เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและยกมือขึ้นจับมือของเจี่ยนอี๋นั่วและหัวเราะเบาๆ : “บางทีฉันอาจจะเป็นแบบนี้นานแล้ว คนที่เย็นชาเมื่อก่อนคือตัวปลอม”
เจี่ยนอี๋นั่วลดศีรษะลง รู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือของเหลิ่งเซ่าถิง พูดด้วยรอยยิ้ม: “ไม่ว่าจะเป็นเหลิ่งเซ่าถิงแบบไหน ฉันก็ชอบ”
เหลิ่งเซ่าถิงได้ยินเจี่ยนอี๋นั่วพูดเช่นนั้น จึงเข้าไปหาเจี่ยนอี๋นั่วทันที แต่เหลิ่งเซ่าถิงลดศีรษะลง เจี่ยนอี๋นั่วรีบยกมือขึ้นจับเหลิ่งเซ่าถิง ขมวดคิ้วและพูดว่า: “อย่ามัวพูดเลย รีบนอนกันเถอะ”
“อืม ฉันรู้แล้ว” เหลิ่งเซ่าถิงพูดพร้อมกับโน้มตัวไปจูบริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ จากนั้นก็หันไปนอนข้างๆ
เจี่ยนอี๋นั่วก็นอนลงเธอพิงเหลิ่งเซ่าถิงและหลับตาลงช้าๆ เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว ตอนแรกเธอนอนไม่หลับ พอลุกไปเข้าห้องน้ำและเดินกลับมาเธอคิดว่าต้องนอนไม่หลับแน่ๆ แต่ปรากฏว่าไม่กี่นาที เธอก็นอนหลับไป หลับไปเป็นเวลากว่าสิบนาทีก็ยังไม่ฝัน
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วตื่นขึ้นมา เธอก็เห็นเหลิ่งเซ่าถิงนอนหลับอยู่ข้างๆเธอ เจี่ยนอี๋นั่วกำลังงุนงงสงสัยว่าเธอกำลังฝันว่าอยู่กับเหลิ่งเซ่าถิงหรือเปล่า?
เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นและจิ้มแก้มของเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงลืมตาขึ้นทันที หันหน้าไปยิ้มให้เจี่ยนอี๋นั่วและพูดว่า: “เธอตื่นแล้วหรอ?”
นี่ไม่ใช่ความฝัน!
เจี่ยนอี๋นั่วขยี้ตา พยายามมองดูเหลิ่งเซ่าถิง แล้วหัวเราะเบาๆ : “จริงๆเลย นอนในห้องดีๆกลับนอนไม่หลับ ตอนนี้มานั่งหลับในห้องน้ำกลับหลับสบาย ชีวิตหนอชีวิต”
ในขณะที่พูด เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นลูบเจี่ยนซวง เจี่ยนอี๋นั่วดึงผ้าห่มมาคลุมให้เจี่ยนซวง ทันใดนั้นเจี่ยนซวงลืมตาขึ้นและพิงเจี่ยนอี๋นั่ว ขยี้ตาและกระซิบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง: “แม่ หนูหิวแล้ว……เมื่อไหร่จะถึงเวลาอาหารเช้า?”
ลั่วหยางขยี้ตาและลุกขึ้น ขมวดคิ้วมองไปที่เจี่ยนซวงและถามว่า: “ทำไมเธอถึงหิวตลอดเวลา? เมื่อวานกินไปเยอะขนาดนั้น ตอนนี้ยังหิวอีก”
เจี่ยนซวงขมวดคิ้วทันทีและตะคอกเบาๆ : “คนเมื่อถึงเวลาก็ต้องหิวสิ พี่ไม่หิวหรือไง?”
“ฉันไม่…….” ลั่วหยางกำลังจะปฏิเสธ ท้องของเขาก็ดังขึ้นทันที
เจี่ยนซวงปิดปากของเธอและหัวเราะ: “ยังจะบอกไม่หิวอีกหรอ?”
ใบหน้าของลั่วหยางแดง ขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่เจี่ยนซวง จากนั้นก็ยกมุมปากของเขาและกระซิบว่า: “นี่ไม่ใช่หิว”
“ หิวนั่นแหละ ” เจี่ยนซวงยังคงฉีกยิ้มให้ลั่วหยาง
“เอาล่ะ อย่าเถียงกัน เราออกไปข้างนอกกันเถอะ” เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็ยิ้มและช่วยเหลิ่งเซ่าถิงลุกขึ้น จากนั้นก็เดินออกไปที่ห้อง เมื่อคืนเป็นค่ำคืนที่หลับสบาย มีลมและพายุเบาๆ
ในเวลานี้ท้องฟ้านอกหน้าต่างเป็นสีฟ้า เจี่ยนอี๋นั่วเห็นสีฟ้าสดใสก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า: “รีบออกมาดูข้างนอกนี้สิ วันนี้อากาศดีมากเลย”
เจี่ยนอี๋นั่วเปิดหน้าต่างขณะที่เธอพูดและอากาศที่ชื้นบริสุทธิ์ก็ลอยเข้ามาในห้อง เจี่ยนซวงวิ่งไปทันที นั่งยองๆบนหน้าต่าง ยืนเขย่งเท้าและมองไปที่ทิวทัศน์นอกหน้าต่าง เธอสูดลมเข้าจมูกของเธอแรง ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม: “อากาศสดชื่นมาก!”
เจี่ยนซวงพูดและกวักมือเรียกลั่วหยาง พูดด้วยรอยยิ้ม: “มานี่สิ สูดอากาศดีๆ”
ลั่วหยางลังเลสักพักก่อนที่จะเดินออกไปนอกหน้าต่างและหลังจากได้กลิ่นเบาๆ เขาก็ขมวดคิ้วและพยักหน้าเบาๆ
เจี่ยนอี๋นั่วแตะที่ศีรษะเล็กๆของเด็กทั้งสอง ยิ้มและพูดว่า: “หิวแล้วไม่ใช่หรอ? เดี๋ยวแม่จะไปทำโจ๊กให้ ลงไปพร้อมแม่กัน เดี๋ยวกินเสร็จแล้วก็ออกไปเล่นได้”
เหลิ่งเซ่าถิงเดินตามเจี่ยนอี๋นั่วและยิ้ม: “ฉันจะลงไปกับเธอเอง ไปช่วยดู เดี๋ยวเธอเผลอเหม่อลอยทำโจ๊กไหม้ทั้งหม้ออีก”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว: “ล้อฉันอยู่หรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงจับมือเจี่ยนอี๋นั่วและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ฉันหวังดีกับลูกๆงสองของเรา พวกเขาจะได้ไม่ต้องได้กลิ่นไหม้ๆ”
“จริงด้วย ถ้าแม่ทำโจ๊กไหม้อีก ซวงซวงกินแล้วจะมีสุขภาพที่ดีได้ยังไง?” เจี่ยนซวงลดจมูกของเธอและพึมพำ “ซวงซวงกว่าจะได้อยู่พ่อ ถ้ากินแต่อาหารไม่ดี เดี๋ยว……”
เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นปิดปากเล็กๆของเจี่ยนซวงทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม: “หยุดเลย เจ้าเด็กพูดมาก”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ หันหน้าไปมองเหลิ่งเซ่าถิงและถามอย่างเป็นห่วง: “ไม่รู้ว่าข้างล่างจะเป็นยังไง เมื่อวานพายุหนักคงยุ่งเหยิงไปหมด”
เหลิ่งเซ่าถิงส่งเสียงไอเบาๆ ไม่ได้พูดและกระซิบเพียงว่า: “เดี๋ยวลงไปก็รู้เอง”
“มันแปลกมาก” เจี่ยนอี๋นั่วพูดเบาๆและเดินออกไปพร้อมเจี่ยนซวงกับลั่วหยาง ทันทีที่ลงไปถึงบันได เจี่ยนอี๋นั่วก็เห็นว่าข้างล่างได้รับการทำความสะอาดแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วหันไปมองที่เหลิ่งเซ่าถิงทันทีและขมวดคิ้ว: “เราอยู่ในห้องทั้งวัน ข้างนอกทำไมถึงเก็บกวาดหมดแล้ว?”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยรอยยิ้ม: “ฉันไม่ได้บอกเธอ ฉันลงมาเก็บกวาดหมดแล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและจ้องไปที่เหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นแตะไหล่เธอเบาๆ “เฮ้อ…… ”
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินเสียงของเหลิ่งเซ่าถิง เธอก็ไม่อยากบ่นอีก เธอเดินไปอย่างรวดเร็ว จับเหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วและถามว่า: “เป็นอะไร? ปวดมากเลยหรอ? ปวดขาหรือปวดหลัง? หรือว่าเมื่อวานนอนตกหมอนแล้วปวดคอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะ: “มันปวดแค่นิดหน่อย แต่ฉันยังทนได้”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วทันที มองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงและพูดว่า: “โกหกฉันอีกแล้วหรอ! ต่อไปอย่าเอาความเจ็บปวดมาโกหกฉันอีก”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและพยักหน้า: “รู้แล้ว แต่ฉันก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดต่อว่า: “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวฉันจะไปทำกับข้าว”
เจี่ยนอี๋นั่วเดินไปที่ห้องครัวหลังจากพูดจบ ใส่ผ้ากันเปื้อนและเริ่มเตรียมทำอาหาร เหลิ่งเซ่าถิงนั่งข้างๆเธอ บอกเจี่ยนอี๋นั่ววิธีการปรุงอาหาร แต่แม้จะมีคำแนะนำของเหลิ่งเซ่าถิงแต่เจี่ยนอี๋นั่วก็ยังคงยุ่งอยู่
แม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะซื่อบื้อเล็กน้อย แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็ยิ้มอย่างอดทนและพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว: “ที่เธอถือมันไม่ใช่เกลือ มันคือน้ำตาล”
“อืม ค่อยๆผัด อ้ะ ระวังอย่าให้โดนลวก”
“อันนี้ใช้ไมโคเวฟไม่ได้”
“น้ำส้มสายชูกับไวน์ไม่เหมือนกัน”
เจี่ยนซวงขมวดคิ้วนั่งอยู่บนโซฟาและดูฉากตรงหน้า เธอส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และถอนหายใจ : “มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพ่อเลย ต้องทนฝีมือแม่แถมยังต้องสอนแม่อีก! รู้สึกว่าสอนแม่ทำอาหารยากกว่ากินอาหารฝีมือแม่อีกนะ!”
ลั่วหยางเหลือบมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงและเจี่ยนอี๋นั่วที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว แตะท้องของเขาและขมวดคิ้วอย่างกังวล: “วันนี้เราจะได้กินข้าวเช้าไหม?”
เจี่ยนซวงประกบปาก แล้วส่ายหัว: “ไม่รู้เหมือนกัน คงได้กินอีกทีเย็นแล้วมั้ง เฮ้อ……”
ลั่วหยางและเจี่ยนซวงไม่ตั้งความหวังในตัวเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วเองก็ทำผิดพลาดมากมาย ภายใต้คำแนะนำของเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วก็ทำอาหารเสร็จ ยกมาตรงหน้าเจี่ยนซวงและลั่วหยาง
เจี่ยนซวงมองไปที่อาหารตรงหน้าของเธอและเบิกตากว้างทันที: “แม่ทำเองทั้งหมดเลยหรอ?”
แม้ว่าอาหารพวกนี้จะดูธรรมดา แต่เจี่ยนซวงซึ่งได้รับพิษจากอาหารสีเข้มของเจี่ยนอี๋นั่วมาเป็นเวลาหลายปีได้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นอาหารปกติราวกับว่าเธอได้เห็นปาฏิหาริย์
เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกหน้าแดงด้วยการแสดงที่เกินจริงของเจี่ยนซวง ขมวดคิ้วทันทีและพูดกับเจี่ยนซวง: “อย่าชมเกินสิ รีบกินเถอะ”
เจี่ยนซวงพยักหน้า จากนั้นเอียงศีรษะและมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วพึมพำเบาๆ:”แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะอร่อยไหม”
เจี่ยนซวงกินไปคำนึง และพูดออกมาทันทีว่า: “อร่อยมาก!”
เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะทันที: “จริงหรอ? อร่อยจริงๆหรอ?”
เจี่ยนซวงพยักหน้าอย่างแรงและพูดด้วยรอยยิ้มให้เจี่ยนอี๋นั่ว: “แม่ทำครั้งนี้อร่อยมาก ไม่เคยทำอร่อยแบบนี้มาก่อน!”
ลั่วหยางมองไปที่การแสดงของเจี่ยนซวง เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง ตักโจ๊กและลองชิมสักคำ พยักหน้า: “มันไม่มีอะไรแปลก แต่ก็…… ”
แต่ก็ไม่ได้อร่อยอะไรขนาดนั้น
ก่อนที่ลั่วหยางจะพูดจบ เจี่ยนซวงโบกมือให้ลั่วหยาง ขมวดคิ้วและพูดว่า: “อย่าเรื่องมากสิ เทียบกับฝีมือแม่เมื่อก่อนแล้ว อาหารตอนนี้คืออร่อยมาก แม่…..ต่อไปถ้าทำกับข้าวอีก ให้พ่ออยู่ด้วยตลอดเลยนะ อีกไม่นานกลายเป็นเชฟแน่นอน”
“เมื่อได้ยิน จะกลายเป็นเชฟในไม่ช้า” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิง
เหลิ่งเซ่าถิงกำลังมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วในเวลาเดียวกัน เมื่อได้ยินสิ่งที่เจี่ยนซวงพูด เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยรอยยิ้ม: “แม่ไม่ต้องพยายามจะเป็นเชฟหรอก รอแผลพ่อหายแล้ว พ่อจะทำอาหารให้เอง ”
เจี่ยนซวงให้กำลังใจทันที จากนั้นกระพริบตาไปที่เหลิ่งเซ่าถิง ยิ้มและพูดว่า: “ พูดแล้วนะ พ่อห้ามผิดคำพูดล่ะ”
หลังจากพูดถึงเรื่องนี้ เจี่ยนซวงก็หันหน้าไปมองลั่วหยางและกระซิบ: “พี่รู้ไหม? พ่อทำกับข้าวอร่อยมาก……เมื่อก่อนฉันเคยได้กิน โครตอร่อยเลย……”
ลั่วหยางดูเหมือนจะไม่สนใจ เจี่ยนซวง เขาเพียงแค่พยักหน้าและกินอาหารต่อไป ฟังเจี่ยนซวงพูดและกินอย่างเงียบๆ
หลังจากกินเสร็จ เจี่ยนซวงก็วิ่งออกไปเล่นข้างนอกทันที เพราะฝนเพิ่งตกและมีแอ่งน้ำอยู่บนพื้น เจี่ยนซวงวิ่งไปรอบข้างแอ่งน้ำโดยถือกิ่งไม้เล็กๆ เจี่ยนซวงถือไม้วิ่งเล่นแกว่งไปมา
ลั่วหยางกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องราวกับว่าไม่มีอะไรอยู่เงียบๆ
เจี่ยนอี๋นั่วนั่งอยู่หน้าหน้าต่างมองไปที่เจี่ยนซวง จากนั้นมองไปที่ลั่วหยาง ค่อยๆพิงไหล่ของเหลิ่งเซ่าถิงและพูดด้วยรอยยิ้ม: “เป็นช่วงเวงาที่สบายที่สุด”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยรอยยิ้ม: “ถ้ารู้สึกสบาย ก็นอนพักอีกสักแปปสิ”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัว: “ไม่ต้องนอนหรอก แค่หลับตาแบบนี้สักแปป ก็พอแล้ว”
หลังจากพูดจบ เจี่ยนอี๋นั่วก็ยืดตัวขึ้น ขมวดคิ้วไปที่เหลิ่งเซ่าถิงและพูดว่า: “ไม่สิ แผลของเธอยังไม่หาย ไม่น่าไปนอนพิงเธอ เธอมาพิงฉันดีกว่า”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและพูดว่า :”มันดูน่าเกลียดมั้ง”
“มีอะไรน่าเกลียด เราควรพึ่งพาซึ่งกันและกัน” เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม
เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตายิ้มและพยักหน้า และพิงเจี่ยนอี๋นั่ว ไม่นานเหลิ่งเซ่าถิงก็นอนหลับสบายไป ดูเหมือนว่าจะนอนหลับสบาย
เจี่ยนอี๋นั่วหยุดเคลื่อนไหว ปล่อยให้เหลิ่งเซ่าถิงรักษาท่าทางที่สบายและหลับต่อไป เธอมองลงไปที่เหลิ่งเซ่าถิงตอนนี้เธออยู่ใกล้เขามากจนเธอสามารถนับขนตาของเขาได้ เจี่ยนอี๋นั่วเคยคิดว่าเธอจะไม่ได้พบกับเหลิ่งเซ่าถิงอีก เธอไม่คิดว่าจะได้นั่งดูผู้ชายคนนี้นอนอย่างสบายและนั่งดูลูกๆด้วยกันด้วยกันแบบนี้
เจี่ยนอี๋นั่วไม่สามารถแม้แต่จะฝันถึงภาพที่มีความสุขเช่นนี้
“ถ้านี่เป็นความฝัน ก็อย่าให้ฉันตื่นอีกเลย” เจี่ยนอี๋นั่วพูดและมองลงไปดูเหลิ่งเซ่าถิงที่กำลังหลับด้วยรอยยิ้ม
เมื่อใกล้ถึงมื้อเย็น เจี่ยนอี๋นั่วปลุกเหลิ่งเซ่าถิง หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงลืมตาขึ้น เขาก็เห็นเพียงเจี่ยนอี๋นั่วนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ
เหลิ่งเซ่าถิงจึงถามว่า :” เด็กๆล่ะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูดว่า :”พวกเขาขึ้นไปนอนที่ข้างบนแล้ว เด็กทั้งสองเล่นจนเหนื่อย พวกเขาเสียงดังมาก เธอยังไม่รู้ตัวเลย หลับลึกมากจริงๆ ฉันเห็นว่าเธอคงจะเหนื่อยมากก็เลยไม่ได้ปลุกจนถึงตอนนี้ นอนเยอะแบบนี้เดี๋ยวกลางคืนจะนอนไม่หลับนะ พรุ่งนี้ห้ามนอนแบบนี้ ไม่งั้นเวลานอนจะสับสนไม่ดีต่อสุขภาพ”
หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็นำชามโจ๊กและข้าวไปให้เหลิ่งเซ่าถิง พูดด้วยรอยยิ้ม: “อะ นี่โจ๊กที่ฉันทำตามสูตรที่เธอสอนเลย รสชาติน่าจะใช้ได้นะ เด็กทั้งสองคนกินอย่างอร่อยเลย”
เหลิ่งเซ่าถิงตักโจ๊กกินและพูดด้วยรอยยิ้ม: “อร่อยมาก”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูดว่า: “งั้นก็ดี”
หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงกินอิ่มแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ช่วยเหลิ่งเซ่าถิงเดินกลับห้องของเขา เจี่ยนอี๋นั่วช่วยเหลิ่งเซ่าถิงนอนบนเตียงและพูดด้วยรอยยิ้ม: “เธอนอนก่อนเลยนะ ฉันจะไปดูลูกทั้งสองก่อน”
ก่อนที่เจี่ยนอี๋นั่วจะจากไป เหลิ่งเซ่นถิงก็ดึงมือของเธอไว้ เหลิ่งเซ่าถิงถามว่า: “ไปดูลูกแล้ว จะกลับมาอีกไหม?”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและตอบ: “กลับมาสิ ยังไม่ได้ทายาให้เธอเลย”
เหลิ่งเซ่าถิงลดสายตาลง และจับมือเจี่ยนอี๋นั่วแน่นขึ้น: “จากนั้นก็นอนกับฉันเลยได้ไหม”
“หืม?” ดวงตาของเจี่ยนอี๋นั่วเบิกกว้าง ไม่คิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะพูดแบบนี้กับเธอ