หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 166 ฉันคิดถึงเธอ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงได้ยินสิ่งที่กู้เค่อหยิงพูด เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะต่อ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า : “ใช่ ความคิดของเธอนี่ดีจริงๆ ถ้าทำอย่างนั้น เธอก็จะปลอดภัยแล้ว”

กู้เค่อหยิงรีบพูดขึ้นทันทีว่า : “งั้นคุณก็รีบจัดการเลยสิคะ ฉันยกห้องนี้ให้เลยก็ได้”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มอ่อนๆก่อนจะพูด : “ยกห้องนี้ให้เจี่ยนอี๋นั่วมาอยู่อย่างนั้นหรอ?”

กู้เค่อหยิงรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า : “ใช่ค่ะ ตามนั้นเลย ให้เจี่ยนอี๋นั่วมาอยู่ที่นี่…….”

“แล้วถ้าคนอื่นเขาหัวเราะเยาะเธอ บอกว่าเธอเป็นภรรยาที่ฉันไม่ต้องการแล้วล่ะ ถ้าเคาไม่เคารพเธออีกล่ะ?” เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหลุบต่ำ

กู้เค่อหยิงกระพริบตาก่อนจะก้มหน้าแล้วพูดด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนว่า : “ไม่เคารพฉันหรอคะ? คือ….ฉัน…….”

กู้เค่อหยิงรู้สึกลำบากใจขึ้นมา เธอไม่เพียงไม่ต้องการรับผิดชอบหน้าที่และได้รับความเสี่ยงในการเป็นภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิง และเธอก็ไม่อยากละทิ้งความมั่งคั่งรุ่งโรจน์ในฐานะภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิงเช่นกัน

เธออาลัยอาวรณ์มันอยู่แล้ว เธอก็ไม่อยากวางมือจากการเป็นภรรยาของเขา ทุกอย่างของตระกูลเหลิ่งสำหรับคนอื่นนั้นมันเกินที่จะเอื้อมมากๆ ตั้งแต่เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลเหลิ่ง ความคิดเรื่องเงินๆทองในหัวเธอก็หายไป เพียงสิ่งนั้นเป็นของที่เธออยากได้ ไม่มีทางที่เธอจะไม่ได้มันมาอยู่แล้ว ถ้าเธอสูญเสียตำแหน่งคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งไป เธอก็จะกลายเป็นเพียงคนธรรมดาๆคนนึง ที่จะไม่มีโอกาสได้ใส่เสื้อผ้าระดับไฮเอนด์อีกต่อไป ไม่ได้สวมเครื่องประดับที่งดงามเหล่านั้นอีก? แม้แต่ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เธอใช้นั้นอาจจะไม่ได้ใช้มันอีกก็ได้

“ไม่……ไม่มีวิธีที่เราจะวินวินกันทั้งคู่หรอคะ?” กู้เค่อหยิงพูดด้วยความน้อยใจเล็กๆ

เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตามอง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “คนเรามักจะต้องสูญเสียบางอย่างเพื่อที่จะได้รับบางอย่างมา ฉันเองก็ไม่สามารถได้ทุกอย่างมาได้ เธอคิดว่าเธอจะได้ทุกอย่างงั้นหรอ?”

กู้เค่อหยิงถอนหายใจ ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปม พร้อมกับการกอดไหล่ของตัวเองแล้วร้องไห้ออกมา

เหลิ่งเซ่าถิงก้มหน้ามองกู้เค่อหยิงก่อนจะพูดเสียงทุ้มว่า : “เธอคิดดีๆนะ ว่าเธอจะเลือกทางไหน แล้วพรุ่งนี้ก็มาบอกฉัน ไม่ว่าเธอจะเป็นคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งต่อหรือเธอจะยอมปล่อยตำแหน่งคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งไป ฉันก็จะไม่ขัดขวางเธอ”

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงพูดจบเขาก็เดินเข้าห้องหนังสือไปเลย เหลือเพียงกู้เค่อหยิงที่อยู่ในห้องนั้นคนเดียว วันรุ่งขึ้น เหลิ่งเซ่าถิงตื่นมาแล้วออกมาจากห้องหนังสือ กู้เค่อกยิงถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า : “ฉัน……ฉัน……..”

กู้เค่อหยิงคิดมาทั้งคืนแล้ว สุดท้ายเธอก็กัดปากตัวเองอย่างแรงก่อนจะพูดออกมา : “ฉันยินยอมที่จะเป็นคุณหญิงของตระกูลต่อค่ะ ฉันยินดีที่จะเป็นภรรยาของคุณต่อ แต่…..แต่ฉันจะให้เจี่ยนอี๋นั่วมาเป็นคนรักของคุณ อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้คนอื่นจับตามองฉันมากมายขนาดนี้ แล้วก็ให้คนอื่นมาแบ่งความเสี่ยงนี้ไปจากฉันด้วย เซ่าถิงคะ…..ฉันรู้นะคะว่าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจี่ยนอี๋นั่วแล้ว แต่ฉันขอร้องนะคะ เพื่อปกป้องตัวฉันกับเฉิงเยี่ย ฉันขอร้องนะคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงหันหน้ามาแล้วมองไปที่กู้เค่อหยิง เขาค่อยๆยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดกับเธอว่า : “เธอนี่เหมือนคนตระกูลเหลิ่งไม่มีผิด ฉันเลือกแต่งงานกับคนไม่ผิดจริงๆ”

กู้เค่อหยิงหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง เธอไม่เข้าใจที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดว่ามันหมายความว่าอะไร เธอครุ่นคิดมาทั้งคืนแล้ว ว่าจะทำยังไงให้เธอรักษาเกียรติในฐานะคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งต่อไปได้อย่างไร โดยที่เธอนั้นจะมีความเสี่ยงอันตรายที่น้อยลง เธอคิดไปคิดมาแล้วและเห็นว่ามันไม่มีวิธีอื่นแล้ว นอกจากจะหาเป้าหมายอื่นที่จะมาแบ่งเอาความเสี่ยงนั้นไป

กู้เค่อหยิงคิดไปสักครู่ เธอคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงนั้นกำลังชื่นชมเธออยู่ เธอเลพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ค่ะ ไม่อย่างนั้นเราจะเป็นสามีภรรยากันได้ยังไงล่ะคะ?”

เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาแล้วมองไปที่กู้เค่อหยิงก่อนจะค่อยๆหันหน้าไป เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่เอาตัวของเขาออกไปจากตรงนั้น กู้เค่อหยิงไม่รู้เลยว่าเหลิ่งเซ่าถิงนั้นหมายถึงอะไร เธอเพียงตะลึงอยู่ที่ที่เดิมจนเหลิ่งเฉิงเยี่ยร้องไห้ขึ้นมา กู้เค่อหยิงถึงได้มีปฏิกิริยาขึ้นมาอีกครั้ง เธอกอดลูกชายก่อนจะพูดกับเขาว่า : “ไม่เป็นไรนะคะเยี่ยเยี่ย เราจะปลอดภัยแล้วนะ เพียงแค่ให้คนมารับความเสี่ยงนั้นไปแทน เราก็จะปลอดภัยมากขึ้น มันต้องมีทางที่เราจะวินวินทั้งคู่แล้วก็ทำให้เราอยู่อย่างสงบสุขแน่ๆค่ะ”

เหลิ่งเซ่าถิงออกจากคฤหาสน์เหลิ่ง ก่อนจะขึ้นไปนั่งในรถ จากนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์โทรเข้ามาทันที เขาพูดน้ำเสียงเข้ม : ”เตรียมตัวจัดการกู้เค่อหยิงด้วย”

ตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงไม่ใช่คนที่จะถูกดักฟังหรือแอบลอบมองอีกต่อไป คนขับรถเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นคนของเขาเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อกู้เค่อหยิงคิดจะเอาเจี่ยนอี๋นั่วมาเป็นโล่กำบังให้เธอแล้วอย่างนี้ เขาก็คงปล่อยกู้เค่อหยิงไว้ต่อไปไม่ได้ เพราะกู้เค่อหยิงนั้นสามารถทำร้ายเจี่ยนอี๋นั่วได้ แต่คงจะไม่สามารถพาเจี่ยนอี๋นั่วมาเผชิญกับความอันตรายในตระกูลเหลิ่งอีกแล้ว

หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงกดวางสายเขาก็รีบสั่งคนขับรถทันที : “ไปบริษัท”

เมื่อถึงบริษัท หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงลงมาจากรถแล้ว บอดี้การ์ดเดินตามหลังเขามาทันที จู่ๆเหลิ่งเซ่าถิงก็ถูกบอดี้การ์ดคนนึงผลักออก หนึ่งในบอดี้การ์ดมาประกบอยู่ข้างหลังเหลิ่งเซ่าถิง บอดี้การ์ดคนนั้นถูกยิงเข้าที่หน้าอกก่อนที่จะขาดใจตายในทันที

เหลิ่งเซ่าถิงรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดบริเวณไหล่ของเขา เขาไม่ได้หันไปมองแผลบนไหล่ของเขา เขาเพียงหันหลังไปและได้รับการปกป้องจากบอดี้การ์ดแล้วรีบขึ้นรถไปทันที ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า : “รีบออกรถ มีคนซุ่มยิงอยู่”

คนขับรถไม่กล้าที่จะสงสัยต่อไป จึงรีบออกรถไปทันที เมื่อขับรถไปได้ไม่ไกลบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่ข้างๆเหลิ่งเซ่าถิงก็ได้รับโทรศัพท์จากสายหนึ่ง เมื่อเขารับโทรศัพท์แล้วกดวางเรียบร้อยแล้ว บอดี้การ์ดคนนั้นก็รีบรายงานเหลิ่งเซ่าถิงทันที : “จับมือปืนคนเมื่อกี้ได้แล้วครับ แต่ว่าเขาฆ่าตัวตายแล้วครับ”

เหลิ่งเซ่าถิงหลับตาลง พร้อมกับพยักหน้า : “อย่าให้ข่าวนี้หลุดออกไป ปิดข่าวทั้งหมดด้วย”

หลังจากที่เหลื่งเซ่าถิงพูดจบเขาถึงก้มหน้ามามองแผลที่ไหล่ของเขา เป็นแผลถูกยิงที่มีไหลออกมาไม่หยุด เหลิ่งเซ่าถิงหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูดด้วยความประหม่าว่า : “ตอนนี้ไป……”

เหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงตรงนี้เขาก็เห็นแผ่นหลังของเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงจากทางหน้าต่างรถ เหลิ่งเซ่าถิงตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะหรี่ตาลงเพราะคิดว่านี่คงเป็นภาพหลอนจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ เหลิ่งเซ่าถิงจึงเบิกตาโตแล้วมองไปข้างนอกหน้าต่างอย่างชัดๆ แล้วคนที่เขาเห็นก็คือเจี่ยนอี๋นั่วจริงๆ เจี่ยนอี๋นั่วที่จูงมือเจี่ยนซวงอยู่ มืออีกข้างของเธอถือกระติกน้ำอุ่นไว้ แล้วจู่ๆเจี่ยนซวงก็หยุดแล้วพูดขึ้นมาสองสามประโยค จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็นั่งยองๆข้างหน้าเจี่ยนซวงแล้วก็ยื่นกระติกน้ำนั้นให้ แล้วเจี่ยนซวงก็ดื่มมันก่อนที่จะกลับไปจับมือคนเป็นแม่แล้วเดินต่อไปด้วยรอยยิ้ม

“ท่านประธานเหลิ่งครับ …….ไปไหนต่อครับ? ผมว่าไปโรงพยาบาลก่อนมั้ยครับ แผลของท่านปล่อยทิ้งแบบนั้นไม่ได้นะครับ” บอดี้การ์ดที่นั่งอยู่ข้างๆเหลิ่งเซ่าถิงรีบพูดขึ้น

เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้าก่อนจะกดเสียงต่ำ : “ไม่ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ขับรถช้าๆหน่อย”

เมื่อเหลิ่วเซ่าถิงพูดจบเขาก็ยกมือขึ้นมาช้าๆก่อนจะสัมผัสกับหน้าต่างรถที่ตรงกับแผ่นหลังของเจี่ยนอี๋นั่งและเจี่ยนซวง เขาทิ้งรอยเลือดที่เปื้อนอยู่บนมือของเขาอยู่บนบานหน้าต่างรถ ในตำแหน่งเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวง

เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆยกยิ้มมุมปากขึ้น ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆปรากฏบนใบหน้าของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า : “ขับช้าๆ ขับรถช้าๆหน่อย”

“ท่านประธานครับ…..แปลโดนยิงของท่านประธานมันร้ายแรงนะครับ ต้องรีบไปโรงพยาบาลแถวนี้ให้เร็วที่สุดนะครับ” บอดี้การ์ดรีบเตือนเขาทันที

“ฉันบอกว่าให้ขับรถช้าๆไง” เหลิ่งเซ่าถืงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่สามารถหักล้างได้ของเหลิ่งเซ่าถิง บอดี้การ์ดก็ทำได้เพียงขมวดคิ้วเท่านั้น ก่อนจะพูดกับคนขับรถว่า : “ขับรถช้าลงหน่อย”

เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้น แล้วลูบเบาๆตามหลังของเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวง เจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงต่างก็ไม่รู้ว่าตัวเองพบเห็นอะไร พวกเธอมองหน้ากันแล้วพูดต่อสองสามประโยคแล้วทั้งสองก็หัวเราะขึ้นมา เหลิ่งเซ่าถิงก็เองด็ยิ้มตามพวกเธอทั้งสองคน เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อที่จะพยายามจะฟังในสิ่งที่ทั้งสองคนพูด

แต่หน้าผากของเขากลับกระทบกับกระจกรถที่เย็นเยือกนั้น เป็นเพราะเขานั้นเสียเลือดไปมาก แขนของเขาเลยไม่มีแม้แต่แรงที่จะยกขึ้น ทำได้เพียงไถลลงอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วมองเลือดของเขาที่ติดอยู่หน้าต่างรถ ที่ทำให้เขามองไม่เห็นเจี่ยนอี๋นั่งและเจี่ยนซวง เหลิ่งเซ่าถิงเม้มริมฝีปากของตัวเองก่อนจะดึงเสื้อสูทของเขาออกมาเช็ดเลือดที่กระจก

แขนของเขาสั่น รวมถึงหัวใจที่เต้นรัว เขากลัวว่าจะไม่เห็นเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงอีก แต่เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงเช็ดเลือดที่หน้าต่างรถออกไปแล้วนั้นเขาก็มองไม่เห็นเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงแล้วจริงๆ เหลิ่งเซ้าถิงมองดูคนที่เดินอยู่บนถนนอย่างพลุกพล่านนั้น และพยายามมองหาเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวง แต่ที่สุดเขาก็ไม่เจอเสียแล้ว หรือว่าสิ่งที่เขาเห็นทั้งหมดเมื่อกี้นี้เป็นแค่ภาพหลอนกันนะ

เหลิ่งเซ่าถิงล้มตัวลงที่เบาะหลังรถ ใบหน้าของเขาปรากฎให้เห็นรอยยิ้มที่หดหู่ ชีวิตของเขานี่มันยังไงกันนะ ไม่มีโอกาสได้อยู่กับผู้หญิงที่เขารัก ไม่ได้เจอลูกชายและลูกสาว ใครจะรู้ว่าท่านประธานเหลิ่งที่มีอำนาจล้นพ้นนั้น จริงๆแล้วเป็นเพียงคนขี้แพ้ไม่กล้าจะอยู่กับผู้หญิงคนที่ตัวเองรัก?

“ท่านประธานเหลิ่งครับ…..ตอนนี้ควรจะไปโรงพยาบาลแล้วนะครับ” บอดี้การ์ดพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

เหลิ่งเซ่าถิงลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองไปที่บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆเขา แล้วพยักหน้าเบาๆแล้วพูดอย่างอ่อนล้าว่า : “อือ งั้นก็ไปเถอะ”

เขายังตายไม่ได้ ถ้าเขาตายไป เจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงจะเสียเกราะกำบังที่ดีที่สุดอย่างเขาไป กู้เค่อหยิงและเหลิ่งหมิงอันต้องทำให้เจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงอยู่กันอย่างทุกข์ทรมานได้เป็นแน่ อีกทั้งลูกชายของเขา ก็จะต้องมีชีวิตต่อไป ต้องแข็งแกร่งเพื่อที่จะปกป้องพวกเธอได้ เพื่อให้พวกเขามีชีวิตอยู่ใต้ฟ้านี้อย่างปลอดภัยและสงบสุข

เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงจะบอกเจี่ยนอี๋นั่วเองว่าลูกชายของพวกเขานั้นยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่อาจจะขอให้เจี่ยนอี๋นั่วอภัยให้ ไม่ได้หวังว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะกลับมาอยู่ด้วยกันกับเขา เพียงแค่เจี่ยนอี๋นั่วเป็นเหมือนคนเมื่อกี้ ที่มีรอยยิ้มแบบนั้นต่อไป ได้จูงมือเจี่ยนซวง ได้เดินบนถนนพลุ่งพล่านแบบนั้นต่อไป เพียงเท่านี้มันก็เพียงพอสำหรับเหลิ่งเซ่าถิงแล้ว

เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้คิดว่าเขาไม่คู่ควรกับเจี่ยนอี๋นั่ว ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะเป็นคนที่ดูดื้อรั้น แต่เบื้องลึกในใจของเธอนั้นทั้งใจดีและอ่อนโยน เจี่ยนอี๋นั่วนั้นแตกต่างกับเขาอย่างสิ้นเชิงมาตั้งแต่แรก เจี่ยนอี๋นั่วไม่มีทางทำอะไรรุนแรงกับคนอย่างเขาแน่นอน อย่างมือที่เปื้อนไปด้วยเลือด ฆ่าคนที่ไม่ควรฆ่า เขาก็ทำมาแล้ว ใช้ประโยชน์จากคนที่ไม่ควรเขาก็ทำมาแล้ว มีหลายเรื่องที่เหลิ่งเซ่าถิงทำแล้วมันทำให้เขารู้สึกยากที่อธิบายด้วยเช่นกัน

เขาจะทำยังไงให้ได้อยู่กับเจี่ยนอี๋นั่วกันนะ? เขากลัวว่าเขาจะทำให้เจี่ยนอี๋นั่วนั้นแปดเปื้อน

เพียงแค่เขาสามารถรักษาให้เจี่ยนอี๋นั่วและเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่อย่างสงบสุข สำหรับเหลิ่งเซ่าถิงมันก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ได้คาดหวังสิ่งใดนอกจากนี้เลย

แต่………

“ฉันยังคิดถึงเธอ………” เหลิ่งเซ่าถิงพูดขึ้นมาอย่างคลุมเครือเนื่องจากเขาสูญเสียเลือดของเขามากเกินไป

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท