เฉิงเว่ยหรานตกตะลึง มองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วและถามออกมาอย่างตกใจ: “นี่เธอทำอะไร?”
เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะและพูดว่า: “ฉันจะเปิดเผยเธอ แต่ฉันก็ไม่อยากอยู่กับเธอแล้ว ไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก”
“เธอกำลังลงโทษงั้นหรอ?” เฉิงเว่ยหรานถาม
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและมองไปที่เฉิงเว่ยหราน พูดด้วยรอยยิ้ม: “เมื่อกี้เธอไม่กล้าจูบฉันเพราะเธอกลัวทำให้เหลิ่งเซ่าถิงไม่พอใจ ถ้าเธอกลัวมากแสดงว่าเหลิ่งเซ่าถิงยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องที่เธอจะเข้าใกล้ฉันมากเกินไป ตราบใดที่เขายังให้ความสำคัญ ฉากเมื่อกี้จะทำให้เขาเจ็บปวด และทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ”
เฉิงเว่ยหรานขมวดคิ้วมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว และพูดเบาๆว่า: “ฉันกลัวอยู่ใกล้เธอมากเกินไป และฉันก็กลัวที่จะทำให้เขาโกรธด้วย เพราะเธอไม่เคยเห็นเขาเวลาที่พูดถึงเธอ น้ำเสียงที่เขาสอนฉันและสายตาที่มองฉันเต็มไปด้วยความหึงหวง แต่ฉันก็ชอบจูบเมื่อกี้เหมือนกัน ฉันอยากอยู่กับเธอ อี๋นั่ว ฉันเรียกชื่อจริงของเธอได้ไหม อี๋นั่ว ฉันรู้ว่าเธอคิดยังไงกับฉัน ฉันเป็นหนี้บุญของคุณเหลิ่ง เพราะงั้นฉันจึงมาทำเพื่อเขาไม่ใช่เพื่อเงิน ฉันยังต้องการที่จะชดใช้ชีวิตที่เหลือของฉัน ฉันแค่เข้าหาเธอไม่กี่วัน คิดไม่ถึงว่าฉันจะชอบเธอจริงๆ ฉันมีความสุขมาก ยังไงคุณเหลิ่งก็อยากให้เราอยู่ด้วยกัน ถ้าเราจะคบกันมันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วสั่นริมฝีปากของเธอ มองไปที่เฉิงเว่ยหรานและกระซิบ: “แล้วฉันเป็นใคร? เธอเป็นใคร? เขาเหลิ่งเซ่าถิงผู้สูงศักดิ์ เขามีเงินอำนาจและการควบคุมทั้งตระกูลเหลิ่ง ก็เลยมาจัดการฉัน? เธอเป็นคนปลอบใจงั้นหรอ? ตลอดชีวิตที่เหลือของฉัน ฉันทำได้แค่เปลี่ยนชื่อและอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขานี้งั้นหรอ? เขาเป็นใคร?ฉันอยู่ที่นี่เพื่อความปลอดภัยของลูกสาวฉัน ให้เธอเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ใช่เพราะเขา! ฉันไม่ต้องการการจัดการของเขา ไม่ต้องการให้เขามาปกป้องฉัน!”
ความโกรธของเจี่ยนอี๋นั่วทำให้เฉิงเว่ยหรานขมวดคิ้ว เฉิงเว่ยหรานพยายามจับมือเจี่ยนอี๋นั่ว แต่ก่อนที่เขาจะจับมือเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วก็พูดอย่างเย็นชาทันที: “อย่าแตะต้องฉัน ไม่งั้นฉันจะผลักเธอออกไปและมันจะทำให้เธออับอายมากขึ้น กล้องจะถ่ายภาพทำให้เหลิ่งเซ่าถิงยิ่งเคือง เธอไปเถอะ ฉันไม่มีทางยอมรับเธอได้หรอก”
เฉิงเว่ยหรานลดมือลง กำมือแน่น ขมวดคิ้วและมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพูดเบาๆ:“ เป็นไปไม่ได้แล้วจริงๆหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัว: “เป็นไปไม่ได้แล้ว”
เฉิงเว่ยหรานลดศีรษะลงและหัวเราะเบาๆ : “งั้นก็ช่างเถอะ ฉันขอโทษนะที่หลอกเธอ โชคดีที่เธอรู้ก่อน ไม่งั้นถ้าเธอตกหลุมรักฉันจริงๆแล้ว ฉันคงรู้สึกผิดมากกว่านี้”
เฉิงเว่ยหรานพูดถึงตรงนี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอี๋นั่ว: “เธอโกรธแบบนี้ เพราะเธอยังชอบคุณเหลิ่งใช่ไหม? เธอไม่อยากรู้หรอว่าคุณเหลิ่งอยู่ที่ไหน?”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและมองไปที่เฉิงเว่ยหราน: “ฉันอยากรู้จริงๆว่าตอนนี้เขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่เธอจะบอกฉันงั้นหรอ?”
เฉิงเว่ยหรานส่ายหัว และพูดเบาๆว่า:“ งั้นฉันไปก่อนนะ”
เฉิงเว่ยหรานพูดจบก็หันหลังเดินออกไป เจี่ยนอี๋นั่วเฝ้าดูเฉิงเว่ยหรานเดินออกไป ก่อนที่จะหันกลับมาและซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องครัวปิดปากของเธอและล้มลงกับพื้น เธอเพิ่งทำอะไรโง่ๆไปและยังจูบเฉิงเว่ยหราน เพื่อให้เขาดูน่ารังเกียจเป็นการลงโทษ แต่คนแรกที่ถูกรังเกียจกลับกลายเป็นตัวเธอเอง
ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกสับสนจริงๆ เธอไม่คิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะทำสิ่งนี้ เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าเธอเป็นสินค้าและเมื่อเหลิ่งเซ่าถิงชอบเขาก็ถือมันไว้ในมือ เมื่อเขนไม่ต้องการก็จะโยนมันทิ้งและเมื่ออยากได้คืนก็เก็บมันมา
เจี่ยนอี๋นั่วกัดฟันด้วยความโกรธ ถ้าตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงอยู่ตรงหน้าเจี่ยนอี๋นั่ว อยากจะวิ่งเข้าไปกัดอย่างดุเดือด!
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงเปิดประตูเปิด เจี่ยนอี๋นั่วหายใจเข้าลึกๆและลุกขึ้นยืนทันที เจี่ยนซวงกระโดดเข้ามาจากด้านนอกของสนามและเห็นเฉิงเว่ยหรานไม่อยู่ที่นั่น เจี่ยนซวงหัวเราะทันที เธอปิดปากและพูดด้วยรอยยิ้ม: “แม่ ลุงเฉิงทนกินอาหารฝีมือแม่ไม่ได้ จนหนีไปแล้วหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วปกปิดความระคายเคืองทั้งหมดของเธอทันทีและยิ้มให้เจี่ยนซวง พร้อมพูดว่า: “แม่เลิกกับลุงคนนั้นแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะแม่ทำอาหารไม่อร่อย เป็นเพราะมันอร่ยเกินจนทำให้เขารู้สึกกดดัน”
เจี่ยนซวงแลบลิ้น ทำหน้ามุ่ย หัวเราะและพูดว่า: “แม่โม้เก่งมาก แต่แบบนี้ก็ดี หนูรู้สึกว่าแม่กับลุงคนนั้น……ไม่ค่อยเหมาะกัน”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและลูบหัวเจี่ยนซวง พูดด้วยรอยยิ้ม: “ลูกมีความสุขแบบนี้ แสดงว่าพร้อมจะล้างจานแล้วใช่ไหม?”
เจี้ยนซวงพยักหน้าทันที: “หนูชอบล้างจานที่สุด! ถ้าแม่ไม่ให้หนูล้างจาน หนูจะรู้สึกไม่มีความสุข หนูจะไปล้างเดี๋ยวนี แม่ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
เจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มและพูดว่า:”โอเค งั้นล้างดีๆนะ อย่าทำจานแตก”
“อืมอา ถ้ามันแตก หนูจะกวาดเอง ถ้ามันบาดมือ หนูจะหาพาสเตอร์มาติดแผล หนูรู้แล้วหน่า!” เจี่ยนซวงพูดด้วยรอยยิ้ม
เจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มและพยักหน้า: “ถ้าอย่างนั้นก็ฝากด้วยนะ”
หลังจากหลายสิ่งหลายอย่าง เจี่ยนอี๋นั่วหวังว่าเจี่ยนซวงจะสามารถพัฒนาความสามารถในการดูแลตนเองได้ แม้ว่าอาจจะบาดเจ็บตอนทำงานบ้าน แต่เธอก็จำเป็นต้องรู้วิธีจัดการกับบาดแผลด้วย ถึงตอนนี้หมู่บ้านเล็กๆจะค่อนข้างเงียบสงบ แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่
หากเธอสามารถดูแลตัวเองและป้องกันตัวเองได้ ไม่ว่าเธอจะพบกับอันตรายอะไรในอนาคตบางทีเจี่ยนซวงอาจมีโอกาสรอดชีวิต เจี่ยนซวงเฝ้าดูเจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปในห้องครัวและก้าวขึ้นไปบนเก้าอี้เล็กๆ เริ่มล้างจาน ในขณะที่ล้างจานก็ร้องเพลงไปด้วย
ดูเหมือนจะมีความสุขมาก แต่เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกตัวสั่นไปทั้งร่างกาย เมื่อเจี่ยนซวงเข้ามา เจี่ยนอี๋นั่วพยายามระงับความโกรธและกลับสู่สภาวะสงบ จนกระทั่งเธอหลับไปในตอนกลางคืน เจี่ยนอี๋นั่วก็เล่าเรื่องตลกให้เจี่ยนซวงฟัง
แต่เมื่อเจี่ยนซวงหลับไปเจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่สามารถนอนหลับได้ เธอจ้องไปที่หลังคารู้สึกเหมือนเป็นเรื่องตลก หลายปีที่ผ่านมา เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้แข็งแกร่งมากนักและต้องการค้นหาความคิดของเหลิ่งเซ่าถิง แต่เจี่ยนอี๋นั่วอยากเจอเหลิ่งเซ่าถิงตอนนี้และถามว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นอะไร เขากำลังคิดอะไรอยู่?
ในคฤหาสน์ที่เย็นชา เหลิ่งเซ่าถิงนั่งอยู่บนเก้าอี้จ้องมองที่หน้าจอตรงหน้าเขา เปิดอยู่ที่ฉากจูบของเจี่ยนอี๋นั่วกับเฉิงเว่ยหราน
ห้องของเขาเป็นเหมือนซากปรักหักพัง ทุกอย่างที่สามารถทุบได้ ถูกเขาทุบพังอยู่บนพื้น เฉิงเว่ยหรานยืนอยู่กลางห้อง ตัวสั่นไม่กล้าพูดอะไร เพราะกลัวว่าจะพูดอะไรที่มันทำให้เหลิ่งเซ่าถิงโกรธกว่าเดิม
หลังจากนั้นไม่นาน เหลิ่งเซ่าถิงก็ลดสายตาลงและพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันให้แกไปเข้าหาเธอเอง แกจะเป็นสามีภรรยากัน มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันเองก็รู้ดี ไม่เป็นอะไรหรอก ฉันโกรธมาก แต่ไม่ได้โกรธแก ฉันโกรธตัวฉันเอง”
เหลิ่งเซ่าถิง พูดด้วยรอยยิ้มที่เบี้ยว: “แกชอบเธอหรือเปล่า?”
เฉิงเว่ยหรานคิดอยู่สักพัก ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เพราะกลัวว่าถ้าตอบไม่ดี เหลิ่งเซ่าถิงก็โกรธอีก แม้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะไม่พูดอะไร แต่เขาก็โกรธมากจนทำลายข้าวของในห้อง
เหลิ่งเซ่าถิงลดเสียงลงและพูดด้วยความโกรธ: “แกอยากพูดอะไร ก็พูดออกมา ไม่ต้องกลัว!”
“ชอบ เธอน่ารักมาก” เฉิงเว่ยหรานรวบรวมความกล้าและพูดออกมา: “หลังจากภรรยาของฉันจากไป ฉันคิดว่าฉันคงไม่ตกหลุมรักใครอีก จนมาเจอเธอ แต่เธอปฏิเสธฉันและฉันก็ไม่มีทางเข้าใกล้เธอได้อีก เพราะตอนที่เธอจูบฉัน ฉันหลบมัน ขอโทษนะ……”
“ไม่ต้องพูด” เหลิ่งเซ่าถิงพูดออกมา: “เธอเดาตัวตนของแกได้”
เฉิงเว่ยหรานจ้องไปที่เหลิ่งเซ่าถิงด้วยดวงตาเบิกกว้างในทันทีเพราะวิดีโอนั้นคลุมเครือมาก แม้จะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวแต่มันไม่สามารถเห็นรูปร่างปากที่ขยับว่าพวกเขากำลังคุยอะไร เหลิ่งเซ่าถิงรู้ได้ยังไงว่าเจี่ยนอี๋นั่วเดาตัวตนเขาออก?
เหลิ่งเซ่าถิงมองไปที่เฉิงเว่ยหรานและพูดว่า:”เพราะฉันรู้จักเธอดีกว่าแก เธอยอมอยู่กับแกเร็วขนาดนี้ เพราะเธอสงสัยตัวแก และเธอเองก็น่าจะคิดมานานแล้ว เลยตัดสินใจอยู่กับแกไงล่ะ”
เมื่อเฉิงเว่ยหรานได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงพูดเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เหลิ่งเซ่าถิงที่กลัวและรู้สึกเขาก็อิจฉา เฉิงเว่ยหรานมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงและทำได้เพียงก้มศีรษะลง พร้อมพูดว่า:”ฉันขอโทษ ที่ทำให้เธอรู้ความจริง”
“เธอต้องขู่แกและขอให้แกบอกว่าใครส่งแกสินะ จริงๆเธอรู้ดีอยู่แล้ว แต่แค่ต้องการได้ยินความจริงจากปากแก”
เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงตรงนี้ เขาก็กระตุกมุมปากและพูดว่า: “ตอนนี้เธอคงจะเกลียดฉันมาก เกลียดฉันมากจนนอนไม่หลับ…… ”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดออกมาเบาๆ
เฉิงเว่ยหราน พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว: “ตราบใดที่เธอเจอคุณเหลิ่ง เธอก็จะรู้ถึงความยากลำบากเอง”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า: “แกไม่รู้จักเธอ เธอจะยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อเห็นฉัน”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดพลางก้มศีรษะลง: “แกไปเถอะ หนี้ของแกถือว่าชำระหมดแล้ว ต่อจากนี้แกไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเหลิ่งกรุ๊ปอีก ฉันจะไม่ทำให้แกลำบากใจ และจะไม่ช่วยแกอีก แต่ว่า……”
เหลิ่งเซ่าถิงมองไปหน้าจอที่เจี่ยนอี๋นั่วและเฉิงเว่ยหรานจูบกัน: “แต่อย่าให้ฉันเห็นแกอีก ถ้าเจอแกอีก ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
เฉิงเว่ยหรานตัวสั่นด้วยความตกใจ พยักหน้าทันทีและออกจากห้องของเหลิ่งเซ่าถิง หลังจากเดินออกจากห้องของเหลิ่งเซ่าถิง เฉิงเว่ยหรานถอนหายใจอย่างโล่งอก ยิ้มทั้งน้ำตา: เจี่ยนอี๋นั่วพูดถูกแล้ว ฉันต้องใช้ชีวิตที่เหลือด้วยความกระวนกระวาย