เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและมองไปที่เฉิงเว่ยหราน จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ : “พ่อของเหยียนเหยียนหรอ?”
เฉิงเว่ยหรานคิดสักพัก แล้วส่ายหัว: “ช่างเถอะ ฉันพูดผิดไป ฉันไม่ควรไปเทียบกับเขา”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูดว่า: “ไม่มีอะไรที่ควรหรือไม่ควร แต่เรื่องระหว่างฉันกับเขาผ่านไปแล้ว ไม่มีอะไรให้เทียบ ฉันอยู่กับเธอตอนนี้และฉันจะไม่คิดถึงผู้ชายคนอื่นอีกแล้ว ”
เมื่อเฉิงเว่ยหรานได้ยินเจี่ยนอี๋นั่วพูดเช่นนี้ เขาก็หัวเราะเบาๆ พยักหน้าและพูดว่า : “จริงๆความคิดเธอกับฉันไม่เหมือนกัน”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและมองไปที่เฉิงเว่ยหราน: “เธอคิดยังไงกับฉัน?”
เฉิงเว่ยหรานอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ส่ายหัวไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว และพูดด้วยรอยยิ้ม: “ยังไงก็ไม่ใช่แบบนี้ ฉันเคยคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจมาก ไม่คิดว่าจะคุยง่ายแบบนี้ และเราก็อยู่ด้วยกันได้ ”
“อือ……ฉันเคยมีทัศนคติที่ไม่ดีกับเธอมาก่อน ทำให้เธอกลัวกรอ?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและถามด้วยรอยยิ้ม
เฉิงเว่ยหรานครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นก็ยิ้มและพยักหน้า: “อืม ฉันกลัวมากตอนที่รู้จักเธอครั้งแรก”
เจี่ยนอี๋นั่ว โค้งริมฝีปากและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ถ้ารู้งี้ฉันน่าจะทำต่อไป ปล่อยให้เธอกลัวฉัน บางทีเธออาจจะดีกับฉันมากกว่านี้”
เฉิงเว่ยหรานมองไปที่รูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของเจี่ยนอี๋นั่ว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ชำเลืองมองเวลาแล้วยิ้ม พูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“ ฉันจะส่งเธอไปโรงเรียน เวลานี้เหยียนเหยียนกำลังจะเลิกเรียนแล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพยักหน้า: “โอเค รีบไปกันเถอะ อย่าให้เธอรอนาน ปล่อยให้เหยียนเหยียนรอหน้าประตูโรงเรียนนานเกิน เดี๋ยวตังในกระเป๋าเธอจะหายไปกับหมูปิ้งหน้าโรงเรียนหมด กินเยอะแล้วเดี๋ยวปวดท้อง”
“ เด็กๆก็ชอบกินของพวกนี้แหละ”
เฉิงเว่ยหรานหัวเราะและพูดว่า: “ถ้าเหยียนเหยียนชอบกินหมูปิ้ง สักวันฉันจะเตรียมของทำบาร์บีคิวกับเธอ ฝีมือการทำบาร์บีคิวของฉันก็ดีมากเช่นกัน เธอจะต้องชอบมันแน่ๆ ”
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเฉิงเว่ยหรานพูดแบบนี้ ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา หันหน้าไปมองเฉิงเว่ยหรานที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจ จากนั้นลดศีรษะ หันหน้าไปทางด้านข้างและมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เจี่ยนอี๋นั่ว ขยับริมฝีปากและพูดว่า: “ฉันขอโทษ” อย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเขามาถึงโรงเรียน เจี่ยนซวงนั่งยองๆที่แผงขายหมูปิ้งหน้าโรงเรียน ขณะที่กลืนน้ำลายก็พูดกับลุงที่ทำขายว่า: “ลุง ขอเผ็ดกว่านี้ ฉันชอบอาหารรสเผ็ด รีบทำหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าเดี๋ยวแม่หนูมาถึง ไม่ให้หนูกิน ลุงจะเสียลูกค้านะ เร่งหน่อยนะคะ”
“อืม ไม่มีอะไรที่เธอไม่ชอบ” จู่ๆเจี่ยนอี๋นั่วก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเจี่ยนซวงและพูดอย่างเย็นชา
เจี่ยนซวงได้ยินเสียงของเจี่ยนอี๋นั่ว หายใจเข้าลึกๆ ลังเลอยู่นานก่อนจะหันไปอย่างช้าๆและพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยรอยยิ้มแห้ง: “แม่ มาแล้วหรอ หนูไม่ได้ตั้งใจจะกินหมูปิ้ง หนูรอแม่มานานแล้ว รอจนหิวก็เลยอดใจไม่ไหว”
เจี่ยนอี๋นั่วเหล่ไปที่เจี่ยนซวง จากนั้นยิ้มและถาม: “แล้วตอนนี้เห็นแม่แล้ว ไม่รู้สึกโล่งใจหรอ? รู้สึกแน่วแน่มากใช่ป่าว?”
เจี่ยนซวงกระพริบตา กระตุกจมูก พยักหน้า หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งและพูดเบาๆว่า: “อืม รู้สึกสบายใจจริงๆ”
“อะไรกัน ไม่หิวแล้วใช่ไหม?” เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เจี่ยนซวงและถามด้วยรอยยิ้ม: “ถ้าไม่หิวแล้ว งั้นแม่กินหมูปิ้งหมดนี้เลยนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วหยิบหมูปิ้งของเจี่ยนซวงขึ้นมาและเตรียมที่จะกิน แต่ก่อนที่เจี่ยนอี๋นั่วจะกัด มือของเจี่ยนอี๋นั่วก็ถูกหยุดไว้ หันไปมองและเห็นเฉิงเว่ยหรานขมวดคิ้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว: “ตอนนี้เธอกินของพวกนี้ไม่ได้ ร่างกายของเธอ…… ”
เจี่ยนอี๋นั่วขยิบตาให้เฉิงเว่ยหรานทันทีและเจี่ยนซวงอ่อนไหวเกินไปเพราะเธอยังเด็ก เมื่อเธอมาที่หมู่บ้านนี้ครั้งแรก ตอนที่เธอหลับใต้หมอนก็ต้องมีมีดซ่อนไว้ ตอนนี้เจี่ยนซวงมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากให้เธอต้องมากังวลกับสุขภาพของเธอ
เฉิงเว่ยหรานเข้าใจการแสดงของเจี่ยนอี๋นั่ว เขาหยุดพูดทันทีและยิ้มให้เจี่ยนอี๋นั่ว:“ เธอไม่ชอบกินของพวกนี้ไม่ใช่หรอ? ฉันกินเอง”
เฉิงเว่ยหรานพูดพลางหยิบหมูปิ้งมาและกำลังจะกิน ลุงขายหมูปิ้งก็ตะโกนอย่างไม่เต็มใจ: “ทำอะไรของพวกแก? หมูปิ้งของฉันมียาพิษหรือไง? ทำไมทำท่าทีเหมือนกำลังจะกินยาพิษ? พวกแกเป็นครอบครัวที่รักกันจริงๆ หลีกไป ฉันจะขายของต่อ”
เมื่อได้ยินคนขายหมูปิ้งพูดอย่างนั้น เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆและขอโทษอย่างรวดเร็ว: “ ขอโทษด้วยนะ เราทำไม่ดีเอง หมูปิ้งนี้เรายังรับอยู่ คุณไม่ต้องเอากลับไปหรอก”
เฉิงเว่ยหรานยิ้มและพูดว่า: “ผมกำลังจะกิน คุณลุงอย่าโกรธสิครับ”
ลุงยื่นมือออกไป เขาดูอารมณ์ไม่ดี เจี่ยนอี๋นั่วและเฉิงเว่ยหรานถูกเขาดุแต่พวกเขายังหัวเราะ ลุงปิ้งหมูปิ้งแล้วส่งให้เฉิงเว่ยหรานยิ้มพูดว่า: “ถ้าอร่อย งั้นก็กินแกสิ”
เฉิงเว่ยหรานมองไปที่หมูปิ้งในมือ สีหน้าของเขาดูแข็งกระด้างเล็กน้อย แต่เมื่อเขาขมวดคิ้ว เขาก็กินหมูปิ้งทั้งหมด เฉิงเว่ยหรานเคยเป็นพ่อครัวและมีรสนิยมที่ดี หลังจากกินหมูปิ้งเหล่านี้แล้ว รสชาติที่มีนุ่มนวลและปรุงรสที่หนักหน่วง เฉิงเว่ยหรานก็ยิ้มและต่อต้านความรู้สึกไม่สบายและค่อยๆกลืนมันลงไป
เพียงแค่ใบหน้าของเฉิงเว่ยหรานนั้นน่าเกลียด เมื่อเขานั่งอยู่ในรถกับเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนซวงเหลือบมองไปที่ใบหน้าของเว่ยหรานแล้วประกบปากของเธอ ดึงที่มุมเสื้อผ้าของเจี่ยนอี๋นั่วและกระซิบ: “เขาเป็นอะไร? กินหมูปิ้งของหนูหมดยังมาทำหน้าแบบนี้อีก?”
เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เจี่ยนซวงและพูดอย่างเย็นชา: “แม่ยังไม่ได้ลงโทษเราเลย ยังจะมาว่าคนอื่นอีก ”
เจี่ยนซวงยังคงรู้วิธีมองหน้าของเธอและปิดปากทันที ขมวดคิ้ว กอดอกและนั่งที่เบาะหลังของรถด้วยความโกรธ
เมื่อรถสตาร์ท เจี่ยนอี๋นั่วเห็นการแสดงออกของเฉิงเว่ยหรานน่าเกลียดยิ่งขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะถามว่า: “เธอเป็นอะไร? ไม่สบายตัวหรอ?”
เฉิงเว่ยหรานปิดปากของเขา หันศีรษะและมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นหยุดรถทันทีถึงข้างทางแล้วอ้วกออกมา เจี่ยนอี๋นั่วตกตะลึงทันทีและมองไปที่เจี่ยนซวงโดยไม่รู้ตัว เจี่ยนซวงยักไหล่และพูดอย่างไร้เดียงสา: “แม่ หนูไม่ได้วางยาบนหมูปิ้งนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้: “แม่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
หลังจากเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็ลงจากรถทันทีและเดินไปที่ด้านข้างของเฉิงเว่ยหราน และถามเฉิงเว่ยหราน: “เป็นอะไร? ไม่สบายหรือเปล่า?”
เฉิงเว่ยหรานโบกมือและนั่งยองๆอยู่ข้างถนน ไม่สามารถลุกขึ้นได้ เจี่ยนอี๋นั่วรีบหันกลับไปซื้อน้ำแร่หนึ่งขวดที่แผงหนังสือข้างๆ ส่งให้เฉิงเว่ยหราน: “อะ ดื่มน้ำก่อน ดื่มน้ำเยอะๆเผื่อจะช่วยได้”
เฉิงเว่ยหรานเหลือบมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นก็เอาน้ำล้างปาก คิ้วของเฉิงเว่ยหรานก็เหยียดออกและเขาก็จิบน้ำ เฉิงเว่ยหรานลุกขึ้น ส่ายหัวและพูดว่า: “อาหารริมถนนร้านนี้กินไม่ได้จริงๆ รสชาติเข้มข้นเกินไป”
“ความรู้สึกรับรสของเธอไวมาก” เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม: “เธอน่าจะเป็นพ่อครัวที่เก่งมาก่อนสินะ”
เฉิงเว่ยหรานฟังคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว ลดตาลงและจิบน้ำอีกครั้ง จากนั้นยิ้มและส่ายหัว: “ไม่ใช่พ่อครัวที่เก่งอะไรหรอก เมื่อก่อนฉันก็เคยขายของริมถามและกินเยอะไป ก็เลยคุ้นเคยกับรสชาติของเครื่องปรุงรสไว กินรสที่หนักกว่านี้แล้วทนไม่ไหว ”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและเอียงศีรษะ: “อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง ตอนนี้ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
เฉิงเว่ยหรานหายใจเข้าลึกๆและพูดเสียงเข้ม: “ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณนะ”
“อืม ถ้างั้นขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวฉันขับเอง” เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม
เฉิงเว่ยหรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย: “แบบนี้ก็ได้หรอ? ฉันจะปล่อยให้เธอขับได้ยังไง ฉันต้องดูแลเธอสิ”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพยักหน้า: “ทำไมล่ะ? ไม่เชื่อฝีมือขับรถของฉันหรอ? เธอเพิ่งดื่มน้ำที่ฉันให้มาเมื่อกี้ ใครดูแลใครกันแน่ จะปล่อยให้ดูแลฝ่ายเดียวได้ยังไง? ถ้างั้นก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีสิ ฉันก็รู้สึกเธอไม่ใช่คนรักแต่เป็นคนรับใช้ เราดูแลกันและกันดีกว่าไม่ใช่หรอ?”
เฉิงเว่ยหรานบีบขวดน้ำแร่ทันทีและกระตุกมุมปากอย่างประหม่า: “ใช่ เราเป็นความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน”
เฉิงเว่ยหรานพูดจบ เงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอี๋นั่วและยิ้ม เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มให้เฉิงเว่ยหรานและพูดว่า: “งั้นก็ขึ้นรถเถอะ สาวน้อยบ้านฉันขี้สงสัย ไม่รีบไปเดี๋ยวเธอจะอยากรู้อยากเห็นว่าทำไมเราถึงอยู่ด้วยกัน”
เฉิงเว่ยหรานพยักหน้าและพูดอย่างรวดเร็ว: “ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน” เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้าไปมองเจี่ยนซวงที่กำลังเล่นอยู่คนเดียวในรถ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปากของเฉิงเว่ยหราน จากนั้นยิ้มและพูดว่า: “โอเค ไปได้แล้ว ”
เฉิงเว่ยหรานตะลึง เขาขมวดคิ้วและมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วกลับไปที่รถและนั่งลงที่เบาะคนขับ เธอกวักมือเรียกเขากลางแดด เฉิงเว่ยหรานก็หายจากอาการป่วยก่อนหน้านี้และขึ้นรถ
หลังจากขึ้นรถแล้ว เฉิงเว่ยหรานก็พูดกับเจี่ยนอี๋นั่วอย่างงุ่มง่าม: “ขอโทษนะ เมื่อกี้ให้เธอเห็นภาพที่ไม่น่าดู”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวและว่า: “ไม่ต้องขอโทษหรอก เราต้องรู้อีกด้านหนึ่งของอีกฝ่ายอยู่แล้ว นี่ถือว่ายังน้อย ฉันเจอแต่คนหยิ่งและทำตัวเองให้เพอเฟคมาตลอด พวกเขาทำเพื่อฉันมากมายโดยไม่ถามฉันว่าฉันต้องการอะไร วางแผนชีวิตของฉันตามแนวคิดของเขา ทุกอย่างต้องอยู่ในการออกแบบของเขา บางครั้งฉันก็สงสัยว่าเป็นเบี้ยของเขาหรือคนรักของเขากันแน่ ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ก็หายใจเข้ายาวๆและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “เมื่อเทียบกับผู้ชายแบบนี้……คุณเฉิงเธอดีกว่าเยอะ”