หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 180 ก่อนจะจากไป

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วทันทีและพูดด้วยเสียงหนักแน่น “เจี่ยนซวง หนูพูดแบบนี้ไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบหม่าม้า เขาก็ดีกับซวงซวง หนูลืมไปแล้วหรือ เขายังทำอาหารให้กับหนู ไม่ใช่ว่าซวงซวงชอบมากหรือไง? และพ่อของหนูเขาเป็นคนดี เขารักหนูมาก แค่เพียงไม่มีโอกาสอยู่ด้วยกันเท่านั้น”

เจี่ยนซวงเช็ดน้ำตาและกล่าว “ซวงซวงไม่เชื่อว่าป่ะป๊ารักซวงซวง ถ้ารักซวงซวงจริง ทำไมเขาถึงไม่อยู่กับซวงซวง? ทำไมไม่มาหาซวงซวงบ้าง? หม่าม้า หม่าม้ากำลังโกหกซวงซวง”

เจี่ยนอี๋นั่วเข้าไปเช็ดน้ำตาให้กับซวงซวงและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลง “หม่าม้าไม่ได้โกหกหนู มีหลายครั้งเวลาที่ผู้ใหญ่เขาพบเจอปัญหาแต่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ ซวงซวงอาจไม่คุ้ยเคยกับพ่อ แต่หม่าม้ารู้ เขารักซวงซวงมากอย่างแน่นอน”

ขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วกล่าว เธอยกมือขึ้นและสัมผัสสร้อยคอของเจี่ยนซวงพร้อมกับกล่าว “คุณลุงเชฟของหนูก็รักหนูมาก ดูสร้อยนี่สิสวยมากเลย”

เจี่ยนซวงขยี้ตาและร้องไห้ “ซวงซวงไม่ได้อยากได้สร้อยคอสวยๆ ซวงซวงอยากมีป่ะป๊า! เขาโกหก!”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและกล่าว “แต่เขามอบของขวัญให้กับซวงซซง หรือว่าซวงซวงไม่เคยโกหกหม่าม้าเลย?”

เจี่ยนซวงสูดจมูกของเธอจากนั้นเธอก็ชำเลืองมองเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าวเสียงเบา “หนู…หนู…เอ่อ บางครั้งก็โกหก..แต่ที่ผ่านมาไม่แล้ว..ซวงซวงรู้ว่าพูดโกหกเป็นเด็กไม่ดี!”

“คนเรานั้นเลี่ยงไม่ได้ที่จะโกหกและอาจทำไม่ได้จริงตามคำสัญญา บนโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนหรอกที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าตลอดชีวิตเขาไม่เคยพูดโกหก พูดคำสัญญาออกมาแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ หม่าม้าเองก็ยากที่จะทำได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนเลว ในความเป็นจริงคำโกหกบางอย่างก็มีประโยชน์เช่นกัน คนเรา แค่เพียงไม่พูดโกหกและไม่จงใจโกหกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เท่านั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องกล่าวถึงศีลธรรมของเขาจนมากเกินไป”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและลูบศีรษะของเจี่ยนซวงเบาๆ เธอกล่าว “ถ้าหากว่าคนอื่นบอกว่าจะมาเป็นคุณพ่อของซวงซวง แต่สุดท้ายเขาก็ผิดคำพูด ซวงซวงจะไม่โกรธใช่ไหม?”

เจี่ยนซวงคิด จากนั้นเธอพยักหน้า “อื้อ ใช่”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและกล่าว “ดังนั้นหนูไม่โกรธที่คำสัญญาของเขาไม่เป็นจริง แต่โกรธที่เขาไม่สามารถมาเป็นพ่อของหนูใช่หรือเปล่า?”

เจี่ยนซวงพยักหน้าสุดแรง เธอร้องและกล่าว “ซวงซวงชอบเขา อยากให้เขามาเป็นพ่อ เขาหล่อแถมยังทำอาหารเก่งแล้วก็ยังสูงมากอีกด้วย เขาจะช่วยให้หม่าม้าจะชนะคนไม่ดีได้อย่างแน่นอน!”

เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจเบาๆ “ซวงซวง บางทีเรื่องราวต่างๆนั้นไม่สามารถไปตามความนึกคิดของหนูได้เสมอไป ในตอนนี้ควรเข้าใจในเรื่องของการปล่อยวาง มองสิ่งที่หนูมีอยู่ตอนนี้ อย่าไปมองว่าหนูนั้นสูญเสียอะไรไป หนูลองดูสิ ตอนนี้หนูมีสร้อยที่สวยๆอยู่แล้วแต่ยังได้ทานอาหารอร่อยๆด้วย หนูไม่ดีใจเหรอ?”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้ว เธอคิดอย่างจริงจังจากนั้นเธอพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย “ดีใจ”

เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงการทำอาหารที่ดังอยู่ด้านนอก เจี่ยนอี๋นั่วจึงยิ้มและจูบหน้าผากของเจี่ยนซวงเบาๆ เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ซวงซวงอาจจะมีอาหารเช้ามากมายให้ได้ทานในเช้านี้”

ดวงตาของเจี่ยนซวงนั้นเป็นประกายสดใสในทันที “จริงเหรอ มีอะไรบ้าง?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและส่ายหน้า “หม่าม้าไม่รู้หรอก อาจจะเป็นยอดเชฟของหนูทำอาหาร”

เจี่ยนซวงเม้มของเธอทันที เธอก้มศีรษะลงและกระซิบเบาๆ “คือเขา…”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูด “หรือเพราะว่าเขาเป็นป่ะป๊าให้ซวงซวงไม่ได้ หนูก็เลยไม่ชอบเขางั้นหรือ? แต่เขานั้นไม่ได้หยุดทำอาหารให้กับซวงซวงเพราะว่าซวงซวงไม่ใช่ลูกสาวของเขานะ?”

เจี่ยนซวงกระพริบตาและนั่งลงบนเตียง เธอคิดสักครู่หนึ่งจากนั้นก็เม้มริมฝีปากและกล่าว “ซวงซวงยังคงชอบคุณลุงยอดเชฟอยู่ แต่คุณลุงยอดเชฟต้องมาขอโทษ! บอกขอโทษซวงซวง ซวงซวงถึงจะให้อภัยเขา!”

เจี่ยนอี๋นั่วจับมือเจี่ยนซวงแล้วเดินออกจากห้อง เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงที่กำลังจัดวางอาหารบนโต๊ะ เธอยิ้มและพูดว่า “ฉันพูดกับซวงซวงแล้ว เรื่องที่คุณไม่อาจเป็นคุณพ่อให้เธอได้ เธอเศร้าเสียใจ คิดว่าคุณนั้นไม่รักษาคำพูด คุณอาจจะต้องขอโทษเธอ”

เหลิ่งเซ่าถิงมองไปยังเจี่ยนซวง ทันใดนั้นเขาก็เดินมาข้างกายของเจี่ยนซวงอย่างรวดเร็วพร้อมกับคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ สายตาของเหลิ่งเซ่าถิงจ้องมองเจี่ยนซวงเหมือนดั่งปกติจากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ขอโทษ ขอโทษจริงๆ”

เจี่ยนซวงยังคงเม้มริมฝีปากแน่น จากนั้นเธอก็ค่อยๆคลายริมฝีปากของเธอและค่อยๆยิ้มให้กับเหลิ่งเซ่าถิง “ในเมื่อคุณลุงขอโทษแล้ว งั้นซวงซวงจะยกโทษให้! ซวงซวงตัดสินใจแล้วว่าจะยังชอบคุณลุงต่อ เป็นเพราะว่าซวงซวงไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย!”

เมื่อเจี่ยนซวงพูดจบ เธอก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร เธอเลียริมฝีปากของเธอทันที เธอดึงชายเสื้อของเจี่ยนอี๋นั่ว “หม่าม้า…หม่าม้า… ซวงซวงกินข้าวได้หรือยัง?”

เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่ว เขาถาม “ผมป้อนเธอได้หรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและมองเจี่ยนซวง “คุณควรถามเธอ”

เจี่ยนซวงมองเจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองเหลิ่งเซ่าถิงพร้อมกับพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ “ซวงซวงอนุญาตให้คุณลุงป้อน”

เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะเบาๆและอุ้มเจี่ยนซวงไปนั่งบนเก้าอี้ เหลิ่งเซ่าถิงเติมโจ๊กใส่ถ้วยและป้อนให้กับเจี่ยนซวง ในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเหลิ่งเซ่าถิงนั้นมีความชำนาญมากกว่าเมื่อคืน เมื่อป้อนโจ๊กหมดถ้วยแล้ว ถึงแม้ว่าเจี่ยนซวงจะยื่นมือเล็กๆออกมาและชี้ไปยังอาหารอีกถ้วยนึง แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็ยังคงวางถ้วยลงบนโต๊ะอาหารและกล่าวว่า “ไม่สามารถกินได้แล้ว”

เจี่ยนซวงย่นจมูกของเธอและหันศีรษะไปมองเจี่ยนอี๋นั่วด้วยสีหน้าที่ขื่นขม เจี่ยนอี๋นั่วเองก็ส่ายหน้าเช่นกัน “ซวงซวงกินเยอะแล้ว”

เจี่ยนซวงจึงก้มหน้าลงจากนั้นเธอก็ส่งสายตามองไปยังเหลิ่งเซ่าถิง “คุณลุงสุดยอดเชฟ คุณลุงอยู่กับซวงซวงอีกสักสองสามวันได้ไหม? ซวงซวงยังอยากกินอาหารอร่อยๆจากคุณลุง”

เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆยิ้มและกล่าวเบาๆ “วันนี้ซวงซวงจะต้องไปกับหม่าม้าแล้ว”

เมื่อเจี่ยนซวงได้ยินแบบนั้น เธอก็หันหน้าไปหาเจี่ยนอี๋นั่วทันที เธอขมวดคิ้วและถาม “หม่าม้า ซวงซวงจะต้องไปกับหม่าม้า แล้วเราจะต้องไปที่ไหนกัน?”

เจี่ยนอี๋นั่วชำเลืองมองเหลิ่งเซ่าถิง เธอยิ้มและก้มศีรษะลงมองเจี่ยนอี๋นั่ว เธอกล่าว “ไปยังสถานที่ที่ซวงซวงสามารถเติบโตได้อย่างมีความสุข”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วกล่าวเช่นนี้ เธอยิ้มและพูดกับซวงซวงว่า “ใช่แล้ว ซวงซวง เราต้องไปบอกลาคุณแม่เล่อเล่อ”

“โทรศัพท์ไปเถอะ ตอนจากลาอย่าพบหน้ากันเลย” เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วและกล่าว

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรออกในทันที เมื่อปลายสายรับสาย เสียงของเหอหลวนเล่อก็ตะโกนอย่างร้อนใจ “อี๋นั่ว เธอกับซวงซวงไปไหนกัน? สองสามวันนี้ฉันไปหาเธอตลอด พวกเธอเป็นอะไรกันหรือเปล่า? ไม่มีข่าวคราวอะไรบอกกันเลย!”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูด “ไม่มีอะไร แค่อยากจะย้ายที่อยู่ใหม่ ช่วงนี้กำลังหาที่ที่น่าสนใจและเหมาะสมอยู่ ช่วงนี้ยุ่งมากก็เลยลืมติดต่อเธอไป”

“หา? จะย้ายไปไหน?” เหอหลวนเล่อรีบถาม “ฉันจะไปส่งเธอ..”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและส่ายหน้า “หลวนเล่อ เกรงว่าเธออาจจะไม่ได้ไปส่งฉันแล้ว ฉันอาจจะไม่ใช่เพื่อนที่แสนดีนัก ในช่วงนี้ฉันเองก็รบกวนเธอมากแล้ว”

เหอหลวนเล่อนิ่งงันไปชั่วขณะ เธอลดเสียงลงและกล่าว “ที่จู่ๆเธอย้ายไปแบบนี้ เป็นเพราะเรื่องของตระกูลเหลิ่งใช่ไหม?”

หลังจากผ่านไปหลายปี ระดับน้ำเสียงของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเหอหลวนเล่อเองก็ไม่ใช่เด็กสาวตัวน้อยที่จะถูกใช้ง่ายๆและไม่เข้าใจเรื่องราวอะไรอีกต่อไป เจี่ยนอี๋นั่วเองก็ไม่ได้ตอบคำถามของเหอหลวนเล่อ เธอเพียงแต่กล่าวเบาๆ “หลวนเล่อ เป็นเพื่อนกันต่อไปนะ บางทีฉันอาจจะลากเธอลงมาเหนื่อยบ้าง มาเร็ว ซวงซวง มาบอกลาคุณแม่เล่อเล่อ…”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วกล่าวเช่นนี้ เธอก็วางโทรศัพท์แนบกับหูของเจี่ยนซวง เจี่ยนซวงรับโทรศัพท์และเอาโทรศัพท์แนบกับริมฝีปากทันที เธอร้องไห้และตะโกน “คุณแม่เล่อเล่อ ซวงซวงจะจดจำคุณตลอดไป”

เหอหลวนเล่อได้ยินปลายสายมีเสียงร้องไห้ดังขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วจึงรีบเอาโทรศัพท์กลับคืน เธอยิ้มและกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “หลวนเล่อ หวังว่าเธอจะมีความสุขมากๆนะ แล้วก็…ลาก่อน..”

เมื่อกล่าวจบ เจี่ยนอี๋นั่วก็ตัดสายในทันที ดวงตาของเจี่ยนซวงนั้นแดงก่ำและจ้องมองอี๋นั่ว “หม่าม้า คุณแม่เล่อเล่อ ซวงซวงจะไม่ได้พบหน้าคุณแม่เล่อเล่ออีกแล้วใช่ไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและส่ายหน้า “ไม่เสมอไป บางทีอาจมีโอกาสได้พบเจอกัน ต่อให้ไม่เจอหน้าก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ซวงซวงเก็บคุณแม่เล่อเล่อเอาไว้ในหัวใจก็เหมือนกับว่าหนูได้มองเห็นคุณแม่เล่อเล่อเช่นกัน”

เมื่อเจี่ยนซวงได้ยินเช่นนั้น เธอก็พยักหน้าและจับหน้าอกของเธอ “อื้ม ซวงซวงจะจดจำคุณแม่เล่อเล่อได้แน่นอน”

เจี่ยนอี๋นั่วลูบศีรษะของเจี่ยนซวงอย่างเบามือ จากนั้นก็หันศีรษะกลับไปมองเหลิ่งเซ่าถิง เธอยิ้มและถาม “พวกเราไปในที่ที่คนพลุกพล่านมากไม่ได้ งั้นเราไปสุสานได้หรือเปล่า? ฉันอยากพบพ่อกับแม่”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า “ได้ ผมจะไปส่งคุณ”

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นเห็น เหลิ่งเซ่าถิงจึงไม่ได้มาอยู่ข้างกายของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วนั้นจับมือเจี่ยนซวงและเดินไปยังสุสาน เมื่อเดินเข้าไปในสุสาน ฝนก็เริ่มตกลงมา เจี่ยนซวงไม่เคยมาที่สุสาน เธอมองไปรอบๆและถามอย่างสงสัย “หม่าม้า ที่นี่คือที่ไหน? ทำไมมีหินก้อนใหญ่?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและกล่าว “เนื่องจากคนในครอบครัวอื่นต่างก็หลับใหลกันอยู่ที่นี่ด้วยก็เลยมีแผ่นหินสลักชื่อและยังมีรูปภาพของคนในครอบครัวนั้นๆ”

“งั้น..งั้นที่นี่ก็คือที่ฝังศพคนตายเหรอ?” เมื่อเจี่ยนซวงกล่าวเช่นนี้ เธอก็รีบเข้าใกล้อแผ่นหลังของเจี่ยนอี๋นั่วทันที เธอมองไปรอบๆสุสานอย่างประหม่า

เจี่ยนซวงดึงมุมชายเสื้อของเจี่ยนอี๋นั่วและรีบพูด “หม่าม้า…หม่าม้ารีบพาซวงซวงไปเถอะ ซวงซวงไม่อยากเห็นคนตาย”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูดว่า “แต่ว่าตากับยายของซวงซวงก็อยู่ที่นี่ พวกเขากำลังรอให้หม่าม้าและซวงซวงไปเยี่ยมเขา”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้ว “คุณตา? คุณตากับคุณยายของซวงซวง? นั่นคือ..ป่ะป๊ากับหม่าม้าของหม่าม้าใช่ไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพยักหน้า “ใช่ พวกเขาไม่เคยเจอซวงซวงเลย ดังนั้นซวงซวงอย่ากลัวพวกเขา ที่นี่เป็นที่อยู่ของพวกเขา พวกเขาจะปกป้องซวงซวง”

ซวงซวงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นซวงซวงไม่กลัวพวกเขาแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วเดินไปยังหลุมฝังศพทั้งสองที่อยู่ด้านหน้า เธอยิ้มและมองเจี่ยนซวง “ซวงซวง ที่นี่”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้วและมองหลุมฝังศพทั้งสองและกล่าวเบาๆ “นี่คือคุณตา คุณยาย? แต่นี่คือก้อนหินใหญ่สองก้อน”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูด “คุณตาและคุณยายถูกฝังอยู่ด้านล่าง”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้ว มองไปที่หลุมฝังศพทั้งสองอย่างสงสัยและกล่าวเบาๆ “คุณตา คุณยาย หนูคือซวงซวง ซวงซวงเป็นเด็กดีมาก เชื่อฟังคุณหม่าม้าแล้วก็ยังฉลาดมากด้วย พวกคุณไม่ต้องปกป้องซวงซวง พวกคุณปกป้องหม่าม้า”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท