็นพลังจิตมามากมายหลากหลายรูปแบบมารวมตัวกัน ไม่ว่าตัวพวกเขาเองจะเป็นผู้มีพลังจิตหรือไม่ก็ตามมันก็ไม่ได้สำคัญ

แต่อย่างไรก็ตามทุกคนในนี้ได้เห็นถึงวิธีการอันน่าเหลือเชื่อที่ผู้บัญชาการทีม 7 ได้ใช้ในการควบคุมสถานการณ์นี้

มันค่อนข้างที่จะมีผู้มีพลังจิตอยู่เพียงไม่กี่คนที่สามารถจะบินได้โดยคนพวกนั้นคงจะเป็นแรงค์ S หรือไม่ก็มีความสามารถที่ใช้ในการเคลื่อนไหวทางอากาศโดยตรงหรือในบางกรณีนั้นพวกเขาก็สามารถที่จะบินได้ด้วยการใช้ความสามารถของพวกเขาเอง

แต่อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการของทีมที่ 7 นั้นไม่สามารถที่จะบินได้

นี้เป็นความจริงที่ทุกคนในค่ายนี้รู้เป็นอย่างดีถึงแม้ว่าเขาจะมีความคล่องตัวที่ทำให้เขาเคลื่อนที่ในอากาศได้อย่างลื่นไหลราวกับว่าเป็นสายลม…เขาก็ยังไม่สามารถที่จะบินได้จริงๆ

ตั้งแต่แรกแล้วในตอนที่เขาได้พูดว่าเขาจะนำเอง ทุกคนที่นี้ก็ได้แต่สงสัยจะเขาคิดที่จะทำอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม คนธรรมดาที่ชื่อว่ายูซอดัมในตอนนี้นั้นกำลังใช้ความสามารถของตนเองในขณะเดียวกันก็กำลังเคลื่อนที่ไปมาอย่างอิสระท่ามกลางพายุนั้นถึงแม้ว่ามันจะยังคงไกลออกไปเมื่อเทียบกับระดับความสามารถของเหล่ายอดมนุษย์คนอื่นๆอยู่มาก แต่นี้มันไม่ใช่ว่าเขามีความสามารถพิเศษที่ทำให้บินได้จริงๆใช่ไหม?

ถึงอย่างนั้นสำหรับชายคนนี้แล้วแม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถที่เหมาะสมกับสถานการณ์เช่นนี้โดยตรงแต่เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงทักษะที่เหนือล้ำยิ่งกว่าคนที่มีพลังพิเศษสำหรับใช้ในการบินซะอีก

ด้วยการใช้ข้อได้เปรียบจากเศษก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนและเหล่าเทอโรซอร์ซึ่งกำลังบินอยู่ในอากาศ ไม่ใช่ว่ามันราวกับว่าเขากำลังบินอยู่ในท้องฟ้าด้วยการใช้ความแข็งแกร่งเพียงแค่ครึ่งเดียวของแรงค์ A ที่แข็งแกร่งอย่างนั้นเหรอ?

มันมีขีดจำกัดของความเร็วในการบินดังนั้นไม่มีใครสักคนที่สามารถจะบินได้เหมือนกับที่เขากำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตอนนี้แม้ว่าคนๆนั้นจะกระโดดได้อย่างทรงพลังมันก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ

แต่ว่าชายคนนี้ยังสามารถที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้

มันราวกับว่าเขากำลังใช้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาเป็นที่หยั่งเท้าสำหรับตัวเอง

ถ้าหากว่ามีใครมองเข้าไปใกล้กว่านี้หละก็พวกเขาจะเห็นได้ว่าชายคนนี้นั้นกำลังใช้ก้อนหินทุกก้อนและเหล่าเทอโรซอร์แค่เฉพาะที่อยู่ด้านหน้าของเขาทุกตัวเท่านั้น

และ…เมื่อความคิดเช่นนั้นได้เข้ามาในใจของทุกๆคน

นี้มัน ‘ความสามารถ’ บ้าอะไรของเขากันแน่เนี่ย?

ไม่เหมือนกับประสิทธิภาพและเพลงดาบที่แข็งทื่อในสมัยใหม่ที่ดูไม่มีความยิ่งใหญ่เอาเสียเลย เพลงดาบของเขานั้นช่างดูนุ่มนวลจนทำให้มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังร่ายรำอีกทั้งมันยังน่าแปลกที่ในหลายๆครั้งมันยังเร็วและทรงพลังยิ่งกว่าอีก

‘ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่แม้แต่จะมีร่างกายที่ทรงพลังเลยเนี่ยนะ’

ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายที่เหมาะสมแล้วผู้คนสามารถที่จะควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายตนเองได้อย่างง่ายดายและรวมไปถึงการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยโดยการใช้มันอย่างเหมาะสมพวกเขาจะสามารถแสดงพลังออกมาได้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัวกว่าปกติเสียอีก

อย่างไรก็ตามยูซอดัมนั้นขาดแขลนความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อแต่เมื่อคุณเปรียบเทียบความคล่องตัวในปัจจุบันของเขาแล้วนั้นจะเห็นได้ว่าในตอนนี้เขาได้เสริมพลังที่ตนขาดไปด้วยการใช้แรงส่งจากพายุนี้และเพลงดาบที่ไม่ธรรมดาของเขา

“ทีมภาคพื้นดิน! โจมตีไปที่พวกยักษ์หินนนนนน!”

ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ

ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ

ไม่ว่าจะเป็นคนที่กลับชาติมาเกิด,คนที่ย้อนเวลากลับมา,คนที่วนลูปได้,พวกที่ไปยึดร่างคนอื่นมา,นักเดินทางต่างมิติ,คนรู้อนาคตมากจากทางไหนสักทาง

ฉันจะล่าเจ้าพวกตัวเอกเหล่านี้เอง ไอ้พวกคนที่มีตัวตนอยู่ในโลกใบต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนแล้วฉันก็จะดูดกลืนพรสวรรค์ของพวกเขาซะ

เหล่าพวกตัวเอกทั้งหลายที่ไม่ว่าจะเป็น

ความหวังของทวีป

ฮีโร่ที่จะช่วยโลกไว้ได้อนาคต

ฮีโร่ที่ในตอนนี้มีหลุมอยู่ตรงกลางอก!

ปาร์คแทรยอง คนที่จะปลดปล่อยเหล่าคนแคระให้เป็นอิสระและได้รับความเชื่อถือจากคนพวกนั้น

ชำระล้างสิ่งปนเปื้อนที่เป็นพิษในป่าแห่งจิตวิญญาณและได้กลายมีเป็นผู้มีพระคุณของเหล่าแฟรี่

ทวงคืนรูปปั้นหินโบราณที่เคยถูกปิดผนึกอยู่ในซากปรักหักพังในยุคอดีตกาล

กำจัดงูทะเลยักษ์ที่โผล่ออกมาจากทะเล

ปราบจักพรรดิปีศาจของโลกใต้พิภพตนที่ 47 ลงได้

“นอกเหนือไปจากการข่มขืนและฆาตกรรมแล้วยังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการฆ่าอันป่าเถือน,การลอบวางเพลิง และ……”

“ช-ช่วยฉันด้วย..”

แกร๊ก!

นี้ก็เป็นตัวเอกเช่นกัน

แต่ในตอนนี้เขาได้ตายคามือฉันซะแล้วหละ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท