หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 189 ไม่ใช่คนรักเก่า

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หลายปีมานี้เจี่ยนอี๋นั่วใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง เธอไม่เคยทำเรื่องที่ผิดปกติออกมาเลยสักครั้ง แต่ว่าคฤหาสน์หลังนี้นั้นทำให้เธอรู้สึกสงสัยจนทำให้เจี่ยนอี๋นั่วคิดอยากอยู่ต่อ เพื่อดูว่าเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เป็นยังไงกันแน่

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วล้างผักเรียบร้อยแล้ว เธอก็ช่วยชายชราให้อาหารปลาไน คฤหาสน์หลังนี้นั้นน่าสนใจมากๆ คนอื่นเขาเลี้ยงปลาคราฟปลาทองกัน แต่คนบ้านนี้กลับเลี้ยงปลาไน แต่ละตัวก็อ้วนพีทั้งนั้น จนหลงลืมไปว่าตัวเองอาจจะเป็นอาหารให้คนในบ้านนี้ในอนาคตก็ได้

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วกลับมาที่ห้องครัว เธอก็อดยิ้มแล้วพูดกับชายชราไม่ได้ว่า : “ปลาในที่นี่น่าสนใจจังเลยนะคะ”

ชายชรายิ้มก่อนจะพยักหน้า : “จ่ะ เจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ไม่ชอบปลาคราฟหรือปลาทองหรอก เขาบอกว่าถ้าเลี้ยงปลาก็เลี้ยงพวกนี้ดีกว่า ถ้าวันไหนเบื่อมันแล้วก็เอามาทำเป็นอาหารได้”

เจี่ยนอี๋นั่วอดที่จะหัวเราะไม่ได้ : “ดูเหมือนคนๆนี้ก็ตลกเหมือนกันนะคะ”

ชายชราพยักหน้า ก่อนจะหุบยิ้มแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วแล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า : “หนูอายุเท่านี้แล้ว น่าจะแต่งงานแล้วสินะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “ฉันไม่เคยแต่งงานหรอกค่ะ แต่ฉันมีลูกสาวคนนึง ทำไมหรอคะ? ฉันดูเหมือนคนที่แต่งงานแล้วหรอ?”

ชายชรารีบส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า : “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ฉันแค่พูดไปเรื่อยน่ะ แล้วหนูเลี้ยงลูกคนเดียวก็ไม่ง่าย ไม่อยากหาแฟนใหม่สักคนหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “คุณจะแนะนำคนที่เหมาะสมมาให้ฉันหรอคะ?”

ชายชรายิ้มก่อนจะพูด : “ผู้ชายที่ฉันรู้จักน่ะเยอะมาก แต่ไม่รู้ว่าหนูชอบคนแบบไหน? มีสเปคมั้ยล่ะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วครุ่นคิดอยู่สักพัก เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆว่าเธอจะหาผู้ชายแบบไหนเพื่อแต่งงานอีกครั้ง เมื่อผ่านไปสักพัก เจี่ยนอี๋นั่วถึงได้ยิ้มออกมาก่อนจะพูดว่า : “คนที่ทำอาหารได้ ดีกับลูกสาวของฉันก็พอแล้วค่ะ เพระาฉันทำอาหารไม่ได้เรื่องเลย”

ชายชระพูดด้วยรอยยิ้ม : “คนแบบนั้นน่ะดีเลย ดีมากๆ แต่ต้องหาดีๆนะ ทางดีที่ควรจะหาคนที่เขาเป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะหน่อย ไม่ต้องเลือกคนที่เขาหนุ่มเกินไปนะ ตอนนี้น่ะนิยมเป็นคู่รักแบบผู้หญิงอายุเยอะแล้วผู้ชายอายุน้อย แค่คิดก็ไม่เวิร์คแล้ว ผู้ชายพวกนั้นจะดูแลครอบครัวได้ยังไงกันล่ะ? จะรู้วิธีเลี้ยงลูกได้หรอ? พวกเขาน่ะไม่ค่อยมีความรักผิดชอบหรอก”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินชายชราพูดเช่นนั้น เธอก็ค่อยๆยกยิ้มแล้วก็พยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ฉันก็อย่างนั้นเหมือนกันค่ะ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ชายชราก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ : “หนูคิดแบบนี้ก็ดีแล้วจ่ะ……….ดูคนแก่ที่มึนๆอย่างฉันสิ เข้าวัยกลางคนแล้ว เดี๋ยวฉันไปเตรียมทำอาหารให้หนูก่อนนะ”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบกลับหลังหันไปพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “เดี๋ยวฉันช่วยค่ะ”

ชายชรายิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา : “ไม่รบกวนหนูดีกว่า หนูไม่ได้บอกว่าหนูทำอาหารไม่เป็นหรือไง? หนูไปเดินเล่นในสวนเถอะจ่ะ ลองเดินดูว่าในสวนยังมีอะไรที่ต้องแก้หรือเสริมอะไรมั้ย แล้วหนูก็มาบอกฉันน่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วถามด้วยรอยยิ้ม : “แล้วในอนาคตใครจะมาอยู่คฤหาสน์นี้หรอคะ? มีแค่คุณกับคุณผู้ชายคนนั้นหรอคะ?”

ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม : “จ่ะ ตอนนี้ก็มีแค่นี้แหละ เดี๋ยวอีกไม่นานภรรยากับลูกของคุณผู้ชายก็จะเข้ามาอยู่แล้ว หนูก็มีลูกไม่ใช่หรอ? หนูลองเดินดูนะ แล้วลองคิดดูว่าถ้ามีเด็กมาอยู่ต้องเพิ่มเติมอะไรตรงไหน ฉันจะไปแนะนำให้เจ้าของที่นี่ฟัง ไม่อย่างนั้นคนแก่อย่างฉันคงไม่รู้หรอกที่ที่ห่างไกลแบบนี้เด็กจะชอบอะไร ไม่ชอบอะไร?”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง เขาแต่งงานแล้วหรอคะ?” เจี่ยนอี๋นั่งถาม

ชายชราขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจออกมา : “เลิกกันแล้วต่างหากล่ะ………”

ชายชราพูดจบก็รีบหยุดแล้วก็ยกยิ้มขึ้นมาทันที : “ดูสิ คนแก่อย่างฉันมาพูดอะไรกับหนูก็ไม่รู้ นี่มันเรื่องส่วนตัวของคนอื่นชัดๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับคนแก่ๆอย่างฉันเลย หนูรีบไปเดินดูแถวๆในสวนเถอะ หนูยืนดูฉันทำอาหารแบบนี้ฉันประหม่าจนไม่รู้จะทำอาหารยังไงแล้ว ตอนนี้หนูเป็นแขก หนูไม่ต้องมาทำส่วนนี้หรอกจ่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วยกยิ้มขึ้นมา : “อย่างนี้นี่เอง งั้นฉันไปก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยเรียกได้เลยนะคะ”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบเธอก็ยิ้มแล้วเดินออกจากห้องครัวไปทันที เมื่อเธอเดินไปที่สวนแล้วครุ่นคิดทันที เธอตอบตกลงชายชราไปแล้ว เลยคิดว่าถ้าเจี่ยนซวงมาอยู่ที่นี่ เจี่ยนซวงจะชอบแบบไหนนะ? เธอคิดแล้วเขียนสิ่งอำนวยความสะดวกที่ควรจะมีในสวนแห่งนี้

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเดินไปที่สระน้ำ เธอก็อดไม่ได้ที่จะไม่มองหน้าต่างชั้นสองของคฤหาสน์ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเหมือนกับมีใครบางคนกำลังหลบอยู่บนนั้น

ใช่เขามั้ยนะ? ใช่เหลิ่งเซ่าถิงมั้ยนะ?

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองหน้าต่างบานนั้น ก่อนจะจากไป แต่เพียงเธอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ได้ยินเสียงชายชราตะโกนเรียกเธออยู่ข้างหลังของเธอ : “อาหารทำเสร็จแล้วนะหนู รีบมาชิมเร็ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจี่ยนอี๋นั่วจึงหยุดเดินทันที ก่อนจะหันหลังมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องครัว เจี่ยนอี๋นั่วพบว่ามีกุ้งผัดขึ้นฉ่าย และซุปกระดูกหมู เจี่ยนอี๋นั่วอดที่ยิ้มออกมาไม่ได้ : “นี่เป็นอาหารโปรดของฉันทั้งนั้นเลย……..”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ่งมั่นใจขึ้นเรื่อยว่าเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้คือเหลิ่งเซ่าถิง เธอไม่สนเรื่องการเจียมเนื้อเจียมตัวแล้วก็รีบทานเข้าไปคำใหญ่คำโต แต่เมื่ออาหารเข้าปากเธอแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

ชายชราขมวดคิ้วแล้วรีบถามขึ้นมาทันที : “เป็นอะไรไป? รสชาติอาหารมันไม่อร่อยหรอ? ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะจ๊ะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้าก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ไม่ค่ะๆ อร่อยมากๆ”

อาหารอร่อยมาก แต่ว่ารสชาติมันไม่ใช่รสชาติในความทรงจำของเธอ หรือว่าจะไม่ใช่เหลิ่งเซ่าถิงนะ?

ชายชราพูดขึ้น : “ถ้าหนูว่ามันอร่อยก็ดีแล้วล่ะ งั้นหนูก็ค่อยๆทานไปนะ ฉันเอาอาหารไปให้คุณผู้ชายเขาก่อน เขาชอบอาหารพวกนี้มากๆ”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มขึ้นมา : “ที่จริงก็เป็นอาหารที่เขาชอบเองหรอคะ?”

แต่เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้ชอบอาหารพวกนี้เลยนะ

ชายชราพยักหน้า ก่อนจะเอาอาหารวางลงบนถาดแล้วก็เดินออกจากห้องครัวไป เจี่ยนอี๋นั่วคียอาหารใส่ปาก เมื่อกินเข้าไปคำนึงเธอก็อดที่จะไม่ยิ้มออกมาไม่ได้

เจี่ยนอี๋นั่วกำลังคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วรึเปล่านะ? ทำไมเธอถึงคิดว่าเจ้าของคฤหาสน์นี้คือเหลิ่งเซ่าถิงกัน ถ้าเป็นเหลิ่งเซ่าถิงจริงๆล่ะก็ เหลิ่งเซ่าถิงจะหลบซ่อนเธอแบบนี้หรอ? ถึงแม้ไม่อยากมีถาพจำเรื่องของเธอ ไม่อยากเจอเธออีก แต่เหลิ่งเซ่าถิงคงไม่ซ่อนตัวแล้วก็ไม่ออกมาเจอกันกับเจี่ยนอี๋นั่วหรอก เหลิ่งเซ่าถิงคงไม่ใช้วิธีนี้เพื่อเรียกเธอมาแล้วหลับเธอแบบนี่หรอก

เจี่ยนอี๋นั่วคิดได้อย่างนั้น เธอก็นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นเจ้าของคฤหาสน์นี้จริงๆ ทำไมต้องมห้เธอมาส่งผักที่นี่ แล้วก็ไม่ออกมาเจอกันแบบนี้ เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้คงไม่ใช่เหลิ่งเซ่าถิงใช่มั้ย?

เจี่ยนอี๋นั่วคิดได้เข่นนั้น เธอก็ก้มหัวแล้วกินข้าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น บางทีเจียนอี๋นั่วคงจะเศร้าเอามากๆ เพราะแม้แต่อาหารที่กินเข้าไปยังไม่อร่อยเลย จึงทำให้เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากกินมันต่อ เจี่ยนอี๋นั่วจึงทำได้เพียงเก็บจานชาม รอชายชรากลับมา เมื่อเขากลับมาเจี่ยนอี๋นั่วก็พูดกับชายชราด้วยรอยยิ้มทันทีว่า : “ฉันกินเรียบร้อยแล้วค่ะ งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”

ชายชราพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม : “จ่ะ ฉันไม่ไปส่งหนูแล้วนะ พรุ่งนี้หนูมาส่งผักอีกได้มั้ยจ๊ะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันเอาผักมาส่งให้อีก”

เจี่ยนอี๋นั่วเดินออกมาจากที่นั่น เมื่อเธอเดินมาถึงหน้าประตู เธอก็หันหน้าไปมองที่หน้าต่างชั้นสองของคฤหาสน์ แต่เธอกลับไม่เจอใคร

“ฉันคงคิดไปเองล่ะมั้ง?” เจี่ยนอี๋นั่วพูดคนเดียว

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว ก่อนจะกลับบ้านไป เมื่อเธอใกล้จะถึงบ้านแล้ว จู่ๆเธอก็ถูกสะกิดที่ไหล่ เจี่ยนอี๋นั่วรีบหันหลังทันที ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงต่ำทุ่มว่า : “ใครคะ?”

เธอมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอก่อนจะตะลึงไปชั่วครู่แล้วก็ยกยิ้มขึ้นมา : “คุณมู่ลืมแล้วหรอครับเนี่ยว่าผมคือใคร? ผมเฉิงเว่ยหรานเองครับ”

เฉิงเว่ยหรานยกมือขึ้นมาเผยให้เห็นกุญแจอยู่ในมือของเขา ก่อนที่เขาจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “คุณทำครับ นี่เป็นกุญแจของคุณรึเปล่าครับ?”

เจี่ยนอี๋นั่งรีบพยักหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับหัวของตัวเอง แล้วก็รีบคว้ากุญแจในมือของเฉิงเว่ยหรานกลับมาทันที : “ขอบคุณค่ะ ฉันไม่รู้เลยว่าตัวเองทำกุญแจตกไปตั้งแต่ตอนไหน”

เฉิงเว่ยหรานพูดด้วยรอยยิ้ม : “เมื่อกี้ผมเรียกคุณหลายครั้งแต่ไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ น่าจะใช้ความคิดหนัก ผมเลยได้แค่เดินตามมา ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณตกใจ”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบส่ายหน้า : “ฉันต้องขอบคุณคุณซะอีกค่ะ”

“ถ้าคุณอยากขอบคุณจริงๆ ผมขอน้ำสักแก้วได้มั้ยครับ? ก่อนหน้านี้ผมเอาแต่เดินดูหมู่บ้านนี้ ตอนนี้เลยกระหายน้ำนิดหน่อยน่ะ” เฉิงเว่ยหรานพูดด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น เขามีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่น่าคบ ทำให้คนยากที่จะปฏิเสธเขา

เจี่ยนอี๋นั่วทำได้เพียงยิ้มแล้วก็พยักหน้า : “ไม่มีปัญหาค่ะ เชิญคุณเข้ามาเลย”

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเปิดประตู เฉิงเว่ยหรานก็เดินตามเจี่ยนอี๋นั่วเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ไม่เหมือนกันเด็กซื่อบื้ออย่างมั่วเชียนเลย เฉิงเว่ยหรานเป็นคนที่มีขอบเขตในการสร้างปฏิสัมพันธ์ต่อผู้อื่น ถึงแม้ว่าเขาเข้ามาในเขตบ้านแล้ว แต่เขาก็ยังยืนรออยู่หน้าประตู ไม่ได้เดินเข้ามาเลยทีเดียว

เจี่ยนอี๋นั่วหยิบน้ำร้อนออกมาแก้วหนึ่ง เธอก็เห็นเฉิงเว่ยหรานที่กำลังหัวเราะให้กับตุ๊กตาลิงน้อยที่แวข้อาไว้อยู่ เจี่ยนอี๋นั่วรีบส่งน้ำให้กับเฉิงเว่ยหรานก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “นี่เป็นตุ๊กตาที่ฉันกับลูกสาวทำน่ะค่ะ ลูกสาวฉันว่ามันคือซุนหง๋อคง แขวนไว้หน้าประตูเพื่อขวางคนไม่ดีไม่ให้เข้ามา”

เฉิงเว่ยหรานรับน้ำนั้นมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดว่า : “ลูกสาวหรอครับ? เด็กคนที่หลับอยู่ข้างหลังคุณเมื่อวานใช่มั้ยครับ? เธอน่ารักมากๆเลย”

เจี่ยนอี๋นั่วส่าหยน้าก่อนจะถอนหายใจ : “เธอซนมากๆต้างหากล่ะค่ะ บางทีก็น่ารัก แต่บางทีก็ทำให้ฉันปวดหัวมากๆ”

“เด็กก็แบบนี้แหละครับ ผมชอบเด็กที่สุดแล้วครับ แต่เสียดายที่ผมไม่มีวาสนากับเด็กๆเท่าไหร่” เฉิงเว่ยหรานพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ทำไมล่ะคะ?” เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะไม่ถาม จากนั่นเจี่ยนอี๋นั่วก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า : “อ่า ขอโทษค่ะ ฉันไม่ควรถามเรื่องส่วนตัวของคุณ”

เฉิงเว่ยหรานพูดด้วยรอยยิ้ม : “ไม่เป็นไรครับ จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ผมมีลูกไม่ได้น่ะครับ ว่าที่ภรรยาของผมเลยเลิกกันกับผม เธอชอบเด็กมากๆเลยครับ เธออยากได้ลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเราสองคน แต่ผมทำให้ความต้องการเธอเป็นจริงไม่ได้ ก็เลยทำได้เพียงเลิกกันไปน่ะครับ……..”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท