หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 168 เรามาเริ่มต้นใหม่กันเถอะ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

ในมือของเจี่ยนอี๋นั่วถือมีดอยู่ เธอกำลังเตรียมที่จะใช้มีดแทงเหลิ่งหมิงอันอีกครั้ง แต่เธอก็ถูกลูกน้องของเหลิ่งหมิงอันขัดขวางอย่างรวดเร็ว เธอเงยหน้าขึ้นมามองเหลิ่งหมิงอันที่ถูกคนพยุงขึ้นมา ลำคอของเขาถูกเฉือนและมีเลือดไหลออกมาจากแผลนั้นไม่หยุด คนที่ช่วยพยุงตัวเหลิ่งหมิงอันนั้นใช้มือกดเข้าไปที่แผลอย่างสุดกำลัง

ตอนนี้เหลิ่งหมิงอันนั้นแทบจะกลายเป็นมนุษย์เลือดเพราะทั้งร่างกายของเขานั้นเต็มไปด้วยเลือด

“ไม่ต้อง….ไม่ต้องฆ่าเธอ….. ดูแลเธอให้ดี ปกป้องเธอ” เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงของเขา : “หาเด็กคนนั้นให้เจอ”

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้นมามองเหลิ่งหมิงอัน เหลิ่งหมิงอันเองก็มองมาที่เจี่ยนอี๋นั่วเช่นกัน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเขานั้นยังปรากฏให้เห็นรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเจ็บปวดมากๆแต่เสียงของเขาก็ยังคงสั่นอยู่เรื่อยๆไม่หยุด : “เจี่ยนอี๋นั่ว ตอนนี้…..เราเคลียร์กันจบแล้วใช่มั้ย…….”

เมื่อเหลิ่งหมิงอันพูดจบเขาก็หลับตาลงแล้วถูกนำตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองเหลิ่งหมิงอัน ก่อนที่เธอจะถูกจับตัวมือมือปิดตาแล้วไปถูกนำตัวไปทันที

ราวกับครั้งก่อนที่เธอโดนเหลิ่งหมิงอันลักพาตัวไป เธอถูกขังเอาไว้ในห้องเล็ก แต่ในนี้เธอยังสามารถดูเวลา เธอไม่รู้ว่าเธอจะถูกจัดการอย่างไร แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คงจะเป็นการตายนั่นแหละ

เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าเธออาจจะต้องตาย แต่ใบหน้าของเธอนั้นไม่ได้แสดงออกมาถึงความสิ้นหวัง แต่เธอกลับยิ้มอ่อนๆขึ้นมา ถึงแม้ว่าในใจของเธอจะนึกถึงเจี่ยนซวงอยู่ แต่เพื่อการกาข้ออ้างมาจัดการกับความโชคร้ายทั้งหมดในชีวิต เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมามาก แต่ความผ่อนคลายนั้นมันผ่านเข้ามาในใจของเจี่ยนอี๋นั่วเพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะหัวใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความกังวลในเรื่องของเจี่ยนซวง

เจี่ยนซวงเด็กแค่นั้น จะหนีไปได้มั้ยนะ? ถ้าเจี่ยนซวงสามารถหลบหนีจากลูกน้องของเหลิ่งหมิงอันแล้วไปเจอคนที่ไม่ดีอีกล่ะ จะทำยังไง?

แต่ในตอนนั้นเจี่ยนอี๋นั่วไม่มีวิธีอื่นๆแล้ว ถ้าเหลิ่งหมิงอันไม่ได้พูดออกมาว่าเขาส่งเฉิงซานซานเข้าใกล้เธอเพื่อมาทำร้ายเจี่ยนซวง เจี่ยนอี๋นั่วรงจะเลือกวิธีที่ดีและอ่อนโยนมากกว่านี้มาจัดการกับเหลิ่งหมิงอันก็ได้ แต่ในเมื่อเหลิ่งหมิงอันมีเจตนาที่จะฆ่าเจี่ยนซวงแล้ว แล้วเธอและเจี่ยนซวงถูกเหลิ่งหมิงอันจับตัวไป เขาจะปล่อยเจี่ยนซวงไปทำไม?

เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆผ่านมันไปในทุกๆวัน และคิดว่าทุกๆวันจะเป็นวันสุดท้ายของเธอ

ผ่านไปประมาณวันกว่าๆ ประตูใหญ่ก็ถูกเปิดออก เจี่ยนอี๋นั่วมองไปทางประตูที่ถูกเปิดออก เธอก็เห็นเหลิ่งหมิงอันนั่งวีลแชร์เข้ามา ตาจ้างซ้ายของเหลิ่งหมิงอันมีผ้าปิดตาปิดอยู่ บนคอของเขาก็มีผ้าก็อตพันอยู่รอบๆ ถึงแม้ว่าหน้าของเขาจะซีดเซียวแต่เขาเห็นได้ชัดว่าเขายังมีชีวิตอยู่

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าแล้วขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะมองไปที่เหลิ่งหมิงอัน : “นาย……ทำไมนายยังมีชีวิตอยู่?”

“นี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่ฉันอยากเห็นหรอกนะ” เหลิ่งหมิวอันขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม เสียงของเขาแหบราวกับว่าเป็นเสียงเสียดสีของแผ่นเหล็ก

“อี๋นั่ว เธอยังฆ่าคนไม่เก่งหรอกนะ ฆ่าไม่ถูกที่ด้วย มันไม่มีทางฆ่าเอาชีวิตฉันได้หรอก”

เหลิ่งหมิงอันพูดถึงตรงนี้ก็ยกยิ้มขึ้นมา : “แต่ตาของฉันเสียไปแล้ว ตาข้างนึงกับอีกครึ่งชีวิต สามารถชดใช้ให้กับชีวิตของพ่อเธอรึยัง? เจี่ยนอี๋นั่ว เรามาเริ่มต้นใหม่ด้วยกันเธอคิดว่ายังไง?”

เจี่ยนอี๋นั่วจ้องหน้าเหลิ่งหมิงอันก่อนจะหลับตาลง : “ฉันไม่น่าเชือดแค่คอนายเลย น่าจะปักมีดลงหน้าอกนายซะ”

“คนอื่นเขาไม่ได้อ่อนแออย่างที่เธอคิดหรอกนะ” เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยรอยยิ้ม : “ชีวิตของฉันมันแข็งแกร่งมากกว่าที่เธอจินตนาการไว้อีก ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีชีวิตรอดอยู่ในตระกูลเหลิ่งหรอก”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่นั่งที่เดิมของเธอแล้วก็ถามขึ้นมาด้วยความเย็นชาว่า : “แล้วนายคิดจะจัดการกับฉันยังไงล่ะ?”

เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยรอยยิ้ม : “ก่อนหน้าที่เธอจะเฉือนคอฉัน ฉันยังมีความคิดที่จะเอาเธอมาขู่เหลิ่งเซ่าถิงอยู่ อย่างน้อยก็อยากพาเธอให้หลุดออกจากเรือนจำนั่น หรือไม่ก็เอาเธอมาเป็นของฉันเพื่อมาทดสอบเหลิ่งเซ่าถิง แต่….”

เหลิ่งหมิวอันพูดถึงตรงนั้นเขาก็ค่อยๆคลายรอยยิ้มของเขา ก่อนจะพูดด้วยความจริงจังว่า : “แต่หลักจากที่เธอเอามีดมาเชือดคอฉัน ฉันคิดว่าตัวเองอยู่ไม่ไกลแล้วล่ะ แต่ฉันเป็นห่วงเธอ กลัวว่าเธอจะต้องเข้าไปอยู่ที่เรือนจำนั้นอีก ฉันกลัวเธอต้องตายเพราะฉัน เธอยังมีมีช่วงเวลาวัยหนุ่มของเธออีกตั้งกี่ปี?จะไปเร่ร่อนอยู่ในคุกแบบนั้นทำไมล่ะ? ฉันคิดถึงเรื่องพวกนี้ฉันก็เลยอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอก็น่าจะเคยได้ยินสิ่งที่ฉันเคยพูดนะ ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าสิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากพูดกับเธอคือฉันจะปกป้องเธอ”

เหลิ่งหมิงอันพูดไปด้วยมองหน้าเจี่ยนอี๋นั่วไปด้วย ก่อนจะพูดเสียงต่ำ : “เป็นยังไง? เธอซึ้งขึ้นมาบ้างรึยัง?”

เจี่ยนอี๋นั่วมองหน้าเหลิ่งหมิงอันก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า : “ฉันรู้แค่ว่าครั่งที่แล้วนายเป็นคนส่งฉันไปอยู่ในเรือนจำ นายร่วมมือกับเหลิ่งอวิ๋นเซียวฆ่าพ่อของฉัน เป็นนายที่พาฉันมาอยู่ในจุดที่ต้องฆ่าคน ฉันต้องซึ้งหรอ? หึๆ……”

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะออกมา : “ถ้าฉันไม่เจอนาย ฉันก็ไม่ต้องการใครให้มาปกป้องฉันหรอก! ไม่ต้องการให้คนที่กำลังจะตายมาพูดกับฉันว่าจะปกป้องฉันหรอก”

เหลิ่งหมิงอันหรี่ตาลงแล้วก็ค่อยๆยกยิ้มขึ้นมา เขายกมือขึ้นมาแตะที่หน้าอกของตัวเองเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “เธอฆ่าฉันมาสองครั้ง เจี่ยนอี๋นั่ว แต่ทุกครั้งที่เธอคิดอยากจะฆ่าฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความความรุนแรงในใจของเธอ ฉันอยากคบกับเธอจริงๆนะ ฉันไม่อยากได้อะไจากตระกูลเหลิ่งแล้วจริงๆ

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว : “เหลิ่งหมิงอัน นายฆ่าฉันซะดีกว่า”

“อ๋อ? อยากตายงั้นหรอ?” เหลิ่งหมิงอันยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นมาแล้วกวักมือ : “เอาตัวเด็กขึ้นมา”

ในขณะนั้นก็มีคนพาเจี่ยนซวงขึ้นมาทันทีทันใด เมื่อเจี่ยนซวงเห็นเจี่ยนอี๋นั่วก็ร้องไห้ออกมาทันทีก่อนจะตะโกนขึ้นมา : “หม่าม้าคะ…..หม่าม้า…..ซวงซวงไม่ได้วิ่งหนีค่ะ……….”

เหลิ่งหมิงอันมองสีหน้าที่ค่อยๆเฉื่อยชาของเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า : “เธอเป็นแค่เด็กๆจะวิ่งได้ไกลแค่ไหนกันเชียว?”

เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาลง ตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนั้น ตาที่แดงก่ำของเธอก็จ้องไปที่เหลิ่งหมิงอันทันที ก่อนจะค่อยๆยิ้มขึ้นมา : “ดี หมิงอัน ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าฉันรักนายขึ้นมาแล้ว”

เหลิ่งหมิงอันหรี่ตามองเจี่ยนอี๋นั่ว และเขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดนั้นเป็นเพียงคำโกหก แต่เขากลับอดไม่ได้ที่จะหายใจแรงขึ้น แม้แต่หัวใจของเขาเองก็เต้นรัวขึ้นด้วยเช่นกัน เหลิ่งหมิงอันค่อยๆยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆว่า : “ความรู้สึกของเราตรงกันก็เปรียบไม่ได้กับการที่เราสองคนแต่งงานกันหรอกนะ ฉันจะจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่และอลังการที่สุด เพื่อให้ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีกับเรา รวมถึงเหลิ่งเซ่าถิงด้วย เธอคิดว่ายังไง?”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “ผู้ชายรับผิดชอบเรื่องการงาน ผู้หญิงรับผิดชอบงานบ้าน เรื่องพวกนี้แล้วแต่นายจะจัดการก็แล้วกัน”

เหลิ่งหมิงอันมองเจี่ยนอี๋นั่ว เขาหรี่ตาลงก่อนจะพูดขึ้นว่า : “เธอขยับมานี่สิ……”

เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เจี่ยนซวงพร้อมกับพูดกับเหลิ่งหมิงอันด้วยเสียงหลุบต่ำว่า : “ลูกสาวฉันยังอยู่ในนี้อยู่นะ”

เหลิ่งหมิงอันหัวเราะก่อนจะพูด : “ฉันรู้หน่า ฉันก็ไม่ได้จะทำอะไรเธอสักหน่อย แค่จะให้เธอผลักฉันออกเท่านั้นเอง”

เหลิ่งหมิงอันพูดก่อนจะหันหน้าไปมองเจี่ยนซวงก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า : “ซวงซวงมานี่สิ หนูควรจะเรียกฉันว่าแล้วนะ”

เจี่ยนซวงสูดสมูก เธอทำหน้ามุ่ยแล้วก็มองเหลิ่งหมิงอัน ก่อนจะหันไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนซวงก็ยิ้มขึ้นมาทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วมองเหลิ่งหมิงอันแล้วเรียกเขาว่า : “คุณพ่อ…..คุณพ่อหล่อจังเลยค่ะ ซวงซวงยังไม่เคยเจอคุณพ่อที่หล่อเท่านี้มาก่อนเลย”

เมื่อเหลิ่งหมิงอันได้ยินเจี่ยนซวงพูดเช่นนั้นเขาก็ค่อยๆยิ้มขึ้นมาทันที เขายกมือขึ้นมาสัมผัสกับใบหน้าเจี่ยนซวงเบาๆ ถึงแม้เจี่ยนซวงจะกระพริบตาด้วยความกลัว แต่เธอก็ไม่ได้ผละออกแต่อย่างใด ปล่อยให้เหลิ่งหมิงอันลูกไล้ใบหน้าของเธอไปอย่างนั้น เจี่ยนซวงยู่ปาก ก่อนจะยิ้มอย่างไร้เดียงสาแล้วก็พูดขึ้นมาว่า : “คุณพ่อคะ ซวงซวงอยู่กับหม่าม้าได้มั้ยคะ?”

เหลิ่งหมิงอันยิ้มก่อนจะส่ายหัว : “เหมือนลูกชายของตระกูลเหลิ่งจริงๆ แต่ฉันจะปล่อยให้หนูอยู่กับแม่ได้ยังไงล่ะ? หนูฉลาดขนาดนี้? คงไม่รู้สินะว่าหนูเป็นเครื่องมือของฉันที่ใช้ควบคุมแม่หนู? ปล่อยให้หนูอยู่กับแม่แล้วถ้าเธอสองคนหนีไปล่ะ ฉันจะทำยังไง?”

ในที่สุดเจี่ยนซวงก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองได้ เธอเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ เธอกลั้นได้เพียงลิมิตตรงนี้เท่านั้น และแล้วเธอก็ร้องไห้โฮออกมา พร้อมกับพูดเสียงดังว่า : “หนูจะเอาหม่าม้า…….หนูจะอยู่กับหม่าม้า…….”

เจี่ยนซวงพูดก่อนที่จะอ้าแขนแล้วก็วิ่งไปหาแม่ของตัวเอง เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะก้าวไปหาลูกอย่างใจหาย ก่อนจะพูดกับเจี่ยนซวงว่า : “ซวงซวงไม่ต้องร้องไห้นะคะ กลับไปนอนนะ โอเคมั้ยคะ?”

เจี่ยนซวงส่ายหัวไปมา : “ไม่เอาค่ะ ถ้าซวงซวงหลับซวงซวงก็จะไม่เจอหม่าม้าแล้ว ซวงซวงจะไม่หนีแล้วค่ะ ซวงซวงจะอยู่กับหม่าม้า”

เจี่ยนอี๋นั่วพยายามยื่นมาขึ้นมาเพื่อจะคว้าเจี่ยนซวงเอาไว้ แต่เธอก็ค่อยๆลดมือลงในที่สุด เพียงแค่ทำพูดกับลูกว่า : “ซวงซวง เชื่อฟังหม่าม้า…….”

ตอนนี้เธอไม่สามารถพูดอะไรกับเจี่ยนซวงได้แล้วนอกจากจะบอกให้เจี่ยนซวงนั้นเป็นเด็กดีเชื่อฟังเธอ

เหลิ่งหมิงอันยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหัวเราะออกมา : “เอาตัวเจี่ยนซวงออกไป”

เจี่ยนอี๋นั่วมองตามเจี่ยนซวงที่ถูกพาตัวไป เธอหันหน้ามามองเหลิ่งหมิงอันที่ถอดเสื้อแจ็กเกตของเธอ เธอยิ้มก่อนจะถาม : “ไม่รู้ว่าคุณชายรองจะเปลี่ยนที่หรือจะทำกันตรงนี้เลยดีนะคะ”

เหลิ่งหมิงอันมองเจี่ยนอี๋นั่วที่สวมใส่เพียงเสื้อสายเดี่ยว ก่อนจะรีบออกคำสั่ง : “หันหน้าไปให้หมด”

บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างๆเหลิ่งหมิงอันนั้นรีบหันหน้าไปทันที เหลือเพียงบอดี้การ์ดคนเดียวที่ก้มหัวลง แล้วขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า : “คุณชายรองครับ แต่เธอเพิ่งจะทำร้ายคุณชายรองจนกลายเป็นแบบนี้นะครับ”

เหลิ่งหมิงอันยิ้มก่อนจะพูด : “โดนเธอทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ฉันก็เต็มใจ หันหน้าไปเดี๋ยวนี้ ห้ามหันมามองเด็กขาด”

เมื่อเหลิ่งหมิงอันพูดจบเขาก็เอียงหัวมองเจี่ยนอี๋นั่วมันที เจี่ยนอี๋นั่วที่ถูกขังเอาไว้ในห้องนี้ทั้งวันแล้ว เนื้อหนังของเธออิดโรยไปเล็กน้อย เธอเม้มปาก ผมสั้นๆของเธอยุ่งเหยิง ดวงตาของเธอนั้นทั้งดื้อรั้นและบ้าคลั่ง

เหลิ่งหมิวอันไม่รู้ว่าเพราะอาการบาดเจ็บของเขามันยังไม่ได้หายดีรึเปล่า ที่เขามองเจี่ยนอี๋นั่วในสถานการณ์แบบนี้มันทำให้เขาคอแห้ง ร่างกายร้อนระอุไปหมด เหลิ่งหมิงอันยกมือขึ้นมากวักนิ้วเรียกเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ก็เดินไปข้างหน้าเหลิ่งหมิงอันอย่างเชื่อฟัง เหลิ่งหมิงอันนั่งบนวีลแชร์พร้อมกับใช้สายตาเจ้าเล่ห์มองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว

เจี่ยนอี๋นั่วลดสายตาลงก่อนจะจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเหลิ่งหมิงอัน เธอค่อยๆก้มลงช้าๆและเข้าใกล้ปากของเหลิ่งหมิงอันทีละนิด จนปากของเธอสัมผัสกับปากที่เยือกเย็นของเหลิ่งหมิงอัน ปากของเหลิ่งหมิงอันสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เขาลืมไปแล้วรสชาติจูบของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเป็นยังไง พอได้มาลิ้มลองในตอนนี้ เขาก็นึกย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนทันที

เจี่ยนอี๋นั่วทำแบบนั้นเพื่อปกป้องคนอื่น เธอกอดเขาอย่างเต็มใจ จูบเขาเหมือนผู้หญิงของเขาคนนั้น ราวกับว่ามันไม่เคยมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเลย

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท