หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 190 คนตามจีบที่เพอร์เฟค

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเช่นนั้นเธอก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที เธอรู้สึกว่าตัวเองพูดผิดไป เลยรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า : “ขอโทษจริงๆนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกของคุณนะ”

เฉิงเว่ยหรานส่ายหน้าก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ไม่เป็นไรครับ คุณไม่ได้ตั้งใจนี่ อีกอย่างเรื่องนี้มันก็ผ่านไปแล้ว ผมไม่ได้แคร์อะไรแล้วล่ะครับ”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วก่อนจะพูดอย่างรู้สึกผิดว่า : “ขอโทษจริงๆค่ะ”

เฉิงเว่ยหรานมองเจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน : “ถ้าคุณรู้สึกผิด คุณพอจะมีเวลากินข้าวด้วยกันมั้ยครับ?”

“คะ?” เจี่ยอนี๋นั่วขมวดคิ้วมองเฉิงเว่ยหรานด้วยความตกใจ

เฉิงเว่ยหรานพูดด้วยรอยยิ้ม : “ถ้าพดแบบนี้อาจจะกระทันหันเกินไป แต่ผมคิดว่าเรื่องบางเรื่องผมควรจะพูดให้ชัดเจนเลยคงจะดีกว่า ผมรู้สึกดีกับคุณตั้งแต่ครั่งแรกที่เจอคุณแล้วครับ ตอนที่ผมถามทางคุณก็เพราะว่าผมหาโอกาสที่จะได้รู้จักคุณ และผมก็ดูออกว่าคุณไม่ได้สนใจอะไรในตัวผม แต่ผมไม่ได้หวังว่าคุณตะให้โอกาสผมหรือรู้จักผมมากขึ้นหรอกนะครับ บางทีอาจจะมีอะไรบางอย่างในตัวผมที่ทำให้คุณชอบก็ได้?”

เจี่ยนอี๋นั่วอึ้งไปสักครู่ก่อนที่จะยิ้มออกมา : “แล้วถ้าเรารู้จักกันแล้วแต่ฉันไม่ชอบคุณล่ะคะ?”

เฉิงเว่ยหรานพูดด้วยรอยยิ้ม : “งั้นเราก็คงไม่มีวาสนาต่อกันแล้วล่ะครับ แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้คบกัน แค่ผมนึกถึงวันที่เราได้อยู่ด้วยกัน สำหรับผมมันก็เป็นความทรงจำที่ดีมากๆแล้วครับ”

เจี่ยนอี๋นั่งมองไปที่เฉิงเว่ยหรานอย่างละเอียด รูปลักษณ์ของเฉิงเว่ยหรานนั้นดูสง่า สุภาพบุรุษ อ่อนโยน การพูดของเขาก็ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วยอมรับได้ง่าย ถ้าเธอคบกับคนอย่างเฉิงเว่ยหรานเธอคงจะผ่อนคลายแล้วก็เป็นตัวของตัวเองได้ดีเลยมั้ยนะ? แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ว่าเธอจะชอบผู้ชายอย่างเฉิงเว่ยหรานได้มั้ยน่ะสิ………

เจี่ยนอี๋นั่วมองต่ำ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วก็ส่ายหน้า : “ฉันว่าคุณไม่ต้องเสียเวลาเลยค่ะ”

เฉิงเว่ยหรานพูดด้วยรอยยิ้ม : “เวลาผมมีเยอะครับ เสียได้ไม่เป็นไร ผมแค่หวังว่าคุณจะให้โอกาสผมสักครั้ง ผมเองก็รู้อยู่ว่าการเริ่มความสัมพันธ์นั้นมันยาก โดยเฉพาะคุณที่มีลูกด้วย เลยค้องไตรตร่องให้ดีๆ ตอนที่ผมขอความช่วยเหลือจากคุณมันก็ยากมากนะครับ กว่าผมจะบอกว่าผมชอบคุณได้คุณค่อยๆคิดก็ได้ครับ แค่คุณไม่ปฏิเสธที่จะให้ผมเข้าใกล้คุณทีละนิดก็พอ ถ้าวันไหนที่คุณไม่ชอบ ไม่ชอบที่ผมมารบกวนคุณ คุณก็แค่บอกผม แล้วผมก็จะไปเองครับ”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนที่เธอจะมองเฉิงเว่ยหรานแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “คุณเป็นคนที่ยากที่ปฏิเสธจริงๆนั่นแหละ”

เฉิงเว่ยหรานพูดด้วยรอยยิ้ม : “ได้ยินคุณชมผมแบบนี้ผมก็ดีใจครับ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณมีแพลนอะไรมั้ยครับ? ถ้าพอมีเวลาผมขอไปเดินเล่นกับคุณหน่อยได้มั้ย?”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาทันที เฉิงเว่ยหรานเลยยิ้มแล้วชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า : “ถ้าคุณไม่โอเคที่จะออกไปเดินเล่นกับผม เราก็คุยกันอยู่ตรงนี้ก็ได้ครับ”

เจี่ยนอี๋นั่วยกยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง : “งั้นเดี๋ยวฉันเอาเก้าอี้มาให้คุณแล้วกัน แล้วจะชงชามาให้”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันหลังเข้าไปในบ้าน เมื่อเฉิงเว่ยหรานเห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วเข้าไปในบ้านแล้ว เขาถึงได้ถอนลมหาใจออกมา ก่อนที่เขาจะเหลือบไปเห็นกล้องที่ซ่อนอยู่ในบริเวณบ้านของเจี่ยนอี๋นั่ว

ผ่านไปได้ไม่นาน เจี่ยนอี๋นั่วก็หยิบเก้าอี้ออกมาพร้อมกับหยิบชามาเสิร์ฟให้เขาด้วย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “นั่งในสวนเวลานี้ดีที่สุดค่ะ”

เฉิงเว่ยหรานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม : “ที่ผมมาที่หมู่บ้านนี้ก็เพราะผมชอบที่นี่ครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็คงจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย”

เฉิงเว่ยหรานเป็นคนที่เข้าหาคนอื่นเก่งมาก ถึงแม้ว่าตอนแรกเฉิงเว่ยหรานนั้นเป็นเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับเจี่ยนอี๋นั่ว แต่พอได้คุยกันไปสักพัก ด้วยความคิดที่คล้ายกัน ทั้งสองมีอะไรเหมือนๆกัน ทันทำให้เจี่ยนอี๋นั่วนั้นสนิทกับเฉิงเว่ยหรานราวกับเขาเป็นเธออีกคนยังไงอย่างนั้น

น้อยมากที่เจี่ยนอี๋นั่วจะคุยกับคนอื่นแบบนี้ คุยกันนานจนมันตกเย็นอย่างไม่ทันรู้ตัว เจี่ยนอี๋นั่วมองดูเวลาก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า : “ฉันต้องไปรับลูกสาวแล้วค่ะ”

เฉิงเว่ยหรานพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม : “ผมมีที่พกัอยู่ในหมู่บ้านนี้ที่ฝ่ายกรรมการหมู่บ้านจัดเตรียมไว้ให้ งั้นผมจะกลับไปทำอาหารนะครับ รอให้คุณกับลูกสาวกลับมาก็จะได้กินข้าวกันเลย จริงๆแล้วผมอยากไปส่งคุณรับลูกสาวมากนะครับ แต่ว่าลูกสาวคุณอายุในช่วงนี้คงไม่ง่ายที่จะยอมรับผม ผมเลยคิดว่าค่อยๆไปเป็นค่อยๆไปดีกว่า”

เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วขึ้น : “งั้นก็รบกวนคุณแย่เลยสิ?”

เฉิงเว่ยหรานพูดพร้อมกับส่ายหน้า : “จะรบกวนได้ยังไงกันล่ะครับ? ผมดีใจมากเลยที่ได้ทำอะไรเพื่อคุณ ผมน่ะสิกังวลรสชาติอาหารที่ผมทำกับที่พวกคุณทำ อีกอย่างผมก็เคยเป็นพ่อครัวมาก่อน ถ้าไม่ทำอาหารก็รู้สึกหงิดๆนิดนึงน่ะครับ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณชอบกินอะไร โดยเฉพาะลูกสาวของคุณ แพ้อาหารอะไรมั้ยครับ?”

เจี่ยนอี๋นั่งพูด : “ไม่มีค่ะ ฉันกับลูกสาวก็แบบนี้ล่ะค่ะ เรื่องอาหารก็ง่ายๆสบายๆเลย ไม่มีอันไหนที่ไม่ชอบหรอก”

เฉิงเว่ยหรานพูดด้วยรอยยิ้ม : “งั้นผมคิดๆแล้วก็ทำเลยล่ะกันนะครับ หมู่บ้านนี้มีข้อดีก็คือผักสดเยอะมากๆ เดี๋ยวผมจะไปซื้อมาทำ คุณไปรับลูกเถอะครับ”

เมื่อเฉิงเว่ยหรานพูดจบเขาก็เดินออกไปทันที เจี่ยนอี๋นั่วมองแผ่นหลังของเฉิงเว่ยหรานก่อนจะขมวดคิ้วขึ้น จนกระทั่งผู้ปกครองที่มารับลูกเรียกเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วถึงได้สติกลับมา แล้วรีบเดินไปที่หน้าโรงเรียนตามผู้ปกครองเหล่านั้น

เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วจูงมือเจี่ยนซวงมาถึงหน้าประตูบ้าน เธอก็เห็นเฉิงเว่ยหรานก็ยืนถือกล่องออกหารอยู่หน้าประตูแล้ว เมื่อเฉิงเว่ยหรานเห็นเจี่ยนอี๋นั่ว้ขาก็ยิ้มขึ้นมาทันที : “กลับมาแล้วหรอครับ?”

จากนั้นเฉิงเว่ยหรานก็หันมามองเจี่ยนซวงด้วยรอยยิ้ม : “หนูคือเหยียนเหยียนใช่มั้ย”

เจี่ยนซวงพยักหน้าก่อนจะขมวดคิ้วแล้วถามเขาว่า : “คุณคือใครคะ?”

เฉิงเว่ยหรานยกยิ้มก่อนจะพูดว่า : “ฉันนามสกุลเฉิงนะ หนูเรียกฉันว่าลุงเฉิง หรือจะเรียกว่าผู้เฒ่าเฉิงก็ได้”

เจี่ยนซวงหัวเราะขึ้นมาทันที ก่อนจะเงยหน้ามาพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว : “หม่าม้าคะ หนูเรีกยเขาว่าผู้เฒ่าเฉิงได้มั้ยคะ? น่าตลกมากๆเลยคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้พูดอะไรเพียงส่งตายตาเย็นชาไปให้ลูกสาว เจี่ยนซวงจึงรีบเก็บรอยยิ้มของตัวเองทันที ก่อนจะพูดกับเฉิงเว่ยหรานอย่างมีมารยาทว่า : “ไม่ๆๆ คุณคือผู้ใหญ่ หนูควรจะเรียกคุณว่าคุณลุงเฉิงมากกว่า คุณลุงเฉินสวัสดีค่ะ หนูคือลั่วเหยียนเหยียน เจอกันครั้งแรกแบบนี้ฝากตัวด้วยค่ะ”

เฉิงเว่ยหรานยิ้มพร้อมกับพยักหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเจี่ยนอี๋นั่ว : “เหยียนเหยียนเป็นเด็กดีจังเลยนะครับ คุณสอนลูกดีมาก”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม : “ขอบคุณค่ะ”

เฉิงเว่ยหรานรีบส่งกล่องอาหารที่อยู่ในมือของเขาให้กับเจี่ยนอี๋นั่วทันที ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ผมทำอาหารเรียบร้อยแล้วครับ คุณกินกับเหยียนเหยียนเลยนะครับ ผมขอตัวกลับก่อน”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดอย่าสงสัย : “คุณจะไม่อยู่กินด้วยกันหรอคะ?”

เฉิงเว่ยหรานะพูดด้วยรอยยิ้ม : “ไม่ล่ะครับ คุณสองแม่ลูกทานให้อร่อยเลยครับ ถ้าผมอยู่ทานข้าวด้วยกันกับพวกคุณตอนนี้ พวกคุณคงจะไม่ชิน ผมกลับก่อนดีกว่าครับ”

เจี่ยนอี๋นั่วรับเอากล่องอาหารมา เธอรู้สึกเกรงใจ มีที่ไหนล่ะกินอาหารของคนอื่นแล้วแต่ไม่ให้คนทำเขามาร่วมโต๊ะด้วย เจี่ยอนี๋นั่วรีบพูดขึ้นว่า : “คุณอย่าเพิ่งกลับเลยค่ะ มากินข้าวด้วยกันก่อน”

เมื่อเจี่ยนซวงได้ยินเจี่ยนอี๋นั่วพูดเช่นนั้น เธอก็เบะปากทันที ก่อนจะพูดขึ้นอย่างงอแงว่า : “ถ้าหม่าม้ายื้อเขาให้กินข้าวกับเรา งั้นซวงซวงไปแล้วนะคะ”

เฉิงเว่ยหรานยืนนิ่งก่อนจะหันหลังมาแล้วส่ายหน้าก่อนจะพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วว่า : “ไม่ต้องห่วงครับ ให้เวลาลูกสาวคุณคุ้นเคยก่อน พวกคุณไปชิมดูครับว่ารสชาติอาหารเป็นยังไง ถ้ามันยังไม่ถูกปากหรือยังไง บอกผมเลยนะครับ ผมจะได้ปรับปรุง ผมไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันครับ”

เฉิงเว่ยหรานพูดก่อนจะหันหน้ามาโบกมือให้กับเจี่ยนซวง : “เหยียนเหยียน แล้วเจอกันนะ”

เจี่ยนซวงขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจแต่ก็นกมือขึ้นมาโบกลาเขา แล้วพูดกับเฉิงเว่ยหรานว่า : แล้วเจอกันค่ะ”

เมื่อเห็นเฉิงเว่ยหรานเดินจากไปแล้ว เจี่ยนซวงก็หันมามองกล่องอาหารในมือของเจี่ยนอี๋นั่วทันที ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “นี่เขาทำหรอคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า : “ใช่ค่ะ เขาเป็นคนทำ”

เจี่ยนซวงมองหน้าเจี่ยนอี๋นั่วก่อนจะยู่ปากแล้วพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ว่า : “เขาชอบหม่าม้าใช่มั้ยคะ?”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า : “ใช่ค่ะ เขาบอกแล้ว”

เจี่ยนซวงสูดจมูกแล้วมองอาหารในมือของเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะพูดอย่างโมโหว่า : “หึๆ อาหารที่เขาทำไม่อร่อยเท่าอาหารที่คุณพ่อทำหรอกค่ะ”

แต่เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเอาอาหารมาวางบนโต๊ะแล้วเจี่ยนซวงคีบเข้าปากเท่านั้นแล้วกินมันเข้าไป เธอก็เบิกตาโตอย่างประหลาดใจ : “ว้าว อร่อยมากเลยค่ะ”

ถึงแม้ว่าเป็นอาหารที่ทำง่ายๆ แต่รสชาติถูกปากเจี่ยนซวงมากๆ เพียงผ่านไปได้ไม่นานเจี่ยนซวงก็กินข้าวไปแล้วสองจาน ก่อนจะเลียริมฝีปากของตนเอง แล้ววางจานกับตะเกียบลง : “หม่าม้าคะ เขาทำอาหารอร่อยมากๆเลยค่ะ”

เจี่ยอนี๋รั่วคีบอาหารฝีมือเขาเข้าปาก ก่อนจะเคี้ยวแล้วพยักหน้าเบาๆ : “อร่อยจริงค่ะ”

มันอร่อยราวกับอาหารจานนี้นั้นถูกจัดทำมาอย่างดี และถูกปากของเจี่ยนซวงและเจี่ยนอี๋นั่วมากๆ อบอุ่นต่อคนอื่น สุภาพบุรุษดูดี มีอาชีพที่ดี ชอบเด็ก ทำอาหารเก่ง แล้วก็ชอบเธอด้วย เฉิงเว่ยหรานน่ะเหมือนถูกออกแบบมาให้เป็นคนที่เจี่ยนอี๋นั่วชอบเลย จนเจี่ยนอี๋นั่วไม่สามารถเห็นข้อเสียเล็กๆน้อยๆของเขาเลย

แต่เพราะเขาไม่มีข้อบกพร่องใดๆเลยมันยิ่งทำให้เจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่รู้สึกชอบผู้ชายคนนี้รักแต่กลับทำให้เจี่ยนอี๋นี่วรู้สึกระวังมากยิ่งขึ้น

“หม่าม้าคะ ถึงแม้ว่าหนูจะไม่ชอบคุณลุงคนนี้ แต่ว่าคุณลุงคนนี้ดีกว่าพี่ชายคนเมื่อวานเยอะเลยนะคะ” เจี่ยนซวงใช้ช่วงเวลาที่เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ตัวนั้นแอบคีบอาหารเข้าปาก ก่อนจะเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่วแล้วพูดกับเธอว่า : “เขาต่างจากคุณพ่อแค่นิดเดียวเองค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วถามเจี่ยนซวงด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “ต่างตรงไหนคะ?”

เจี่ยนซวงพูดด้วยรอยยิ้ม : “หน้าตาไงคะ สำหรับหนูนะ คุณพ่อน่ะหล่อกว่าเขามากๆเลย ตอนนี้ฝีมือการทำอาหารของเขาก็พอๆกับคุณพ่อเลยนะคะ แต่ว่าเรื่องหน้าตาเนี่ยหล่อน้อยกว่าคุณพ่อนิดนึง”

เจี่ยนซวงถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า : “อีกอย่างนี่ก็ไม่มีทางเลืกแล้วนะคะ ไม่มีใครที่หล่อกว่าคุณพ่อแล้วค่ะ ถ้า……..”

เจี่ยนซวงพูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะพูดเสียงเล็กว่า : “ถ้าคุณพ่อไม่ต้องการพวกเราแล้วจริงๆ คุณลุงคนนี้ก็พอไปวัดไปวาได้นะคะ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท