หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 182 ชีวิตที่เรียบง่าย

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนอี๋นั่วใช้เวลาในการปรับตัวให้คุ้นชินกับชื่อ “มู่หวันถิง”เพียงสามเดือนเท่านั้น แต่เธอต้องใช้เวลาถึงสามปีเพื่อเรียนรู้สิ่งที่ควรรู้ในการทำเกษตรมาบ้าง แต่ยังเรียนรู้ได้ไม่ทั้งหมด เจี่ยนอี๋นั่วรู้ตัวว่าตัวเองนั้นมีสิ่งที่เธอชำนาญ แต่สำหรับสิ่งที่เธอไม่เชี่ยวชาญ เจี่ยนอี๋นั่วคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลยจริงๆก็คือการทำกับข้าว และการใช้ชีวิตแบบเกษตรกร

ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเรียนรู้มันอยู่ แต่เธอก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าผักชนิดไหนควรจะปลูกแบบไหน ใส่ปุ๋ยยังไง เก็บเกี่ยวตอนไหน ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือเธอไม่รู้ว่าควรจะทำเป็นแปลงหรือทำเป็นฟาร์มดี เพราะเธอลงแปลงหรือทำฟาร์มผักทีไร ผักพวกนั้นก็ล้มตายเสียหมด เป็ดไก่ก็ติดเชื้อไข้หวัดนกเช่นกัน เพราะว่าผักที่เจี่ยนอี๋นั่วปลูกนั้นใช้มูลของเป็ดและไก่มาทำปุ๋ย ไม่เคยพ่นยาเลยสักครั้ง ถ้าหากว่าผักตายก็ตายกันหมดทั้งแปลง

เธอจัดการกับพวกเป็ดไก่และพืชผักจนรู้สึกว่าปวดหัวไปหมด คนงานที่ช่วยเจี่ยนอี๋นั่วเลี้ยงไก่นั้นยิ่งปวดใจเข้าไปใหญ่ เพียงเจี่ยนอี๋นั่วเดินไปที่แปลงผัก ก็จะมีคนงานมาห้ามเธอเอาไว้ ถึงแม้เธอจะไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้ แต่เจี่ยนอี๋นั่วนั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน เธอตัดสินใจมาเป็นสาวชานาอย่างสบายใจแบบนี้แล้ว เธอจะปล่อยให้ตัวเองไม่รู้เรื่องง่ายๆอะไรแบบนี้ได้ยังไง?

ถึงแม้ว่ามันยากที่จะเรียนรู้ แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็เรียนรู้มันมาเรื่อยๆ เธอก็ยังเรียนรู้งานในสวนของตัวเองอย่างเต็มที่ในทุกๆวัน บนชั้นวางหนังสือของเธอก็มีหนังสือ การเลี้ยงหมู กับหนังสือการปลูกข้าวยี่สิบแปดวิธี เป็นต้น

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเรียนรู้ประเด็ดสำคัญใหม่ๆเธอถึงคายเปลือกเมล็ดทานตะวันออกในปากออก แล้วจดบันทึกเอาไว้ ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วกำลังตั้งใจศึกษาเรียนรู้การทำเกษตรอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงทุบประตูอยู่ข้างนอก เธอก็รีบปัดเปลืองเมล็ดทานตะวันออกทันที เธอเดินออกจากบ้านไปเปิดประตูสวน เธอจึงพบกับหญิงสาวหน้ากลมคนหนึ่งกีบเด็กที่ถักเปียสองข้างยืนอยู่ข้างนอกประตูอย่างกระวนกระวาย

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วก่อนจะพูดเสียงเข้มว่า : “อ๊อ! มาหาใครหรอคะ?”

ยัยหนูคนนั้นรีบเอื้อมมือมาหาเจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะร้องไห้โฮออกมา : “หม่าม้า……หนูเองค่ะ…..เหยียนเหยียนไงคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามองเจี่ยนซวงที่ได้เปลี่ยนชื่อเป็นลั่วเหยียนเหยียนไปแล้ว ก่อนจะมองเจี่ยนซวงอย่างระเอียดแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า : “เด็กน้อย หนูมาผิดบ้านรึเปล่าคะ ฉันไม่มีลูกนะ”

เจี่ยนซวงร้องไห้พร้อมกับยื่นมืออกมา แล้วขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า : “หม่าม้า…..หม่าม้าอย่าใจร้ายแบบนี้สิคะ หนูเป็นลูกแท้ๆของหม่าม้านะคะ เมื่อคืนหม่าม้ายังกอดหนูเรียกหนูว่าเด็กอ้วนอยู่เลย!”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับมองเจี่ยนซวงแล้วพูดว่า : “ฉันไม่รู้จักหนูจริงๆ หนูลองเดินไปดูระแวกนี้มั้ย หนูอาจจะจำผิดก็ได้นะ ฉันไม่มีลูกสาวเป็นเด็กอ้วนแบบนี้หรอก!”

สาววัยกลางคนตะโกนสุดเสียงทันที : “พอได้แล้ว ไม่ต้องมาเสแสร้งแล้ว คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น เธออย่าทำอย่างนี้เลย เธอสนใจลูกสาวเธอหน่อยไม่ได้รึไงกัน? ยัยหนูคนนี้พาเพื่อนที่เป็นเด็กด้วยกันไปฆ่ากบอเมริกันบลูฟร็อกบ้านฉัน แล้วเอามาย่างกินด้วยกัน เลือดกระเซ็นเต็มไปหมด ลูกสาวเธอก็โตแล้ว มันจะเป็นอาเพสได้นะ”

เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามองเจี่ยนซวงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “หม่าม้าบอกแล้วใช่มั้ยคะว่าถ้าทำเรื่องแบบนี้อีก หม่าม้าจะไล่ออกจากบ้าน?”

เจี่ยนซวงร้องไห้แล้วมองหน้าคนเป็นแม่ : “เคยพูดแล้วค่ะ แต่หนูไม่ได้ตกลงนี่คะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้ามองผู้หญิงวันกลางคนคนนั้น : “หรือคุณจะเอาเด็กคนนี้ไปเลยดีมั้ยคะ ลูกชายของคุณก็อายุเก้าขวบแล้วไม่ใช่หรอ? เอาเด็กคนนี้ไปเป็นเจ้าสาวในอนาคตของเขาก็ได้นะคะ”

หญิงวัยกลางคนคนนั้น ‘หู้’ ออกมาดังๆหนึ่งครั้ง : “ฉันจะคลุมถุงชนให้ลูก ก็ไม่เอาเด็กแบบนี้หรอกนะ อย่างลูกสาวเธอเนี่ย ฉันต้องมีบ่อปลาสักกี่บ่อถึงจะเลี้ยงลูกสาวเธอได้เนี่ย? ที่ฉันมาหาเธอเนี่ยไม่ได้อะไรมากหรอก แค่จ่ายเงินทุนมาคืนฉันก็พอ ไม่อย่างนั้น…….ไม่อย่างนั้นล่ะก็…….”

หญิงวัยกลางคนคิดอยู่นานสองนานก่อนจะถอนหายใจออกมา : “ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เราเป็นคนบ้านเดียวกัน เธอก็ลองคิดหาวิธีดูก็แล้วกัน”

เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหรี่ตามองเจี่ยนซวง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “งั้นก็ได้ ฉันจะให้เงินคุณ เงินนั้นก็หักจากค่าขนมของใครบางคนแถวนี้ก็แล้วกัน”

เจี่ยนซวงร้องไห้โฮออกมาทันที : “ห้ามหักเงินหนูนะคะ ไม่ได้นะ เงินนั่นหนูจะเอาไปซื้อเค้กมากินนะคะ มันไม่ใช่ความผิดของหนูด้วยซ้ำ เสี่ยวเอ้อร์ลูกชายของคุณป้าอ้วนต่างหากล่ะค่ะที่พาหนูไป หนูให้เงินเขาไปแล้วนะคะ เงินสิบหยวนแลกกับกบตัวนึง เขาก็รับเงินหนูไปแล้วด้วย แล้วเขาก็ไม่ยอมรับ!”

ใบหน้าของผู้หญิงวัยกลางคนแดงขึ้นมาทันที ก่อนจะตะคอกเสียงดัง : “เขาก็แค่เด็ก คำพูดนั้นมันเชื่อได้ที่ไหนกัน?”

เจี่ยนซวงรีบเบิกตากลมโตก่อนจะพูดเสียงดัง : “หนูก็เป็นแค่เด็กนะคะ คำพูดหนูเชื่อได้ เขาเป็นลูกชายคุณใช่มั้ยล่ะคะ? ธุกิจบ่อปลาอะไรของคุณก็ต้องตกเป็นมรดกของเขาใช่มั้ยคะ? เขาเป็นคนพาพวกเราไปเองนะคะ เขาเป็นผู้ขายหนูเป็นผู้ซื้อ แล้วยังงี้จะโยนความรับผิดชอบมาไว้ที่หนูคนเดียว ไม่โทษเขาเลยหรอคะ? หนูมีใบสัญญาด้วยนะคะ……”

เจี่ยนซวงพูดก่อนจะหันหลังแล้วจับๆดูบนตัวของตัวเอง แจ่จับไปจับมาก็ไม่เจออะไรอยู่ดี ในที่สุดเจี่ยนซวงก็ร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง ก่อนจะมองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วพูดว่า : “หม่าม้าคะ……ใบสัญญาหาย”

“งั้นก็เปล่าประโยชน์แล้วค่ะ” เจี่ยนอี๋นั่วมองเจี่ยนซวง ก่อนจะหันไปยิ้มให้ผู้หญิงวัยกลางคนนั้น : “งั้นฉันจะชดใช้ให้คุณค่ะ”

“ไม่เอานะคะ…..หม่าม้า……” เจี่ยนซวงมองเจี่ยนอี๋นั่วที่เอาเงินฝากยื่นให้ผู้หญิงวัยกลางคนนั้น ก่อนจะร้องไห้โฮออกมาอีกที

หญิงวัยกลางคนรับเงินไป ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ก็ยังดีที่ยังคุยรู้เรื่อง แต่ว่าช่วยดูแลลูกสาวคุณดีๆด้วยล่ะ ซนเกินไปแล้วเนี่ย ไม่มีใครวิ่งตามทันเลยเนี่ย เป็นลูกกระต่ายรึไง”

“เกิดจากคู่รักคู่แค่นต่างหากล่ะ” เจี่ยนอี๋นั่วมองเจี่ยนซวงอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะยิ้มให้กับผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นแล้วพูดขึ้นว่า : “งั้นคุณก็กลับบ้านอย่างปลอดภัยนะคะ ฉันคงไม่ไปส่งแล้ว”

เมื่อเห็นว่าผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นเดินจากไปแล้ว เจี่ยนซวงก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธพร้อมกับร้องไห้ออกมา : “หม่าม้าจะไม่มีเหตุผลเกินไปแล้วนะคะ หนูไม่ได้ทำจริงๆนะคะ…..”

เจี่ยนอี๋นั่วมองหน้าเจี่ยนซวงก่อนจะยื่นมือออกมา แล้วพูดกับเจี่ยนซวงว่า : “เอาเงินมาให้หม่าม้าเลยค่ะ!”

เจี่ยนซวงปิดกระเป๋าของตัวเองก่อนจะกระพริบตาด้วยความประหม่า : “เงินอะไรคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “หนูใจดีซื้อกบมาเลี้ยงเพื่อนแบบนี้ด้วยหรอคะเนี่ย? คงจะเร่ขายมาล่ะสิ หนูคงได้เงินมาไม่น้อยใช่มั้ยคะ?”

เจี่ยนซวงกระพริบตาปริบๆก่อนจะตะลึงไปสักครู่แล้วก็หัวเราะฮิฮิออกมา : “คุณชาวไร่คะ สิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้มันก็ถูก เหมือนว่าหนูจะมาผิดบ้านแน่เลยค่ะ บ้านหนูน่าจะอยู่ระแวกแถวๆนี้แหละ ถึงแม้ว่าคุณจะหน้าเหมือนหม่าม้าของหนู แต่ก็ไม่ใช่จริงๆด้วย ขอโทษนะคะที่รบกวน!”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็นว่าเจี่ยนซวงหันหลังคิดหนี เธอก็รีบเอื้อมมือไปจับเปียของเจี่ยนซวงทันที ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : “เจ้าเด็กถักเปีย หนูจะไปไหนคะ? หื้ม? ยัยเด็กอ้วน”

เขี่ยนซวงร้องไห้โฮออกมาทันที : “อา……. พระเจ้าเจ้าขา ……… หม่าม้าโหดร้ายกับลูกสาวเหลือเกินค่ะ…….”

เสียงของเจี่ยนซวงดังลั่น ชาวบ้านที่นั่งทานข้าวอยู่แถวนั้นได้ยินเสียงของเจี่ยนซวงก็อดไม่ได้ที่จะพากันหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะตะโกนมาว่า : “เหยียนเหยียนไปทำอะไรมาอีกแล้วล่ะสิ?”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มก่อนจะตอบกลับไป : “ใช่จ่ะ คืนนี้เด็กคนนี้ไม่ต้องกินข้าว!”

เสียงร้องไห้ของเจี่ยนซวงหยุดทันที ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา : “ถ้ารู้ว่าหม่าม้าจะลงโทษด้วยการไม่ให้กินอาหารฝีมือหม่าม้าหนูน่าจะทำผิดมากกว่านี้ซะให้รู้แล้วรู้รอดเลย!”

เจี่ยนอี๋นั่วกัดฟันก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา : “หนูยังต้องได้รับผลที่หนูทำผิดอีกค่ะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจี่ยนซวงก็ร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง……….

เมื่อตกกลางคืน เจี่ยนซวงก็ยังคงรู้สึกผิดกับเงินที่เธอหามาได้ในวันนี้ไปด้วย กินไข่ทอดที่เจี่ยนอี๋นั่วทำให้เธอไปด้วย ในขณะเดียวกันเธอก็กินไปด้วยคายเปลือกไข่ออกมาด้วยเช่นกัน

“ฮือๆ…….” เจี่ยนซวงสูดจมูกก่อนจะพูดอย่างงอแง : “หม่าม้าคะ หม่าม้าไม่ต้องจงใจแกล้งหนูขนาดนี้ก็ได้นะคะ ทำไมเปลือกไข่มันเยอะกว่าที่หม่าม้าทำเมื่อก่อนอีกล่ะคะ? นี่มันไข่ทอดหรือเปลือกไข่ทอดกันแน่?”

เจี่ยนอี๋นั่วเองก็ปวดฟันเพราะกัดโดนเปลือกไข่เช่นกัน เธอจึงกินข้าวกับเต้าหู้เหม็นแทนก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “หยุดพูดมากได้แล้วค่ะ กินข้าวของหนูไปเถอะ”

เจี่ยนซวงถอนหายใจ : “หนูน่ะคิดถึงหม่าม้าในความทรงจำของหนูคนนั้นมากค่ะ ตอนนี้หม่าม้าเหมือนกับ……”

เจี่ยนซวงพูดก่อนจะกดเสียงต่ำทุ้มแล้วพูดต่อว่า : “เหมือนหม่าม้ากระโดดออกมาจากละครหลังข่าวน้ำเน่าที่มาใช่ชีวิตอยู่ในชนบทเลย”

เจี่ยนอี๋นั่วหนี่ตามองเจี่ยนซวง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : “หม่าม้าก็คิดถึงลูกสาวคนเดิมเหมือนกันค่ะ ถึงแม้หนูในตอนนั้นจะกินเก่งมากๆ แต่กินนิดเดียวก็อิ่มแล้ว”

เจี่ยนซวงโดนเสียงหัวเราะของเจี่ยนอี๋นั่วทำเอาเธอตกใจตัวสั่น เธอรีบกระพริบตาปริบๆก่อนจะพูด : “หม่าม้าคะ ไม่ต้องลงโทษหนูแล้วได้มั้ยคะ อย่าทำให้หนูตกใจเพิ่มสิคะ หม่าม้าดูสิคะ ตอนที่หนูวิ่งเมื่อกี้หนูล้มจนขาได้แผลมาด้วย”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบมองไปที่ขาของลูกสาวทันทีก่อนที่เธอจะขมวดคิ้วขึ้นมา : “แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้คะ? เข้าห้องเดี๋ยวนี้เลย หม่าม้าจะทายาให้”

เจี่ยนซวงหยิบชามข้าวขึ้นมาก่อนจะพูดด้วยเสียงเล็กของเธอว่า : “เรื่องทายาไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ แต่ไข่ทอดนี่หนูไม่กินแล้วได้มั้ยคะ? เอาเต้าหู้เหม็นมาให้หนูสักก้อนแล้วก็ให้หนูกินกับข้าวแทนนะคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามองรอยแผลของเจี่ยนซวงก่อนจะพยักหน้า : “รีบกินรีบเข้ามานะคะ”

เจี่ยนซวงรีบใช้ตะเกียบคีบเค้าหู้เหม็นทันที ก่อนจะกินข้าวในชามจนหมดเกลี้ยง ก่อนจะเดินเข้าห้องไปอย่างช้าๆ เจี่ยนอี๋นั่วเตรียมกล่องยามาไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะส่งสายตาแล้วเจี่ยนซวงก็ขึ้นไปนั่งบนเตียงทันที ก่อนจะยกขาขึ้นมาแล้วชี้ไปที่แผลของตัวเอง : “ตรงนี้ค่ะ…….ตรงนี้ ตรงนั้นแหละ!”

“ค่ะ หม่าม้าเห็นแล้ว” เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่บาดแผลบนขาของเจี่ยนซวง มันเป็นแผลจากการถูกกระแทก

หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วพาลูกสาวของเธอมาอยู่ที่นี่ เธอคิดไว้ว่าเมื่อก่อนเจี่ยนซวงนั้นทนทุกข์มามาก พบเจอกับความมืดมนมากเกินไป เธอควรจะพยายามทำให้เจี่ยนซวงมีชีวิตที่ดีขึ้น เธออยากให้เจี่ยนซวงมีชีวิตที่ไม่ถูกขัดขวาง แต่เติบโตอย่างดี แต่เจี่ยนอี๋นั่วไม่คิดเลยว่าการได้อยู่แบบอิสระแบบนี้จะทำให้เจี่ยนซวงกลายเป็นเด็กร้ายๆไปได้

เจี่ยนซวงตอนนี้ก็คือลูกสาวของเหลิ่งเซ่าถิง เชื่อได้มั้ยล่ะ? คนนึงปรากฏให้เห็นทางข่าวเรื่องการเงินเป็นครั้งคราว ส่วนอีกคนก็เป็นเด็กเจ้าเล่ห์อยู่บนเขานี้ ทำไมจะดูเหมือนพ่อลูกกันได้ล่ะ

แต่เจี่ยนซวงนับวันก็ยิ่งเหมือนเหลิ่งเซ่าถิงมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะดวงตา ได้คนเป็นพ่อมาเป๊ะๆ เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่ต้นคอของลูก ก่อนจะถามด้วยเสียงต่ำ : “สร้อยหนูไปไปนแล้วคะ? ทำไมไม่ใส่มันไว้?”

เจี่ยนซวงพูดด้วยรอยยิ้ม : “ตอนที่หนูลงน้ำไปจับกบทำให้สร้อยมันเปื้อนน่ะค่ะ เลยถอดออก”

เจี่ยนซวงพูดก่อนจะเอามืออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเธอก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่กำลังจะร้องไห้ : “แล้วหนูก็ทำมันหายแล้วค่ะ!”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน